Bang Dzoel เป็นช่างภาพที่ไม่ธรรมดา เขาเกิดมาโดยไร้ซึ่งแขนและขา เขาต้องพบเจอกับความท้าทาย อคติและความยุ่งยากต่างๆ มาตลอดชีวิตทั้งในช่วงวัยเยาว์และเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วปัจจุบัน Bang Dzoel เป็นช่างภาพชื่อดังซึ่งเดินทางถ่ายภาพไปทั่วโลกและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นในทุกที่ที่เขาไป
Bang Dzoel เป็นช่างภาพชาวอินโดนีเชีย ผลงานของเขาเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติและระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายบุคคล ธรรมชาติหรืองานแต่งงาน เขาทำงานตามที่ได้รับมอบหมายในประเทศต่างๆเขาเป็นทั้งนักศึกษาด้านกฎหมาย นักสเก็ตบอร์ดผู้เก่งกาจและมือคีย์บอร์ดและเบสมากฝีมือ
คงไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว Bang Dzoel มีอิทธิพลต่อผู้คนมากมายทั้งในเรื่องการงานและชีวิตส่วนตัวของเขาและเป็นข้อพิสูจน์ที่ว่า คนเราสามารถเอาชนะทุกอุปสรรคได้หากมีแรงผลักดันและความมุ่งมั่นที่มากพอ
บทสัมภาษณ์ในครั้งนี้จะทำให้คุณได้รู้จักกับชีวิตและการถ่ายภาพของ Bang Dzoel ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนจำนวนมาก
คุณ Dzoel เราอยากให้คุณช่วยแนะนำตัวเองสักเล็กน้อย คุณมาจากที่ไหนและทำอะไร?
ขอสันติภาพจงมีแต่คุณ ผมมีชื่อจริงว่า อาชแมด ซัลการ์นาอิน (Ahmad Zulkarnain) ครับ บางคนเรียกผมว่า Bang Dzoel หรือ Zul ผมเป็นคนอินโดนีเชีย ที่อินโดนีเซีบ ในฐานะช่างภาพ ผมมักจะมองหาช่วงเวลาสำหรับการจับภาพอยู่เสมอผมมองหาจนกระทั่งผมได้พบกับช่วงเวลาที่สุดแสนพิเศษซึ่งผมจับภาพได้โดยใช้กล้องถ่ายรูปที่ผมมี
คุณรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถือกล้องถ่ายรูปและจับภาพต่างๆ?การถ่ายภาพทำให้ผมได้รู้จักตัวเองมากขึ้นและทำให้ผมได้ค้นพบตัวตนของผมซึ่งทำให้ผมรู้สึกพิเศษ ผมพยายามค้นหาพรสวรรค์หรือศักยภาพที่มีอยู่ในตัวของผมไม่ว่าจะเป็นดนตรี การเล่นสเก็ตช์บอร์ดหรือสิ่งต่างๆ ที่ผมพยายามเรียนรู้และการถ่ายภาพนี่เองที่ทำให้ผมได้ค้นพบตัวตนของผม
คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับตัวคุณเองจากการถ่ายภาพ?
อันที่จริง ผมผ่านอะไรมาเยอะมากๆ ก่อนที่จะกลายมาเป็นช่างภาพมืออาชีพแบบทุกวันนี้ ผมใช้เวลาเรียนรู้อยู่พักใหญ่ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับนี้ น่าจะสัก 5 ปีหรือ 6 ปีได้ งานแรกที่ผมทำก็คือการถ่ายภาพ ผมเป็นช่างภาพที่ถ่ายภาพสำหรับการแสดงตัวตนอย่างรูปติดหนังสือเดินทางอะไรแบบนั้น ในตอนนั้นผมต้องยืมกล้องคนอื่นมาใช้ด้วยซ้ำไป ตอนที่ผมเปลี่ยนงาน ผมใช้กล้องถ่ายรูปแบบผ่อนจ่าย กล้องตัวนั้นก็คือ Canon 1100D ผมใช้กล้องที่ว่านี่ประมาณหนึ่งปีหรือสองปีได้ หลังจากเรียนรู้และมีทักษะมากขึ้น ผมก็อัปเกรดกล้องถ่ายรูปที่ผมใช้ ผมชอบอ่านข้อมูลหรือค้นหาข้อมูลใน YouTube จะบอกว่าว่าผมเรียนถ่ายภาพจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองก็คงได้หลังจากนั้น ผมก็ได้ทุนการศึกษาไปเรียนถ่ายภาพที่โรงเรียนสอนถ่ายภาพ Darwis Triadi ในจาการ์ต้า
คุณได้สร้างสไตล์การถ่ายภาพแบบไหนขึ้นมา?
ผมมักจะโยงการถ่ายภาพเข้ากับเรื่องราวของขนบประเพณีและถ่ายภาพที่แสดงวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านอินโดนีเชียเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ผมอยากจะบันทึกและจับภาพวัฒนธรรมดังกล่าวไว้สำหรับใช้เป็นทรัพยากรทางการศึกษาสำหรับคนรุ่นหลังของอินโดนีเชีย
คุณมองว่าอะไรคือผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ?
นับจนถึงปัจจุบัน ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมก็คือภาพถ่ายผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะภาพแฟชันผมถ่ายภาพบุคคลของ CEO ขององค์กรต่างๆ เช่นกัน
คุณพอจะอธิบายได้ไหมว่าทำไมงานถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ถึงเป็นหนึ่งในความสำเร็จของคุณ?
การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์เป็นงานที่ค่อนข้างจะสบายเพราะผมไม่ต้องออกไปเจอแดดร้อน ผมสามารถถ่ายงานพวกนี้ในห้องได้การทำงานก็ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไรมาก แถมผมยังสามารถควบคุมแสงโดยการใช้แสงในแบบที่ผมต้องการได้อีกด้วย
นี่คือความสำเร็จครั้งใหญ่สุดของคุณเพราะคุณสามารถจัดการถ่ายภาพในภูมิประเทศและสภาวะที่ไม่เสถียรในส่วนของสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมได้?
ใช่ครับ ไม่มีอุปสรรคและไม่มีความยุ่งยากอะไรในเรื่องของภูมิประเทศเลย อันที่จริงนั้น งานอดิเรกของผมคือการเดินทางและการเดินเขารวมถึงการถ่ายภาพบนยอดเขานอกจากนี้ผมยังชอบการดำน้ำตื้น การดำน้ำและการเล่นเซิร์ฟอีกด้วย
คุณพูดคุยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่เช่นกัน คุณพูดเกี่ยวกับอะไรบ้าง?
ผมมักจะพูดเกี่ยวกับการปลูกฝังจิตวิญญาณและการขอบคุณในทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้แก่พวกเรา พวกเราส่วนใหญ่มักจะลืมการขอบคุณและการกตัญญูรู้คุณ นี่เองคือเหตุผลที่ผมมักจะเน้นเรื่องเหล่านี้ในการพูดคุยของผม ผมอาจจะเป็นคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับความพิการ แต่ผมก็ยังรู้สึกสำนึกในบุญคุณและขอบคุณพรที่ผมได้รับคนส่วนมากที่ไม่พิการควรจะรู้สึกขอบคุณสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้พวกเขาให้มากขึ้นเช่นกัน
คุณมีคำแนะนำอะไรที่คุณอยากจะบอกช่างภาพหนุ่มสาวและผู้ทุพพลภาพบ้างไหม?
ประการแรก อย่ามัวเสียเวลาไปกับอะไร หากคุณมัวแต่คิดว่าจะทำอะไรแต่ไม่ลงมือทำอะไรเลย ชีวิตของคุณก็จะไม่มีค่าอะไร ประการที่สอง พวกเราไม่ได้พิการ พวกเราแค่แตกต่างไปจากคนอื่นสำหรับผมแล้ว รูปแบบที่แท้จริงที่สุดของความพิการไม่ใช่ความพิการทางกายภาพ แต่เป็นความพิการทางพฤติกรรมต่างหาก
มีคนหนุ่มสาวมาหาคุณเพื่อบอกคุณว่าคุณเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่พวกเขาบ้างไหม?
มีมากเลยล่ะครับ และผมเองก็รู้สึกภูมิใจเพราะผมไม่เคยคาดหวังว่าผมจะมีอิทธิพลในวงกว้างขนาดนี้ อิทธิพลของผมไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอินโดนีเชียเท่านั้น แต่ยังหมายถึงต่างประเทศอีกด้วย ในปี 2018 ผมได้เข้าร่วมในการแสดงผลงานภาพถ่ายซึ่งจัดขึ้นที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี นอกจากนี้ ผมก็ยังมีงานแสดงผลงานของผมเองในสุราบายา ประเทศอินโดนีเชียเช่นกันในเดือนพฤษภาคม 2020 ผมจะมีงานแสดงผลงานภาพถ่ายในบราซิล
และคุณได้ค้นพบอะไรเกี่ยวกับตัวคุณบ้างไหม? แล้วคุณมีความมั่นใจไหม?
ผมมีกลุ่มเพื่อนๆ ที่คอยเป็นกำลังใจให้ผมเรียนด้านการถ่ายภาพต่อ นอกจากนี้ยังมีชุมชนแห่งความช่วยเหลือที่คอยสนับสนุนผมตอนที่ผมเรียนถ่ายภาพอีกด้วย อย่างไรก็ตาม บนเส้นทางสู่การเป็นช่างภาพมืออาชีพซึ่งผมใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายภาพมาได้ห้าปีหรือหกปีเท่านั้น ผมเคยมีอดีตที่เลวร้ายสุดๆ เช่นกันในช่วงแรกๆ ผมเคยพยายามที่จะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำไป จนกระทั่งผมได้เปลี่ยนมุมมองในการคิดและการใช้ชีวิตจนกระทั่งผมเติบโตขึ้นและได้กลายมาเป็นผมในทุกวันนี้
คุณเติบโตขึ้นมาในแบบไหน?
ในช่วงวัยเด็กของผม ผมต้องเจอกับการเลือกปฏิบัติทั้งจากครอบครัว เพื่อนๆ เพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนเล่นของผม หลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษา ผมก็ออกจากโรงเรียน ผมเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนพิเศษซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีความบกพร่อง ที่นั่นผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิตและมีความมั่นใจในการแข่งขันกับผู้ที่ไม่ทุพพลภาพจากนั้นผมก็เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยโดยมีวิชาเอกคือกฎหมาย
Canon EOS 6D, EF50mm f/1.8L STM lens, f/1.8, 50mm, 1/640 sec, ISO100
หากคุณสะดวกใจที่จะแชร์เรื่องราวกับเรา ช่วงเวลาที่เจ็บปวดหรือประสบการณ์ที่ทำให้คุณหัวใจสลายคือตอนไหน?
เหตุการณ์หนึ่งในชีวิตที่ทำให้ผมหัวใจสลายคือตอนที่พ่อกับแม่ของผมไม่ยอมรับผมเป็นลูกชาย ผมถูกเอาไปทิ้งที่แม่น้ำและถูกปล่อยทิ้งไว้อยู่อย่างนั้น
คุณรู้สึกอย่างไรในเรื่องดังกล่าว?
ผมภูมิใจนะครับ ผมภูมิใจเพราะการกระทำของพ่อแม่ผมทำให้เกิดบูมเมอแรงเอฟเฟ็กต์ การกระทำของพ่อแม่ได้กลายมาเป็นแรงกระตุ้นสำหรับผม แรงกระตุ้นที่ทำให้ผมยืนหยัดเพื่อพิสูจน์ให้คนทั้งอินโดนีเชียและคนทั้งโลกได้รู้ว่า ความทุพพลภาพไม่ใช่เชื้อไวรัส ความพิการไม่ได้เป็นเชื้อโรค ความทุพพลภาพไม่ได้เป็นความไร้ค่า แท้จริงนั้น คนที่มีความทุพพลภาพคือคนที่แตกต่างไปจากคนอื่น พวกเขามีความสามารถที่แตกต่างออกไปและต้องการโอกาสในการดำเนินชีวิตและโอกาสในการทำงานพวกเขาต้องการโอกาสที่จะได้ค้นพบอนาคตของพวกเขา
เป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ ที่ถึงจะเอาคุณไปทิ้งแม่น้ำ แต่พ่อแม่ของคุณกลับรู้สึกเห็นใจและพาคุณกลับมา จากนั้นสายสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพ่อแม่ก็แน่นแฟ้นขึ้นโดยเฉพาะกับแม่ของคุณ คุณและพ่อแม่ของคุณสร้างความผูกพันที่เหนียวแน่นได้อย่างไร?
หลังจากผ่านไปสักพัก พ่อกับแม่ของผมก็ตระหนักว่า พระเจ้าได้มอบผมมาให้พวกท่าน นี่เป็นเรื่องของโชคชะตาสุดท้ายแล้ว พ่อแม่ของผมก็เริ่มรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมแม้ว่าจะยังลังเลใจอยู่บ้าง ในที่สุดความสัมพันธ์ของพวกเราก็แข็งแกร่ง
มีใครที่เป็นแรงกระตุ้นหรือคอยให้ความช่วยเหลือคุณบ้างไหม?
มีครับ แม่ของผมเอง! แม่มักจะบอกผมอยู่เสมอว่า ผมเป็น 'คนที่ถูกเลือก' อย่างเช่น “ลูกเป็นคนที่ถูกเลือกแล้วว่าจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในสักวัน”นี่คือคำพูดของแม่ที่ผมยังคงจำมาจนถึงทุกวันนี้แม้ว่าแม่ของผมจะไม่อยู่แล้วก็ตาม
แม่ของคุณเสียชีวิตนานหรือยังและด้วยสาเหตุอะไร?
แม่ของผมเสียชีวิตเมื่อ 4 ปีที่แล้วเพราะเป็นมะเร็ง
นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมากๆ คุณเอาชนะและจัดการกับความสูญเสียได้อย่างไร?
ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งยากและชุลมุนวุ่นวายมากที่สุดสำหรับผมเพราะแม่คือคนที่เป็นแรงกระตุ้นหลักของผม ผมเหมือนกับสูญเสียทุกอย่างไป ผมต้องใช้เวลาอยู่เป็นปีกว่าจะกลับมายืนได้อีกครั้ง ตอนที่แม่ของผมเสียชีวิต ผมยังคงตกงานก็เลยไม่มีรายได้ จากนั้นผมก็คิดได้ว่า หากผมมัวแต่คิดเรื่องการสูญเสีย ผมก็คงจะไม่สามารถดำเนินชีวิตของผมต่อไปได้ จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของผมหลังจากนั้น? จะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของผม?ผมก็เลยบอกกับตัวเองว่า ผมจะต้องลุกขึ้นยืนและทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อของผม
Canon EOS 5D Mark II, EF50mm f/1.8L STM lens, f/2.8, 50mm, 1/250 sec, ISO200
หลังจากนั้นคุณก็เลยเลือกที่จะรับงานถ่ายภาพใช่ไหม? คุณกลายมาเป็นช่างภาพได้อย่างไร?
ใช่ครับ หลังจากที่แม่ของผมจากไปผมก็หันมาศึกษาการถ่ายภาพอย่างจริงจัง
การถ่ายภาพทำให้คุณนึกถึงแม่ของคุณไหม?
อืม แน่นอนครับ ที่ผ่านมา แม่ของผมอยากให้ผมทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงมากอย่างการทำงานภาคสนามอะไรแบบนี้ นั่นเป็นเพราะผมไม่สามารถทำงานกลางแจ้งแบบนั้นได้ และอย่างน้อยๆ ผมควรทำงานด้วยความชาญฉลาดของผมการถ่ายภาพทำให้ผมได้ค้นพบทุกสิ่ง
อะไรคือสิ่งที่ยากลำบากที่สุดที่คุณต้องเผชิญตอนที่คุณเรียนรู้ที่จะเป็นช่างภาพ?
มีความท้าทายและความยากลำบากต่างๆ จำนวนมากที่ผมพบเจอมา หนึ่งในนั้นก็คือการเลือกปฏิบัติระหว่างคนที่เป็นช่างภาพด้วยกัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมอยากจะลงเรียนแต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น พอผมถามว่าทำไม พวกเขาบอกว่า เพราะผมเป็นคนพิการ อย่างไรก็ตาม ผมไม่หยุดอยู่แค่นั้น ผมจะต้องค้นหาศักยภาพในตัวผมให้เจอหนึ่งในการที่จะทำเช่นนั้นได้ก็คือครูที่ดีที่สุดของผม Google กับ YouTube นั่นเองครับ
อาจพูดได้ว่า นั่นเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สาหัสที่สุดที่คุณเผชิญมาเลยใช่ไหม? แล้วคุณเอาชนะความท้าทายเหล่านั้นมาได้อย่างไร?
ที่จริงผมก็ไม่ได้ใช้เทคนิคพิเศษอะไรหรอก ผมก็แค่ต้องปรับใช้จากกล้องถ่ายรูปตัวเก่ามาถึงกล้องถ่ายรูปตัวใหม่ ผมต้องปรับใช้เพราะผมไม่ได้ใช้นิ้วในการใช้งานกล้อง DSLR แต่ผมต้องใช้ปากของผมแทน
คุณบอกว่าคุณเคยตกจากหน้าผาในขณะที่กำลังถ่ายภาพ! คุณพอจะแชร์ประสบการณ์ในเรื่องนี้ได้ไหม?
นั่นเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเรียนรู้การถ่ายภาพ ก่อนที่จะมาถ่ายภาพแฟชันกับผลิตภัณฑ์ ผมเริ่มต้นเรียนรู้จากการถ่ายภาพภูมิทัศน์ ผมทราบดีว่าภูมิประเทศแถวน้ำตกเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายและผมก็รู้ดีอีกเช่นกันว่าผมจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ในที่สุด ผมก็ตกลงมาจากความสูง 10 เมตรอย่างไรก็ตาม สิ่งแรกที่ผมมองดูไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่ผมได้รับแต่เป็นกล้องถ่ายรูปของผมต่างหาก
Canon EOS 6D, EF70-200mm f/4L USM lens, f/4, 184mm, 1/200 sec, ISO640
คุณจะบรรยายตัวคุณว่าอย่างไร? คุณเป็นคนสนุกสนานไหม? รักการผจญภัยไหม? ชอบหัวเราะหรือว่าจริงจัง?
ในภาษาอินโดนีเชีย น่าจะเป็นคำว่า ‘Goplak’ คำว่า ‘Goplak’ เป็นคำที่ใช้บรรยายถึงคนที่ชอบความสนุกสนานน่ะครับผมสามารถสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับใครก็ได้โดยไม่สนใจว่าคนๆ นั้นจะพิการหรือไม่
เพื่อนๆ ของคุณเรียกคุณว่า ‘Goplak’ กันไหม?
โอ้ แน่นอนครับ หลายคนเลยล่ะ
คุณชอบไปเดินเขากับดำน้ำตื้น คุณไม่รู้สึกกลัวบ้างเลยเหรอ?
ไม่ ไม่เลยครับอันที่จริง ในอนาคต ผมอยากจะลองถ่ายภาพใต้น้ำดูบ้างหากเป็นความประสงค์ของพระเจ้า
กล้องตัวโปรดของคุณของคุณล่ะ?
กล้องตัวโปรดของผมคือ Canon 5D Mark II, Canon 6D และ Canon 1DX
กล้องพวกนี้หนักเกินไปสำหรับคุณตอนที่คุณต้องถือกล้องหรือเปล่า?
ไม่เลยครับ ผมเคยใช้ Canon 5D Mark II กับเลนส์เทเลโฟโต้ F2.8 ด้วยซ้ำไปนั่นเป็นกล้องถ่ายรูปตัวโปรดของผมเลยล่ะ
แสดงว่าคุณแข็งแรง ว่าไหม?
ก็น่าจะนะครับ ฮ่าๆ!
คุณอยากจะกล่าวอะไรก่อนจบการสัมภาษณ์ในครั้งนี้บ้างไหม?
แน่นอนครับ ผมอยากจะขอบคุณการสนับสนุนจาก Canon ในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ กล้องถ่ายรูปบางตัวของผมมาจากการสนับสนุนที่ผมได้รับจาก Canon อินโดนีเชีย เมื่อไม่นานมานี้ ผมโทรศัพท์ไปหา Merry Harun จาก Canon อินโดนีเชีย เพื่อขอความช่วยเหลือเพราะผมต้องใช้แฟลช Speedlite สำหรับทริปไปสิงคโปร์ของผมเธอตกลงและส่งแฟลชมาให้ผมตอนที่ผมอยู่ที่บันยูวังงี
ว้าว เป็นการจัดส่งสุดพิเศษ เยี่ยมสุดๆ ไปเลย! มีถ้อยคำสร้างแรงบันดาลใจอะไรที่คุณอยากบอกผู้ที่อ่านการถามตอบในครั้งนี้ไหมครับ?
จงมุ่งมั่นต่อไปและอย่ายอมแพ้!
คุณสามารถดูภาพถ่ายของ Bang Dzoel ได้ที่อินสตาแกรมของเขา ชมวิดีโอสัมภาษณ์ Bang Dzoel ของ Canon ได้ที่นี่: