กล้อง EOS 100D เป็นกล้องดิจิตอล SLR ที่เล็กและเบาที่สุดในโลกซึ่งประกอบด้วยเซนเซอร์ขนาด APS-C* ต่อไปเป็นรีวิวฉบับมืออาชีพที่จะให้ภาพที่สมบูรณ์จากแบบถ่ายภาพที่ยาก พร้อมตัวอย่างจริง
*กล้อง EOS 100D มีบอดี้ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในบรรดากล้อง DSLR ขนาด APS-C ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ (ข้อมูลของเดือนมีนาคม 2013, Canon)
กล้อง DSLR ตัวจริงที่มีขนาดเล็กน่าทึ่งคุณภาพใกล้เคียงความสมบูรณ์แบบ
EF40mm f/2.8 STM/ Program AE (1/80 วินาที, f/2.8, -1.3EV)/ ISO 1600/ WB: อัตโนมัติ
ภาพสิ่งของชิ้นเล็กๆ และดูลี้ลับบนชั้นแสดงสินค้าในร้านค้าที่ผมไปเป็นประจำ บางครั้ง ผมถ่ายภาพสิ่งของบนชั้นวางของที่บ้านด้วย เพราะสิ่งเหล่านั้นบอกเรื่องราวได้มากมายถึงความเก่าแก่ที่เคยได้ใช้งาน
ช่องมองภาพแบบออพติคอลในบอดี้กล้องขนาดกะทัดรัดที่ให้โฟกัสอัตโนมัติรวดเร็วพร้อมพลังแบตเตอรี่ยอดเยี่ยม
เป็นเวลานานแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกทึ่งกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กล้อง EOS 100D มีขนาดเล็กเหมาะมืออย่างน่าทึ่งจริงๆ ไม่เพียงเท่านั้น ตัวกล้องยังมีน้ำหนักเบาอีกด้วย! คำกล่าวที่ว่า "กล้องดิจิตอลที่ยอดเยี่ยมที่สุด คือ ตระกูล EOS รุ่นเลขสามหลัก" ยังคงเป็นความจริง
แม้ว่ากล้อง EOS 100D ที่มีบอดี้แบบมิเรอร์เลสรุ่นนี้จะมีน้ำหนักเบาและมีขนาดกะทัดรัด ทว่าเป็นกล้อง SLR ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ ความเร็วของการโฟกัสอัตโนมัติเป็นหนึ่งในจุดเด่นของกล้องแบบมีกระจก และแม้ว่าประสิทธิภาพของ Contrast AF จะได้รับการพัฒนาสูงขึ้นในปัจจุบัน แต่ Phase-difference AF ก็ยังคงมีประโยชน์อยู่ การทำงานที่แม่นยำของระบบโฟกัสอัตโนมัติทำให้กล้องรุ่นนี้น่าใช้งานมาก ความชัดใสของช่องมองภาพดีเยี่ยม จึงมอบประสบการณ์การมองที่เพลิดเพลินให้แก่ผู้ใช้ ในแบบที่จอ LCD ด้านหลังหรือ EVF (ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์) ไม่สามารถทำได้
กล้อง EOS 100D เป็นกล้อง DSLR ตัวจริงที่มาในขนาดเล็กกะทัดรัดจนน่าทึ่ง Phase-difference AF สามารถใช้งานได้ในขณะถ่ายภาพด้วยช่องมองภาพแบบออพติคอล ทำให้สามารถโฟกัสได้รวดเร็ว
ข้อกวนใจอย่างหนึ่งเกี่ยวกับกล้องมิเรอร์เลสสำหรับผม ก็คือ ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ เนื่องจากกำลังไฟมักหมดไปกับการใช้จอ LCD อย่างต่อเนื่อง ผมจึงต้องคอยระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่หมดเร็วระหว่างการถ่ายภาพ โดยเฉพาะในสภาวะอุณหภูมิต่ำๆ เช่น ในฤดูหนาว แบตเตอรี่จะหมดเร็วขึ้น ทำให้ผมต้องหยุดถ่ายภาพแม้จะอยากทำก็ตาม ในทางกลับกัน ผมเชื่อว่า จุดเด่นที่สุดของกล้อง DSLR อยู่ที่แบตเตอรี่ ในช่วงทดลองใช้งาน ผมใช้กล้อง EOS 100D อยู่ 3 วัน และถ่ายภาพไปถึง 8 GB ถึงแม้ว่าจะถ่ายภาพในฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเย็น และถ่ายภาพเยอะถึงเกือบ 3 GB ต่อวัน ระดับแบตเตอรี่กลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย
แม้จะมีขนาดเท่ากับกล้องมิเรอร์เลส แต่จุดแข็งที่สำคัญที่สุดของกล้อง EOS 100D ก็คือระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ คุณสามารถพกพากล้องไปได้ทุกที่และถ่ายภาพทุกเวลาที่ต้องการ
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ ความเที่ยงตรงของ AWB (สมดุลแสงขาวอัตโนมัติ) ซึ่งสามารถแสดงสีของตัวแบบได้อย่างถูกต้องไม่ว่าสภาวะการถ่ายภาพเป็นเช่นไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ ประสิทธิภาพการแสดงสีเทาซึ่งเป็นสีพื้นฐาน แม้ว่าเรื่องนี้อาจเป็นภารกิจที่ท้าทาย การตั้งค่าอัตโนมัติจะจัดการทุกอย่างให้กับผู้ใช้ จนแทบไม่จำเป็นต้องปรับแต่งภาพหลังการถ่ายมากนัก เลนส์โปรดของผมรุ่นหนึ่ง ได้แก่ EF40mm f/2.8 STM ซึ่งใช้งานกับกล้อง EOS 100D ได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องขนาดและความสมดุล การใช้กล้องและเลนส์ตัวนี้ร่วมกันนับเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบทีเดียวสำหรับการเดินทาง เพราะจะทำให้คุณเพลินทั้งด้วยความสะดวกสบายในการพกพาและคุณภาพภาพถ่ายไร้ที่ติ
ความเที่ยงตรงของสมดุลแสงขาวยังมีการพัฒนาดีขึ้นอีกด้วย การตั้งค่าอัตโนมัตินี้สามารถแสดงสีได้เที่ยงตรงอย่างที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ไม่ขึ้นกับสภาวะการถ่ายภาพรอบข้าง คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าอย่างง่ายๆ โดยใช้หน้าจอสัมผัสได้ด้วย
Satoru Watanabe ประเมินกล้อง EOS 100D ในฐานะ "กล้องถ่ายภาพสแนปช็อต"
จุดที่ 2: กล้องเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา
จุดที่ 3: ภาพในช่องมองภาพชัดใส
ผมชอบผิวสัมผัสของปุ่มชัตเตอร์ซึ่งจะเลื่อนไปข้างหลังเล็กน้อยเมื่อกด ลักษณะนี้พบได้เฉพาะในกล้อง SLR เท่านั้น อีกทั้งขนาดอันกะทัดรัดน่าทึ่งทั้งที่เป็นกล้อง SLR ซึ่งใช้กลไกกระจกทำให้ผมสามารถเก็บใส่กระเป๋าใบเล็กๆ ได้ หลังจากคุ้นเคยกับกล้อง EOS 100D แล้ว ผมก็เป็นห่วงว่าตัวเองจะรู้สึกว่ากล้องตัวอื่นๆ เทอะทะเกินไปหากจะพกพาติดตัวไปด้วย บางคนอาจจะคิดว่าวิธีนี้เชยไปหน่อย แต่สำหรับผม ผมชอบที่จะถ่ายภาพผ่านช่องมองภาพมากกว่า กล้องรุ่นนี้ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบจริงๆ
EF-S18-55mm f/3.5-5.6 IS STM/ FL: 21 มม./ Program AE (1/25 วินาที, f/3.5)/ ISO 1600/ WB: อัตโนมัติ
บรรยากาศแวดล้อมมืดมากจนผมมองเห็นเพียงแค่เค้าโครงของวัตถุ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มักจะทำให้ผมไม่อยากลั่นชัตเตอร์อยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ด้วยคุณสมบัติของกล้องรุ่นใหม่ จึงเป็นจุดพลิกผันให้ผมได้ทะลวงข้อจำกัดต่างๆ โดยการถ่ายภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนภายใต้สภาวะแสงที่ไม่อำนวยได้อย่างที่ตั้งใจ
EF-S18-55mm f/3.5-5.6 IS STM/ FL:18 มม./ Program AE (1/15 วินาที, f/3.5)/ ISO 1600/ WB: อัตโนมัติ
การปรับปรุงพัฒนากล้องได้แปลงโฉมสถานที่ที่ผมเคยอาศัยอยู่เมื่อ 30 ปีก่อนให้กลายเป็นโลกอีกใบที่ผมไม่รู้จัก การถ่ายภาพสถานที่แห่งนี้ย้ำเตือนให้ผมนึกถึงสิ่งที่ผมเคยชอบที่นี่
EF40mm f/2.8 STM/ Program AE (1/80 วินาที, f/2.8)/ ISO 1600/ WB: อัตโนมัติ
คุณสมบัติใหม่ๆ ในการออกแบบกล้องรุ่นนี้ช่วยขยายขีดจำกัดในการถ่ายภาพให้กว้างขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจประสิทธิภาพของอุปกรณ์กล้องของคุณ เพื่อที่จะถ่ายภาพให้ออกมาตามที่คุณตั้งใจ ด้วยกล้องหรืออุปกรณ์เสริมใหม่ คุณอาจจะสามารถถ่ายฉากต่างๆ ที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
เกิดเมื่อปี 1961 ที่อำเภอยามากาตะ หลังจากจบการศึกษาจาก Nihon University College of Art ช่างภาพ Watanabe ร่วมงานกับสำนักหนังสือพิมพ์ Nikkan Sports News ที่ซึ่งเขาได้สั่งสมประสบการณ์การถ่ายภาพข่าวและกีฬา จากนั้นก็ได้ลาออกจากสำนักหนังสือพิมพ์ดังกล่าวแล้วผันตัวเป็นช่างภาพอิสระ Watanabe เริ่มทำเวิร์คช็อปการถ่ายภาพเมื่อปี 2003 ปัจจุบัน เขาทำงานในต่างประเทศด้วย โดยแสดงผลงานในแกลเลอรี่ TOSEI ในกรุงโตเกียวและ Tepper Takayama Fine Arts ในเมืองบอสตันเป็นหลัก