ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

ลดน้ำหนักเลนส์ Big White ถึง 1,000 ก.: เรื่องเล่าจากทีมนักพัฒนากล้องของ Canon

2018-11-15
2
1.01 k
ในบทความนี้:

เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้เป็นเครื่องมืออันยอดเยี่ยมในการถ่ายภาพสีสันสดใสของตัวแบบที่มองเห็นได้ยากจากระยะไกล แต่น้ำหนักของเลนส์นั้นอาจไม่ใช่หนึ่งในข้อดีนัก ทว่า ทีมนักพัฒนาเลนส์ของ Canon ประสบความสำเร็จในการทำให้เลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM และ EF600mm f/4L IS III USM ที่เพิ่งเปิดตัวไปนั้นมีน้ำหนักเบาลงกว่าเลนส์รุ่นก่อนมาก ซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และต่อไปนี้คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้จากการพูดคุยกับพวกเขา

บทสัมภาษณ์นักพัฒนาเลนส์

 

การปรับปรุงที่โดดเด่นของเลนส์รุ่นเรือธง

เลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM และ EF600mm f/4L IS III USM ต่างได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นในหลายๆ ด้าน 

1. น้ำหนักที่ลดลงอย่างมาก (เลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM มีน้ำหนักที่ลดลงจากรุ่นก่อนหน้าถึง 26% และเลนส์ EF600mm f/4L IS III USM มีน้ำหนักน้อยลง 22%)
2. คุณภาพของภาพสูง
3. การเคลือบกันความร้อน
4. การใช้งานง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น (ระบบ IS พร้อมความเร็วชัตเตอร์ 5 สต็อป วงแหวนโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เสริมใหม่ๆ)
5. ความเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น (ความแข็งแรง ความทนทาน โครงสร้างป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ และการเคลือบฟลูออรีน)
6. การออกแบบที่มีคุณภาพสูง

นักพัฒนาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำข้อแรกให้สำเร็จ เพราะไม่เพียงทำให้เลนส์เบาขึ้นเท่านั้น แต่ต้องออกแบบเลนส์ใหม่ทั้งหมดด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าเลนส์มีความสมดุล ซึ่งนี่คือใจความสำคัญของบทสัมภาษณ์ที่ตัดตอนมาต่อไปนี้
(มีการแก้ไขคำตอบเพื่อให้ได้ความกระชับและความชัดเจน ลิงก์สำหรับบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มอยู่ด้านล่าง)

 

1. วิสัยทัศน์และแนวทางในการออกแบบ

เพื่อสร้างเลนส์ที่จะเป็น “ที่สุดแห่งเลนส์ยุคใหม่”

Nagao (หัวหน้าทีมพัฒนา): เมื่อเราเริ่มต้นพัฒนาเลนส์ เราถามตัวเองว่า “ที่สุดแห่งเลนส์ยุคใหม่จะเป็นอย่างไร” เราได้รับฟังความคิดเห็นเป็นจำนวนมากด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ที่ให้ความเห็นในเชิงวิจารณ์ ซึ่งช่วยให้เราจินตนาการถึงเลนส์ในอุดมคติได้โดยไม่ถูกจำกัดอยู่ภายใต้กรอบแนวคิดของเลนส์ที่มีในปัจจุบัน 

Shimada (ฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์): แนวคิดหลักของเราคือการทำให้เลนส์มีน้ำหนักเบา ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ เราจะทำให้เบาได้แค่ไหนโดยที่ยังคงคุณภาพของภาพที่สูงอยู่

 

EF400mm f/2.8L IS III USM

EF400mm f/2.8L IS III USM หนัก 2,840 ก. โดยประมาณ

 

EF600mm f/4L IS III USM

EF600mm f/4L IS III USM หนัก 3,050 ก. โดยประมาณ

 

นักกีฬาที่กระโดดข้ามรั้ว

ถ่ายด้วย EF600mm f/4L IS III USM

 

2. เลย์เอาต์ของระบบออพติคอลที่พัฒนาขึ้นใหม่

ขัดเกลาไอเดียที่ดีที่สุดที่ได้จากการระดมความคิดระดับสูง

Nagao (หัวหน้าทีมพัฒนา): เราพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ในอนาคตอยู่เสมอ แม้กระทั่งช่วงก่อนเริ่มออกแบบเลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM และ EF600mm f/4L IS III USM สมาชิกทีมออกแบบออพติคอลได้คิดค้นไอเดียใหม่ๆ สำหรับระบบออพติคอลที่มีน้ำหนักเบาซึ่งใช้วัสดุแก้วแบบใหม่เอาไว้แล้ว ระบบออพติคอลใหม่นี้เกิดจากการขัดเกลาไอเดียที่ดีที่สุดจากการระดมความคิดระดับสูง

ลักษณะด้านออพติคอลของเลนส์รุ่นใหม่

Saito (ฝ่ายออกแบบออพติคอล): เลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM มีระบบออพติคอลที่เป็นลักษณะเฉพาะ ซึ่งใช้ฟลูออไรต์และเลนส์ Super UD รวมถึงวัสดุแก้วแบบใหม่ และมีเลย์เอาต์ของระบบออพติคอลแบบรวมกันอยู่ด้านหลัง ซึ่งเลนส์ทั้งหมดตั้งแต่ชิ้นเลนส์ที่สองเป็นต้นมาจะอยู่ในตำแหน่งค่อนไปทางด้านหลัง เลย์เอาต์นี้ช่วยป้องกันแสงแฟลร์ที่เกิดจากแสงนอกเฟรมภาพ และทำให้สามารถแสดงรายละเอียดของความเปรียบต่างได้มากขึ้นแม้มีแสงย้อนจากด้านหลัง การมีชิ้นเลนส์ด้านหน้า (ชิ้นแรก) อยู่เพียงเลนส์เดียวยังช่วยลดการสะท้อนภายในเลนส์อีกด้วย

Nakahara (ฝ่ายออกแบบออพติคอล): เลนส์ EF600mm f/4L IS III USM ก็มีการออกแบบออพติคอลที่คล้ายกัน เนื่องจากการลดขนาดของชิ้นเลนส์แรกนั้นทำได้ยาก เราจึงลดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของชิ้นเลนส์ที่สองและชิ้นถัดๆ มา และเว้นระยะห่างระหว่างชิ้นเลนส์แรกกับชิ้นที่สองให้ได้มากที่สุดด้วย เราได้เปลี่ยนโครงสร้างของเลนส์ทั้งหมด ชิ้นเลนส์แรกใช้วัสดุแก้วแบบใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนในผลิตภัณฑ์ของ Canon

 

ภาพตัดขวางของเลนส์ EF400mm f/2.8L IS II USM และ EF400mm f/2.8L IS III USM

ภาพตัดขวางของเลนส์ EF400mm f/2.8L IS II USM และ EF400mm f/2.8L IS III USM
เลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM (ขวา) มีชิ้นเลนส์เพียงชิ้นเดียวที่แตกต่างจากเลนส์รุ่นก่อน (ซ้าย) อย่างไรก็ตาม เลย์เอาต์ของระบบออพติคอลแบบรวมกันอยู่ด้านหลังทำให้สามารถนำชิ้นเลนส์ที่มีขนาดเล็กลงมาใช้หลังชิ้นเลนส์ที่สอง ซึ่งทำให้เลนส์มีน้ำหนักเบาขึ้น

 

ภาพตัดขวางของเลนส์ EF600mm f/4L IS II USM และ EF600mm f/4L IS III USM

ภาพตัดขวางของเลนส์ EF600mm f/4L IS II USM และ EF600mm f/4L IS III USM
เลนส์ EF600mm f/4L IS III USM มีลักษณะเฉพาะของระยะห่างระหว่างเลนส์กลุ่มแรกกับกลุ่มถัดมาที่รวมกันอยู่ด้านหลัง เช่นเดียวกับเลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM

 

น้ำหนักลดลงไปถึง 26%

Hayakawa (ฝ่ายออกแบบเชิงกลไก): เราสามารถลดน้ำหนักของเลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM ได้ประมาณ 1,010 ก. (เบากว่ารุ่น II 26%) สำหรับเลนส์ EF600mm f/4L IS III USM เราลดได้ประมาณ 870 ก. (ลดลงประมาณ 22%)

 

การเปลี่ยนแปลงวัสดุแก้วและโครงสร้างของเลนส์ (EF400mm)

วัสดุแก้วในเลนส์ EF400mm f/2.8L IS II USM: ประมาณ 1,845 ก.

โครงสร้างของเลนส์ใน EF400mm f/2.8L IS II USM

- นำกระจกป้องกันออก
- มีการใช้ฟลูออไรต์

วัสดุแก้วในเลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM: ประมาณ 1,140 ก.

โครงสร้างของเลนส์ใน EF400mm f/2.8L IS III USM

A: ชิ้นเลนส์ Super UD

 

สิงโต

ถ่ายด้วยเลนส์ EF400mm f/2.8L IS III USM

 

3. วิธีการใหม่ๆ ในการออกแบบโครงสร้างและวัสดุที่ใช้ก็มีความจำเป็นเช่นกัน

ซึ่งนวัตกรรมได้ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

Hayakawa (ฝ่ายออกแบบเชิงกลไก): การลดน้ำหนักให้ได้มากกว่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีข้อจำกัดด้านปริมาณน้ำหนักที่เราสามารถลดออกจากท่อเลนส์และโครงสร้างภายนอก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความแข็งแรง [ของโครงสร้าง] และประสิทธิภาพด้านออพติคอล เราต้องแน่ใจว่าจะไม่สูญเสียความเชื่อถือได้และประสิทธิภาพด้านออพติคอลของเลนส์ไป ดังนั้นเราจึง: 

1) เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานโดยใช้การฉีดขึ้นรูปที่ทันสมัย (Thixomolding) และอัลลอยใหม่
2) เปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ใช้วงแหวนโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์ และ
3) ใช้กลไกการปรับแต่งออพติคอลแบบใหม่ล่าสุด

การเปลี่ยนมาใช้วงแหวนโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์ทำให้เราสามารถลดจำนวนชิ้นส่วนที่จำเป็นต้องใช้ในกลไกการเชื่อมต่อระหว่างวงแหวนโฟกัสกับชุดโฟกัส (มอเตอร์ USM) นี่ไม่เพียงแต่ช่วยลดน้ำหนักของเลนส์เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อการประกอบเลนส์และความเที่ยงตรงของเลย์เอาต์ด้วย  

Nagao (หัวหน้าทีมพัฒนา): เรายังตัดสินใจใช้แมกนีเซียมอัลลอยเสริมคาร์บอนแบบใหม่ด้วย สำหรับท่อเลนส์กลุ่มแรกในเลนส์ 400 มม. การฉีดขึ้นรูปช่วยให้เราได้ความหนาของท่อเลนส์ที่ 0.8 มม. ซึ่งบางกว่าเลนส์รุ่นก่อนๆ 20% แม้จะมีน้ำหนักเบากว่าแต่ยังคงความแข็งแรงพอ เลนส์ในซีรีย์ III ใช้ตัวปรับแต่งออพติคอลที่ Canon ผลิตเองซึ่งออกแบบมาเพื่อเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ ทำให้เราสามารถทำการปรับแต่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ในแบบดิจิตอล จึงมีความแม่นยำที่วิธีการเดิมแบบแมนนวลไม่สามารถทำได้ 

 

ท่อเลนส์กลุ่มแรก

ท่อเลนส์กลุ่มแรกถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของทีมนักพัฒนาในการลดน้ำหนัก ท่อนี้ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยเสริมคาร์บอน ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าอะลูมิเนียมอัลลอย
 

 

ความสำคัญของเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ที่มีน้ำหนักเบาขึ้น

สำหรับเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ 400 มม. ขึ้นไป ความคล่องตัวและความสะดวกในการพกพานับเป็นคุณสมบัติในอุดมคติที่ยากจะทำให้เป็นจริงได้ทางเทคโนโลยี น้ำหนักที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในเลนส์ L ซูเปอร์เทเลโฟโต้ทั้งสองรุ่นนี้จึงนับเป็นความก้าวหน้าที่ทำให้เราถ่ายภาพได้อย่างมีอิสระมากขึ้น โดยที่ยังคงระยะและคุณภาพของภาพสูงเช่นเดียวกับเลนส์ยอดนิยมรุ่นก่อนๆ 

 

 มีอะไรอีกบ้างที่ทำให้เลนส์รุ่นใหม่มีคุณภาพของภาพสูง การเปลี่ยนแปลงใดช่วยให้พัฒนาระบบป้องกันภาพสั่นไหวความเร็วชัตเตอร์ 5 สต็อปได้สำเร็จ อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้วิศวกรพัฒนาการออกแบบอย่างต่อเนื่องจนถึงวินาทีสุดท้าย 
ดาวน์โหลดบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม *ไฟล์ PDF เป็นภาษาอังกฤษเพื่ออ่านเรื่องราวเบื้องหลังและอีกมากมาย 

 

นักพัฒนาที่ให้สัมภาษณ์

รูปภาพโปรไฟล์ของทีมนักพัฒนา

(จากซ้าย)
Shota Shimada: ฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์
Yuki Nagao: หัวหน้าทีมพัฒนา
Shinichiro Saito: ฝ่ายออกแบบออพติคอล
Makoto Nakahara: ฝ่ายออกแบบออพติคอล
Makoto Hayakawa: ออกแบบกลไก

 


รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT

ลงทะเบียนตอนนี้!

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา