EOS 5D Mark III, EF24-105mm f/4L IS II USM, f/9, ISO 100, 1/160s, 85 มม.
สิ่งที่เริ่มต้นจากวิทยานิพนธระดับปริญญาโทด้านวิจิตรศิลป์ได้พัฒนาเป็นการเล่าเรื่องเชิงวัฒนธรรมอย่างรวดเร็วสำหรับ Shahzad Bhiwandiwala (@shahzadbhiwandiwala) ช่างภาพแฟชั่น ความงาม และนักเล่าเรื่องจากมุมไบ ประเทศอินเดีย ด้วยมุมมองของราชวงศ์ในจินตนาการ "Indian Renaissance" ที่ได้รับรางวัลมากมาย ได้นำเสนอมุมมองเชิงลึกที่น่าสนใจว่ายุคเรเนซองส์ในยุโรปอาจมีอิทธิพลต่อราชวงศ์อินเดียตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาอย่างไร
สำหรับ "Indian Renaissance์" Bhiwandiwala ได้นำประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลายมาเป็นวิสัยทัศน์ของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดจากการใช้แสงที่คมชัดและการเปลี่ยนแปลงอันนุ่มนวลของผลงานชุดนี้ เราสนทนากับ Bhiwandiwala เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานต่างๆ ในการสร้างสรรค์ "Indian Renaissance" และเขาประสบความสำเร็จได้อย่างไรท่ามกลางโรคระบาดทั่วโลก“Indian Renaissance” ของ Shahzad Bhiwandiwala นำเสนอสิ่งที่น่าสนใจในสิ่งที่อาจเป็น ราชวงศ์อินเดียพบกับยุคเรเนซองส์ในยุโรป Canon SNAPSHOT เข้าไปสำรวจเบื้องหลังของโครงการอันน่าทึ่งนี้
EOS 5D Mark III, EF70-200mm f/2.8L IS III USM, f/9, ISO 100, 1/160s, 135 มม.
อะไรคือแรงบันดาลใจของคุณสำหรับ "Indian Renaissance"
ในฐานะที่เป็นชาวอินเดีย ผมแทบไม่เคยเห็นศิลปินชาวอินเดียนำเสนอสถานการณ์สมมติที่เกี่ยวข้องกับศิลปะอินเดียและประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรม ด้วยการตระหนักถึงประเด็นนี้ ผมจึงได้สร้างแนวคิด "Indian Renaissance – What could Have been" ขึ้นมา ซึ่งสื่อถึงสถานการณ์สมมติที่ราชวงศ์อินเดียได้รับแรงบันดาลใจจากยุคเรเนซองส์ของยุโรป โดยเฉพาะยุคเรเนซองส์ระดับสูง และการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ดังกล่าวจะส่งผลกับแฟชั่นอินเดียยุคใหม่อย่างไร ผมสงสัยมาตลอดว่ายุคเรเนซองส์ของยุโรปจะมีอิทธิพลต่ออินเดียอย่างไร
EOS 5D Mark III, EF24-105mm f/4L IS II USM, f/8, ISO 100, 1/250s, 105 มม.
คุณมีกระบวนการความคิดอย่างไรก่อนถ่ายทำ (เช่นการสเก็ตช์ภาพที่คุณมีในใจ และวางแผนตามประเด็นนั้นๆ)
ผมได้แรงบันดาลใจจากภาพยนต์ ละครเวที และวิดีโอเกมมากมาย หลังจากใช้เวลาหลายปีในฐานะนักแสดงในวงการละครเพลงในมุมไบ ผมได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับการจัดแสงจากการสังเกตว่าการให้แสงกับฉากนั้นทำอย่างไร
สำหรับการจัดแสง ผมจะทำการทดสอบหลายๆ ครั้งและดูว่าสิ่งใดใช้ได้ผลและไม่ได้ผล เมื่อพบสิ่งที่ได้ผล ผมจะสร้างไดอะแกรมการจัดแสงสำหรับสิ่งนั้นเพื่อใช้สำหรับการอ้างอิงในวันที่ถ่ายทำ ผมชอบการถ่ายภาพแบบที่มีโครงสร้างมากๆ โดยที่ผมจะวางแนวคิดไว้กว้างๆ เกี่ยวกับสิ่งทีผมต้องการ และในขณะเดียวกันก็เว้นที่ว่างไว้สำหรับการปรับเปลี่ยนต่างๆ ทั้งในด้านการกำกับนักแสดงและในด้านเทคนิคต่างๆ ผมได้ภาพที่ดีที่สุดบางส่วนจากแนวทางการทำงานนี้ และมันยังส่งเสริมบรรยากาศการทำงานร่วมกันอย่างมากในกองถ่ายอีกด้วย
การใช้มู้ดบอร์ดเป็นวิธีการสื่อสารเป้าหมายด้านภาพของผมให้แก่ทีมงาน ซึ่งจะกลายมาเป็นการระดมความคิดในการกำหนดลุคของการแต่งหน้าและสไตลิ่งผ่านการเสก็ตช์ภาพที่พวกเขาจัดทำขึ้นและผมอนุมัติ
EOS 5D Mark III, EF24-105mm f/4L IS II USM, f/7.1, ISO 50, 1/200s, 85 มม.
ภาพแรกๆ ที่คุณถ่ายสำหรับ Indian Renaissance แตกต่างกับภาพหลังๆ อย่างไร
โครงการก่อนหน้า "Indian Renaissance" มีชื่อว่า "Royalty" ซึ่งถ่ายทำในซานฟรานซิสโก และเป็นการสำรวจด้วยภาพว่าแฟชั่นยุคเรเนซองส์จะเป็นอย่างไรในศตวรรษที่ 21 Royalty ์เกิดขึ้นจากความคิดของผมว่าการสร้างสรรค์แฟชั่นอินเดียแบบใหม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เนื่องจากผมสามารถใช้แฟชั่นอินเดียได้อย่างจำกัด ผมจึงตัดสินใจไปกับยุคเรเนซองส์
ผมกลับมาที่มุมไบพร้อมกับข่าวการล็อกดาวน์ แต่ผมรู้ว่าผมต้องเรียนให้จบภายในสิ้นปี ผมจึงหันกลับไปที่แนวคิดแฟชั่นอินเดียของผม และเพิ่มองค์ประกอบ "Indian Renaissance" เข้าไป เพื่อเป็นการผสมผสานทั้งสองโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อมองย้อนกลับไปจากมุมมองด้านการถ่ายภาพ "Indian Renaissance" ปรากฏชัดว่าเป็นโครงการที่มีเนื้อหาครบถ้วนและมีข้อมูลมากขึ้น เนื่องจากผมสามารถนำทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้จาก "Royalty" มาสู่โครงการนั้น และยกระดับให้เป็นโครงการที่พร้อมสำหรับอุตสาหกรรม แทนที่จะเป็นเพียงโครงการวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา
EOS 5D Mark III, EF24-105mm f/4L IS II USM, f/8, ISO 50, 1/200s, 85 มม.
คุณใช้อุปกรณ์กล้องอะไรสำหรับ "Indian Renaissance" คุณลักษณะใดของอุปกรณ์ของคุณที่ช่วยให้คุณถ่ายภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผมใช้เลนส์ Canon EOS 5D Mark III ที่เชื่อถือได้ พร้อมกับเลนส์ EF24-105mm f/4L IS II USM และ EF70-200mm f/2.8L IS III USM สำหรับโครงการนี้ ร่วมกับอุปกรณ์การจัดแสงสตูดิโอ Profoto เมื่อคำนึงถึงข้อจำกัดด้านเวลา ผมต้องการให้อุปกรณ์เป็นสิ่งที่คิดขึ้นในภายหลัง และไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งใจเลือกตั้งแต่แรก ด้วยเหตุนี้ Canon EOS 5D Mark III จึงเป็นตัวเลือกที่ชัดเจนสำหรับผม เนื่องจากมันแทบจะเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกายของผม มันใช้งานง่ายและเชื่อถือได้ และสามารถทำในสิ่งที่มันควรจะทำได้ ศาสตร์แห่งสีของ Canon สำหรับผิวนั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับโปรเจ็กต์นี้ และไฟล์ RAW ก็มีรายละเอียดเพียงพอสำหรับการทำงานของผม Quick AF ในสตูดิโอและการหาโฟกัสเพียงเล็กน้อยทำให้กล้องนี้ใช้งานได้ง่าย และจากการใช้งานในโครงการต่างๆ มากมาย หมายความว่าผมรู้ดีว่าผมจะได้อะไรในการเซ็ตอัพนั้นๆ
หากคุณต้องการสร้างภาพบุคคลที่สะดุดตามากขึ้น การทดลองด้านการจัดแสงและองค์ประกอบภาพต่างๆ มักจะให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ อีกทางหนึ่ง การรับฟังคำแนะนำจากมืออาชีพตัวจริงก็ไม่เสียหายอะไรเช่นกัน
สำหรับบทความที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โปรดดูที่:
การจัดแสงใหม่สำหรับภาพบุคคล: ทีมงานจัดแสงในกล้องของคุณ
ศิลปะเบื้องหลังการถ่ายทำ: ภาพมาโครดอกไม้ในฝัน
เรียนรู้วิธีถ่ายภาพครอบครัวแบบธรรมชาติกับ Grace Tan