Canon ประกาศเปิดตัว EOS M5 กล้องมิเรอร์เลสที่ดีที่สุดไปเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2016 เนื่องจากได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน กล้องรุ่นนี้จึงติดตั้งช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) ไว้ภายใน ขณะที่รุ่นก่อนหน้าในซีรีส์ EOS M ติดตั้งช่องมองภาพไว้ภายนอก นอกจากนี้ รุ่นนี้ยังมีการพัฒนาในส่วนการใช้งาน ภาพที่แสดงบนหน้าจอ LCD ด้านหลัง คุณภาพภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อย และประสิทธิภาพการทำงานของ AF อีกด้วย (เรื่องโดย Makoto Suzuki (Digital Camera Watch))
กล้องมิเรอร์เลสรุ่นแรกของ Canon ที่ติดตั้ง Dual Pixel CMOS AF
คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของกล้อง EOS M5 คือการนำระบบ Dual Pixel CMOS AF มาใช้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในกล้องมิเรอร์เลสของ Canon ในระบบนี้ แต่ละพิกเซลประกอบไปด้วยโฟโตไดโอดสองตัว ซึ่งแต่ละตัวจะให้ข้อมูลการตรวจจับแบบ Phase Difference ที่นำมาใช้เพื่อทำการโฟกัสอัตโนมัติ (AF) ขณะที่กล้อง EOS M3 ใช้ประโยชน์จาก contrast AF และ Hybrid CMOS AF III พร้อมกัน แต่กล้อง EOS M5 จะทำการโฟกัสอัตโนมัติด้วยการตรวจจับแบบ Phase Difference ตามระนาบภาพเท่านั้น
คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dual Pixel CMOS AF
EOS M5 ยังคงใช้เซนเซอร์ภาพแบบ APS-C เช่นเดียวกันกับใน EOS M รุ่นก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล และค่าความไวแสง ISO สูงสุดที่ 25600 ระบบประมวลผลภาพที่ใช้คือ DIGIC 7 ซึ่งเพิ่งนำมาใช้กับกล้อง EOS เป็นครั้งแรก ในระหว่างการถ่ายภาพเคลื่อนไหว กล้องรองรับระบบป้องกันการสั่นไหว 5 แกน (ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้เลนส์ที่ใช้ได้กับระบบ Combination IS รุ่นใดก็ได้สองตัว) ขณะบันทึกภาพในรูปแบบที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับ Full HD 60p
ความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วที่สุดที่เป็นไปได้คือ 1/ 4.000 วินาที ขณะที่ความเร็วชัตเตอร์เพื่อซิงค์กล้องกับแฟลชที่เร็วที่สุดคือ 1/200 วินาที และกล้องยังมีแฟลชป็อปอัพติดกล้องอีกด้วย
ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ได้แก่ การแก้ไขความบิดเบี้ยว ซึ่งจะปรับปรุงความละเอียดของภาพที่ถ่ายด้วยรูรับแสงกว้างให้ดียิ่งขึ้น (เช่น ภาพที่ถ่ายโดยใช้การโฟกัสแบบแพนกล้อง) และเป็นครั้งแรกในกล้อง EOS ที่ฟังก์ชั่นประมวลผลข้อมูล RAW ในกล้องสามารถประมวลข้อมูลภาพ RAW ได้หลายภาพพร้อมกัน และยังมีฟังก์ชั่นการแพนกล้องซึ่งปรับความเร็วชัตเตอร์ให้สอดคล้องกับความเร็วในการแพนกล้องโดยอัตโนมัติอีกด้วย
Touch & Drag AF ช่วยให้การทำงานของ AF สะดวกยิ่งขึ้นระหว่างการถ่ายภาพด้วย EVF
การถ่ายภาพต่อเนื่องสามารถทำได้สูงสุดที่ประมาณ 7 fps ด้วยการติดตาม AF (สูงสุด 31 ภาพหากใช้ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบคงที่) และสูงสุดที่ประมาณ 9 fps ด้วยการล็อค AF (สูงสุด 26 ภาพหากใช้ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบคงที่) รวมถึงถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากถึง 1,000 ภาพอีกด้วย
ฟังก์ชั่นการติดตาม AF อิงจากระบบ AF สำหรับติดตามตัวแบบที่ใช้ในกล้อง EOS DSLR ซึ่งไม่เพียงสามารถติดตามตัวแบบที่เคลื่อนไหวทั้งแนวตั้งหรือแนวนอนเท่านั้น แต่ยังสามารถติดตามตัวแบบที่กำลังเคลื่อนที่ห่างจากหรือเข้าหาช่างภาพได้ด้วย อีกทั้งยังเพิ่มกรอบ "ขนาดเล็ก" เข้าไปเสริมขนาดที่มีอยู่แล้วเพื่อให้จับโฟกัสแบบ Pinpoint ได้
EVF ภายในกล้องมีจุดประมาณ 2.36 ล้านจุด พร้อมจุดมองภาพ 22 มม. และมาพร้อมกับฟังก์ชั่น Touch & Drag AF ใหม่ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกและย้ายจุด AF ผ่านการใช้งานหน้าจอสัมผัสได้ แม้แต่ในขณะที่มองผ่าน EVF ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ฟังก์ชั่นดังกล่าวยังรวม Smooth Zone AF ไว้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกกรอบ AF สำหรับใช้งานได้จำนวนมากและสามารถถ่ายภาพตัวแบบที่เคลื่อนไหวให้อยู่ในโฟกัสและมีความคมชัดได้ง่ายยิ่งขึ้น Touch & Drag AF สามารถปรับตั้งค่าเองได้มากมาย โดยคุณสามารถเปิดหรือปิดใช้งานได้โดยกดปุ่ม ON/OFF ที่ด้านหน้าตัวกล้อง และตั้งโปรแกรมพื้นที่ในจอ LCD เพื่อให้ AF ทำงานด้วยระบบสัมผัสอย่างมีประสิทธิภาพ
จอ LCD มีขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียดประมาณ 1.62 ล้านจุดของพิกเซลที่ใช้งานจริง และสามารถปรับเอียงขึ้นสูงสุด 85 องศาและปรับเอียงลงต่ำสุด 180 องศา
วงแหวนควบคุมและปุ่มต่างๆ ทำให้ใช้งานกล้องได้ง่าย
มีการเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ให้แก่วงแหวนควบคุมและปุ่มควบคุมต่างๆ โดยมีปุ่มควบคุมสามปุ่มหลัก ได้แก่ วงแหวนควบคุมหลัก ซึ่งอยู่บริเวณรอบปุ่มชัตเตอร์และทำหน้าที่ควบคุมฟังก์ชั่นพื้นฐาน วงแหวน Quick Control ที่ให้คุณสามารถเข้าถึงและปรับการตั้งค่าต่างๆ เช่น รูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ และความไวแสง ISO ได้อย่างรวดเร็ว และวงแหวนควบคุมที่อยู่ใกล้กับจอ LCD ด้านหลัง ซึ่งจะช่วยให้การดูภาพถ่ายทำได้ง่ายขึ้น
คุณสามารถปรับตั้งค่าฟังก์ชั่นต่างๆ ของวงแหวน Quick Control ตามความต้องการได้ด้วยปุ่ม [DIAL FUNC.] ที่อยู่ด้านบนสุดของวงแหวนดังกล่าว ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกพารามิเตอร์ที่คุณต้องการปรับตั้งค่า เช่น ความไวแสง ISO สมดุลแสงขาว และอื่นๆ โดยใช้วงแหวน Quick Control ได้
รองรับเทคโนโลยีบลูทูธพลังงานต่ำเพื่อการควบคุมกล้องจากระยะไกลเป็นเวลานาน
เราได้นำเทคโนโลยีบลูทูธพลังงานต่ำมาใช้เป็นหนึ่งในโหมดใหม่สำหรับจับคู่กับสมาร์ทโฟน โดยอุปกรณ์ต่างๆ จะเชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อคุณเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการเชื่อมต่อมีความคงที่ จึงนับเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับสถานการณ์ต่างๆ เช่น การควบคุมการทำงานของชัตเตอร์ระหว่างการถ่ายภาพแบบเปิดรับแสงเป็นเวลานาน นอกจากนี้ EOS M5 ยังรองรับการถ่ายภาพระยะไกลในแบบ Live View ผ่านการเชื่อมต่อ NFC/Wi-Fi อีกด้วย
แบตเตอรี่ที่ใช้คือ ชุดแบตเตอรี่ LP-E17 ซึ่งสามารถใช้ถ่ายภาพนิ่งได้สูงสุดถึง 295 ภาพในการชาร์จเพียงครั้งเดียว
ขนาดภายนอกอยู่ที่ประมาณ 115.6×89.2×60.6 มม. (ความกว้าง × ความสูง × ความลึก) กล้องมีน้ำหนักประมาณ 427 กรัม (รวมชุดแบตเตอรี่และการ์ดหน่วยความจำ) และ 380 กรัม (เฉพาะตัวกล้อง)
มีเคสกล้องและสายคล้องคอให้เลือกด้วย (ขายแยกต่างหาก)
รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับข่าวสาร เคล็ดลับและลูกเล่นในการถ่ายภาพได้โดย ลงทะเบียนเป็นสมาชิกกับเรา!
ส่งข่าวสารรายวันเกี่ยวกับเรื่องราวของกล้องดิจิตอลและอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมถึงซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพ นอกจากนี้ยังเผยแพร่บทความต่างๆ เช่น รีวิวการใช้กล้องดิจิตอลจริงพร้อมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องรุ่นใหม่ๆ