ลืมโชว์แสงเลเซอร์ไปได้เลย เพราะไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจไปกว่าการแสดงที่ธรรมชาติสร้างขึ้นขณะเกิดพายุฟ้าคะนอง ความหลงใหลในการถ่ายภาพพายุและสายฟ้าของ Chris Ambler (@chris.ambler) ทำให้เขามีภาพถ่ายอันน่าทึ่งมากมายที่บันทึกทั้งพลังและความสวยงามของพายุเหล่านั้นไว้ในแบบที่เราไม่มีวันมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขาจะมาเล่าให้เราฟังว่าจะเริ่มต้นถ่ายภาพได้อย่างไร

EOS R5 Mark II + RF15-35mm f/2.8L IS USM ที่ 18 มม., f/6.3, 3.2 วินาที, ISO 100
เวลาถ่ายภาพ: 19.30 น.
บทนำ: ผมเริ่มถ่ายภาพพายุได้อย่างไร
ความหลงใหลในสภาพอากาศเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยที่ผมยังเป็นเด็กน้อยในเกาะบริเตนใหญ่ ผมจำได้ว่าแม่จะปลุกผมขึ้นมาเพื่อที่เราจะได้นั่งดูพายุด้วยกัน ผมเริ่มถ่ายภาพสภาพอากาศในช่วงที่โรคโควิด-19 กำลังระบาด ผมกักตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของตนเองและตัดสินใจว่าจะใช้วิวทะเลอันน่าทึ่งให้เป็นประโยชน์
ผมคิดว่าตนเองหลงใหลการบันทึกภาพทิวทัศน์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วครู่แต่สวยอลังการซึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศ โดยเฉพาะสายฟ้านั้นเป็นปรากฏการณ์ที่น่าประทับใจมาก และการถ่ายภาพสภาพอากาศยังเป็นการผ่อนคลายแบบหนึ่งสำหรับผม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ภาพโปรดของผมมักจะเป็นภาพที่ถ่ายในยามดึกหรือเช้าตรู่ในขณะที่ทั้งเมืองยังคงหลับใหล
ภาพสายฟ้าภาพแรกของผมถ่ายด้วย EOS R และ EF-S10-22mm f/3.5-4.5 USM แต่ทุกวันนี้ผมจะถ่ายภาพด้วยเลนส์ RF15-35mm f/2.8L IS USM กับกล้อง EOS R5 Mark II เป็นส่วนใหญ่
คุณต้องใช้อุปกรณ์ใดบ้างในการถ่ายภาพสายฟ้า
อุปกรณ์ขั้นต่ำที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการถ่ายภาพสายฟ้า ได้แก่:
- กล้องที่คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้
การที่สามารถตั้งค่ากล้องได้ด้วยตนเองจะช่วยให้คุณควบคุมกล้องได้ดีกว่าและมีโอกาสถ่ายภาพได้สำเร็จมากขึ้น
- ขาตั้งกล้องที่ดีและมั่นคง (หรือตัวหนีบ ขึ้นอยู่กับสถานที่ถ่ายภาพ)
เพื่อให้อุปกรณ์ของคุณมั่นคงและอยู่นิ่ง เพราะคุณจะต้องเปิดรับแสงนานท่ามกลางลมแรงเป็นส่วนใหญ่!
- วิธีลั่นชัตเตอร์จากระยะไกล
หากไม่มีอุปกรณ์ลั่นชัตเตอร์ระยะไกล คุณสามารถใช้การถ่าย Live View ระยะไกลหรือฟังก์ชั่นควบคุมระยะไกลด้วย Bluetooth ในแอปสมาร์ทโฟน Camera Connect ของ Canon
- ที่คลุมกันฝน/ถุงพลาสติกเพื่อปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากสภาพอากาศที่เปียกชื้น
แม้อุปกรณ์ของคุณจะมีซีลป้องกันสภาพอากาศ แต่การปกป้องเสริมอีกชั้นย่อมดีกว่าเสมอ!
- ผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับเช็ดน้ำออกจากเลนส์
เพื่อให้ภาพของคุณคมชัดหมดจดท่ามกลางสายฝน
หากคุณต้องการถ่ายภาพผ่านกระจกหน้าต่าง อย่าลืมใช้เลนส์ฮูดป้องกันแสงสะท้อนด้วย
เลนส์ที่ควรใช้จะขึ้นอยู่กับฉาก
สำหรับมือใหม่ ผมขอแนะนำให้ใช้มุมรับภาพกว้าง เนื่องจากสามารถเก็บภาพพายุให้อยู่ในเฟรมได้ง่ายกว่า ใช้เลนส์เทเลโฟโต้หากฉากแบ็คกราวด์ที่คุณต้องการนั้นอยู่ไกลออกไป ผมมักจะใช้เลนส์ RF15-35mm f/2.8L IS USM เพราะผมชอบถ่ายฉากกว้างไกลจากมุมสูงที่ผมใช้ถ่ายภาพเป็นประจำ

EOS R5 Mark II + RF15-35mm f/2.8L IS USM ที่ 15 มม., f/5, 0.5 วินาที, ISO 100
เวลาถ่ายภาพ: 02.00 น.
สายฟ้าขนาดใหญ่ที่ผ่าลงมาบนเครนยกสินค้าในท่าเรือ จำนวนพิกเซลที่มากถึง 45 ล้านพิกเซลของกล้อง EOS R5 Mark II ทำให้มีพื้นที่มากมายในการครอปภาพ
ผมจะใช้ขาตั้งกล้อง ตัวหนีบ หรือขาตั้งแบบสุญญากาศอย่างใดอย่างหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสถานที่ถ่ายภาพ เมื่อต้องถ่ายภาพจากที่สูง ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญพอๆ กับความมั่นคง เพราะผมไม่อยากให้อุปกรณ์ร่วงลงไปโดนคนที่อยู่ข้างล่าง!
ระบบรองรับของผมรวมถึงหัวบอลสามารถรับน้ำหนักได้เกินกว่าอุปกรณ์ทั้งหมดของผมมาก ผมจะทดสอบการรับน้ำหนักกับตัวหนีบและขาตั้งกล้องแบบสุญญากาศก่อนจะใช้ถ่ายภาพจริง
อุปกรณ์ใดอีกที่เป็นประโยชน์
อุปกรณ์ต่อไปนี้จำเป็นน้อยกว่าแต่ถือว่ามีประโยชน์เมื่อคุณจริงจังกับงานอดิเรกนี้มากขึ้น!
- ตัวตั้งช่วงเวลาถ่าย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกล้องของคุณไม่มีอุปกรณ์นี้ในตัว): ช่วยให้ลั่นชัตเตอร์ได้อัตโนมัติ คุณจึงถ่ายพลาดน้อยลง
- ตัวลั่นชัตเตอร์เมื่อเกิดสายฟ้า: ทำหน้าที่ลั่นชัตเตอร์เมื่อตรวจพบสายฟ้า
- ขาตั้งกล้องแบบกันน้ำ: ผมลงทุนซื้อมาหนึ่งอันเพราะตนเองทุ่มเทให้กับการถ่ายภาพสภาพอากาศ!
เคล็ดลับสำหรับนักล่าพายุ: เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมหยิบใช้ได้ทันที
เมื่อมีการแจ้งเตือนพายุเข้า คุณไม่ควรต้องเสียเวลาอันมีค่า! ผมจะจัดเตรียมอุปกรณ์จำเป็นทั้งหมดใส่กระเป่าไว้ รวมถึงแบตเตอรี่ที่ชาร์จจนเต็มและการ์ดหน่วยความจำสำรอง เพื่อที่เวลามีแจ้งเตือนพายุ ผมจะสามารถคว้ากระเป๋าและออกเดินทางไปยังสถานที่ที่ต้องการถ่ายภาพได้ทันที
รู้ได้อย่างไรว่าจะถ่ายภาพสายฟ้าได้ที่ไหนและเมื่อไหร่
เฝ้าดูการเคลื่อนตัวของพายุ
การเข้าถึงข้อมูลสภาพอากาศที่แม่นยำจะช่วยให้คุณได้ภาพที่สวยงามตระการตายิ่งขึ้น ที่สิงคโปร์ เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยาสิงคโปร์ (ฉบับภาษาอังกฤษ)จะแสดงข้อมูลการพยากรณ์อากาศแบบเรียลไทม์โดยละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เกิดพายุฟ้าคะนองและฟ้าแลบ
และยังมีแอปที่สามารถส่งการแจ้งเตือนพายุแบบเรียลไทม์ไปยังโทรศัพท์ของคุณด้วย
ปลอดภัยไว้ก่อน!
สถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับผมคือจากที่สูงที่มองเห็นโดยรอบได้เป็นอย่างดี แต่มีที่กำบังเพื่อให้คุณปลอดภัย คุณสามารถเก็บภาพแบ็คกราวด์สวยๆ จากพื้นที่อยู่ต่ำกว่าได้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ!
หลีกเลี่ยง:
- อยู่ที่จุดสูงสุดของพื้นที่โล่ง
- อยู่ข้างๆ จุดสูงสุดในที่โล่ง เช่น ต้นไม้ สายฟ้าสามารถเดินทางผ่านพื้นดินได้!
- ยืนในน้ำ

EOS R+ RF15-35mm f/2.8L IS USM ที่ 18 มม., f/4.5, 6 วินาที, ISO 100
เวลาถ่ายภาพ: 21.33 น.
พายุนี้เกิดขึ้นในขณะที่ผมกำลังถ่ายภาพดวงดาวในกัมพูชา บางครั้งเมื่อมีโอกาส คุณก็ต้องคว้าเอาไว้ โชคดีที่มีที่กำบังอยู่ใกล้ๆ!
เคล็ดลับ: พูดคุยกับชุมชนนักดูพายุในท้องถิ่นของคุณ
นักดูพายุในชุมชนจะบอกเคล็ดลับให้คุณได้ว่าจะสามารถสังเกตการณ์/ถ่ายภาพพายุได้ที่ไหน รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่คุณหาไม่ได้จากที่อื่น ตัวอย่างเช่น ชุมชนผู้ติดตามพายุสิงคโปร์ในท้องถิ่นได้จัดทำแผนที่แสดงจุดสูงไว้โดยละเอียดและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และการได้พบกับเพื่อนๆ ที่หลงใหลในพายุเหมือนกันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี!
คุณใช้การตั้งค่ากล้องใดบ้าง และตัดสินใจเลือกใช้อย่างไร

EOS R + RF15-35mm f/2.8L IS USM ที่ 15 มม., f/5, 6 วินาที, ISO 100
เวลาถ่ายภาพ: 00.00 น.
ความเร็วชัตเตอร์: ความเร็วต่ำเพื่อจับภาพสายฟ้าทั้งหมด
หัวใจสำคัญของภาพสายฟ้าที่สวยคือชัตเตอร์ความเร็วต่ำ ไม่ใช่ความเร็วสูง! หากความเร็วชัตเตอร์สูงเกินไป คุณอาจไม่สามารถถ่ายภาพสายฟ้าได้ทั้งหมด
ผมจะตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ก่อน จากนั้นจึงปรับรูรับแสงและความไวแสง ISO ตามที่ต้องการ
การตั้งค่าเริ่มแรกของผมจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวันและลักษณะของสายฟ้า แต่แม้กระทั่งในตอนกลางวัน ผมมักจะเริ่มต้นที่อย่างน้อย 1/60 วินาที ในเวลากลางคืนผมจะใช้ความเร็วต่ำลงอีก คือเหลือเพียง 3 ถึง 6 วินาที ขึ้นอยู่กับความแรงของพายุ
ผมใช้โหมดตั้งค่าระดับแสงด้วยตนเอง (M) เพื่อให้ควบคุมการตั้งค่าระดับแสงได้อย่างเต็มที่ ขณะที่พายุเคลื่อนตัวและระดับความรุนแรงเปลี่ยนแปลงไป คุณจะต้องคอยปรับค่าระดับแสงให้เหมาะสม!
ความเร็วชัตเตอร์เริ่มแรกของ Chris:
- แสงแดด: 1/60 วินาที
- พระอาทิตย์ขึ้นหรือตก: 1 ถึง 2 วินาที
- กลางคืน: 3 ถึง 6 วินาทีขึ้นอยู่กับความแรงของพายุ
ภาพรวม: ถ่ายแบบ RAW และเปิดรับแสงน้อย
สายฟ้าจะช่วยเพิ่มแสงให้การเปิดรับแสง ฟ้าผ่าขนาดใหญ่อาจทำให้ภาพทั้งภาพสว่างจ้าได้ง่ายๆ!
ผมมักจะลดการเปิดรับแสงลง 1 ถึง 2 สต็อป เพราะการกู้คืนรายละเอียดจากภาพที่มืดสามารถทำได้ง่ายกว่าภาพที่สว่างเกินไป แม้แต่การถ่ายภาพในตอนกลางคืน ผมจะพยายามไม่เปิดรูรับแสงกว้างกว่า f/4 เพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับแสงมากเกินไป หากต้องการภาพที่สว่างขึ้น ผมจะปรับค่าความไวแสง ISO
ลองสังเกตรัศมีแปลกๆ ที่อยู่รอบสายฟ้าในภาพ "หลัง" คุณจะได้สิ่งแปลกปลอมเช่นนี้เมื่อพยายามจะกู้คืนรายละเอียดจากภาพที่ได้รับแสงมากเกินไป
โฟกัส: โฟกัสด้วยตนเอง
EOS R5 Mark II มีโฟกัสอัตโนมัติประสิทธิภาพสูงที่ผมชอบใช้เวลาถ่ายภาพวัตถุเคลื่อนไหวเช่น กีฬาแข่งรถ และยังสามารถล็อคโฟกัสบนดวงดาวขณะถ่ายภาพดวงดาวได้ด้วย! แต่สำหรับการถ่ายภาพสายฟ้า ผมจะใช้โหมดโฟกัสด้วยตนเองเพื่อล็อคตำแหน่งโฟกัสในทุกภาพ
ฟีเจอร์หนึ่งของระบบ EOS R ที่ผมชื่นชอบคือ Focus Guide ซึ่งเป็นตัวช่วยนำสายตาในการโฟกัสด้วยตนเอง ฟีเจอร์นี้จะใช้ข้อมูลจากระบบ Dual Pixel CMOS AF ของ Canon เพื่อความแม่นยำที่มากยิ่งขึ้น
ผมชอบใช้ Focus Guide มากกว่า focus peaking เนื่องจากทำให้เห็นตัวอย่างภาพฉากได้ชัดเจนกว่า เช่นเดียวกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ทั่วไป ผมวางจุดโฟกัสไว้ที่ตำแหน่ง 1/3 ในฉาก
เคล็ดลับระดับมือโปร: รู้จักกล้องของคุณให้ดีพอที่จะใช้งานในความมืด
เพราะคุณจะต้องปรับการตั้งค่าอยู่เสมอตามสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา พยายามสร้างความคุ้นเคยกับปุ่มควบคุมต่างๆ ของกล้องว่าอยู่ที่ใด วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสถ่ายภาพเพราะมัวแต่คลำหาปุ่มควบคุมบนกล้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังถ่ายภาพในความมืด!
ตั้งค่าปุ่มลัดเพื่อให้เปลี่ยนการตั้งค่าได้เร็วขึ้น
ผมชอบเมนูแบบแท็บของ Canon มาก เพราะทำให้หาฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น กล้องในระบบ EOS R ยังสามารถปรับแต่งได้เพื่อความสะดวกสบายที่มากยิ่งขึ้น คุณสามารถเพิ่มฟีเจอร์ที่ใช้งานบ่อยที่สุดเข้าไปในแท็บ MyMenu ได้เพื่อการเข้าถึงที่ง่ายดายและกำหนดฟังก์ชั่นแบบกำหนดเองให้ปุ่มต่างๆ ได้
แท็บ MyMenu ของผมมีฟังก์ชั่นถ่ายภาพต่อเนื่องล่วงหน้า ตั้งช่วงเวลาถ่าย และ "ฟอร์แมตการ์ด" ที่สำคัญอยู่ในหน้าแรก!

EOS R + EF-S10-22mm f/3.5-4.5 USM ที่ 15 มม. (เทียบเท่า 24 มม.), f/13, 0.8 วินาที, ISO 100
เวลาถ่ายภาพ: 16.30 น.
ฟีเจอร์ของกล้องที่มีประโยชน์ในการกำหนดจังหวะถ่ายภาพ
การลั่นชัตเตอร์ในเวลาที่เหมาะเจาะพอดีอาจเป็นเรื่องยาก ด้านล่างนี้คือฟีเจอร์ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น
ตัวตั้งช่วงเวลาถ่าย

กล้องในซีรีย์ Canon EOS R รุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะมีตัวตั้งช่วงเวลาถ่ายในตัวเพื่อให้คุณสามารถถ่ายภาพตามจำนวนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าตามช่วงเวลาที่ต้องการได้ ผมมักจะเว้นช่วงการถ่ายสั้นๆ คือใช้เวลาของชัตเตอร์บวก 1 วินาที เพื่อให้มีเวลา 1 วินาทีระหว่างภาพแต่ละภาพ วิธีนี้ทำให้ผมถ่ายภาพพลาดน้อยลง และยังสามารถใช้เฟรมภาพมาทำวิดีโอแบบไทม์แลปส์ได้ด้วย!
โหมดถ่ายภาพต่อเนื่องล่วงหน้าของกล้อง EOS R5 Mark II

EOS R5 Mark II + RF15-35mm f/2.8L IS USM ที่ 15 มม., f/6.3, 0.5 วินาที, ISO 250
เวลาถ่ายภาพ: 19.30 น./ ภาพ
โหมดถ่ายตภาพ่อเนื่องล่วงหน้าที่มีในกล้อง EOS R5 Mark II สามารถบันทึกภาพล่วงหน้าตามจำนวนที่กำหนดได้นับจากเวลาที่คุณเริ่มกดปุ่มชัตเตอร์ ฟังก์ชั่นนี้มีประโยชน์หากคุณกำลังประสบปัญหาในการหาจังหวะลั่นชัตเตอร์!
ข้อควรรู้: ความเร็วชัตเตอร์ต่ำสุดที่คุณตั้งค่าได้จะถูกจำกัดไว้ที่ 0.5 วินาที ดังนั้น ให้เพิ่มค่าความไวแสง ISO หากจำเป็น
คุณปรับแต่งภาพอย่างไร
สไตล์ของผม: ถ่ายทอดฉากออกมาตามจริง
การรวมภาพ

การรวมภาพ 6 ภาพที่ถ่ายในช่วงเวลา 30 นาทีผ่านกระจก
EOS R + EF-S10-22mm f/3.5-4.5 USM ที่ 13 มม. (เทียบเท่า 21 มม.) รูรับแสงระหว่าง f/5.6 ถึง f/10 ความเร็วชัตเตอร์ระหว่าง 1 ถึง 3 วินาที, ISO 100
เวลาถ่ายภาพ: 18.30 ถึง 19.00 น.
ไทม์แลปส์
คุณจะสามารถถ่ายภาพเช่นนี้ได้อย่างง่ายดายหากใช้ตัวตั้งช่วงเวลาถ่ายเพื่อถ่ายภาพหลายภาพต่อเนื่องกัน! (ดูฟีเจอร์ของกล้องที่เป็นประโยชน์)
แน่นอนว่าคุณยังสามารถนำภาพไปทำอย่างอื่นได้อีก ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์ของคุณ!
เคล็ดลับในการทำงาน: ใช้ปุ่ม RATE หากกล้องคุณมีปุ่มนี้
ผมจะใช้ปุ่ม RATE เพื่อทำเครื่องหมายกำกับภาพที่ผมต้องการเก็บไว้ วิธีนี้จะช่วยให้กระบวนการคัดเลือกภาพง่ายดายยิ่งขึ้น
จะเก่งขึ้นได้อย่างไร
ในช่วงหลังนี้ ผมพยายามฝึกฝนการพิมพ์ภาพถ่าย และขอแนะนำให้ทุกคนทำแบบเดียวกัน การพิมพ์ภาพจะทำให้คุณใส่ใจรายละเอียดและข้อบกพร่องมากขึ้น ซึ่งสามารถเปลี่ยนวิธีการถ่ายภาพและปรับปรุงเทคนิคของคุณให้ดีขึ้นได้