EOS 200D ซึ่งเป็นกล้อง DSLR ขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ EOS ของ Canon และเป็นกล้องรุ่นต่อจาก EOS 100D ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2013 มาพร้อมเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญของกล้อง EOS รุ่นใหม่ล่าสุดของ Canon เช่น Dual Pixel CMOS AF และระบบประมวลผลภาพ DIGIC 7 ในบทความนี้ เราลองมาทำความรู้จักกับสี่คุณสมบัติดังกล่าวกัน (เรื่องโดย: Kazuo Nakahara)
EOS 200D คือกล้องระดับเริ่มต้นที่เย้ายวนใจ ด้วยจอภาพแบบปรับหมุนได้และการเชื่อมต่อ Wi-Fi
ในโลกที่กล้อง DSLR ระดับเริ่มต้นมีแนวโน้มถูกแทนที่ด้วยกล้องรุ่นใหม่กว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ 1 ถึง 2 ปี EOS 100D สามารถยืนหยัดครองตำแหน่งหนึ่งในกล้องระดับเริ่มต้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนานถึงสี่ปี นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 2013 และขณะนี้ก็ถึงเวลาของกล้องรุ่นทายาทอย่าง EOS 200D บ้าง โดยกล้องรุ่นนี้เดินตามรอยรุ่นพี่ในฐานะกล้อง DSLR ที่รวมศักยภาพในการถ่ายภาพที่เกือบจะเทียบเท่ากับกล้องระดับกลางแม้จะมีขนาดตัวกล้องที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบา
เซนเซอร์ภาพ CMOS ในกล้อง EOS 200D มีความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากจาก 18 ล้านพิกเซลในกล้อง EOS 100D ระบบ AF ในระหว่างการถ่ายภาพแบบ Live View รับประกันว่ารวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมากด้วยการใช้ Dual Pixel CMOS AF และการปรับปรุงคุณสมบัติการถ่ายภาพเคลื่อนไหวยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับ EOS 200D ในฐานะกล้องถ่ายภาพวิดีโอ ส่วนระบบประมวลผลภาพซึ่งเป็นเสมือนมันสมองที่สั่งการทำงานของกล้องนั้น ใช้ระบบ DIGIC 7 ใหม่ล่าสุดของ Canon เพื่อให้ได้ความสามารถในการประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม
ในแง่ของระบบสื่อสารแบบไร้สาย EOS 200D รองรับ Wi-Fi NFC และบลูทูธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบลูทูธให้การเชื่อมต่อที่ต่อเนื่องระหว่างกล้องกับสมาร์ทโฟน จนกระทั่งผู้ใช้สามารถใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเปิดกล้องและถ่ายโอนภาพได้แม้ขณะปิดกล้อง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่คำนึงถึงสไตล์การถ่ายภาพของผู้เริ่มต้นถ่ายภาพได้อย่างเหมาะสม
จอภาพ LCD ด้านหลังแบบปรับหมุนได้ช่วยให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายแบบขณะถ่ายภาพ และการใช้งานแบบสัมผัสยังสอดรับกับการทำงานของ Dual Pixel CMOS AF ได้อย่างน่าอัศจรรย์ สำหรับการถ่ายภาพด้วยช่องมองภาพ ช่องมองภาพแบบออพติคอลครอบคลุมพื้นที่และจุด AF เหมือนกับในกล้อง EOS 100D แต่มีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเป็น 5 fps
ต่อไปนี้เราลองมาดูรายละเอียด 4 คุณสมบัติหลักของกล้องรุ่นนี้กัน
1. จอภาพ LCD ด้านหลัง
ปรับหมุนได้, 2 ตัวเลือกในการแสดงหน้าจอ
EOS 200D มีหน้าจอ LCD แบบปรับหมุนได้ ซึ่งคุณสามารถใช้ได้กับฉากหลากหลายรูปแบบมากขึ้น จอแบบปรับหมุนได้แตกต่างจากจอแบบปรับเอียงได้ตรงที่สามารถถ่ายภาพจากมุมสูงหรือมุมต่ำ ไม่ว่าคุณจะถือกล้องในแนวนอนหรือแนวตั้ง อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพตัวเองได้อีกด้วย การตั้งค่าการแสดงเมนูเริ่มต้นคือโหมด "มีคำแนะนำ" ซึ่งมาพร้อมอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่เข้าใจง่ายและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน ผู้ใช้มือใหม่สามารถทำความคุ้นเคยกับการใช้งานกล้องด้วยตนเองโดยใช้คำแนะนำและคำอธิบายที่ใช้กราฟิกประกอบได้
จอ LCD แบบปรับหมุนได้สามารถหมุน 175° ในแนวนอน และ 270° ในแนวตั้ง
โหมด "มีคำแนะนำ" (การแสดงข้อมูลที่ใช้งานง่าย) คือการตั้งค่าการแสดงเมนูเริ่มต้น ซึ่งสามารถสลับไปใช้งานโหมดการแสดง "มาตรฐาน" ได้
EOS 200D/ EF-S18-55mm f/4-5.6 IS STM/ FL: 18 มม. (เทียบเท่ากับ 29 มม.)/ Aperture-priority AE (f/4, 1/1,000 วินาที, EV±0)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ
คุณสามารถใช้จอแบบปรับหมุนได้เพื่อถ่ายภาพจากตำแหน่งที่ต่ำ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งใกล้กับพื้นดิน ในภาพนี้มีการใช้ Touch AF เพื่อจับโฟกัสดอกไม้ขนาดเล็กๆ ได้อย่างแม่นยำ
2. ระบบ AF
Dual Pixel CMOS AF
EOS 200D มาพร้อมระบบ Dual Pixel CMOS AF ซึ่งแต่ละพิกเซลบนเซนเซอร์ภาพสามารถใช้งานได้สองฟังก์ชั่น ได้แก่ การถ่ายภาพแสงเพื่อวัตถุประสงค์ในการถ่ายภาพ และใช้งาน AF ตรวจจับแบบ Phase Difference ตามระนาบภาพ จึงสามารถใช้ AF ตรวจจับแบบ Phase Difference ในระหว่างการถ่ายภาพแบบ Live View ได้รวดเร็วและราบรื่น ครอบคลุมพื้นที่ 80% ของหน้าจอ LCD ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ดังนั้น AF ในระหว่างถ่ายภาพ Live View ในกล้อง EOS 200D จึงรวดเร็วพอๆ กับในกล้อง DSLR ระดับกลางถึงไฮเอนด์
แม้ในขณะใช้ Touch AF นั้น AF ยังคงสามารถใช้งานครอบคลุมพื้นที่กว่า 80% ของจอภาพ (แนวตั้งและแนวนอน)
3. คุณภาพของภาพ
การปรับปรุงคุณภาพของภาพด้วย DIGIC 7
EOS 200D มีการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมที่สำคัญ ไม่เพียงในแง่ของการทำงานเท่านั้น แต่ยังในด้านคุณภาพของภาพอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็นความสามารถในการตรวจจับตัวแบบและความเร็วในการประมวลผล การติดตาม AF และการลดจุดรบกวนจาก ความไวแสง ISO สูง
EOS 200D/ EF40mm f/2.8 STM / FL: 40 มม. (เทียบเท่า 64 มม.)/ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/800 วินาที, EV±0)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ
ภาพทิวทัศน์กลางคืนนี้ถ่ายโดยใช้ความไวแสง ISO ที่ค่า 25600 ทำให้สามารถถ่ายทอดรายละเอียดได้เป็นอย่างดีโดยไม่มีจุดสีรบกวน
EOS 200D/ EF-S18-55mm f/4-5.6 IS STM / FL: 47 มม. (เทียบเท่า 75 มม.)/ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/25 วินาที, EV-0.7)/ ISO 25600/ WB: อัตโนมัติ
ดังที่แสดงในภาพนี้ ความสามารถในการตรวจจับตัวแบบของ EOS 200D มีประสิทธิภาพ แม้ต้องเจอกับฉากที่มีความอิ่มตัวของสีต่ำ ซึ่งตัวแบบหลักและแบ็กคราวด์มีโทนสีเดียวกัน
4. การเชื่อมต่อไร้สาย
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างต่อเนื่องแม้ขณะปิดกล้อง
เทคโนโลยีบลูทูธพลังงานต่ำให้การเชื่อมต่อที่ต่อเนื่องและใช้พลังงานน้อยระหว่างกล้องและสมาร์ทโฟน แม้ในขณะที่ปิดกล้อง ซึ่งหมายความว่าหากคุณต้องการถ่ายโอนภาพถ่าย คุณไม่จำเป็นต้องแตะกล้องของคุณเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่เริ่มดำเนินการผ่านแอพ Camera Connect (สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี) และการเชื่อมต่อจะสลับจากบลูทูธเป็น Wi-Fi โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ถ่ายโอนภาพถ่ายได้ง่ายขึ้น
การเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และบลูทูธสามารถทำได้ด้วยสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์รีโมทคอนโทรลที่เข้ากันได้ ในกล้อง EOS 200D คุณสามารถเลือกเปิด/ปิดใช้งานการเชื่อมต่อบลูทูธเมื่อปิดกล้อง
คุณสามารถใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi และแอพ Camera Connect เพื่อทำสิ่งต่างๆ ได้อีกมาก โปรดดูบทความต่อไปนี้หากต้องการทราบไอเดีย!
วิธีสนุกๆ ในการใช้ Wi-Fi ในกล้อง (ตอนที่ 1): ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคุณสมบัติ Wi-Fi
วิธีสนุกๆ ในการใช้ Wi-Fi ในกล้อง (ตอนที่ 2): ตัวอย่างการใช้งานจริง
6 เคล็ดลับที่เป็นประโยชน์สำหรับการถ่ายภาพระยะไกลผ่าน Wi-Fi ด้วยแอพ Camera Connect
เคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ในการแบ็คอัพภาพถ่ายในแอพ Camera Connect
หรืออ่านบทความต่อเนื่องเกี่ยวกับ พื้นฐานเกี่ยวกับกล้อง เพื่อทำความรู้จักกล้อง EOS ของคุณและคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!
เกี่ยวกับผู้เขียน
นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation
เกิดที่เมืองฮอกไกโดในปี 1982 Nakahara ผันเข้าสู่วงการถ่ายภาพหลังจากทำงานในบริษัทผลิตสารเคมี เขาถ่ายภาพที่ Vantan Design Institute เป็นหลักและเป็นผู้บรรยายในเวิร์คช็อปและสัมมนาด้านการถ่ายภาพ นอกเหนือจากการทำงานถ่ายภาพโฆษณา เขายังเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินงานเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลด้านการถ่ายภาพอย่าง studio9 อีกด้วย