คุณสามารถใช้แฟลชเสริมได้มากกว่าหนึ่งวิธี นอกจากกำลังแฟลชแล้ว ประสิทธิภาพของแฟลชในการใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การถ่ายภาพด้วยแฟลชสะท้อน การถ่ายภาพต่อเนื่อง การถ่ายภาพโดยใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ (Slow Sync) การถ่ายภาพโดยใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง (High-speed Sync) และการถ่ายภาพระยะใกล้ มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน ซึ่งเราจะอธิบายเพิ่มเติมต่อไป (เรื่องโดย: Masakatsu Nagayama)

 

คำถามที่พบบ่อย 1: แฟลชสะท้อนคืออะไร

คำตอบ 1: แฟลชสะท้อน คือเทคนิคการสะท้อนแฟลชจากเพดานหรือพื้นผิวกำแพงเพื่อทำให้ตัวแบบสว่างขึ้นทางอ้อม 

เทคนิคนี้จะช่วยกระจายแสงจากแฟลชและทำให้แสงดูนุ่มนวลยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการส่องแสงตรงไปที่ตัวแบบ วิธีนี้จะทำให้ได้เงาที่นุ่มนวลกว่าและแสงเป็นธรรมชาติมากกว่า
แฟลชสะท้อนมักนำมาใช้ในระหว่างการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในร่ม

วิธีการทำงานของแฟลชสะท้อน

A: เพดาน
B: แสงที่นุ่มนวล
C: ตัวแบบ
D: แสงจากแฟลช

 

 

แฟลชเสริมแบบไหนที่เหมาะกับแฟลชสะท้อน

ชุดแฟลชเสริมที่เหมาะที่สุดสำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชสะท้อนจะมีหัวแฟลชที่สามารถปรับเอียงและหมุนได้

เมื่อใช้แฟลชสะท้อน คุณจะ "สูญเสีย" แสงมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้แสงแฟลชส่องที่ตัวแบบโดยตรง ดังนั้น หากกำลังแฟลชต่ำเกินไป แสงสว่างอาจไม่เพียงพอ จึงควรเลือกแฟลชที่มีกำลังแฟลชมากขึ้น หากคุณวางแผนจะใช้เทคนิคนี้

เคล็ดลับการใช้งาน: หากสะท้อนแสงจากเพดานหรือกำแพงสีอาจเกิดปัญหาสีเพี้ยนได้ ดังนั้น การใช้พื้นผิวที่เป็นสีขาวจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

แฟลช Speedlite 470EX-AI (ด้านบน) เหมาะสำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชสะท้อน เนื่องจากมีค่าไกด์นัมเบอร์ที่ค่อนข้างสูงคือ 47 และมีคุณสมบัติ Auto Intelligent Bounce (AI Bounce) ซึ่งสามารถคำนวณและกำหนดมุมสะท้อนที่เหมาะสมที่สุดได้โดยอัตโนมัติ

 

แฟลชสะท้อนมักนำมาใช้ในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในร่ม สังเกตว่าหัวแฟลชจะทำมุมไปทางเพดาน

 

คำถามที่พบบ่อย 2: ฉันสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องในระหว่างการถ่ายภาพโดยใช้แฟลชได้หรือไม่

คำตอบ 2: สามารถทำได้หากแฟลชของคุณมีกำลังสูง (ค่าไกด์นัมเบอร์สูง) แต่จำนวนภาพต่อเนื่องที่สามารถถ่ายได้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ

เมื่อยิงแฟลชเต็มกำลังแล้ว อาจต้องใช้เวลาชาร์จสักครู่จึงจะสามารถยิงได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ได้ใช้แฟลชเต็มกำลัง ก็จะสามารถยิงแฟลชได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าไฟจะหมด

 

แฟลชที่มีกำลังสูงช่วยคุณได้

ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องและจำนวนภาพต่อเนื่องที่ถ่ายได้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์แฟลชที่ใช้ แต่แฟลชที่มีกำลังมากหรือค่าไกด์นัมเบอร์สูงๆ จะมีความสามารถในการใช้งานที่หลากหลายกว่า

 

เคล็ดลับการใช้งาน:

1. คุณสามารถเพิ่มจำนวนครั้งของแฟลชที่ยิงออกมาอย่างต่อเนื่องได้ด้วยการลดปริมาณแสงที่ปล่อยออกมาจากแฟลช วิธีหนึ่งคือการเปิดรูรับแสงของเลนส์

2. ชุดแฟลชหรือแบตเตอรี่อาจมีประสิทธิภาพลดลงเนื่องจากภาวะความร้อนสูงเกินหากคุณยิงแฟลชอย่างต่อเนื่องบ่อยครั้งเกินไป จึงควรทำตามคำแนะนำเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่สามารถยิงแฟลชจากคู่มือผลิตภัณฑ์ หลังจากยิงแฟลชอย่างต่อเนื่องแต่ละครั้งจะใช้เวลาสักครู่กว่าแฟลชจะเย็นลง

 

คำถามที่พบบ่อย 3: ความเร็วซิงค์แฟลชคืออะไร

คำตอบ 3: คือความเร็วชัตเตอร์สูงสุดที่สามารถถ่ายภาพโดยใช้แฟลชได้

ความเร็วซิงค์ หมายถึง ความเร็วชัตเตอร์สูงสุดที่สามารถใช้แฟลชถ่ายภาพ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับกล้องของคุณ และระบุด้วยความเร็ว X-sync สำหรับกล้อง Canon ความเร็ว X-sync จะอยู่ที่ 1/250 วินาทีสำหรับกล้องรุ่นไฮเอนด์ และ 1/180 หรือ 1/200 วินาทีสำหรับกล้องในระดับอื่นๆ

 

โครงสร้าง "ชัตเตอร์ระนาบโฟกัส" และผลต่อความเร็วซิงค์

เมื่อถ่ายภาพโดยใช้แฟลช กล้องจะตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์โดยอัตโนมัติให้เป็นค่าต่ำกว่าความเร็วซิงค์ เนื่องจากไม่สามารถเลือกใช้งานความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วกว่าความเร็วซิงค์ได้

ข้อจำกัดดังกล่าวของความเร็วชัตเตอร์เกิดจากโครงสร้าง "ชัตเตอร์ระนาบโฟกัส" ในกล้อง DSLR

ชัตเตอร์ระนาบโฟกัสประกอบด้วยม่านกั้นแสงสองชุด เมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ ม่านแรกจะเปิด หลังจากนั้นม่านที่สองจะปิดลงทันที การเปิดรับแสงจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้

หากความเร็วชัตเตอร์เร็วกว่าความเร็วซิงค์ ม่านที่สองอาจเริ่มปิดก่อนที่ม่านแรกจะเปิดจนสุด และอาจป้องกันไม่ให้ม่านชัตเตอร์เปิดเต็มที่ ซึ่งจะปิดกั้นการเปิดรับแสงและเกิดแถบสีดำต่างๆ ขึ้นในภาพ

 

ในโหมดการเปิดรับแสงแบบแมนนวลและโหมดการระบุค่าความเร็วชัตเตอร์ แม้ว่าคุณจะเลือกความเร็วชัตเตอร์ให้เร็วกว่าความเร็วซิงค์แล้วก็ตาม กล้องอาจยังสลับไปใช้ความเร็วซิงค์โดยอัตโนมัติหากเปิดใช้งานแฟลช

 

คำถามที่พบบ่อย 4: แฟลชเสริมสามารถนำมาใช้กับการถ่ายภาพระยะใกล้ได้หรือไม่

คำตอบ 4: ขอแนะนำให้คุณใช้ชุดแฟลชที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้โดยเฉพาะ เช่น แฟลชรูปวงแหวน

แฟลชทั่วไปไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้และการถ่ายภาพมาโคร เพราะแฟลชแต่ละรุ่นมีการกำหนดช่วงแฟลชที่ใช้ได้ผลดีไว้ การถ่ายภาพตัวแบบที่อยู่ใกล้กล้องเกินกว่าระยะที่กำหนดจึงอาจทำให้เกิดเงาในภาพหรือส่งผลให้ภาพสว่างโพลนได้ 

ควรใช้แฟลชเสริมที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายภาพมาโครแทน ซึ่งแฟลชชนิดนี้สามารถแบ่งคร่าวๆ ได้สองประเภท ได้แก่

แฟลชรูปวงแหวน เช่น แฟลช Macro Ring Lite MR-14 EX II มีหัวแฟลชทรงกลมและสามารถส่องแสงได้อย่างสม่ำเสมอทั้งสี่ทิศทาง จึงทำให้คุณถ่ายภาพระยะใกล้ได้โดยแทบไม่เกิดเงา

แฟลชรูปวงแหวนบางรุ่นสามารถยิงแสงครึ่งหนึ่งของวงแหวนไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่งเพื่อสร้างเงาอย่างจงใจได้

แฟลชสองดวง เช่น แฟลช Macro Twin Lite MT-26EX-RT มีหัวแฟลชสองหัวทางด้านซ้ายและขวาอย่างละดวง แฟลชทั้งสองด้านสามารถปล่อยแสงที่ทำให้มองเห็นเงาชัดเจนน้อยลงได้ นอกจากนี้ คุณสามารถปรับระยะห่างระหว่างหัวแฟลชสองหัว การวางแนว รวมถึงแสงแฟลชให้เหมาะกับความต้องการของคุณได้

 

อ่านบทความต่อไปนี้เพื่อดูตัวอย่างวิธีใช้แฟลชรุ่นพิเศษเหล่านี้ในการถ่ายภาพมาโคร:
การใช้แฟลชในการถ่ายภาพมาโคร
การถ่ายภาพด้วยแฟลช Macro Lite

 

Macro Ring Lite MR-14EX II
แฟลชรูปวงแหวนนี้มีระยะการยิงสั้นที่สุดที่ประมาณ 20 มม. จากด้านหน้าหัวแฟลช

 

Macro Twin Lite MT-26EX-RT
แฟลชแบบสองดวงนี้รองรับการยิงแบบไร้สายผ่านการส่งสัญญาณวิทยุและควบคุมปริมาณแสงแฟลชได้เป็นอย่างดี

 

คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทความก่อนหน้าเกี่ยวกับกำลังแฟลช:
การเลือกแฟลชเสริม (1): กำลังแสงแฟลช

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟลช Speedlite ของ Canon ได้ที่:
เลือกแฟลช Canon Speedlite อย่างไร (เปรียบเทียบ Speedlite รุ่นก่อนหน้านี้ 3 รุ่น)
คู่มือผู้ซื้อฉบับย่อ: Speedlite 270EX II
คู่มือผู้ซื้อฉบับย่อ: Speedlite 430EX III-RT
คู่มือผู้ซื้อฉบับย่อ: Speedlite 600EX II-RT
Canon เปิดตัว Speedlite 470EX-AI: แฟลช Speedlite ตัวแรกของโลกที่มีเทคโนโลยี AI Bounce

 

---

---