ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด กล้องฟูลเฟรมรุ่นเรือธงรุ่นแรกในซีรีย์ EOS R- Part

Be ONE with Mastery: ขอแนะนำ EOS R1

2024-07-24
0
38

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 Canon ได้เปิดตัว EOS R1 ซึ่งเป็นกล้องรุ่นเรือธงระดับมืออาชีพรุ่นแรกในระบบ EOS R ที่ใครๆ ต่างตั้งตารอ ทั้งยังเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูลกล้อง EOS-1 ยอดนิยม ซึ่งสร้างชื่อเสียงในด้านประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือระดับท็อปและกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับบรรดาช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการถ่ายภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำบรรดาคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของกล้องรุ่นนี้ ซึ่งยกระดับความสามารถเดิมๆ ของ EOS-1 สู่ยุคแห่งกล้องมิเรอร์เลส

ในบทความนี้:

ลองรับชม: เผยโฉม EOS R1 กล้องรุ่นเรือธงจาก Canon

หัวใจสำคัญ: เทคโนโลยีหลักล้ำสมัยที่ช่วยให้เป็นไปได้

ก่อนจะพูดถึงคุณสมบัติอันพลิกโฉมวงการถ่ายภาพจากกล้อง EOS R1 ย่อมต้องพูดถึงเทคโนโลยีหลักๆ ที่ช่วยให้คุณสมบัติเหล่านี้เป็นไปได้ด้วย

สำหรับ EOS R1 นั้น พลังขับเคลื่อนสำคัญคือ ระบบ Accelerated Capture ใหม่ ซึ่งประกอบด้วยระบบประมวลผลภาพ DIGIC X และ DIGIC Accelerator แบบใหม่ ในฐานะระบบประมวลผลของกล้อง ระบบนี้เป็นสมองที่คอยประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาลจากเซนเซอร์ภาพด้วยความเร็วสูง พร้อมทั้งคำนวณข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการและการตัดสินใจมากมาย

DIGIC X เป็นระบบที่ช่วยให้สามารถนำอัลกอริธึมเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกไปใช้กับการตรวจจับตัวแบบในกล้องซีรีย์ EOS R รุ่นก่อนๆ ยิ่งตอนนี้มี DIGIC Accelerator ที่ยกระดับทั้งความเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผลเข้ามาเสริม จึงทำให้ระบบนี้มีความสามารถเพิ่มขึ้นด้วย

ซึ่งรวมถึงการปรับใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ AF ของกล้องในหลายๆ ด้าน นอกจากนี้ เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกยังส่งผลต่อความสามารถใหม่ของกล้องในการเพิ่มความละเอียดภาพสูงสุดถึง 4 เท่าผ่าน In-camera Upscaling

เทคโนโลยีเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยข้อมูลจากเซนเซอร์แบบรับแสงด้านหลัง (BSI) ซ้อนกัน ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซลที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยมีสถาปัตยกรรมที่ช่วยให้เซนเซอร์สามารถอ่านข้อมูลได้เร็วขึ้นและมีความไวแสงที่ดีขึ้น การบันทึกและถ่ายโอนข้อมูลภาพด้วยความเร็วสูงและมีคุณภาพสูงนั้นจึงมีประโยชน์มากกว่าเรื่องการสร้างภาพออกมา

 

1. โฟกัสอัตโนมัติที่พลิกโฉมวงการถ่ายภาพ

การปรับปรุงที่สำคัญที่สุดสำหรับ EOS R1 ที่คุณจะได้สัมผัสคือประสิทธิภาพในการโฟกัสอัตโนมัติ (AF) นั่นเป็นเพราะคุณสมบัติการประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและการใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกมากขึ้น ทำให้ระบบ AF ของกล้องสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ได้รับมาอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น และความสามารถที่ปรับปรุงใหม่เช่นนี้ก็โดดเด่นมากพอที่จะได้รับชื่อใหม่ นั่นคือ Dual Pixel Intelligent AF

สำหรับกล้อง EOS R1 ระบบ Dual Pixel Intelligent AF ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วย AF แบบ Cross-type ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งจะปรับแนวโฟโต้ไดโอดบางส่วนที่ใช้สำหรับตรวจจับ AF บนเซนเซอร์ภาพเพื่อให้สามารถตรวจจับได้ดียิ่งขึ้นตามเส้นแนวตั้งและแนวนอน การตรวจจับตัวแบบทั่วทั้ง 100% ของเซนเซอร์ภาพจึงทำได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง


AF แบบ Cross-type

ผู้ใช้จะสัมผัสประสิทธิภาพ AF ที่ดียิ่งขึ้นในสถานการณ์ต่อไปนี้

1) การถ่ายภาพกีฬา
ในโหมด Action Priority AF ใหม่ กล้องสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวสำคัญๆ ในกีฬา 3 ประเภท คือ ฟุตบอล บาสเกตบอล และวอลเลย์บอล โดยการระบุและวิเคราะห์รายละเอียดต่างๆ เช่น ผู้คนจำนวนมาก ตำแหน่งลูกบอล และสถานะข้อต่อของนักกีฬา จากนั้นจะเลื่อนกรอบ AF ไปยังตัวแบบที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อช่วยให้คุณตอบสนองได้อย่างฉับไว โหมดนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดีในการถ่ายภาพกีฬาวินาทีสำคัญๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว!

2) เมื่อถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอของบุคคลเฉพาะราย
โหมด Register People Priority ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในกล้อง EOS R3 จะช่วยให้คุณสามารถให้ความสำคัญกับบุคคลที่บันทึกไว้ล่วงหน้าเป็นอันดับแรกเพื่อการติดตามและตรวจจับตัวแบบ แม้ว่าจะมีคนจำนวนมากอยู่ในเฟรมก็ตาม กล้อง EOS R1 ทำงานได้ดีกว่ากล้อง EOS R3 ในแง่ของการติดตามผู้คนที่หันหน้าออกในแนวเฉียง จึงใช้ถ่ายภาพกีฬาหรือคอนเสิร์ตได้ดียิ่งขึ้น

3) เมื่อถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอในฉากที่ซับซ้อนโดยมีตัวแบบตัดกัน
ด้วยความสามารถใหม่ๆ เช่น การประมาณพื้นที่ศีรษะและการตรวจจับลำตัวส่วนบนของมนุษย์ อัลกอริธึมการติดตามที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจึงสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างการติดตามตัวแบบและวัตถุอื่นๆ ที่อาจบดบังการมองเห็นได้ดีขึ้น โฟกัสจะคงอยู่บนตัวแบบอย่างต่อเนื่องมากขึ้นแม้ว่ามีสิ่งกีดขวาง เช่น รั้วหรือคนอื่นๆ ที่ขวางทาง

รับชม: กระบวนการติดตามจริงด้วย EOS R1


โฟกัสอัตโนมัติได้อย่างชำนาญ: ควบคุม AF ได้ดีขึ้น

สำหรับช่างภาพมืออาชีพแล้ว ความสามารถในการควบคุมการทำงานของ AF เมื่อจำเป็นก็มีความสำคัญไม่แพ้ประสิทธิภาพ AF Eye Control AF ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในกล้อง EOS R3 เป็นโหมดควบคุมที่ใช้งานได้ง่ายและตอบสนองด้วยความไวสูง ซึ่งคุณสมบัตินี้ได้รับการพัฒนาอย่างมากในกล้อง EOS R1

การพัฒนาดังกล่าวประกอบด้วย
- ออพติคที่ไวต่อการตรวจจับเส้นนำสายตายิ่งขึ้น
- ช่วงการตรวจจับดวงตาที่ใหญ่ขึ้น
- อัลกอริธึมการตรวจจับเส้นนำสายตาที่ดีขึ้น

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ระบบ Eye Control AF ไม่เพียงแต่เร็วขึ้นและตอบสนองได้ดีขึ้นพร้อมอัตราเฟรมการตรวจจับที่สูงกว่ากล้อง EOS R3 ถึงสองเท่า แต่ยังมีความเชื่อถือได้และแม่นยำยิ่งขึ้นด้วย คุณจึงสามารถติดตามและเปลี่ยนตัวแบบที่ต้องการได้รวดเร็วดั่งใจแม้ขณะถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง

 

2. ถ่ายภาพที่ใช้ได้มากขึ้นแม้ในฉากที่คาดเดาไม่ได้

การอ่านข้อมูลเซนเซอร์ภาพอย่างรวดเร็วร่วมด้วยระบบ Accelerated Capture อันทรงประสิทธิภาพช่วยให้ EOS R1 มีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุดถึง 40 fps ด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ ม่านชัตเตอร์ที่มีความเร็วสูงมากเช่นนี้ทำให้ความบิดเบี้ยวจาก Rolling Shutter ลดลงเหลือในระดับเดียวกับชัตเตอร์กล ซึ่งถือว่าเล็กน้อยมาก

อีกทั้งยังโฟกัสและตรวจจับตัวแบบได้อย่างง่ายดาย เพราะสามารถขับเคลื่อนเลนส์ได้สูงสุดราว 60 fps ซึ่งนับว่ามากพอที่จะทำให้แน่ใจว่าการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนภาพที่ถ่ายได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มจำนวนภาพที่ใช้ได้อีกด้วย


การถ่ายภาพต่อเนื่องล่วงหน้าและการบันทึกล่วงหน้า

โหมดการถ่ายภาพต่อเนื่องล่วงหน้าแบบใหม่ซึ่งใช้งานได้ระหว่างการขับเคลื่อนชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้ช่างถ่ายภาพนิ่งสามารถถ่ายภาพ RAW/C-RAW/JPEG/HEIF ต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 20 ภาพก่อนที่จะกดปุ่มชัตเตอร์ลงจนสุด จึงช่วยเสริมความมั่นใจในการถ่ายภาพตัวแบบยากๆ ให้กับช่างภาพที่เคยต้องอาศัยสัญชาตญาณของตนเองในการถ่ายภาพ โหมดดังกล่าวยังสามารถใช้ร่วมกับโหมด Action Priority AF และโหมด Register People Priority เพื่อเพิ่มโอกาสในการถ่ายภาพให้สำเร็จมากขึ้น

ส่วนในโหมดวิดีโอจะมีฟังก์ชันการบันทึกล่วงหน้า ซึ่งบันทึกฉากสูงสุดถึง 5 วินาทีก่อนที่คุณจะเริ่มบันทึกวิดีโอ

 

3. ปรับปรุงภาพด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก

กล้อง EOS R1 มีคุณสมบัติที่ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกสองคุณสมบัติ ซึ่งเคยต้องอาศัยคอมพิวเตอร์หรือการประมวลผลผ่านระบบคลาวด์ในการทำงาน นั่นคือ In-Camera Upscaling และการลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก แต่ปัจจุบันคุณสมบัติทั้งสองสามารถใช้ได้ภายในกล้อง จึงเป็นวิธีที่สะดวกยิ่งขึ้นในการแก้ไขปัญหาคุณภาพของภาพ และได้ภาพที่นำไปใช้ได้มากขึ้น


In-Camera Upscaling

In-camera Upscaling จะสร้างภาพความละเอียดสูงที่มีขนาดใหญ่กว่าภาพต้นฉบับถึง 4 เท่าโดยไม่สูญเสียคุณภาพใดๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในสถานการณ์ที่คุณต้องการภาพโคลสอัพความละเอียดสูง แต่ไม่สามารถทำได้ด้วยเลนส์ที่คุณพกติดตัวไปด้วย

คุณสมบัตินี้จะทำงานโดยใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อเพิ่มจำนวนพิกเซลในภาพเป็นสองเท่าในแกนภาพทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ทำให้ได้ภาพคุณภาพสูงที่เพิ่มความละเอียดจากภาพต้นฉบับ 24.2 ล้านพิกเซลเป็น 96 ล้านพิกเซล

นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มความละเอียดให้ภาพแล้วครอปในกล้องเพื่อขั้นตอนการถ่ายภาพที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก

การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อลดจุดรบกวนจากความไวแสง ISO สูงในภาพ RAW ทำให้สร้างภาพ JPEG ได้คมชัดยิ่งขึ้นและมีความละเอียดที่เด่นชัดอย่างน่าทึ่ง

ดังที่เห็นในตัวอย่างด้านล่าง คุณสมบัตินี้ยังมีประโยชน์สำหรับภาพที่เปิดรับแสงน้อยกว่าปกติซึ่งแสดงจุดรบกวนเมื่อเพิ่มความสว่าง คุณจึงไม่ต้องเลือกระหว่างคุณภาพของภาพที่คมชัดขึ้นกับการได้ภาพที่ต้องการเมื่อถ่ายในสภาวะที่ท้าทายอีกต่อไป

EOS R1/ RF200-800mm f/6.3-9 IS USM/ FL: 800 มม./ Shutter-priority AE (f/9, 1/2000 วินาที)/ ISO 8000
กระบวนการปรับแต่งภาพ RAW ภายในกล้อง: ความสว่าง +1


ครอปจากภาพต้นฉบับ


ลดจุดรบกวน (การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก)

ในภาพตัวอย่างด้านบน การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กได้ลดจุดรบกวนในบริเวณปีกและแบ็คกราวด์โดยไม่ทำให้ภาพดู “นุ่มนวลขึ้น” เหมือนการลดจุดรบกวนแบบทั่วไป

 

4. มุมมอง EVF ที่ใหญ่ สว่าง และคมชัด

สำหรับกล้อง EOS R1 คุณจะมองเห็นภาพทุกภาพได้อย่างสว่าง คมชัด และมีขนาดใหญ่ EVF ความละเอียด 9.44 ล้านจุดแบบใหม่มีความละเอียดและความคมชัดสูงสุดในบรรดากล้องระบบ EOS ทั้งหมด โดยให้กำลังขยายขนาดใหญ่ 0.9 เท่า ซึ่งใหญ่กว่ากล้อง EOS R3 ประมาณ 1.2 เท่า (กำลังขยาย 0.76 เท่า ประมาณ 5.76 ล้านจุด) และสว่างขึ้นสูงสุดถึง 3 เท่า

จอภาพชนิดปราศจากปัญหาจอดำสามารถใช้ได้ระหว่างการถ่ายภาพด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ จึงมองเห็นตัวแบบที่เคลื่อนที่เร็วได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุดแม้ที่ 40 fps

โครงสร้างป้องกันฝ้าแบบสุญญากาศของ EVF นั้นเหนือกว่า EOS R3 เพื่อให้มั่นใจว่าภาพที่คุณมองเห็นจะยังคงชัดเจนแม้ถ่ายภาพในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นจนเหมือนอบไอน้ำอยู่ก็ตาม

 

5. วิดีโอ: มีความยืดหยุ่นแบบภาพยนตร์มากขึ้น

รูปแบบการบันทึกหลากหลายขึ้น สร้างสรรค์ได้มากขึ้น

EOS R1 สามารถบันทึกวิดีโอ 60p RAW แบบ 6K DCI (6000 x 3164) เป็นเวลาอย่างน้อย 120 นาทีร่วมกับไฟล์ Proxy 2K 60p ไปพร้อมๆ กันภายในกล้อง ทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในขั้นตอนการตัดต่อ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกสำหรับกล้องที่ไม่ใช่ Cinema EOS ที่ผู้ใช้สามารถถ่ายทำแบบ 2K DCI ที่รองรับอัตราเฟรมสูงสุดถึง 240p

แผนภูมิ: รูปแบบการบันทึกวิดีโอในกล้อง EOS R1


Canon Log 2 และ Log 3
แม้ว่า Canon Log 3 จะมีในกล้องซีรีย์ EOS R หลายรุ่น แต่ EOS R1 ก็เป็นกล้องรุ่นแรกร่วมกับ EOS R5 Mark II ที่มี Canon Log 2 เช่นกัน Canon Log 3 สามารถตัดต่อได้ง่ายกว่าและทำให้เกิดจุดรบกวนน้อยกว่าในพื้นที่มืด ขณะที่ Canon Log 2 จะคงรายละเอียดของเงาได้มากกว่าและมีช่วงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างกว่า ต่อไปนี้ผู้ใช้จึงมีตัวเลือกมากขึ้นสำหรับแกมมาที่ต้องการในการเกลี่ยสี

การผสานรวมในกระบวนการทำงานที่ใช้กล้อง Cinema EOS
ความสามารถในการถ่ายวิดีโอที่ดียิ่งขึ้นทำให้ EOS R1 เข้ากันอย่างลงตัวกับขั้นตอนการทำงานที่ใช้กล้องหลายตัวและต้องอาศัยกล้อง Cinema EOS ด้วย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยในกองถ่ายทำวิดีโอระดับมืออาชีพ โดยรวมถึงค่ารูปภาพแบบกำหนดเองที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจากกล้อง Cinema EOS ซึ่งรองรับการใช้ LUT จึงทำให้จับคู่การถ่ายทอดสีสันในสถานที่ถ่ายทำได้ง่ายขึ้น การรองรับระบบไฟล์ XF-AVC S/XF-HEVC S เดียวกันยังช่วยให้กระบวนการตัดต่อง่ายขึ้นด้วย

คุณสมบัติวิดีโออื่นๆ ที่โดดเด่น
- ใช้งานการบันทึกแบบ ProRES RAW ภายนอกสูงสุด 6K 60p ผ่านช่องต่อเอาต์พุต HDMI Type A
- กล้องรองรับการบันทึกเสียง LPCM 24 บิตแบบ 4 ช่อง ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับฉากที่ใช้แหล่งเสียงหลายแหล่ง เช่น การสัมภาษณ์ โดยจะได้ใช้ประโยชน์จากไมโครโฟนหลายตัว
- ไฟแสดงการบันทึกจะช่วยให้ทุกคนที่อยู่ในสถานที่ถ่ายทำสามารถเห็นสถานะการบันทึกได้
- คุณสมบัติ Dual Shooting ใหม่ล่าสุดช่วยให้สามารถถ่ายภาพนิ่งแบบ JPEG ความละเอียด 17.8 ล้านพิกเซลในอัตราส่วน 16:9 ได้พร้อมกันเมื่อบันทึกวิดีโอ Full HD 60p ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรายงานข่าวและการสัมภาษณ์

รับชม: Full HD 240p ด้วย EOS R1

กล้อง EOS R1 สามารถบันทึกวิดีโอ 4K 120p พร้อมเสียง รวมไปถึง Full HD 240p คุณจึงสร้างการเล่นภาพสโลโมชั่นอันน่าทึ่งได้จากฉากที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว

 

6. สื่อสารได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา

EOS R1 รองรับโปรโตคอลไร้สาย (Wi-Fi 6/6E) และแบบมีสาย (2.5G Base-T) ใหม่ล่าสุด ทำให้สามารถสื่อสารได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับ EOS R3 อีกทั้งยังช่วยรองรับขั้นตอนการทำงานระดับมืออาชีพที่ต้องแข่งกับเวลาได้ดีขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องถ่ายโอนไฟล์ภาพและวิดีโอขนาดใหญ่ไปยังสำนักงานบรรณาธิการทันที

สายอากาศในตัวหลายสายรองรับ MIMO (multiple-input and multiple-output) ซึ่งจะปรับปรุงคุณภาพของการถ่ายโอน

 

7. รังสรรค์มาดุจกล้องรุ่นเรือธง

EOS R1 ออกแบบมาให้เชื่อถือได้อยู่เสมอแม้จะถ่ายภาพในสภาวะที่สมบุกสมบัน และทนทานต่อแรงกระทบกระแทกที่เป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานระดับมืออาชีพ โครงสร้างภายนอกทำจากแมกนีเซียมอัลลอยที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงเพื่อมอบความทนทาน รวมถึงประสิทธิภาพการป้องกันฝุ่นละอองและน้ำในระดับเดียวกับกล้องซีรีย์ EOS-1D X

ซีลป้องกันสภาพอากาศในกล้อง EOS R1


ดีไซน์ระบายความร้อนได้ของ EOS R1 ช่วยให้กล้องทำงานได้น่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่องและช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้นานขึ้น

ช่องใส่การ์ด CFexpress Type-B แบบคู่รองรับความเสถียรและการเขียนด้วยความเร็วสูงที่จำเป็นสำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 40 fps และการบันทึกวิดีโอภายใน RAW แบบ 6K

กล้องรุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่ LP-E19 ที่มีกำลังไฟสูงแบบเดียวกับกล้องซีรีย์ EOS-1D X และ EOS R3 ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 1,330 ภาพ* หรือบันทึกวิดีโอแบบ RAW 6K 60p อย่างต่อเนื่องได้ราว 140 นาที** หากต้องการใช้งานนานขึ้นอีก กล้องรองรับการจ่ายไฟผ่าน USB Type-C และการชาร์จจากแบตเตอรี่มือถือที่ใช้ร่วมกับ USB PD ได้

* ใช้ LP-E19 ใหม่ที่ชาร์จจนเต็ม; 23°C, ถ่าย LCD ด้วยโหมดประหยัดพลังงาน, ตามมาตรฐาน CIPA
**ใช้ LP-E19 ที่ชาร์จจนเต็ม; Movie servo AF: ปิด,  ถ่าย LCD, 23°C

 

ภาพ EOS R1

 

 

EOS R1: ภาพตัวอย่าง


EOS R1/ RF600mm f4L IS USM/ FL: 600 มม./ Manual exposure (f/4, 1/2500 วินาที)/ ISO 400


EOS R1/ RF15-35mm f/2.8L IS USM/ FL: 15 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/2000 วินาที)/ ISO 200


EOS R1/ RF15-35mm f/2.8L IS USM/ FL: 20 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/2500 วินาที)/ ISO 6400


EOS R1/ RF100-300mm f/2.8L IS USM/ FL: 300 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/2000 วินาที)/ ISO 6400


EOS R1/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 100 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/800 วินาที)/ ISO 3200

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา