EOS 77D: รายละเอียดเกี่ยวกับ 7 คุณสมบัติสำคัญของการออกแบบภายนอก
EOS 77D อาจได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงผู้ที่รักการถ่ายภาพเป็นสำคัญ แต่ด้วยคุณสมบัติ อาทิ จอ LCD แบบปรับหมุนได้ แผงจอ LCD ด้านบน และวงแหวน Quick Control ทำให้กล้องมีการทำงานที่ทัดเทียมกล้องระดับไฮเอนด์ ในบทความนี้ เราจะมาดูถึง 7 คุณสมบัติของ EOS 77D เช่น การออกแบบภายนอกและระบบควบคุมการใช้งานของกล้องกัน (เรื่องโดย: Noboru Sonehara)
1. การออกแบบ
การออกแบบอันเรียบหรูที่มีแนวเส้นเพรียวบางเชื่อมต่อกับเส้นโค้งในแต่ละส่วนที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล คือคุณสมบัติที่เห็นได้ทั่วไปในกล้อง Canon EOS ทุกรุ่น เมื่อตั้งค่ากล้อง คุณจะไม่ลืมความรู้สึกสะดวกสบายขณะจับถือกล้องที่มีขนาดกะทัดรัดพอดีมือ
นอกจากนี้ เนื่องจาก EOS 77D ได้รับการวางตัวให้เป็นกล้อง DSLR ขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา Canon จึงคิดค้นวิธีการต่างๆ เพื่อลดขนาดของกล้อง เช่น การเปลี่ยนรูปทรงและคุณสมบัติเฉพาะของชิ้นส่วนที่ใช้ในช่องมองภาพ รวมถึงการจัดเรียงปุ่มต่างๆ
ด้านหน้า
ด้านหลัง
ด้านซ้าย
ด้านขวา
ด้านบน
EOS 77D มีขนาด 131 มม. x 99.9 มม. x 76.2 มม. (กว้าง x สูง x หนา) และหนัก 493 ก. (เฉพาะตัวกล้อง) และยังมีส่วนมือจับที่ออกแบบมาให้จับถือกล้องได้อย่างสะดวกพอดีมือ
2. ปุ่ม
คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งของ EOS 77D คือ จอ LCD ที่แสดงการตั้งค่าปัจจุบัน อาทิ ค่าการเปิดรับแสงและความไวแสง ISO กล้อง DSLR รุ่นไฮเอนด์หลายรุ่นของ Canon มาพร้อมกับแผงจอ LCD และข้อเท็จจริงที่ว่า EOS 77D มีแผงจอนี้เช่นเดียวกันเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราให้ความสำคัญกับการทำงานของกล้องรุ่นนี้มากเพียงใด
ยิ่งไปกว่านั้น การวางปุ่มต่างๆ อาทิ ปุ่มการเลือกพื้นที่ AF ปุ่มการตั้งค่าความไวแสง ISO และปุ่มปรับความสว่างของแผงจอ LCD ไว้ที่ด้านหน้าของแผงจอ LCD จะเป็นที่คุ้นเคยสำหรับผู้ใช้กล้อง EOS ระดับไฮเอนด์ ส่วนวงแหวนควบคุมหลักจะอยู่ที่บริเวณด้านหลังปุ่มชัตเตอร์
แผงจอ LCD อยู่ตรงมุมขวาบนของกล้อง ในขณะที่วงแหวนเลือกโหมดอยู่ที่ด้านซ้ายบนของกล้อง
ปุ่มด้านหลังโดยส่วนใหญ่จะรวมกลุ่มกันอยู่ทางด้านขวาของจอ LCD ซึ่งออกแบบมาให้มีลักษณะแบบปรับหมุนได้ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกด้วยมือขวาทุกครั้งที่ต้องการ
อีกระบบควบคุมหนึ่งที่สำคัญคือวงแหวน Quick Control ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นอีกประการหนึ่งของกล้องรุ่นนี้ วงแหวน Quick Control คือวงแหวนที่ใช้งานสะดวกอย่างยิ่ง สามารถใช้ร่วมกับวงแหวนควบคุมหลักในการเปิดรับแสงแบบแมนนวล (M) เพื่อตั้งค่ารูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ รวมถึงตั้งค่าการชดเชยแสงตามที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ EOS 77D ยังโดดเด่นด้วยปุ่ม AF-ON ตรงมุมขวาบนด้านหลังกล้อง ปุ่มนี้ทำให้คุณสามารถใช้งาน AF ได้อย่างอิสระ แยกต่างหากจากฟังก์ชั่นอื่นๆ อาทิ ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง และความไวแสง ISO และเป็นประโยชน์มากสำหรับการทำงานของการโฟกัสอัตโนมัติด้วยปุ่มด้านหลัง
3. ช่องมองภาพ
ช่องมองภาพแบบออพติคอล ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นจุดเด่นของกล้อง DSLR มีกำลังขยาย 0.82 เท่า ครอบคลุมช่องมองภาพ 95% และใช้การออกแบบแบบ Pentamirror
เซนเซอร์ปิดหน้าจอ (เซนเซอร์ตรวจจับดวงตา) ซึ่งติดตั้งอยู่เหนือช่องมองภาพ จะทำให้จอ LCD ปิดใช้งาน เมื่อใบหน้าของคุณเข้าไปใกล้กับเลนส์ใกล้ตา เป็นที่คาดการณ์ว่าคุณสมบัตินี้จะส่งเสริมให้ผู้ใช้งานใช้ประโยชน์จากการถ่ายภาพผ่านช่องมองภาพมากขึ้น เนื่องจากมีข้อดีคือช่วยประหยัดพลังงาน และป้องกันการเปิดใช้งานหน้าจอแบบสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
4. จอ LCD
จอ LCD ด้านหลังกล้องมีความกว้าง 3 นิ้ว และมีความละเอียดประมาณ 1.04 ล้านจุด การออกแบบจอให้ปรับหมุนได้ช่วยให้คุณถ่ายภาพจากมุมที่ต้องการได้ง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นมุมสูงเหนือระดับศีรษะหรือในมุมต่ำใกล้กับพื้นดิน
นอกจากนี้ การใช้งานจอแบบสัมผัสยังให้คุณสามารถเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการได้เพียงแค่แตะตัวแบบบนหน้าจอเท่านั้น และยังสามารถลั่นชัตเตอร์โดยอัตโนมัติเมื่อกล้องอยู่ในโฟกัสระหว่างการถ่ายภาพอีกด้วย
บนหน้าจอการถ่ายภาพ คุณสามารถดูการตั้งค่ากล้องต่างๆ ในภาพรวมได้ทันที เช่น ความเร็วชัตเตอร์ ค่ารูรับแสง ความไวแสง ISO การเปิดรับแสง และคุณภาพของภาพ เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะของกล้องรุ่นนี้จะพบได้ทั่วไปในกล้องซีรีส์ EOS รุ่นอื่นๆ ผู้ใช้งานที่รู้สึกคุ้นเคยกับกล้องรุ่นดังกล่าวจึงสามารถตรวจสอบข้อมูลที่จำเป็นได้โดยสะดวก
หน้าจอ Quick Control ที่คุณคุ้นเคยยังคงมีอยู่เช่นเดิม คุณสามารถเข้าใช้งานโดยกดปุ่ม Quick Control และเปลี่ยนการตั้งค่าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากการแสดงตารางแล้ว กล้องยังแสดงระดับความเอียงอิเล็กทรอนิกส์ อันเป็นคุณสมบัติที่เรียบง่ายแต่มีความพิเศษอีกด้วย
เมื่อคุณเลือก "คำแนะนำการใช้งาน" จากเมนูหน้าจอการถ่ายภาพ หน้าจอจะแสดงคำศัพท์ง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานอย่างเช่น "เบลอ" และ "คมชัด" แทนที่คำศัพท์เฉพาะทางมากกว่า
5. ช่องต่อ
ช่องต่อจะมีอยู่ 2 จุดที่บริเวณด้านซ้ายของตัวกล้อง
จุดแรกเมื่อเปิดฝาครอบจะพบช่องต่อรีโมทคอนโทรลอยู่ด้านบนและช่องต่ออินพุตไมโครโฟนเสริมอยู่ด้านล่าง ช่องต่อรีโมทคอนโทรลสามารถใช้งานร่วมกับรีโมทสวิตช์ RS-60E3 (ขายแยกต่างหาก) ขณะที่ช่องต่ออินพุตไมโครโฟนเสริมรองรับหัวเสียบสเตอริโอขนาดเล็ก 3.5 มม.
ในจุดที่สองเมื่อเปิดฝาครอบจะพบช่องต่อดิจิตอลอยู่ด้านบน และช่องต่อเอาต์พุต HDMI mini (Type-C) อยู่ด้านล่าง ช่องต่อดิจิตอลรองรับสายต่อเชื่อมที่มาพร้อมกับกล้อง
6. ช่องใส่สื่อบันทึก
EOS 77D มีช่องใส่การ์ด SD ทางด้านขวาของตัวกล้อง ซึ่งรองรับการ์ดหน่วยความจำ SD/SDHC/SDXC (การ์ดหน่วยความจำ SDHC และการ์ดหน่วยความจำ SDXC ใช้งานได้กับ UHS-I)
7. แบตเตอรี่
ช่องใส่แบตเตอรี่จะอยู่ด้านล่างของตัวกล้อง
กล้องใช้ชุดแบตเตอรี่ LP-E17 หนึ่งชุด และแท่นชาร์จแบตเตอรี่ LC-E17 เมื่อใช้งานแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มแล้ว (อายุใช้งานของแบตเตอรี่) ตามมาตรฐาน CIPA จำนวนภาพที่ถ่ายได้จะอยู่ที่ประมาณ 600 ภาพที่อุณหภูมิห้อง (23°C) หรือ 550 ภาพที่อุณหภูมิต่ำ (0°C) เมื่อถ่ายภาพผ่านช่องมองภาพ และประมาณ 270 ภาพที่อุณหภูมิห้อง หรือ 230 ภาพที่อุณหภูมิต่ำในการถ่ายภาพ Live View
แต่เดิมกล้อง EOS ระดับเริ่มต้นได้รับการออกแบบให้มีระบบปฏิบัติการอย่างง่าย เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานสำหรับผู้เริ่มต้นถ่ายภาพ แต่ในเวลาไม่นาน ขนาดที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบาของกล้องดึงดูดใจผู้ใช้งานระดับกลางและระดับสูง ซึ่งจะใช้กล้องรุ่นดังกล่าวเป็นกล้องตัวที่สอง (หรือแม้แต่เป็นกล้องหลักในบางกรณี) อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการใช้งานของกล้องยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานบางส่วนได้ เพื่อยกระดับจากรุ่นระดับเริ่มต้นดังกล่าว EOS 77D จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และยังมาพร้อมกับแผงจอ LCD และวงแหวน Quick Control
หากต้องการดูตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วย EOS 77D โปรดดูที่:
รีวิว EOS 77D พร้อมภาพตัวอย่าง
หรือคลิกที่นี่เพื่ออ่านเกี่ยวกับ 3 คุณสมบัติเด่นของ EOS 77D
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ ได้โดยลงทะเบียนกับเรา!
เกี่ยวกับผู้เขียน
ส่งข่าวสารรายวันเกี่ยวกับเรื่องราวของกล้องดิจิตอลและอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมถึงซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพ นอกจากนี้ยังเผยแพร่บทความต่างๆ เช่น รีวิวการใช้กล้องดิจิตอลจริงพร้อมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องรุ่นใหม่ๆ
หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Shinshu เขาเข้าทำงานในบริษัทผลิตวิดีโอ จากนั้นได้ผันตัวมาเป็นช่างภาพอิสระ เขาย้ายไปที่คันโตในปี 2010 และเน้นรับงานถ่ายภาพให้กับนิตยสารต่างๆ นอกจากนี้ยังเขียนบทความให้กับนิตยสารกล้อง และอื่นๆ อีกด้วย