[ตอนที่ 2] EOS-1D X สู่การโฟกัสอัตโนมัติความแม่นยำสูงและประสิทธิภาพอันโดดเด่นเพื่อการถ่ายในที่แสงน้อย
ใน [ตอนที่ 2] ของบทสัมภาษณ์ชุดนี้ นักพัฒนากล้อง EOS-1D X บรรยายประสิทธิภาพการถ่ายภาพอันยอดเยี่ยมของกล้องระดับสูงรุ่นใหม่ในตระกูล EOS ซึ่งรวมเอาการโฟกัสอัตโนมัติความแม่นยำสูงและความสามารถในการถ่ายในสถานที่แสงน้อยซึ่งให้ภาพคุณภาพชัดใสแม้ที่ ISO 12800 มาเจาะลึกเบื้องหลังของกล้อง EOS-1D X กันว่า พวกเขานำเอาคุณสมบัติของกล้องมืออาชีพตระกูล EOS 2 รุ่น โดยรุ่นหนึ่งมีจำนวนพิกเซลสูง และอีกรุ่นมีความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องสูง มาไว้ภายในกล้องตัวเดียวได้อย่างไร (ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ในเดือนตุลาคม 2012) (ผู้สัมภาษณ์: Junichi Date/ ภาพผู้ให้สัมภาษณ์และบรรณาธิการโดย: Masahiko Taira)
หน้า: 1 2
(จากซ้ายมือ) Tomokazu Yoshida, ศูนย์พัฒนากล้อง/ Masami Sugimori, ศูนย์พัฒนากล้อง/ Shintaro Oshima, กลุ่มผลิตภัณฑ์ภาพถ่าย/ Shunji Yoshikai, กลุ่มผลิตภัณฑ์ภาพถ่าย/ Tomoya Masamura, กลุ่มผลิตภัณฑ์ภาพถ่าย
ความสามารถระดับสูงของ “EOS iTR AF” ในการติดตามตัวแบบ
คุณสมบัติที่สำคัญของกล้อง “EOS-1D X”!
ประการที่ 1
ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 12 fps สมกับที่เป็นรุ่นเรือธงของ Canon
ประการที่ 2
เซนเซอร์แบบฟูลเฟรมขนาด 35 มม. กับความละเอียด 18.1 ล้านพิกเซล
ประการที่ 3
ชิปประมวลผลภา พคู่ DIGIC 5+ เพื่อการประมวลผลภาพความเร็วสูง
กล้อง EOS-1D X เป็นกล้องเรือธงรุ่นใหม่ในตระกูล EOS ซึ่งผสมผสานระหว่างความละเอียดสูงของกล้องซีรีย์ “EOS-1Ds” กับประสิืทธิภาพในการถ่ายภาพต่อเนื่องอันเยี่ยมยอดของกล้องซีรีย์ “EOS-1D” ด้วยความสามารถในการถ่ายภาพความเร็วสูงถึงราว 12 ภาพต่อวินาทีโดยมีความละเอียดที่ 18.1 ล้านพิกเซล แม้จะต่ำกว่าของกล้องรุ่น 1Ds อื่นๆ ในปัจจุบัน แต่ก็ให้ประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูงยิ่งขึ้น ทำให้เกิดจุดรบกวนในภาพน้อยมาก
― อุปกรณ์โฟกัสอัตโนมัติแบบ Phase-difference ใช้ระบบการโฟกัส High-density Reticular 61 จุด เป็นระบบเดียวกันกับที่ใช้ในกล้อง EOS 5D Mark III หรือเปล่าครับ?
Yoshida ชิ้นเลนส์ Secondary Image-registration ของอุปกรณ์ Phase-difference ในกล้อง EOS 5D Mark III ใช้การหล่อด้วยพลาสติก แต่สำหรับกล้อง EOS-1D X นี้ เรานำการหล่อด้วยแก้วมาใช้ ซึ่งต้านทานการเปลี่ยนแปลงจากความชื้นและอุณหภูมิ เพราะเห็นว่า กล้องระดับมืออาชีพรุ่นนี้จะใช้สำหรับการถ่ายภาพในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบันยิ่งขึ้น นอกจากความแตกต่างด้านส่วนประกอบทางออพติคอลที่ใช้แล้ว อุปกรณ์การโฟกัสอัตโนมัติของกล้อง EOS-1D X นั้นมีประสิทธิภาพระดับเดียวกับกล้อง EOS 5D Mark III
เซนเซอร์ AF แบบ High-density Reticular 61 จุดซึ่งนำมาใช้กับกล้อง EOS-1D X
ทั้งนี้ กล้อง EOS-1D X ยังมาพร้อมกับ “ระบบ EOS iSA” ซึ่งใช้เซนเซอร์ RGB ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลและระบบประมวลผลภาพ DIGIC 4 ซึ่งเซนเซอร์ RGB จะใช้ในการตรวจจับสี ใบหน้า และความสว่างของตัวแบบเพื่อการควบคุม AF หรือ AE อัตโนมัติที่มีคุณภาพมากขึ้น เมื่อตั้งค่าโหมดการเลือกพื้นที่โฟกัสไปที่การเลือกจุด AF อัตโนมัติ 61 จุดหรือเลือก AF เป็นโซน ระบบ EOS iSA จะใช้ข้อมูลใบหน้าและสีที่ตรวจจับได้มาใช้กับ EOS iTR AF เพื่อเลือกจุด AF หรือสับเปลี่ยนจุด AF ตามการเคลื่อนไหวของตัวแบบ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดจะเห็นได้เมื่อพื้นที่ส่วนใหญ่ขององค์ประกอบภาพคือ ใบหน้าของตัวแบบ ในกรณีอย่างนี้ แม้ว่าจะมีวัตถุใดๆ เข้ามาปรากฏระหว่างกล้องกับตัวแบบ EOS iTR AF ก็จะยังสามารถเลือกจุด AF ที่ดวงตาได้อย่างแม่นยำ โดยเปิดใช้งานการตรวจจับใบหน้า นี่เป็นคุณสมบัติที่ไม่มีใน EOS 5D Mark III แต่มีเฉพาะ EOS-1D X เท่านั้น
ระบบประมวลผลภาพ DIGIC 4 ที่เซนเซอร์ RGB ใช้โดยเฉพาะ
เซนเซอร์ RGB 10 ล้านพิกเซล
กล้อง EOS-1D X ยังมาพร้อมกับ “ระบบ EOS iSA” ซึ่งใช้เซนเซอร์ RGB ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลและระบบประมวลผลภาพ DIGIC 4 ซึ่งเซนเซอร์ RGB จะใช้ในการตรวจจับสี ใบหน้า และความสว่างของตัวแบบเพื่อการควบคุม AF หรือ AE อัตโนมัติที่มีคุณภาพมากขึ้น
― ผมทราบมาว่า เมื่อเทียบกับ EOS 5D Mark III แล้ว พลังการขับเคลื่อนกลไกการโฟกัสจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อใช้กล้องในซีรีย์ EOS-1D กับเลนส์อย่างเลนส์เทเลโฟโต้เส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ จริงหรือเปล่าครับ?
Oshima กล้อง EOS 5D และรุ่นอื่นๆ ของตระกูล EOS ในซีรีย์ที่ต่ำกว่าจะมีความจุแบตเตอรี่ไม่เท่ากันกับซีรีย์รุ่นสูงอย่าง EOS-1D ดังนั้น พลังที่ให้กับเลนส์จึงไม่เหมือนกัน ระหว่างการเคลื่อนไหวของกลไกการโฟกัสที่สำคัญ เช่น เมื่อภาพหลุดออกจากระยะโฟกัสอย่างสิ้นเชิง กล้องซีรีย์ EOS-1D ยังสามารถขับเคลื่อนชิ้นเลนส์โฟกัสได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่า ความแตกต่างระหว่าง EOS 5D Mark III และกล้อง EOS-1D X เช่นนี้อาจปรากฏให้เห็นภายใต้สภาพการถ่ายภาพที่สุดขั้ว แต่โดยพื้นฐานทั่วไปแล้ว ทั้งสองรุ่นใช้เซนเซอร์ AF ที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการประมวลผลไมโครคอมพิวเตอร์ในระดับเดียวกัน
ก้อนแบตเตอรี่ LP-E4N สำหรับกล้อง EOS-1D X มีแท่นชาร์จ 11.1 โวลต์และความจุกำลังไฟ 2450 แอมแปร์ จึงจ่ายพลังให้กับเลนส์ได้มากกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ต่ำกว่าในตระกูล EOS
― เซนเซอร์แบบบวกให้การโฟกัสอัตโนมัติที่เสถียร โดยจะไม่เปลี่ยนไปตามรูปแบบของตัวแบบ พร้อมกันนี้ ยังมีการพัฒนาความถูกต้องแม่นยำในการโฟกัสอัตโนมัติด้วยไหมครับ?
Yoshida สำหรับตัวแบบที่มีเส้นสายตัดกันกับเซนเซอร์แบบเส้น จะได้ความแม่นยำเช่นเดียวกับเซนเซอร์แบบบวก อย่างไรก็ดี หากเส้นของตัวแบบวางเกือบขนานหรือทำมุมกับเซนเซอร์แบบเส้นเพียงเล็กน้อย ความผิดพลาดก็อาจเกิดขึ้นได้ แม้ทำการโฟกัสแล้ว อีกทั้งระดับความแม่นยำของ AF ที่ได้ก็อาจไม่เพียงพอ แม้จะมีไฟยืนยันโฟกัสกะพริบ ในกรณีนี้ เซนเซอร์แบบบวก ซึ่งสามารถตรวจจับเส้นแนวตั้งและแนวนอน ไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนที่จำเป็นในการกระตุ้นประสิทธิภาพการถ่ายภาพ แต่ยังคาดหวังได้ว่าจะได้รับความแม่นยำในระดับสูงด้วย
การโฟกัสแบบบวกที่ f/2.8
การโฟกัสแนวตั้งที่ f/4
การโฟกัสแนวตั้งที่ f/5.6
การโฟกัสแนวนอนที่ f/5.6
รูปแบบเลย์เอาต์ของเซนเซอร์ AF แบบ High-density Reticular 61 จุด การถ่ายภาพด้วยระบบ AF ประสิทธิภาพสูงเป็นไปได้โดยการใช้เซนเซอร์ f/5.6 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ AF กว้าง ขณะที่เซนเซอร์ f/4 และ f/2.8 กำหนดไว้เพื่อความแม่นยำสูง
― ตอนนี้ กล้อง EOS-1D X มีจุด AF แบบบวกมากขึ้นที่บริเวณขอบภาพ เพื่อจะรองรับการโฟกัสด้วยเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุดที่ f/4 หรือ f/5.6 ซึ่งจะเอื้อให้สามารถใช้โฟกัสแบบบวกได้ด้วยเลนส์หลากหลายรุ่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม จำนวน AF ที่ใช้ได้จะแตกต่างกันไปแม้กับเลนส์ที่มีค่ารูรับแสงกว้างสุดเท่ากัน ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ล่ะครับ?
Yoshida ถ้าคุณมองผ่านเลนส์จากด้านที่จะต่อเข้ากับเมาท์ของเลนส์ และหมุนเลนส์ไปทางซ้ายและขวา คุณจะบอกได้ว่า แสงที่ส่องมาทางด้านหน้าเลนส์นั้นไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากความมืดบริเวณขอบในกระบอกเลนส์ จำนวนการเคลื่อนไหวของเลนส์ที่ทำให้เกิดขอบมืดจะเปลี่ยนไปตามระบบออพติคอลของเลนส์และโครงสร้างของกระบอกเลนส์ หากเราต้องกำหนดจำนวนจุด AF ที่จะใช้ ตามค่ารูรับแสงกว้างสุดของแต่ละเลนส์ เราอาจจะต้องเลือกค่าค่าหนึ่งขึ้นอยู่กับเลนส์ โดยเป็นค่าที่มีเอฟเฟ็กต์ขอบมืดแรงที่สุด อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้ดูไม่น่าจะเป็นประโยชน์ เราจึงตัดสินใจที่จะใช้จุด AF ทั้งหมดที่ใช้ได้ของเลนส์แต่ละตัว ซึ่งบอกให้รู้ว่าทำไมจำนวนจุด AF ที่ใช้ได้ในปัจจุบันจึงมาในรูปแบบต่างๆ กันสองถึงสามแบบ
― เป็นไปได้ไหมที่จะขยายพื้นที่การโฟกัสอัตโนมัติให้กว้างขึ้น แม้กับเซนเซอร์ฟูลเฟรม?
Yoshida ในการจะขยายพื้นที่การโฟกัสอัตโนมัติ สิ่งสำคัญคือจะต้องคว่ำกระจกรองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขอบมืดขณะที่แสงซึ่งเข้าสู่เลนส์กำลังสะท้อนไปที่เซนเซอร์ AF การทำเช่นนี้จะทำให้เกิดปัญหาหลายข้อตามมา เช่น พื้นที่ในการตั้งอุปกรณ์ชัตเตอร์ไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องลดประสิทธิภาพการถ่ายภาพต่อเนื่องลง เนื่องจากไม่สามารถเลื่อนกระจกด้วยความเร็วสูงได้
คุณภาพภาพถ่ายที่ ISO สูง ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
― หลังจากทดลองใช้งานกล้อง EOS-1D X ผมก็รู้สึกทึ่งที่มีจุดรบกวนจากความไวแสง ISO 6400 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยความไวแสง ISO สูงถึง ISO 12800 ซึ่งใช้เป็นช่วงมาตรฐานได้ ผมรู้สึกว่ากล้อง EOS-1D X ทำได้ดีกว่า EOS 5D Mark III ในด้านประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูง แม้ว่าจำนวนพิกเซลที่ต่างกันของกล้อง EOS-1D X (ประมาณ 18.1 ล้านพิกเซล) และ EOS 5D Mark III (ประมาณ 22.3 ล้านพิกเซล) จะไม่ส่งผลมากนัก เนื่องจากกล้องทั้งสองรุ่นใช้ระบบประมวลผลภาพ DIGIC 5+ ผมจะพูดได้ไหมครับว่า ความแตกต่างของประสิทธิภาพความไวแสงสูงเป็นเพราะความแตกต่างของจำนวนพิกเซล หรือเป็นเพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำมาใช้กับเซนเซอร์ CMOS ของกล้อง EOS-1D X?
การตั้งค่าความไวแสง ISO ของกล้อง EOS-1D X ความไวแสง ISO 100 ถึง ISO 51200 สามารถตั้งเพื่อใช้งานเป็นประจำได้ ขณะที่ ISO 50 และ ISO 204800 นั้นมีไว้เพื่อการตั้งค่าที่จำเป็นต้องเพิ่มเติมเท่านั้น
Sugimori แท้จริงแล้ว ประสิทธิภาพของความไวแสง ISO สูงอาจมีความแตกต่างกันบ้างเมื่อเทียบกับ EOS 5D Mark III แม้ว่าจำนวนพิกเซลระหว่าง 18.1 ล้านพิกเซล กับ 22.3 ล้านพิกเซล จะแตกต่างกันไม่มากนัก แต่ความต่างเพียงเล็กน้อยนี้ก็สะท้อนออกมาผ่านคุณภาพภาพถ่ายที่ได้จากกล้อง EOS-1D X
― แล้วความแตกต่างที่ระบุได้ระหว่าง DIGIC 5 และ DIGIC 5+ คืออะไร?
Oshima เราได้เพิ่มความกว้างของบัส หรือเส้นทางในการเคลื่อนที่ของข้อมูลภายในวงจร ทำให้ข้อมูลจำนวนมหาศาลสามารถส่งผ่านได้ในเวลาเดียวกัน เมื่อเทียบกับขนาด 32 บิตของระบบ DIGIC 5 สำหรับการประมวลผลของข้อมูลจำนวนมากๆ ด้วยความเร็วสูง DIGIC 5+ ซึ่งจัดการกับข้อมูลด้วยขนาด 128 บิต จึงทำได้รวดเร็วกว่าถึง 3 เท่า เพราะขณะที่กล้อง EOS 5D Mark III ใช้ระบบประมวลผลภาพ DIGIC 5+ หนึ่งตัว กล้อง EOS-1D X ใช้สองตัว
กล้อง EOS -1D X ใช้ระบบประมวลผลภาพ “DIGIC 5+” สองตัวที่มีความสามารถในการประมวลผลถึง 128 บิต
― แม้ว่าจำนวนพิกเซลของ EOS-1D X จะต่ำกว่า เมื่อเทียบกับ EOS-1Ds Mark III แต่กล่าวกันว่า คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้รับมีความละเอียดคมชัดระดับเดียวกัน มีกระบวนการประมวลผลภาพหรือความพยายามอื่นๆ เพื่อที่จะเพิ่มความละเอียดคมชัดหรือเปล่าครับ?
Sugimori เราไม่ได้ทำการประมวลผลภาพใดๆ เลย อย่างเช่นการลดเอฟเฟ็กต์ของฟิลเตอร์ Low-pass เพื่อเพิ่มความละเอียดคมชัดของภาพ สิ่งที่เราทำคือ การปรับจูนด้วยวิธีเดียวกันกับรุ่นอื่นๆ ทั้งหมดก่อนนี้ ในส่วนของการแยกรายละเอียดของภาพ เป็นสิ่งที่ชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัยว่ากล้อง EOS-1Ds Mark III และ EOS 5D Mark III ซึ่งมีจำนวนพิกเซลสูงกว่าจะมีความได้เปรียบมากกว่า อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อจำกัดที่จะต้องถ่ายที่ความไวแสง ISO ต่ำเท่านั้น ขณะที่รุ่นนี้สามารถถ่ายที่ความไวแสง ISO ที่สูงกว่าได้ นี่เป็นเพราะ EOS-1D X ได้เพิ่มความไวแสงที่ระดับเซนเซอร์สูงขึ้นอย่างมาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้เอฟเฟ็กต์ลดจุดรบกวนระดับแรงเมื่อใช้ความไวแสง ISO สูงๆ ดังนั้น กำลังการแยกรายละเอียดภาพจึงลดลงเพียงเล็กน้อย อันเป็นผลมาจากการลดจุดรบกวนในภาพ
เซนเซอร์ CMOS ขนาด 18.1 ล้านพิกเซลของกล้อง EOS-1D X เซนเซอร์ตัวนี้สามารถให้ภาพที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือสูงกว่าของกล้อง EOS-1Ds Mark III ซึ่งมีจำนวนพิกเซลสูงกว่าที่ 21.9 ล้านพิกเซล
― เข้าใจแล้วครับ โดยสรุป วัตถุประสงค์และเสน่ห์ของกล้อง EOS-1D X อยู่ที่ความสา