ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

[ตอนที่ 2] EOS-1D X สู่การโฟกัสอัตโนมัติความแม่นยำสูงและประสิทธิภาพอันโดดเด่นเพื่อการถ่ายในที่แสงน้อย

2014-01-16
1
2.65 k
ในบทความนี้:

ใน [ตอนที่ 2] ของบทสัมภาษณ์ชุดนี้ นักพัฒนากล้อง EOS-1D X บรรยายประสิทธิภาพการถ่ายภาพอันยอดเยี่ยมของกล้องระดับสูงรุ่นใหม่ในตระกูล EOS ซึ่งรวมเอาการโฟกัสอัตโนมัติความแม่นยำสูงและความสามารถในการถ่ายในสถานที่แสงน้อยซึ่งให้ภาพคุณภาพชัดใสแม้ที่ ISO 12800 มาเจาะลึกเบื้องหลังของกล้อง EOS-1D X กันว่า พวกเขานำเอาคุณสมบัติของกล้องมืออาชีพตระกูล EOS 2 รุ่น โดยรุ่นหนึ่งมีจำนวนพิกเซลสูง และอีกรุ่นมีความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องสูง มาไว้ภายในกล้องตัวเดียวได้อย่างไร (ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ในเดือนตุลาคม 2012) (ผู้สัมภาษณ์: Junichi Date/ ภาพผู้ให้สัมภาษณ์และบรรณาธิการโดย: Masahiko Taira)

หน้า: 1 2

 

 

(จากซ้ายมือ) Tomokazu Yoshida, ศูนย์พัฒนากล้อง/ Masami Sugimori, ศูนย์พัฒนากล้อง/ Shintaro Oshima, กลุ่มผลิตภัณฑ์ภาพถ่าย/ Shunji Yoshikai, กลุ่มผลิตภัณฑ์ภาพถ่าย/ Tomoya Masamura, กลุ่มผลิตภัณฑ์ภาพถ่าย

ความสามารถระดับสูงของ “EOS iTR AF” ในการติดตามตัวแบบ

คุณสมบัติที่สำคัญของกล้อง “EOS-1D X”!

 

ประการที่ 1
ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 12 fps สมกับที่เป็นรุ่นเรือธงของ Canon

ประการที่ 2
เซนเซอร์แบบฟูลเฟรมขนาด 35 มม. กับความละเอียด 18.1 ล้านพิกเซล

ประการที่ 3
ชิปประมวลผลภา พคู่ DIGIC 5+ เพื่อการประมวลผลภาพความเร็วสูง

กล้อง EOS-1D X เป็นกล้องเรือธงรุ่นใหม่ในตระกูล EOS ซึ่งผสมผสานระหว่างความละเอียดสูงของกล้องซีรีย์ “EOS-1Ds” กับประสิืทธิภาพในการถ่ายภาพต่อเนื่องอันเยี่ยมยอดของกล้องซีรีย์ “EOS-1D” ด้วยความสามารถในการถ่ายภาพความเร็วสูงถึงราว 12 ภาพต่อวินาทีโดยมีความละเอียดที่ 18.1 ล้านพิกเซล แม้จะต่ำกว่าของกล้องรุ่น 1Ds อื่นๆ ในปัจจุบัน แต่ก็ให้ประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูงยิ่งขึ้น ทำให้เกิดจุดรบกวนในภาพน้อยมาก

 

― อุปกรณ์โฟกัสอัตโนมัติแบบ Phase-difference ใช้ระบบการโฟกัส High-density Reticular 61 จุด เป็นระบบเดียวกันกับที่ใช้ในกล้อง EOS 5D Mark III หรือเปล่าครับ?

Yoshida ชิ้นเลนส์ Secondary Image-registration ของอุปกรณ์ Phase-difference ในกล้อง EOS 5D Mark III ใช้การหล่อด้วยพลาสติก แต่สำหรับกล้อง EOS-1D X นี้ เรานำการหล่อด้วยแก้วมาใช้ ซึ่งต้านทานการเปลี่ยนแปลงจากความชื้นและอุณหภูมิ เพราะเห็นว่า กล้องระดับมืออาชีพรุ่นนี้จะใช้สำหรับการถ่ายภาพในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบันยิ่งขึ้น นอกจากความแตกต่างด้านส่วนประกอบทางออพติคอลที่ใช้แล้ว อุปกรณ์การโฟกัสอัตโนมัติของกล้อง EOS-1D X นั้นมีประสิทธิภาพระดับเดียวกับกล้อง EOS 5D Mark III

เซนเซอร์ AF แบบ High-density Reticular 61 จุดซึ่งนำมาใช้กับกล้อง EOS-1D X

 

ทั้งนี้ กล้อง EOS-1D X ยังมาพร้อมกับ “ระบบ EOS iSA” ซึ่งใช้เซนเซอร์ RGB ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลและระบบประมวลผลภาพ DIGIC 4 ซึ่งเซนเซอร์ RGB จะใช้ในการตรวจจับสี ใบหน้า และความสว่างของตัวแบบเพื่อการควบคุม AF หรือ AE อัตโนมัติที่มีคุณภาพมากขึ้น เมื่อตั้งค่าโหมดการเลือกพื้นที่โฟกัสไปที่การเลือกจุด AF อัตโนมัติ 61 จุดหรือเลือก AF เป็นโซน ระบบ EOS iSA จะใช้ข้อมูลใบหน้าและสีที่ตรวจจับได้มาใช้กับ EOS iTR AF เพื่อเลือกจุด AF หรือสับเปลี่ยนจุด AF ตามการเคลื่อนไหวของตัวแบบ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดจะเห็นได้เมื่อพื้นที่ส่วนใหญ่ขององค์ประกอบภาพคือ ใบหน้าของตัวแบบ ในกรณีอย่างนี้ แม้ว่าจะมีวัตถุใดๆ เข้ามาปรากฏระหว่างกล้องกับตัวแบบ EOS iTR AF ก็จะยังสามารถเลือกจุด AF ที่ดวงตาได้อย่างแม่นยำ โดยเปิดใช้งานการตรวจจับใบหน้า นี่เป็นคุณสมบัติที่ไม่มีใน EOS 5D Mark III แต่มีเฉพาะ EOS-1D X เท่านั้น

 

ระบบประมวลผลภาพ DIGIC 4 ที่เซนเซอร์ RGB ใช้โดยเฉพาะ

 

เซนเซอร์ RGB 10 ล้านพิกเซล

 

กล้อง EOS-1D X ยังมาพร้อมกับ “ระบบ EOS iSA” ซึ่งใช้เซนเซอร์ RGB ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลและระบบประมวลผลภาพ DIGIC 4 ซึ่งเซนเซอร์ RGB จะใช้ในการตรวจจับสี ใบหน้า และความสว่างของตัวแบบเพื่อการควบคุม AF หรือ AE อัตโนมัติที่มีคุณภาพมากขึ้น

 

― ผมทราบมาว่า เมื่อเทียบกับ EOS 5D Mark III แล้ว พลังการขับเคลื่อนกลไกการโฟกัสจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อใช้กล้องในซีรีย์ EOS-1D กับเลนส์อย่างเลนส์เทเลโฟโต้เส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ จริงหรือเปล่าครับ?

Oshima กล้อง EOS 5D และรุ่นอื่นๆ ของตระกูล EOS ในซีรีย์ที่ต่ำกว่าจะมีความจุแบตเตอรี่ไม่เท่ากันกับซีรีย์รุ่นสูงอย่าง EOS-1D ดังนั้น พลังที่ให้กับเลนส์จึงไม่เหมือนกัน ระหว่างการเคลื่อนไหวของกลไกการโฟกัสที่สำคัญ เช่น เมื่อภาพหลุดออกจากระยะโฟกัสอย่างสิ้นเชิง กล้องซีรีย์ EOS-1D ยังสามารถขับเคลื่อนชิ้นเลนส์โฟกัสได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่า ความแตกต่างระหว่าง EOS 5D Mark III และกล้อง EOS-1D X เช่นนี้อาจปรากฏให้เห็นภายใต้สภาพการถ่ายภาพที่สุดขั้ว แต่โดยพื้นฐานทั่วไปแล้ว ทั้งสองรุ่นใช้เซนเซอร์ AF ที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการประมวลผลไมโครคอมพิวเตอร์ในระดับเดียวกัน

ก้อนแบตเตอรี่ LP-E4N สำหรับกล้อง EOS-1D X มีแท่นชาร์จ 11.1 โวลต์และความจุกำลังไฟ 2450 แอมแปร์ จึงจ่ายพลังให้กับเลนส์ได้มากกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ต่ำกว่าในตระกูล EOS

 

― เซนเซอร์แบบบวกให้การโฟกัสอัตโนมัติที่เสถียร โดยจะไม่เปลี่ยนไปตามรูปแบบของตัวแบบ พร้อมกันนี้ ยังมีการพัฒนาความถูกต้องแม่นยำในการโฟกัสอัตโนมัติด้วยไหมครับ?

Yoshida สำหรับตัวแบบที่มีเส้นสายตัดกันกับเซนเซอร์แบบเส้น จะได้ความแม่นยำเช่นเดียวกับเซนเซอร์แบบบวก อย่างไรก็ดี หากเส้นของตัวแบบวางเกือบขนานหรือทำมุมกับเซนเซอร์แบบเส้นเพียงเล็กน้อย ความผิดพลาดก็อาจเกิดขึ้นได้ แม้ทำการโฟกัสแล้ว อีกทั้งระดับความแม่นยำของ AF ที่ได้ก็อาจไม่เพียงพอ แม้จะมีไฟยืนยันโฟกัสกะพริบ ในกรณีนี้ เซนเซอร์แบบบวก ซึ่งสามารถตรวจจับเส้นแนวตั้งและแนวนอน ไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนที่จำเป็นในการกระตุ้นประสิทธิภาพการถ่ายภาพ แต่ยังคาดหวังได้ว่าจะได้รับความแม่นยำในระดับสูงด้วย

การโฟกัสแบบบวกที่ f/2.8

การโฟกัสแนวตั้งที่ f/4

การโฟกัสแนวตั้งที่ f/5.6

การโฟกัสแนวนอนที่ f/5.6

รูปแบบเลย์เอาต์ของเซนเซอร์ AF แบบ High-density Reticular 61 จุด การถ่ายภาพด้วยระบบ AF ประสิทธิภาพสูงเป็นไปได้โดยการใช้เซนเซอร์ f/5.6 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ AF กว้าง ขณะที่เซนเซอร์ f/4 และ f/2.8 กำหนดไว้เพื่อความแม่นยำสูง

 

― ตอนนี้ กล้อง EOS-1D X มีจุด AF แบบบวกมากขึ้นที่บริเวณขอบภาพ เพื่อจะรองรับการโฟกัสด้วยเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุดที่ f/4 หรือ f/5.6 ซึ่งจะเอื้อให้สามารถใช้โฟกัสแบบบวกได้ด้วยเลนส์หลากหลายรุ่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม จำนวน AF ที่ใช้ได้จะแตกต่างกันไปแม้กับเลนส์ที่มีค่ารูรับแสงกว้างสุดเท่ากัน ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ล่ะครับ?

Yoshida ถ้าคุณมองผ่านเลนส์จากด้านที่จะต่อเข้ากับเมาท์ของเลนส์ และหมุนเลนส์ไปทางซ้ายและขวา คุณจะบอกได้ว่า แสงที่ส่องมาทางด้านหน้าเลนส์นั้นไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากความมืดบริเวณขอบในกระบอกเลนส์ จำนวนการเคลื่อนไหวของเลนส์ที่ทำให้เกิดขอบมืดจะเปลี่ยนไปตามระบบออพติคอลของเลนส์และโครงสร้างของกระบอกเลนส์ หากเราต้องกำหนดจำนวนจุด AF ที่จะใช้ ตามค่ารูรับแสงกว้างสุดของแต่ละเลนส์ เราอาจจะต้องเลือกค่าค่าหนึ่งขึ้นอยู่กับเลนส์ โดยเป็นค่าที่มีเอฟเฟ็กต์ขอบมืดแรงที่สุด อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้ดูไม่น่าจะเป็นประโยชน์ เราจึงตัดสินใจที่จะใช้จุด AF ทั้งหมดที่ใช้ได้ของเลนส์แต่ละตัว ซึ่งบอกให้รู้ว่าทำไมจำนวนจุด AF ที่ใช้ได้ในปัจจุบันจึงมาในรูปแบบต่างๆ กันสองถึงสามแบบ

― เป็นไปได้ไหมที่จะขยายพื้นที่การโฟกัสอัตโนมัติให้กว้างขึ้น แม้กับเซนเซอร์ฟูลเฟรม?

Yoshida ในการจะขยายพื้นที่การโฟกัสอัตโนมัติ สิ่งสำคัญคือจะต้องคว่ำกระจกรองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขอบมืดขณะที่แสงซึ่งเข้าสู่เลนส์กำลังสะท้อนไปที่เซนเซอร์ AF การทำเช่นนี้จะทำให้เกิดปัญหาหลายข้อตามมา เช่น พื้นที่ในการตั้งอุปกรณ์ชัตเตอร์ไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องลดประสิทธิภาพการถ่ายภาพต่อเนื่องลง เนื่องจากไม่สามารถเลื่อนกระจกด้วยความเร็วสูงได้

 

คุณภาพภาพถ่ายที่ ISO สูง ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

― หลังจากทดลองใช้งานกล้อง EOS-1D X ผมก็รู้สึกทึ่งที่มีจุดรบกวนจากความไวแสง ISO 6400 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยความไวแสง ISO สูงถึง ISO 12800 ซึ่งใช้เป็นช่วงมาตรฐานได้ ผมรู้สึกว่ากล้อง EOS-1D X ทำได้ดีกว่า EOS 5D Mark III ในด้านประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูง แม้ว่าจำนวนพิกเซลที่ต่างกันของกล้อง EOS-1D X (ประมาณ 18.1 ล้านพิกเซล) และ EOS 5D Mark III (ประมาณ 22.3 ล้านพิกเซล) จะไม่ส่งผลมากนัก เนื่องจากกล้องทั้งสองรุ่นใช้ระบบประมวลผลภาพ DIGIC 5+ ผมจะพูดได้ไหมครับว่า ความแตกต่างของประสิทธิภาพความไวแสงสูงเป็นเพราะความแตกต่างของจำนวนพิกเซล หรือเป็นเพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำมาใช้กับเซนเซอร์ CMOS ของกล้อง EOS-1D X?

การตั้งค่าความไวแสง ISO ของกล้อง EOS-1D X ความไวแสง ISO 100 ถึง ISO 51200 สามารถตั้งเพื่อใช้งานเป็นประจำได้ ขณะที่ ISO 50 และ ISO 204800 นั้นมีไว้เพื่อการตั้งค่าที่จำเป็นต้องเพิ่มเติมเท่านั้น

 

Sugimori แท้จริงแล้ว ประสิทธิภาพของความไวแสง ISO สูงอาจมีความแตกต่างกันบ้างเมื่อเทียบกับ EOS 5D Mark III แม้ว่าจำนวนพิกเซลระหว่าง 18.1 ล้านพิกเซล กับ 22.3 ล้านพิกเซล จะแตกต่างกันไม่มากนัก แต่ความต่างเพียงเล็กน้อยนี้ก็สะท้อนออกมาผ่านคุณภาพภาพถ่ายที่ได้จากกล้อง EOS-1D X

― แล้วความแตกต่างที่ระบุได้ระหว่าง DIGIC 5 และ DIGIC 5+ คืออะไร?

Oshima เราได้เพิ่มความกว้างของบัส หรือเส้นทางในการเคลื่อนที่ของข้อมูลภายในวงจร ทำให้ข้อมูลจำนวนมหาศาลสามารถส่งผ่านได้ในเวลาเดียวกัน เมื่อเทียบกับขนาด 32 บิตของระบบ DIGIC 5 สำหรับการประมวลผลของข้อมูลจำนวนมากๆ ด้วยความเร็วสูง DIGIC 5+ ซึ่งจัดการกับข้อมูลด้วยขนาด 128 บิต จึงทำได้รวดเร็วกว่าถึง 3 เท่า เพราะขณะที่กล้อง EOS 5D Mark III ใช้ระบบประมวลผลภาพ DIGIC 5+ หนึ่งตัว กล้อง EOS-1D X ใช้สองตัว

กล้อง EOS -1D X ใช้ระบบประมวลผลภาพ “DIGIC 5+” สองตัวที่มีความสามารถในการประมวลผลถึง 128 บิต

 

― แม้ว่าจำนวนพิกเซลของ EOS-1D X จะต่ำกว่า เมื่อเทียบกับ EOS-1Ds Mark III แต่กล่าวกันว่า คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้รับมีความละเอียดคมชัดระดับเดียวกัน มีกระบวนการประมวลผลภาพหรือความพยายามอื่นๆ เพื่อที่จะเพิ่มความละเอียดคมชัดหรือเปล่าครับ?

Sugimori เราไม่ได้ทำการประมวลผลภาพใดๆ เลย อย่างเช่นการลดเอฟเฟ็กต์ของฟิลเตอร์ Low-pass เพื่อเพิ่มความละเอียดคมชัดของภาพ สิ่งที่เราทำคือ การปรับจูนด้วยวิธีเดียวกันกับรุ่นอื่นๆ ทั้งหมดก่อนนี้ ในส่วนของการแยกรายละเอียดของภาพ เป็นสิ่งที่ชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัยว่ากล้อง EOS-1Ds Mark III และ EOS 5D Mark III ซึ่งมีจำนวนพิกเซลสูงกว่าจะมีความได้เปรียบมากกว่า อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อจำกัดที่จะต้องถ่ายที่ความไวแสง ISO ต่ำเท่านั้น ขณะที่รุ่นนี้สามารถถ่ายที่ความไวแสง ISO ที่สูงกว่าได้ นี่เป็นเพราะ EOS-1D X ได้เพิ่มความไวแสงที่ระดับเซนเซอร์สูงขึ้นอย่างมาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้เอฟเฟ็กต์ลดจุดรบกวนระดับแรงเมื่อใช้ความไวแสง ISO สูงๆ ดังนั้น กำลังการแยกรายละเอียดภาพจึงลดลงเพียงเล็กน้อย อันเป็นผลมาจากการลดจุดรบกวนในภาพ

เซนเซอร์ CMOS ขนาด 18.1 ล้านพิกเซลของกล้อง EOS-1D X เซนเซอร์ตัวนี้สามารถให้ภาพที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือสูงกว่าของกล้อง EOS-1Ds Mark III ซึ่งมีจำนวนพิกเซลสูงกว่าที่ 21.9 ล้านพิกเซล

 

― เข้าใจแล้วครับ โดยสรุป วัตถุประสงค์และเสน่ห์ของกล้อง EOS-1D X อยู่ที่ความสา

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา