ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

Inspirations >> Photos & People

220 วันในต่างแดน: เจ้าของธุรกิจที่มีสายตาคมกริบ

2016-06-02
0
1.63 k
ในบทความนี้:

ด้วยความหลงใหลในการถ่ายภาพและการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ Joseph Mak จึงดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการค้นหาและบันทึกสิ่งที่เขาชอบเรียกว่า "ทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมจากทั่วทุกมุมโลก" เขาหวังที่จะแบ่งปันประสบการณ์ที่สวยสดงดงามและมองเห็นได้เหล่านี้ผ่านการถ่ายภาพในช่วงพริบตาที่หาดูได้ยาก เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้


Canon EOS 5D Mark III, Canon EF24-70mm f/2.8L II USM @ 67mm, f/8.0, 1/1250, ISO 250

เขาไม่ได้แบ่งปันประสบการณ์ผ่านภาพถ่ายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวในวัย 38 ปีผู้นี้เป็นเจ้าของธุรกิจอันน่าทึ่งซึ่งมีชื่อว่า "การเดินทางสำรวจที่ไม่ธรรมดา" ซึ่งจะพาช่างภาพมือสมัครเล่นและผู้ที่สนใจถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกตระเวนเดินทางไปทั่วโลกเพื่อถ่ายภาพ สำหรับผู้ร่วมทริปที่เดินทางไปยังทะเลทรายอันห่างไกล พื้นที่ราบที่เต็มไปด้วยหิมะของฮอกไกโด และแม้แต่ผืนป่าเขียวชอุ่มในอินเดีย Joseph หรือเพื่อนวิทยากรของเขาจะบอกให้ทราบถึงเคล็ดลับและกลเม็ด เพื่อให้ผู้ร่วมทริปแต่ละคนนำไปใช้ปรับปรุงทักษะการถ่ายภาพท่องเที่ยวจากประสบการณ์จริงให้ดียิ่งขึ้น


Canon EOS 5D Mark III, Canon EF24-70mm f/2.8L II USM @ 35mm, f/5.6, 1/500, ISO 1000

แม้ว่า Joseph จะเพิ่งหยิบกล้องตัวแรก (Canon EOS 30D ที่ใช้คู่กับเลนส์ Canon EF24-70mm f/2.8L II USM ) เมื่อไม่นานมานี้ในปี 2009 แต่เขามาไกลเกินกว่าจะเป็นเพียงผู้ที่แอบชื่นชมภาพถ่ายสวยๆ แล้ว "สิ่งที่จุดประกายให้ผมเป็นครั้งแรกก็คือ การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งของผมที่จังหวัดกระบี่ ช่างภาพขอให้ผมยืนอยู่ด้านหน้าแนวต้นไม้ที่อยู่ริมถนนที่มีรถขวักไขว่ แต่ภาพที่ออกมากลับดูเหมือนกับว่าเรายืนอยู่ในป่า ซึ่งผมรู้สึกประทับใจมากๆ" เขาเล่าให้เราฟัง หลังจากที่เพื่อนชาวเวียดนามคนหนึ่งให้เขายืมกล้อง DSLR ของ Canon Joseph ก็ติดใจทันที และหันหลังกลับไม่ได้เสียแล้ว


Canon EOS 5D Mark III, Canon TS-E24mm f/3.5L II @ 24mm, f/20, 1.6”, ISO 50

เมื่อเริ่มต้นถ่ายภาพเป็นครั้งแรก นอกจากเขาจะได้รับทักษะการถ่ายภาพจาก Canon Imaging Academy แล้ว เขายังเริ่มต้นขอคำแนะนำจากผู้สอนการถ่ายภาพที่สมาคมช่างภาพสิงคโปร์ และเลือกให้ช่างภาพอย่าง Hui Man Yan, Sparka Chung, และ Goh Kim Hui เป็นพี่เลี้ยงส่วนตัว 


Canon EOS 5DS R, Canon EF24-70mm f/2.8L II USM @ 26mm, f/20, 0.6”, ISO 50

ปัจจุบัน มุมมองการถ่ายภาพของเขาเน้นไปที่ความสวยงามเชิงวิจิตรศิลป์ วลีประจำใจของ Joseph คือ ใช้น้อยแต่ได้ผลมาก "ผมชอบรูปถ่ายที่ดูง่าย แต่สื่อได้อย่างตรงไปตรงมาและตรงประเด็น แค่มองเพียงครั้งเดียวคุณก็รู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดได้" เขากล่าว และเราเข้าใจถึงสิ่งที่เขาพูดถึงได้ไม่ยาก เมื่อมองไปที่ภาพถ่ายอันน่าประทับใจของเขา ภาพทุกภาพให้ความรู้สึกหลายมิติ หลากสีสัน และมีอารมณ์แฝงลึกอยู่ในภาพแต่ละภาพ การสั่งสมประสบการณ์นานหลายปีและความคุ้นชินกับเลนส์ทำให้เขาสามารถสร้างผลงานภาพถ่ายที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของ Joseph Mak ได้เป็นอย่างดี

ภาพถ่ายท่องเที่ยวที่ดีสำหรับปรมาจารย์อย่างเขาคือภาพที่มีดีมากกว่าเรื่องทางเทคนิค Joseph เชื่ออย่างเต็มที่ว่าภาพท่องเที่ยวควรสื่อความรู้สึกถึงผู้ชม และที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้สึกของช่างภาพ นั่นหมายถึงการพาตนเองไปดื่มด่ำกับประสบการณ์ในการเดินทางและบรรยากาศแวดล้อม "การถ่ายภาพมาเป็นอันดับสอง" เขากล่าว ทุกภาพที่คุณถ่ายควรเก็บบันทึกช่วงเวลาพิเศษได้อย่างเหมาะเจาะ และสร้างสรรค์ความรู้สึกใหม่ที่คุณมีอย่างถูกต้องแม่นยำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในโลกปัจจุบันที่คุณเพลิดเพลินไปกับวันหยุดผ่านเลนส์มากกว่าสัมผัสกับประสบการณ์จริง คำกล่าวของ Joseph คือสิ่งเตือนใจให้คุณหันมาสัมผัสประสบการณ์ก่อนแล้วจึงค่อยถ่ายภาพ


Canon EOS 5DS R, Canon EF24-70mm f/2.8L II USM @ 63mm, f/8, 1/125, ISO 50

แม้ว่า Joseph จะยึดมั่นต่อปรัชญากลุ่มสโตอิก แต่เขายังคงมีบุคลิกที่ตรงไปตรงมา เมื่อถูกถามว่าเขามีช่วงเวลาที่ชื่นชอบเป็นพิเศษที่เขาจะอยากจะเก็บภาพแต่กลับไม่ได้ทำบ้างหรือไม่ Joseph ตอบอย่างไม่มีท่าทีขวยเขินว่า "ผมพลาดช่วงเวลาสำคัญมากมาย พูดตรงๆ ผมเป็นช่างภาพที่ขี้เกียจนะครับ แต่ไม่เป็นไร เมื่อคุณพลาดบางอย่างไป คุณจะได้รับบางอย่างกลับมา ผมไม่มีช่วงเวลาสำคัญที่อยากจะบันทึกเป็นภาพเก็บไว้ เพราะผมได้เก็บช่วงเวลาเหล่านั้นไว้ผ่านดวงตาและหัวใจของผมแล้ว"

ถ้าอย่างนั้น วันปกติของช่างภาพนักเดินทางรอบโลกนี้เป็นอย่างไร เราลองมาค้นหากัน

Canon Snapshot (CS): คุณเดินทางไปที่ใดมาบ้าง คุณมีสถานที่ที่โปรดปรานหรือไม่

Joseph (J): ผมเดินทางไปยังที่ต่างๆ มากมาย ในปีหนึ่งผมอยู่ที่ต่างประเทศมากกว่า 220 วัน ผมถ่ายภาพในนอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ คัมชัตกา เคนยา นามิเบีย แอนตาร์กติกา โบลิเวีย เปรู ชิลี อาร์เจนตินา จีน กัมพูชา จอร์แดน โรมาเนีย อิตาลี ฝรั่งเศส…

สถานที่โปรดของผมคือสิงคโปร์ ตามด้วยนอร์เวย์ เพราะบ้านเมืองสะอาด ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกและบรรยากาศที่เหนือจริงและเงียบสงัดมากๆ

ในปี 2016 ผมจะกลับไปเยี่ยมเยือนบางประเทศอีกครั้ง และจะผจญภัยในสถานที่ใหม่อย่างคิวบาและแทนซาเนีย

CS: ว้าว นั่นยอดเยี่ยมมาก เรานึกภาพไม่ออกเลยว่าการอยู่บนท้องถนนเกือบตลอดทั้งปีนี่เป็นอย่างไร ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าวันๆ หนึ่งที่คุณอยู่ต่างประเทศคุณทำอะไรบ้าง ทุกๆ วันอาจจะแตกต่างกันอย่างมาก แต่วัน "ปกติ" คุณทำอะไรบ้าง

J: กิจวัตรประจำวันของผมสำหรับทริปบางทริปจะเป็นแบบนี้

3.30 น. ­– ตื่นนอน

4.00 น. – รวมตัวกันที่ล็อบบี้ของโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารเช้าง่ายๆ

4.10 น. – รีบออกไปชมพระอาทิตย์ขึ้น

5.00 น. ­– เราไปถึงจุดถ่ายภาพและได้เวลายืดเส้นยืดสายกันเล็กน้อย เราใช้เวลาปีนขึ้นไปประมาณ 30 นาที (ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เมื่อแบกอุปกรณ์หนัก 15 กก.) และเราพร้อมที่จะชมพระอาทิตย์ขึ้นกันแล้ว เราถ่ายภาพกันถึงสองชั่วโมง

7.30 น. – ได้เวลาเปลี่ยนสถานที่ถ่ายภาพ ถ่ายภาพเพิ่มเติม

10.00 น. – กลับไปยังโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารเช้าตามปกติหากสภาพแสงไม่เหมาะสม และยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะพักสักครู่อีกด้วย

12.00 น. – อาหารกลางวัน

13.00 น. – ออกไปถ่ายภาพกันต่อจนกระทั่งเวลาอาหารค่ำ

19.00 น. – สุดท้ายเราพักรับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารในท้องถิ่น

20.30 น. – เดินทางกลับโรงแรม ไม่ใช่เพื่อพักผ่อน แต่กลับไปถ่ายภาพทางช้างเผือกกัน จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืน

อาบน้ำ และทำซ้ำแบบนี้เป็นเวลา 5 วัน และนั่นเป็นการเดินทางสำรวจสำหรับถ่ายภาพครั้งหนึ่งเท่านั้น

ในทริปอื่นๆ เราอาจถ่ายภาพติดต่อกันถึง 16 ชั่วโมง โดยไม่ได้นอนหลับพักผ่อนกันเลย แต่ก็ไม่มีใครปริปากบ่น เพราะทุกคนจ่ายเงินมาเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่

CS: อะไรคือสิ่งที่คุณชื่นชอบจากการเป็นช่างภาพท่องเที่ยวแบบผจญภัย

J: ผมได้เดินทางไปยังสถานที่อันน่าตื่นตาตื่นใจที่น้อยคนนักจะได้มีโอกาสไปเยือน และผมยังเป็นคนแรกๆ เพียงไม่กี่คนจากสิงคโปร์ที่ได้ไปผจญภัยที่นั่น ทำให้ผมมีโอกาสแสดงให้คนอื่นๆ เห็นถึงวัฒนธรรมและทิวทัศน์ที่แปลกใหม่บ่อยๆ

CS: สุดท้ายนี้ คุณมีคำแนะนำสำหรับนักถ่ายภาพท่องเที่ยวที่มีแรงบันดาลใจอย่างไรบ้าง

J: จงเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการเดินทางจากบ้านเป็นเวลานานๆ ไม่มีใครคอยให้คำแนะนำคุณได้ และโลกก็เป็นของคุณ รอให้คุณมาสำรวจค้นหา คุณจำเป็นต้องสัมผัสวัฒนธรรมและวิถีชีวิตด้วยตัวเองโดยการไม่กดปุ่มชัตเตอร์บ่อยๆ ลองถอยมาก้าวหนึ่งเพื่อมองดูโลก ซึ่งจะสวยสดงดงามกว่าการมองผ่านช่องมองภาพอย่างมาก กล้องที่ดีที่สุดที่คุณมีคือดวงตาทั้งสองของคุณนั่นเอง

เอื้อเฟื้อภาพทั้งหมดโดย Joseph Mark

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา