ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

ทำความรู้จักกับเลนส์ Canon ของคุณ (2): คุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ของเลนส์เทเลโฟโต้และเลนส์มาโคร

2021-07-30
2
641
ในบทความนี้:

ก่อนหน้านี้ เราได้ศึกษาคุณสมบัติต่างๆ ที่คุณพบได้ในเลนส์ส่วนใหญ่กันไปแล้ว รวมทั้งเลนส์คิทและเลนส์เดี่ยวมาตรฐาน ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงคุณสมบัติที่คุณจะพบในเลนส์พิเศษ 2 ชนิด นั่นคือเลนส์เทเลโฟโต้และเลนส์มาโคร

คุณสมบัติที่เราจะมาดูกัน
1) ตัววัดระยะ
2) สวิตช์เลือกช่วงระยะโฟกัส
3) โหมด IS หลากหลายแบบ
4) แหวนคอลลาร์สำหรับยึดขาตั้งกล้อง
5) ปุ่มตั้งค่าโฟกัสล่วงหน้า
6) แฟลช Macro Lite ในตัว
7) วงแหวนปรับการซูมแบบสัมผัส
8) ช่องปรับฟิลเตอร์
9) วงแหวนควบคุม SA

 

1. ตัววัดระยะ

A: อัตราขยายภาพ
B: ระยะโฟกัส

ตัววัดระยะจะแสดงระยะโฟกัส ซึ่งหมายถึงระยะห่างจากเซนเซอร์ภาพจนถึงจุดโฟกัสในหน่วยเมตรหรือฟุต และอาจแสดงอัตราขยายภาพด้วย ขึ้นอยู่กับรุ่นของเลนส์ คุณจะใช้ค่าระยะโฟกัสที่อ่านได้จากเครื่องหมายดัชนีสีขาวที่อยู่ด้านล่างของตัววัด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อตัววัดแสดงค่า ‘3 ม.’ ตัวแบบที่อยู่ห่างจากเครื่องหมายระนาบโฟกัสของกล้องสามเมตรจะอยู่ในโฟกัส

ในภาพด้านบน เลนส์ตั้งไว้ให้โฟกัสที่ระยะอนันต์ และอัตราในกรอบ ‘A’ คืออัตราขยายภาพ (ขนาดจริงของตัวแบบเทียบกับภาพของตัวแบบบนเซนเซอร์ภาพ) อัตราส่วน 1:5 หมายถึงกำลังขยาย 0.2 เท่า

สำหรับเลนส์มาโคร กำลังขยายสูงสุดมักจะเกิดขึ้นที่ระยะโฟกัสใกล้สุดของเลนส์ เพื่อรักษากำลังขยายระดับนี้ไว้ ให้ใช้โฟกัสแบบแมนนวลและปรับระยะโฟกัสของคุณตามนั้น หลังจากนั้น คุณเพียงแค่ต้องขยับเลนส์ไปข้างหน้าและหลังจนกว่าตัวแบบของคุณจะอยู่ในโฟกัส


ความเป็นมาโดยย่อ

ช่องแสดงตัววัดระยะเป็นสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่จากสมัยที่ยังใช้โฟกัสแบบแมนนวลกันเป็นบรรทัดฐาน และมักจะใช้ร่วมกับตัววัดระยะชัดลึกที่ทำให้ผู้ใช้สามารถประมาณได้ว่าภาพจะอยู่ในโฟกัสมากเท่าใดที่รูรับแสงและทางยาวโฟกัสที่ใช้

เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การมาถึงของระบบโฟกัสอัตโนมัติ เลนส์ซูม และการออกแบบเลนส์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้นทำให้เลนส์ในปัจจุบันมีเพียงแค่ช่องแสดงตัววัดระยะอย่างง่ายหรืออาจไม่มีเลย แต่ถึงแม้จะอยู่ในรูปแบบอย่างง่าย ตัววัดระยะก็ยังคงมีประโยชน์สำหรับการถ่ายภาพในฉากที่มืดจนกระทั่งมองตัวแบบแทบไม่เห็นในช่องมองภาพ หรือเมื่อคุณต้องการแน่ใจว่าโฟกัสอยู่ที่ระยะอนันต์ นอกจากนี้ยังเป็นการวัดที่มีประโยชน์ในฉากที่คุณต้องการจับโฟกัสที่ระยะโฟกัสหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับสวิตช์เลือกช่วงระยะโฟกัส


เคล็ดลับน่ารู้ (1): ตัววัดระยะในหน้าจอ LCD

เลนส์ EF70-300mm f/4-5.6 IS II USM มีหน้าจอ LCD ที่สามารถแสดงตัววัดระยะได้ รวมถึงข้อมูลประเภทอื่นๆ ด้วย


เคล็ดลับน่ารู้ (2): ในระบบ EOS R คุณสามารถแสดงตัววัดระยะใน EVF ได้

เลนส์ RF ไม่มีช่องแสดงตัววัดระยะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า Canon ได้ยกเลิกคุณสมบัตินี้ไปโดยสิ้นเชิง คุณยังสามารถดูตัววัดระยะได้ในช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์และหน้าจอแบบ Live View เมื่อใช้เลนส์ RF โดยเปิดใช้งานตัววัดระยะในเมนู Setup (หาเมนู “แสดงข้อมูลการถ่ายภาพ”) นี่จึงเป็นหนึ่งในข้อดีของการแสดงข้อมูลใน EVF และความสามารถในการสื่อสารที่รวดเร็วของเมาท์ RF

ข้อควรรู้: เส้นกรอบสีแดงในภาพหน้าจอด้านบนเกิดจากโฟกัสพีค ซึ่งช่วยให้คุณโฟกัสแบบแมนนวลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

2. สวิตช์เลือกช่วงระยะโฟกัส

สวิตช์เลือกช่วงระยะโฟกัสของ (จากซ้าย) เลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM, RF400mm f/2.8L IS USM และ RF70-200mm f/4L IS USM

สวิตช์นี้เรียกอีกอย่างว่าสวิตช์จำกัดโฟกัสหรือตัวจำกัดโฟกัส ซึ่งช่วยให้คุณสามารถจำกัด AF ให้ทำงานเฉพาะในช่วงโฟกัสที่เลือกได้ คุณสมบัตินี้ช่วยลดการไล่หาจุดโฟกัสในฉากที่ตัวแบบอยู่ในโฟกัสช่วงใดช่วงหนึ่งเสมอ ไม่ว่าจะค่อนข้างใกล้หรือไกลจากเลนส์

 

3. โหมด IS หลากหลายแบบ

นอกจากสวิตช์ระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ช่วยให้คุณเปิดปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวเลนส์ได้แล้ว เลนส์เทเลโฟโต้ระดับมืออาชีพของ Canon ยังมีสวิตช์เลือกโหมดป้องกันภาพสั่นไหวด้วย ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้โหมดป้องกันภาพสั่นไหวได้จาก 3 โหมดแตกต่างกัน (2 โหมดในเลนส์รุ่นเก่า) ระหว่างการถ่ายภาพแบบถือกล้องด้วยมือ


โหมดที่ 1: ตัวแบบที่อยู่นิ่ง

โหมดนี้จะแก้ไขการเบลอที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้องในทุกทิศทาง


โหมดที่ 2: ตัวแบบที่เคลื่อนไหว/การแพนกล้อง (“โหมดแพนกล้อง”)

ในโหมดนี้ เลนส์จะตรวจจับทิศทางการแพนเมื่อคุณแพนกล้องในแนวนอนหรือแนวตั้ง และแก้ไขการสั่นของกล้องที่เกิดขึ้นในทิศทางที่ตั้งฉากกับการแพนกล้องเท่านั้น โหมดนี้ยังเหมาะสำหรับตัวแบบที่เคลื่อนที่ในทิศทางที่แน่นอนด้วย เช่น ยานพาหนะต่างๆ


โหมดที่ 3: ตัวแบบที่มีการเคลื่อนไหวแบบคาดเดาไม่ได้ (“โหมดกีฬา”)

ในโหมด IS ที่ 1 และ 2 การป้องกันภาพสั่นไหวจะเกิดขึ้นในขณะที่คุณกดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าในขณะที่คุณมองดูตัวแบบ ภาพที่เห็นจากช่องมองภาพจะไม่เกิดการสั่นด้วย อย่างไรก็ตาม อาจทำให้เกิดมุมมองที่ไม่เป็นธรรมชาติได้หากคุณกำลังติดตามตัวแบบที่เคลื่อนที่แบบคาดเดาทิศทางไม่ได้ โหมด IS ที่ 3 แก้ปัญหานี้โดยทำการป้องกันการสั่นไหวในขณะเปิดรับแสงเท่านั้น

ถ่ายด้วยกล้อง EOS R5 และเลนส์ RF400mm f/2.8L IS USM โหมด IS ที่ 3 เหมาะสำหรับการถ่ายภาพตัวแบบที่คาดเดาไม่ได้ เช่น กีฬาที่ใช้ลูกบอลและสัตว์ป่า

 

4. แหวนคอลลาร์สำหรับยึดขาตั้งกล้อง

A: แหวนคอลลาร์สำหรับยึดขาตั้งกล้อง
B: ตัวล็อค

ความยาวและน้ำหนักของเลนส์เทเลโฟโต้ทั่วไปจะทำให้การติดตั้งอุปกรณ์มีน้ำหนักมากที่ด้านหน้า การติดตั้งอุปกรณ์เช่นนี้ลงบนขาตั้งกล้องโดยใช้ตัวกล้องไม่เพียงแต่ทำให้ขาดความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับเมาท์ของเลนส์ด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นคงสูงสุด จึงควรติดตั้งอุปกรณ์โดยใช้ตัวเลนส์แทน

เลนส์ซูมเทเลโฟโต้และซูเปอร์เทเลโฟโต้ในซีรีย์ L ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับแหวนคอลลาร์สำหรับยึดขาตั้งกล้อง (คอลลาร์ขาตั้งกล้อง) เพื่อวัตถุประสงค์นี้ แหวนคอลลาร์สำหรับยึดขาตั้งกล้องได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถหมุนกล้องและเลนส์ในการถ่ายภาพโดยวางแนวกล้องได้ทุกแบบ


ให้การเปลี่ยนแนวกล้องเป็นเรื่องง่าย

คุณเพียงแค่ต้องคลายตัวล็อคที่อยู่บนตัวคอลลาร์ ปรับกล้องและเลนส์ให้อยู่ในตำแหน่งการถ่ายภาพที่คุณต้องการ จากนั้นจึงขันตัวล็อคให้แน่นอีกครั้ง ภาพด้านบนเป็นเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM แต่วิธีเดียวกันนี้ก็ใช้ได้กับแหวนคอลลาร์สำหรับยึดขาตั้งกล้องที่มาพร้อมกับเลนส์เทเลโฟโต้ซีรีย์ L ส่วนใหญ่เช่นกัน

หมายเหตุ: สำหรับเลนส์รุ่นอื่น เช่น RF100mm f/2.8L Macro IS USM หรือเลนส์ที่ไม่ได้อยู่ในซีรีย์ L แหวนคอลลาร์สำหรับยึดขาตั้งกล้องจะมีจำหน่ายแยกต่างหาก เลนส์บางรุ่นจะมีคอลลาร์สำหรับยึดขาตั้งกล้องในตัวแทนการใช้กับแหวนคอลลาร์สำหรับยึดขาตั้งกล้อง

 

5. ปุ่มตั้งค่าโฟกัสล่วงหน้า

ผู้ใช้เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้หลายคนถ่ายภาพสัตว์ป่าหรือการเคลื่อนไหวซึ่งต้องอาศัยการตอบสนองที่รวดเร็วเพื่อจับภาพในเวลาเสี้ยววินาที ฟังก์ชันนี้พบได้ในเลนส์เดี่ยวซูเปอร์เทเลโฟโต้ซีรีย์ L เวอร์ชันเมาท์ EF และ RF โดยจะช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บและจดจำระยะโฟกัสที่ตั้งไว้ล่วงหน้าได้ เพื่อให้คุณสามารถโฟกัสที่ระยะหนึ่งได้ทันที

 

คุณสมบัติเฉพาะตัวอื่นๆ ของเลนส์แต่ละรุ่น

6. แฟลช Macro Lite ในตัว

พบได้ใน: เลนส์ EF-M28mm f/3.5 Macro IS STM, EF-S35mm f/2.8 Macro IS STM

การถ่ายภาพระยะใกล้ด้วยเลนส์มาโครเป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้คุณเห็น อย่างไรก็ตาม เมื่ออุปกรณ์ของคุณอยู่ใกล้กับตัวแบบมาก อาจเป็นการยากที่จะได้รับแสงในฉากอย่างเพียงพอ

หากคุณยังเป็นมือใหม่ในการถ่ายภาพมาโคร แฟลช Macro Lite ในตัวเลนส์ EF-M28mm f/3.5 Macro IS STM และ EF-S35mm f/2.8 Macro IS STM จะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลกับการลงทุนซื้ออุปกรณ์จัดแสงเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการถ่ายภาพมาโครโดยเฉพาะ จึงทำให้คุณใช้ประโยชน์จากระยะโฟกัสใกล้สุดซึ่งใกล้มากที่ 9.3 ซม. และ 13 ซม. ตามลำดับให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ง่ายขึ้น

กดปุ่มเปิด Macro Lite เพื่อเปิดแฟลช Macro Lite


มีการตั้งค่าความสว่าง 2 ระดับให้เลือก ใช้ปุ่มเปิด Macro Lite เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าระหว่าง ปิด สว่าง และหรี่แสง คุณยังสามารถใช้ไฟด้านซ้ายและขวาแยกกันได้ด้วย หากต้องการสลับระหว่างโหมดไฟดวงเดียวและสองดวง ให้กดปุ่มเปิด Macro Lite ลงครึ่งหนึ่ง

ดูผลลัพธ์ที่ได้จากแฟลชและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเลนส์เหล่านี้ได้ที่:
รีวิวภาพถ่าย EF-M28mm f/3.5 Macro IS STM
การทดลองใช้ EF-S35mm f/2.8 Macro IS STM

 

7. วงแหวนปรับการซูมแบบสัมผัส

พบได้ใน: EF100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM, RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM

วงแหวนนี้ช่วยให้คุณปรับแรงที่ใช้ในการหมุนวงแหวนซูมตามที่คุณต้องการ ‘SMOOTH’ จะทำให้ใช้แรงในการหมุนวงแหวนซูมน้อยลงในขณะที่ ‘TIGHT’ จะทำให้ใช้แรงมากขึ้นในการหมุนวงแหวน

 

8. ช่องปรับฟิลเตอร์

พบได้ใน: RF70-200mm f/2.8L IS USM, EF100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM, RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM

ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ทรงกลม (CPL) ช่วยลดแสงหลอกและแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้สีสันต่างๆ ดูเข้มขึ้น ในขณะเดียวกัน เลนส์ฮูดจะช่วยป้องกันแสงอาทิตย์ส่วนเกินไม่ให้เข้ามาในเลนส์และทำให้เกิดแสงแฟลร์ที่คุณไม่ต้องการ การออกแบบเลนส์ฮูดอันเป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยให้คุณยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เนื่องจากมีช่องที่สามารถเปิดและปิดเพื่อให้คุณปรับฟิลเตอร์ CPL ได้โดยไม่ต้องถอดเลนส์ฮูดออก เพียงแต่ต้องไม่ลืมปิดช่องก่อนถ่ายภาพ!

 

9. วงแหวนควบคุม SA

พบได้ใน: RF100mm f/2.8L Macro IS USM

วงแหวนควบคุมความคลาดทรงกลมทำให้คุณสามารถปรับระดับของความคลาดทรงกลม (SA) ได้ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนลักษณะของโบเก้ เมื่อหมุนวงแหวนไปยัง ‘-’ จะทำให้เส้นขอบของโบเก้ในแบ็คกราวด์นุ่มนวลขึ้นและเส้นขอบของโบเก้ในโฟร์กราวด์จะชัดเจนขึ้น ในขณะที่การหมุนวงแหวนไปยัง ‘+’ จะทำให้ได้เอฟเฟ็กต์ “โบเก้แบบฟองสบู่” เช่นเดียวกับที่พบในเลนส์วินเทจบางรุ่น

หมุนวงแหวนควบคุม SA ไปยัง ‘-’

หมุนวงแหวนควบคุม SA ไปยัง ‘+’

 

---

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเลนส์ได้ที่:
In Focus: RF Lens
In Focus: Lenses FAQs
จุดโฟกัส: พื้นฐานเกี่ยวกับเลนส์

 


รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT

ลงทะเบียนตอนนี้!

บทความที่เกี่ยวข้อง

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา