คำแนะนำจากมืออาชีพ: 3 กฎทองสำหรับการถ่ายภาพเด็กแรกเกิด
การถ่ายภาพเด็กแรกเกิดเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการเก็บรักษาความทรงจำในช่วงสองสัปดาห์แรกของลูกน้อย แต่การเก็บภาพความน่ารักทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด Alex Chua จาก Little Buttercup Studio (@littlebuttercup_studio) ช่างภาพเด็กแรกเกิดที่มีประสบการณ์มานานถึงหกปี จะมาแบ่งปันความรู้ความเข้าใจและเคล็ดลับในบทความนี้
1. ใจเย็นๆ ไม่ต้องเร่งรีบ
EOS R5/ RF28-70mm f/2L USM @ 70 มม., f/2.8, 1/200 วินาที, ISO 100/ WB: Manual
เริ่มจากถ่ายภาพเด็กทารกที่ง่วงนอน
โดยปกติ เราจะเริ่มต้นด้วยการถ่ายภาพเจ้าตัวน้อยที่มีผ้าห่อตัวไว้ เช่น ภาพห่อตัวแบบกระสอบมันฝรั่งด้านบน ซึ่งต้องใช้ผ้าสามผืนเพื่อรับน้ำหนักทารกอย่างเพียงพอ การห่อตัวในผ้าจะช่วยให้เด็กรู้สึกอบอุ่น สบายตัว และง่วงนอน
การถ่ายภาพซึ่งทารกดูเหมือนตั้งตัวตรงแบบนี้จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เราใช้หมอนรองแบบพิเศษเพื่อช่วยให้ทารกอยู่ในท่าที่สบายและปลอดภัย ภรรยาของผมอยู่ใกล้ๆ เพื่อคอยดูหนูน้อยตลอดเวลา เธอยังช่วยพยุงศีรษะของเด็กหากจำเป็น แต่เราจะตัดต่อมือของเธอออกจากภาพในขั้นตอนการปรับแต่งภายหลัง
เด็กทารกที่กำลังง่วงงุนและผ่อนคลายช่วยให้การถ่ายภาพลื่นไหลได้อย่างมาก เราจะบอกให้พ่อแม่เด็กทราบว่าควรให้นมลูกเมื่อไหร่ก่อนเริ่มถ่ายภาพ หนูน้อยจะได้หลับสนิทตอนการถ่ายภาพเริ่มขึ้น
แต่เด็กก็คือเด็ก อะไรๆ อาจไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้เสมอไป เราเรียนรู้ที่จะใจเย็นและค่อยๆ ทำสิ่งที่จำเป็นเวลาเจอหนูน้อยที่ไม่ยอมนิ่ง เด็กทารกอ่อนไหวง่ายมากต่อความตึงเครียด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพ่อแม่ด้วยเช่นกัน การทำตัวใจเย็นจึงเป็นวิธีที่ได้ผลมากในการบรรเทาบรรยากาศความวิตกกังวล ทำให้ทารกรู้สึกผ่อนคลาย ลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาด และทำให้คุณถ่ายภาพได้เสร็จตรงเวลาอย่างแน่นอน
เคล็ดลับระดับมือโปร: พลิกจอ LCD เพื่อจัดองค์ประกอบภาพให้ดีขึ้นแบบไม่ต้องพยายาม
ผมหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพจากมุมต่ำเกินไป ถ้าผมเห็นรูจมูกของตัวแบบได้ชัด แสดงว่าได้เวลาที่ต้องยกกล้องขึ้นแล้ว! จอ LCD แบบปรับมุมได้ของ EOS R5 ช่วยให้ผมมั่นใจว่าภาพจะมีองค์ประกอบภาพที่ดี แม้จะถ่ายจากตำแหน่งกล้องที่ทำให้ยากจะตรวจเช็กภาพผ่านช่องมองภาพก็ตาม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
วิธีใช้จอภาพแบบปรับหมุนได้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ภาพสองพี่น้อง: อย่าฝืนบังคับถ้าลูกคนพี่ไม่ให้ความร่วมมือ
EOS R5/ RF28-70mm f/2L USM ที่ 31 มม., f/8, 1/125 วินาที, ISO 100/ WB: Manual
แม้ว่าพี่สาวในภาพนี้จะดูดีใจมากที่ได้สวมกอดน้องชายคนใหม่ต่อหน้ากล้อง แต่ใช่ว่าพี่ทุกคนจะยอมให้ความร่วมมือแบบนี้ หากเด็กยืนกรานที่จะไม่ให้ความร่วมมือ ควรใช้สิ่งที่คุณมีและถ่ายภาพต่อไป อย่าใช้เวลามากเกินไปกับการบังคับเด็ก ซึ่งโดยปกติผู้ปกครองจะเข้าใจในข้อนี้ดี
2. ความปลอดภัยของเด็กทารกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
EOS R5/ RF28-70mm f/2L USM ที่ 50 มม., f/2.8, 1/200 วินาที, ISO 100/ WB: Manual
EOS R5/ RF28-70mm f/2L USM ที่ 40 มม., f/2.5, 1/200 วินาที, ISO 100/ WB: Manual
ภาพที่คุณเห็นอาจไม่ได้สะท้อนวิธีที่ใช้ในการถ่ายภาพ
เบื้องหลังภาพเปลญวน ในภาพทั้งสองด้านบนหนูน้อยอาจดูเหมือนห้อยอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กๆ กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างปลอดภัย
สำหรับการถ่ายภาพเด็กแรกเกิด เรียกได้ว่าอนาคตอันบอบบางของมนุษย์ตัวน้อยๆ ตกอยู่ในมือของคุณจริงๆ เราไม่เชื่อว่าภาพสวยแค่ไหนจะคุ้มค่ากับความปลอดภัยของเด็ก
สำหรับใครที่อยากเป็นช่างภาพเด็กแรกเกิดมืออาชีพ: เข้าเรียนในหลักสูตร
ผมกับภรรยาเคยเรียนหลักสูตรการถ่ายภาพเด็กแรกเกิด ซึ่งทำให้เราได้รู้วิธีมากมายในการดูแลและจัดท่าโพสของเด็กแรกเกิดอย่างปลอดภัย ผมขอแนะนำอย่างยิ่งให้ผู้ที่อยากเป็นช่างภาพเด็กแรกเกิดมืออาชีพทำแบบเดียวกัน การเข้าเรียนในชั้นเรียนจริงจะเป็นการดีที่สุด เพราะคุณจะได้เรียนรู้อะไรมากมายที่อาจารย์ผู้สอนอาจไม่สามารถใส่ไว้ในวิดีโอออนไลน์ได้
เวลาที่ปลอดภัยที่สุดในการถ่ายภาพ: ไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังคลอด
ไม่ใช่เพื่อรักษาลุคความเป็น "เด็กแรกเกิด" เท่านั้น แต่ทารกที่อายุเกินสองสัปดาห์ขึ้นไปมักจะตื่นตัวและอยู่ไม่นิ่งบ่อยกว่า ซึ่งทำให้การจัดท่าโพสมีความเสี่ยงมากขึ้น
หากรู้สึกไม่แน่ใจ ให้ทำอะไรง่ายๆ เข้าไว้
หากคุณต้องการถ่ายภาพลูกน้อยแรกเกิด แต่ยังไม่ผ่านการฝึกฝนมาก่อน วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือถ่ายภาพเด็กนอนราบโดยมีของเล่นและหมอนรอบตัว หรือถ่ายภาพโคลสอัพเหมือนภาพด้านล่าง ซึ่งเหมาะสำหรับเก็บไว้เป็นความทรงจำเช่นกัน! ท่าโพสยอดนิยมอย่าง "ท่ากบ" อาจเป็นอันตรายเพราะโดยธรรมชาติทารกไม่สามารถทรงตัวในท่านี้ได้ เราจึงไม่นำเสนอให้กับลูกค้า
EOS R5/ RF28-70mm f/2L USM ที่ 50 มม., f/8, 1/125 วินาที, ISO 160/ WB: Manual
ภาพโคลสอัพของมือและเท้าน้อยๆ สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่สื่ออารมณ์ได้เช่นกัน!
หาผู้ช่วยมาช่วยคุณดูแลหนูน้อย
ผมมีผู้ช่วยคนเก่งอย่าง Sara ซึ่งเป็นทั้งภรรยาและหุ้นส่วนธุรกิจของผม และยังทำหน้าที่จัดสไตล์ ห่อผ้า และพันตัวเด็กทารกด้วย เธอคอยดูแลความปลอดภัยและทำให้เด็กสบายตัว ผมจึงสามารถโฟกัสกับการกำกับท่าทางและถ่ายภาพได้
3. เตรียมพร้อมที่จะเก็บภาพช่วงเวลาสำคัญที่ไม่คาดคิด
EOS R5/ RF28-70mm f/2L USM ที่ 50 มม., f/8, 1/125 วินาที, ISO 100/ WB: Manual
เมื่อเด็กน้อยตื่น ย่อมมีโอกาสมากมายที่จะได้เก็บภาพสีหน้าน่ารักๆ!
เราเลือกที่จะถ่ายภาพ "ทารกตัวเปล่าๆ" ในช่วงท้ายๆ เพราะการคลายผ้าห่อตัวมักจะทำให้เด็กตื่น ผมชอบใช้ Eye Detection AF สำหรับฉากในลักษณะนี้ เพราะสามารถจับโฟกัสไปที่ดวงตาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำทุกครั้ง ทำให้ผมสามารถจดจ่อกับการจัดองค์ประกอบภาพและการเก็บภาพช่วงเวลาสำคัญได้
ผมชอบถ่ายรูปเด็กแรกเกิดและคนท้อง เพราะเป็นการบันทึกภาพช่วงเวลาแห่งความสุข คุณสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความตื่นเต้น
ผมเตรียมพร้อมเสมอที่จะจับภาพช่วงเวลาสำคัญที่ไม่คาดคิดซึ่งจะสร้างเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครให้กับภาพพอร์ตเทรต นอกจากนี้ ผมยังเรียนรู้ที่จะไม่ยึดติดกับความคิดของตัวเองในเรื่องความสมบูรณ์แบบมากเกินไป ตอนช่วงแรกๆ ที่ผมเริ่มถ่ายภาพ ผมจะลบภาพที่คิดว่าไม่ดีพอ เช่น ภาพทารกแลบลิ้น ออกจากภาพตัวอย่างที่ส่งมอบให้ลูกค้า แต่จากนั้นมา ผมกลับพบว่าช่วงเวลาทีเผลอเหล่านี้คือสิ่งที่พ่อแม่หลายคนชื่นชอบมากที่สุด!
เคล็ดลับระดับมือโปร: ยิงแฟลชให้น้อยลงเมื่อทารกลืมตา
โดยปกติเรามักจะถ่ายภาพที่บ้านของลูกค้าเพื่อความสะดวกสบายของคุณแม่มือใหม่และทารกแรกเกิด สภาพแสงจะมีความแตกต่างกัน ดังนั้น การใช้แฟลชจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ปกติผมจะใช้แฟลชสตูดิโอหนึ่งตัว ตั้งค่าให้ใช้กำลังต่ำสุดและกระจายแสงโดยใช้ซอฟต์บ็อกซ์ทรงพาราโบลาขนาดใหญ่ แฟลชนี้มีขนาดกะทัดรัดพอสำหรับพื้นที่จำกัดและให้แสงที่ดูนุ่มนวลอบอุ่น ซึ่งทำให้ได้ภาพที่เหมือนอยู่ในห้องที่มีแสงน้อยและบรรยากาศสบายๆ
ความเชื่อที่ว่าแสงแฟลชเป็นอันตรายต่อดวงตาของทารกแรกเกิดนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะการยิงแสงแฟลชจะเร็วเกินกว่าที่จะก่อให้เกิดอันตราย แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ลดการใช้แสงแฟลชต่อเนื่องเวลาทารกลืมตา ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อความสบายของเด็กเอง อันที่จริงผู้ใหญ่ก็ไม่ชอบแสงแฟลชต่อเนื่องเหมือนกัน!
ทำความรู้จักกับมืออาชีพ: ช่วงถามตอบกับ Alex Chua
คุณเริ่มถ่ายภาพเด็กแรกเกิดได้อย่างไร
เมื่อประมาณหกปีก่อน ผมกับภรรยาเห็นโฆษณาเวิร์กช็อปการถ่ายภาพเด็กแรกเกิดระหว่างที่ครอบครัวเราไปเที่ยวที่ออสเตรเลียในช่วงวันหยุด เราตัดสินใจเข้าเวิร์กช็อป รู้สึกมีแรงบันดาลใจ เลยลงเรียนหลักสูตรเพิ่มเติม และปัจจุบันเราก็ทำธุรกิจนี้ร่วมกัน
คุณมีคำแนะนำอะไรบ้างสำหรับใครที่หวังจะเป็นช่างภาพเด็กแรกเกิดมืออาชีพ
1. เข้ารับการฝึกอบรมที่เหมาะสม
ผมเน้นความสำคัญของเรื่องนี้แล้วในกฎทองข้อที่ 2 เกี่ยวกับความปลอดภัย
2. เข้าใจสภาพแสง
การถ่ายภาพเด็กแรกเกิดควรทำที่บ้านของลูกค้าจึงจะดีที่สุด ดังนั้น คุณต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสภาพแสงทุกประเภท
3. คุณต้องเป็นคนรักเด็ก
ถ้าคุณไม่ชอบเด็กและทารก คุณอาจจะพบว่าการถ่ายภาพเพียงเพื่อเงินเท่านั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำไปได้ตลอด
อะไรคือสิ่งที่ช่างภาพควรทำเพื่อพัฒนาทักษะการถ่ายภาพของตนเอง
1. ออกไปถ่ายภาพ
คุณคงพึ่งพาการดูคลิปบทเรียนทางออนไลน์และการเรียนทฤษฎีไม่ได้ตลอดไป คุณต้องรู้วิธีประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริงด้วย! ผมเคยพัฒนาทักษะการจัดแสงของตัวเองด้วยการเช่าสตูดิโอบ่อยๆ เพื่อลองเลียนแบบการจัดแสงสไตล์ต่างๆ ที่เคยเห็นจากในนิตยสารถ่ายภาพ เจ้าของสตูดิโอเคยช่วยให้คำแนะนำและเคล็ดลับต่างๆ และผมก็รู้สึกขอบคุณมากเช่นกัน
2. พิมพ์ภาพถ่ายออกมา
การถ่ายภาพเพื่อพิมพ์ออกมาจะทำให้คุณตระหนักถึงรายละเอียดต่างๆ เช่น สีสันและสภาพแสง
นอกจากหลักสูตรการถ่ายภาพเด็กแรกเกิด คุณยังได้รับประกาศนียบัตรด้านการถ่ายภาพในปี 2563 ด้วย การศึกษาการถ่ายภาพในระบบมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ผมไม่ใช่ช่างภาพที่เชี่ยวชาญเรื่องเทคนิคมากนัก ผมใช้สัญชาตญาณตัวเองเป็นส่วนใหญ่ การเรียนในชั้นเรียนจริงๆ เป็นเหมือนการทำงานย้อนหลัง เพราะผมได้เรียนรู้ "ที่มาที่ไป" ที่ช่วยให้ผมเข้าใจสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ผมคิดว่ามันช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์ เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าคุณอยากจะออกนอกกรอบ คุณก็ต้องรู้จักกรอบเสียก่อน!
คุณมีแนวทางการทำธุรกิจถ่ายภาพอย่างไร
ภาพดีๆ เป็นสิ่งสำคัญ แต่ประสบการณ์ที่ดีเป็นสิ่งที่สร้างความทรงจำน่าประทับใจ
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรามีบริการถ่ายภาพเด็กแรกเกิดถึงบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เป็นวิธีที่เราใช้เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยและสะดวกสบายในระหว่างการถ่ายภาพ
นอกจากนี้ เราไม่เชื่อเรื่องกลยุทธ์การขายแบบยัดเยียด เช่น การกดดันให้ลูกค้าซื้อแพ็คเกจ แต่เราจะปล่อยให้ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับเป็นตัวบอกเอง ผมคิดว่าวิธีนี้ได้ผล เพราะมีลูกค้าเก่ากลับมาให้เราบันทึกภาพความทรงจำช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของลูกๆ แทบจะเรียกได้ว่าผมเห็นพัฒนาการการเติบโตของเด็กๆ เหล่านั้นเลย!
มีอะไรบ้างในกระเป๋ากล้อง
ผมถ่ายภาพด้วยกล้อง EOS R5 คู่กับ RF28-70mm f/2L USM เป็นส่วนใหญ่ RF28-70mm f/2L USM เป็นเลนส์ประสิทธิภาพสูงที่น่าทึ่งมาก เพราะให้ภาพสวยคมชัดทุกครั้งแม้จะใช้รูรับแสงกว้างๆ ผมชื่นชอบฟังก์ชั่น Eye Detection AF ของ EOS R5 ดีไซน์ตามหลักการยศาสตร์ และสีสันสดใสที่ออกมาจากกล้องโดยตรง
Eye Detection AF คือเหตุผลหลักที่ทำให้ผมเปลี่ยนมาใช้กล้อง Canon มันเจ๋งสุดๆ! แม้แต่เวลาที่ทารกนอนหลับ AF ก็จะหาดวงตาที่ปิดอยู่เพื่อใช้เป็นจุดโฟกัส ฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้ผมจัดองค์ประกอบภาพได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับจอ LCD แบบพลิกหมุนได้ซึ่งทำให้ผมเปลี่ยนวิธีถ่ายภาพไปโดยสิ้นเชิง
ช่องใส่การ์ดแบบคู่มีประโยชน์มาก การ์ด SD ของผมเคยชำรุดและรูปถ่ายเสียหาย แต่โชคดีที่ผมมีไฟล์สำรองในการ์ด CFexpress! ทุกครั้งที่ถ่ายรูปผมจะบันทึกภาพลงในช่องใส่การ์ดทั้งสองแม้ว่าจะใช้การ์ดใหม่ก็ตาม
นอกจากนี้ ผมยังชื่นชอบอายุแบตเตอรี่และช่องใส่การ์ดแบบคู่ที่ยอดเยี่ยม ผมสามารถถ่ายภาพเด็กแรกเกิดได้ถึงสามช่วง รวมแล้วราวๆ 1,000 ภาพ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เลย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
5 การตั้งค่าพื้นฐานของกล้อง EOS R5/ EOS R6 ที่ปรับแต่งได้ตามต้องการตั้งแต่ต้น