กล้อง EOS R ใหม่ของ Canon ผสมผสานข้อดีของทั้งเซนเซอร์แบบฟูลเฟรมและจุดแข็งของ Dual Pixel CMOS AF ระบบการโฟกัสอัตโนมัติ (AF) แบบ Phase Detection โดยใช้เซนเซอร์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นในกล้องมิเรอร์เลส จึงไม่น่าแปลกใจว่า ประสิทธิภาพและฟังก์ชั่นในการโฟกัสจะเป็นสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามอง ดังนั้น มาดูกันว่าคุณสมบัติในการโฟกัสทั้ง 8 ข้อของกล้อง EOS R มีอะไรบ้าง (เรื่องโดย: Kazuo Nakahara)
เสริมจุดแข็งของกล้องมิเรอร์เลสด้วยเซนเซอร์แบบฟูลเฟรม
EOS R กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรมรุ่นแรกของ Canon เป็นกล้องคุณสมบัติครบถ้วนระดับ “มืออาชีพ” ที่ผสมผสานเซนเซอร์แบบฟูลเฟรมและคุณสมบัติเด่นๆ ของกล้องมิเรอร์เลสในปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกัน และคุณสมบัติที่ว่านั้นก็คือประสิทธิภาพของระบบ AF อย่างไม่ต้องสงสัย
ข้อแรก กล้อง EOS R มีระบบ Dual Pixel CMOS AF ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในระบบนี้ แต่ละพิกเซลในเซนเซอร์ Dual Pixel CMOS จะทำหน้าที่ทั้งในการสร้างภาพและตรวจจับแบบ Phase-Difference ตามระนาบภาพ ผลลัพธ์: AF ตรวจจับแบบ Phase-Difference ตามระนาบภาพ ที่มีความเร็วและความแม่นยำสูง และสามารถคงคุณภาพของภาพที่สูงเอาไว้ได้
นอกจากนี้ กล้อง EOS R ยังมีประสิทธิภาพในการตรวจจับตัวแบบและวิธีการโฟกัสอัตโนมัติที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ได้แก่
- Eye Detection AF
- จำนวน ขอบเขต และความหนาแน่นของตำแหน่ง AF เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และ
- ประสิทธิภาพการทำงานของ AF ในสภาวะแสงน้อยที่ก้าวหน้าไปอีกขั้น
ขุมพลังการประมวลผลด้วย DIGIC 8
การได้มาซึ่งประสิทธิภาพ AF ในระดับนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลจากเซนเซอร์ภาพที่มากยิ่งกว่าที่เคย ประสิทธิภาพในการประมวลผลนี้เกิดจาก DIGIC 8 ระบบประมวลผลภาพรุ่นใหม่ล่าสุดของ Canon ดังนั้น กล้อง EOS R จึงไม่เพียงแต่สามารถตอบสนองการทำงานได้ดีเยี่ยมเทียบเท่ากล้อง DSLR เท่านั้น แต่ในบางครั้งคุณยังสามารถถ่ายภาพในสภาวะที่คุณเคยรู้สึกว่ายากต่อการถ่ายภาพได้อีกด้วย
ดังนั้น มาดูกันว่าฟังก์ชั่นที่สำคัญ 8 ข้อในการโฟกัสของกล้อง EOS R มีอะไรบ้าง และมีความสำคัญอย่างไร
1. พื้นที่ AF ที่ครอบคลุมมากขึ้น: 100% ของเฟรมภาพตั้งแต่ขอบบนจรดล่าง
A: ประมาณ 88%
B: ประมาณ 100%
พื้นที่ AF ครอบคลุม 88% ของพื้นที่ในแนวนอนและ 100% ของพื้นที่ในแนวตั้งของเฟรมเซนเซอร์ นับว่าครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งภาพ และยังช่วยให้คุณจัดองค์ประกอบภาพได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
*ภาพพื้นหลังมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นภาพประกอบเท่านั้น ไม่ใช่ภาพที่ถ่ายโดยกล้อง EOS R
การนำระบบประมวลผลภาพ DIGIC 8 มาใช้ ทำให้ EOS R สามารถประมวลผลข้อมูล AF ในปริมาณมากขึ้นได้ จึงมี AF ที่ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 100% ในแนวตั้ง และในแนวนอนยังครอบคลุมพื้นที่กว้างถึงประมาณ 88% อีกด้วย ด้วยความครอบคลุมระดับนี้ คุณจะสามารถวางตัวแบบหลักไว้ใกล้ขอบจอภาพได้โดยที่ AF ยังคงสามารถจับโฟกัสได้อยู่ ซึ่งช่วยให้จัดองค์ประกอบภาพได้อย่างยืดหยุ่น
2. ตำแหน่งจุด AF ที่มีให้เลือกมากถึง 5,655 จุด
87 ตำแหน่ง (ในแนวนอน) × 65 ตำแหน่ง (ในแนวตั้ง) = 5,655 ตำแหน่ง
สามารถเลือกจุด AF ได้สะดวกขึ้นด้วยระบบสัมผัสและ Touch & Drag AF
EOS R ไม่เพียงแต่มีพื้นที่ AF ที่กว้างขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความครอบคลุมของ AF ที่หนาแน่นขึ้นอีกด้วย เนื่องจากมีตำแหน่งจุด AF ที่คุณสามารถเลือกแบบแมนนวลได้ถึง 5,655 ตำแหน่ง (87 ตำแหน่งในแนวนอน x 65 ตำแหน่งในแนวตั้ง) ซึ่งช่วยให้คุณสามารถจับโฟกัสจุดที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ จึงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพแบบมาโครและฉากที่มีตัวแบบขนาดเล็กซึ่งการจับโฟกัสเป็นสิ่งสำคัญมาก ในโหมดการเลือกพื้นที่ AF อัตโนมัติ มี AF ให้เลือกมากถึง 143 พื้นที่* สำหรับการตรวจจับตัวแบบ จึงสามารถเปลี่ยนจุด AF ได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำมากขึ้นระหว่างการติดตามตัวแบบ
*เมื่อใช้เลนส์ที่เข้ากันได้
3. Eye Detection AF ที่ช่วยให้ถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้สวยงาม
EOS R/ RF50mm f/1.2L/ FL: 50 มม./ Aperture-priority AE (f/1.2, 1/125 วินาที, EV+0.7)/ ISO 100/ WB: 5200K
Eye Detection AF เป็นคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในด้านการตรวจจับใบหน้า ซึ่งทำให้กล้องสามารถโฟกัสไปที่รูม่านตาได้อย่างแม่นยำ คุณจะพบว่าคุณสมบัติข้อนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่มีระยะชัดลึกที่ตื้นด้วยเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง โปรดทราบด้วยว่าสามารถใช้ Eye Detection AF ได้ก็ต่อเมื่อตั้งค่า "One-Shot AF" และ "ใบหน้า+การติดตาม AF" ไว้ทั้งคู่เท่านั้น
อัพเดต (เมษายน 2019): Canon ได้เผยแพร่อัพเดตเฟิร์มแวร์ (เวอร์ชัน 1.2.0) ซึ่งเพิ่มการรองรับ Eye Detection AF ขณะใช้ Servo AF (การถ่ายภาพนิ่ง) และ Movie Servo AF (การถ่ายภาพเคลื่อนไหว)
ข้อมูลเพิ่มเติม
4. โฟกัสอัตโนมัติในสภาพมืดสูงสุด: AF สามารถทำงานได้แม้ในความมืดที่ EV-6
EOS R/ RF50mm f/1.2L/ FL: 50 มม./ Manual exposure (f/1.2, 13 วินาที, EV+0.3)/ ISO 3200/ WB: อัตโนมัติ
สภาพการถ่ายภาพที่ EV-6 เมื่อมองด้วยตาเปล่า
ภาพด้านล่างแสดงให้เห็นว่าที่ EV-6 นั้น ไม่สามารถมองเห็นตัวแบบได้ด้วยตาเปล่า แต่ระบบ AF ของกล้อง EOS R นั้นสามารถทำงานได้แม้อยู่ในสภาวะที่มืดเมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ RF50mm f/1.2L นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่าความไว AF ระดับนี้ต่ำกว่าค่าต่ำสุดที่ EV-4 ที่กล้องฟูลเฟรมอื่นๆ สามารถถ่ายได้ในโหมด Live View ถึง 2 สต็อป แม้ว่าโดยทั่วไปการโฟกัสแบบแมนนวล (MF) อาจดูน่าเชื่อถือได้มากกว่า แต่ด้วยประสิทธิภาพในการถ่ายที่สภาวะแสงน้อยของ EOS R การใช้ AF ถ่ายภาพดวงดาวอาจเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้สูง
5. การรองรับท่อต่อเลนส์: จุด AF เข้ากันได้กับรูรับแสงกว้างสุดที่ f/11 ที่ AF ทุกตำแหน่ง
AF ทำงานได้แม้ใช้ค่ารูรับแสงกว้างสุดที่ f/11
จุด AF ในกล้อง EOS R เข้ากันได้กับรูรับแสงกว้างสุดที่ f/11 ที่ AF ทุกตำแหน่ง (เมื่อใช้ร่วมกับเลนส์และท่อต่อเลนส์ที่เข้ากันได้ เช่น เลนส์ EF100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM คู่กับท่อต่อเลนส์ 2 เท่า) จึงสามารถใช้ AF ได้แม้ถ่ายที่ระยะซูเปอร์เทเลโฟโต้ 800 มม. ช่วยเพิ่มโอกาสในการถ่ายภาพอย่างเห็นชัดสำหรับช่างภาพสัตว์ป่า
6. 4 วิธีการโฟกัสอัตโนมัติแบบใหม่เพื่อการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น
ขยายพื้นที่ AF (ซ้าย-ขวา-บน-ล่าง)
ใช้จุดที่อยู่ด้านบน ล่าง ซ้าย และขวาของจุด AF ที่เลือกไว้เพื่อช่วยในการจับภาพตัวแบบที่เคลื่อนออกไปจากขอบเขตของจุด AF ที่เลือก โหมดนี้มีประสิทธิภาพในการจับภาพตัวแบบขนาดเล็กที่เคลื่อนไหวแบบคาดเดาได้ง่าย
ขยายพื้นที่ AF: โดยรอบ
ใช้ 8 จุดรอบๆ จุด AF ที่เลือกไว้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่าการ “ขยายพื้นที่ AF (ซ้าย-ขวา-บน-ล่าง)” และได้ผลดีสำหรับการจับภาพตัวแบบขนาดเล็กที่เคลื่อนไหวแบบคาดเดาไม่ได้
Large Zone AF: แนวตั้ง
จับภาพตัวแบบได้อัตโนมัติโดยใช้กรอบ AF ที่มีความยาวในแนวตั้งมากกว่า Zone AF โหมดนี้ใช้ได้ผลดีเมื่อตัวแบบมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะจับภาพได้โดยใช้พื้นที่ AF ขนาดเล็ก จึงมีประสิทธิภาพในการจัดองค์ประกอบภาพมากกว่าการเลือกจุด AF อัตโนมัติ
Large Zone AF: แนวนอน
จับภาพตัวแบบได้อัตโนมัติโดยใช้กรอบ AF ที่มีความยาวในแนวนอนมากกว่า Zone AF Large Zone AF ทั้งคู่: แนวตั้งและ Large Zone: แนวนอนจะเน้นจับโฟกัสไปที่ใบหน้าเมื่อมีคนอยู่ในกรอบ AF
กล้อง EOS R มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่ดียิ่งขึ้นในรูปของระบบประมวลผลภาพ DIGIC 8 จึงสามารถใช้โหมดการเลือกพื้นที่ AF ต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถใช้ได้กับ Dual Pixel CMOS AF เช่น ขยายพื้นที่ AF และ Large Zone AF ตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับ AF ที่ขยายเพิ่มขึ้นเหล่านี้ช่วยให้คุณถ่ายภาพโดยใช้ AF ได้อย่างมีอิสระมากขึ้นและง่ายดายยิ่งขึ้น
7. ฟังก์ชั่น AF แบบกำหนดเอง
ความไวติดตาม
กำหนดค่าความไวติดตามเมื่อมีสิ่งกีดขวางจุด AF หรือเมื่อตัวแบบเคลื่อนที่ออกไปนอกจุด AF
เพิ่ม/ลดความไวติดตาม
เปลี่ยนความไวติดตามเมื่อตัวแบบหยุดหรือเริ่มเคลื่อนที่อย่างกะทันหัน หรือเมื่อตัวแบบเปลี่ยนความเร็วในการเคลื่อนที่
เปลี่ยนจุด AF อัตโนมัติ
ช่วยให้คุณกำหนดความไวการเปลี่ยนจุด AF ซึ่งก็คือแนวโน้มในการเปลี่ยนจุด AF จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งเพื่อคงโฟกัสไว้ในขณะที่ตัวแบบเคลื่อนไปด้านบน ล่าง ซ้าย ขวา หรือห่างออกไปจากจุด AF
นอกจากข้อมูล เช่น ความสว่าง สี และใบหน้าของตัวแบบแล้ว การนำ DIGIC 8 มาใช้ยังทำให้สามารถใช้ข้อมูลความลึกในการติดตาม AF ได้ ซึ่งทำได้โดยนำเอาข้อมูลด้านระยะห่างจากพื้นที่รอบตัวแบบมาประมวลผลในทันที และใช้ได้ผลดีในฉากที่แสงบนตัวแบบมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปหรือเมื่อตัวแบบและแบ็คกราวด์มีสีที่ใกล้เคียงกัน
คุณสมบัตินี้รวมกับความสามารถในการปรับแต่งพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น ความไวติดตาม และการเปลี่ยนจุด AF อัตโนมัติ ทำให้คุณสามารถกำหนดค่า AF ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเคลื่อนไหวของตัวแบบได้
8. ตัวแสดงสถานะด้วยภาพเพื่อการโฟกัสแบบแมนนวลที่ง่ายดาย
กรอบชี้นำจะเปลี่ยนไปเพื่อบอกว่าคุณต้องปรับโฟกัสอย่างไรและมากแค่ไหน
ซ้าย: นอกโฟกัส - โฟกัสอยู่ด้านหน้าเกินไปเล็กน้อย
กึ่งกลาง: ตัวแบบอยู่ในโฟกัส
ขวา: นอกโฟกัส - โฟกัสอยู่ด้านหลังเกินไปเล็กน้อย
คุณสมบัติส่วนใหญ่ที่กล่าวมาแล้วจะเป็นเรื่องของการโฟกัสอัตโนมัติ แต่กล้อง EOS R ยังมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์สำหรับการโฟกัสแบบแมนนวลอีกด้วย นั่นก็คือฟังก์ชั่น Focus Guide ซึ่งแสดงสถานะของความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งของตัวแบบกับจุดโฟกัสของเลนส์ให้คุณเห็นได้ในทันทีเมื่อใช้ MF ดังแสดงในภาพด้านบน ไอคอนจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อตัวแบบอยู่ในโฟกัส และจะเคลื่อนที่หากโฟกัสเลยมาด้านหน้าหรือด้านหลังตัวแบบมากเกินไป ด้วยคุณสมบัตินี้ การโฟกัสแบบแมนนวลจึงกลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าที่เคย
คลิกที่นี่สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้อง EOS R
คุณอาจสนใจอ่านบทความนี้เช่นกัน:
สัมภาษณ์ทีมนักพัฒนา ขอแนะนำ EOS R กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรมรุ่นแรกของ Canon (ฉบับภาษาอังกฤษ)
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชุมชน SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!เกี่ยวกับผู้เขียน
นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation
เกิดที่เมืองฮอกไกโดในปี 1982 Nakahara ผันเข้าสู่วงการถ่ายภาพหลังจากทำงานในบริษัทผลิตสารเคมี เขาถ่ายภาพที่ Vantan Design Institute เป็นหลักและเป็นผู้บรรยายในเวิร์คช็อปและสัมมนาด้านการถ่ายภาพ นอกเหนือจากการทำงานถ่ายภาพโฆษณา เขายังเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินงานเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลด้านการถ่ายภาพอย่าง studio9 อีกด้วย