Be ONE with Mastery: ขอแนะนำ EOS R1
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 Canon ได้เปิดตัว EOS R1 ซึ่งเป็นกล้องรุ่นเรือธงระดับมืออาชีพรุ่นแรกในระบบ EOS R ที่ใครๆ ต่างตั้งตารอ ทั้งยังเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูลกล้อง EOS-1 ยอดนิยม ซึ่งสร้างชื่อเสียงในด้านประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือระดับท็อปและกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับบรรดาช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการถ่ายภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำบรรดาคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของกล้องรุ่นนี้ ซึ่งยกระดับความสามารถเดิมๆ ของ EOS-1 สู่ยุคแห่งกล้องมิเรอร์เลส
ลองรับชม: เผยโฉม EOS R1 กล้องรุ่นเรือธงจาก Canon
หัวใจสำคัญ: เทคโนโลยีหลักล้ำสมัยที่ช่วยให้เป็นไปได้
ก่อนจะพูดถึงคุณสมบัติอันพลิกโฉมวงการถ่ายภาพจากกล้อง EOS R1 ย่อมต้องพูดถึงเทคโนโลยีหลักๆ ที่ช่วยให้คุณสมบัติเหล่านี้เป็นไปได้ด้วย
สำหรับ EOS R1 นั้น พลังขับเคลื่อนสำคัญคือ ระบบ Accelerated Capture ใหม่ ซึ่งประกอบด้วยระบบประมวลผลภาพ DIGIC X และ DIGIC Accelerator แบบใหม่ ในฐานะระบบประมวลผลของกล้อง ระบบนี้เป็นสมองที่คอยประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาลจากเซนเซอร์ภาพด้วยความเร็วสูง พร้อมทั้งคำนวณข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการและการตัดสินใจมากมาย
DIGIC X เป็นระบบที่ช่วยให้สามารถนำอัลกอริธึมเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกไปใช้กับการตรวจจับตัวแบบในกล้องซีรีย์ EOS R รุ่นก่อนๆ ยิ่งตอนนี้มี DIGIC Accelerator ที่ยกระดับทั้งความเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผลเข้ามาเสริม จึงทำให้ระบบนี้มีความสามารถเพิ่มขึ้นด้วย
ซึ่งรวมถึงการปรับใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ AF ของกล้องในหลายๆ ด้าน นอกจากนี้ เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกยังส่งผลต่อความสามารถใหม่ของกล้องในการเพิ่มความละเอียดภาพสูงสุดถึง 4 เท่าผ่าน In-camera Upscaling
เทคโนโลยีเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยข้อมูลจากเซนเซอร์แบบรับแสงด้านหลัง (BSI) ซ้อนกัน ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซลที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยมีสถาปัตยกรรมที่ช่วยให้เซนเซอร์สามารถอ่านข้อมูลได้เร็วขึ้นและมีความไวแสงที่ดีขึ้น การบันทึกและถ่ายโอนข้อมูลภาพด้วยความเร็วสูงและมีคุณภาพสูงนั้นจึงมีประโยชน์มากกว่าเรื่องการสร้างภาพออกมา
1. โฟกัสอัตโนมัติที่พลิกโฉมวงการถ่ายภาพ
การปรับปรุงที่สำคัญที่สุดสำหรับ EOS R1 ที่คุณจะได้สัมผัสคือประสิทธิภาพในการโฟกัสอัตโนมัติ (AF) นั่นเป็นเพราะคุณสมบัติการประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและการใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกมากขึ้น ทำให้ระบบ AF ของกล้องสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ได้รับมาอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น และความสามารถที่ปรับปรุงใหม่เช่นนี้ก็โดดเด่นมากพอที่จะได้รับชื่อใหม่ นั่นคือ Dual Pixel Intelligent AF
สำหรับกล้อง EOS R1 ระบบ Dual Pixel Intelligent AF ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วย AF แบบ Cross-type ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งจะปรับแนวโฟโต้ไดโอดบางส่วนที่ใช้สำหรับตรวจจับ AF บนเซนเซอร์ภาพเพื่อให้สามารถตรวจจับได้ดียิ่งขึ้นตามเส้นแนวตั้งและแนวนอน การตรวจจับตัวแบบทั่วทั้ง 100% ของเซนเซอร์ภาพจึงทำได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง
AF แบบ Cross-type
ผู้ใช้จะสัมผัสประสิทธิภาพ AF ที่ดียิ่งขึ้นในสถานการณ์ต่อไปนี้
1) การถ่ายภาพกีฬา
ในโหมด Action Priority AF ใหม่ กล้องสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวสำคัญๆ ในกีฬา 3 ประเภท คือ ฟุตบอล บาสเกตบอล และวอลเลย์บอล โดยการระบุและวิเคราะห์รายละเอียดต่างๆ เช่น ผู้คนจำนวนมาก ตำแหน่งลูกบอล และสถานะข้อต่อของนักกีฬา จากนั้นจะเลื่อนกรอบ AF ไปยังตัวแบบที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อช่วยให้คุณตอบสนองได้อย่างฉับไว โหมดนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดีในการถ่ายภาพกีฬาวินาทีสำคัญๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว!
2) เมื่อถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอของบุคคลเฉพาะราย
โหมด Register People Priority ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในกล้อง EOS R3 จะช่วยให้คุณสามารถให้ความสำคัญกับบุคคลที่บันทึกไว้ล่วงหน้าเป็นอันดับแรกเพื่อการติดตามและตรวจจับตัวแบบ แม้ว่าจะมีคนจำนวนมากอยู่ในเฟรมก็ตาม กล้อง EOS R1 ทำงานได้ดีกว่ากล้อง EOS R3 ในแง่ของการติดตามผู้คนที่หันหน้าออกในแนวเฉียง จึงใช้ถ่ายภาพกีฬาหรือคอนเสิร์ตได้ดียิ่งขึ้น
3) เมื่อถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอในฉากที่ซับซ้อนโดยมีตัวแบบตัดกัน
ด้วยความสามารถใหม่ๆ เช่น การประมาณพื้นที่ศีรษะและการตรวจจับลำตัวส่วนบนของมนุษย์ อัลกอริธึมการติดตามที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจึงสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างการติดตามตัวแบบและวัตถุอื่นๆ ที่อาจบดบังการมองเห็นได้ดีขึ้น โฟกัสจะคงอยู่บนตัวแบบอย่างต่อเนื่องมากขึ้นแม้ว่ามีสิ่งกีดขวาง เช่น รั้วหรือคนอื่นๆ ที่ขวางทาง
รับชม: กระบวนการติดตามจริงด้วย EOS R1
โฟกัสอัตโนมัติได้อย่างชำนาญ: ควบคุม AF ได้ดีขึ้น
สำหรับช่างภาพมืออาชีพแล้ว ความสามารถในการควบคุมการทำงานของ AF เมื่อจำเป็นก็มีความสำคัญไม่แพ้ประสิทธิภาพ AF Eye Control AF ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในกล้อง EOS R3 เป็นโหมดควบคุมที่ใช้งานได้ง่ายและตอบสนองด้วยความไวสูง ซึ่งคุณสมบัตินี้ได้รับการพัฒนาอย่างมากในกล้อง EOS R1
การพัฒนาดังกล่าวประกอบด้วย
- ออพติคที่ไวต่อการตรวจจับเส้นนำสายตายิ่งขึ้น
- ช่วงการตรวจจับดวงตาที่ใหญ่ขึ้น
- อัลกอริธึมการตรวจจับเส้นนำสายตาที่ดีขึ้น
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ระบบ Eye Control AF ไม่เพียงแต่เร็วขึ้นและตอบสนองได้ดีขึ้นพร้อมอัตราเฟรมการตรวจจับที่สูงกว่ากล้อง EOS R3 ถึงสองเท่า แต่ยังมีความเชื่อถือได้และแม่นยำยิ่งขึ้นด้วย คุณจึงสามารถติดตามและเปลี่ยนตัวแบบที่ต้องการได้รวดเร็วดั่งใจแม้ขณะถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง
2. ถ่ายภาพที่ใช้ได้มากขึ้นแม้ในฉากที่คาดเดาไม่ได้
การอ่านข้อมูลเซนเซอร์ภาพอย่างรวดเร็วร่วมด้วยระบบ Accelerated Capture อันทรงประสิทธิภาพช่วยให้ EOS R1 มีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุดถึง 40 fps ด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ ม่านชัตเตอร์ที่มีความเร็วสูงมากเช่นนี้ทำให้ความบิดเบี้ยวจาก Rolling Shutter ลดลงเหลือในระดับเดียวกับชัตเตอร์กล ซึ่งถือว่าเล็กน้อยมาก
อีกทั้งยังโฟกัสและตรวจจับตัวแบบได้อย่างง่ายดาย เพราะสามารถขับเคลื่อนเลนส์ได้สูงสุดราว 60 fps ซึ่งนับว่ามากพอที่จะทำให้แน่ใจว่าการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนภาพที่ถ่ายได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มจำนวนภาพที่ใช้ได้อีกด้วย
การถ่ายภาพต่อเนื่องล่วงหน้าและการบันทึกล่วงหน้า
โหมดการถ่ายภาพต่อเนื่องล่วงหน้าแบบใหม่ซึ่งใช้งานได้ระหว่างการขับเคลื่อนชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้ช่างถ่ายภาพนิ่งสามารถถ่ายภาพ RAW/C-RAW/JPEG/HEIF ต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 20 ภาพก่อนที่จะกดปุ่มชัตเตอร์ลงจนสุด จึงช่วยเสริมความมั่นใจในการถ่ายภาพตัวแบบยากๆ ให้กับช่างภาพที่เคยต้องอาศัยสัญชาตญาณของตนเองในการถ่ายภาพ โหมดดังกล่าวยังสามารถใช้ร่วมกับโหมด Action Priority AF และโหมด Register People Priority เพื่อเพิ่มโอกาสในการถ่ายภาพให้สำเร็จมากขึ้น
ส่วนในโหมดวิดีโอจะมีฟังก์ชันการบันทึกล่วงหน้า ซึ่งบันทึกฉากสูงสุดถึง 5 วินาทีก่อนที่คุณจะเริ่มบันทึกวิดีโอ
3. ปรับปรุงภาพด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก
กล้อง EOS R1 มีคุณสมบัติที่ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกสองคุณสมบัติ ซึ่งเคยต้องอาศัยคอมพิวเตอร์หรือการประมวลผลผ่านระบบคลาวด์ในการทำงาน นั่นคือ In-Camera Upscaling และการลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก แต่ปัจจุบันคุณสมบัติทั้งสองสามารถใช้ได้ภายในกล้อง จึงเป็นวิธีที่สะดวกยิ่งขึ้นในการแก้ไขปัญหาคุณภาพของภาพ และได้ภาพที่นำไปใช้ได้มากขึ้น
In-Camera Upscaling
In-camera Upscaling จะสร้างภาพความละเอียดสูงที่มีขนาดใหญ่กว่าภาพต้นฉบับถึง 4 เท่าโดยไม่สูญเสียคุณภาพใดๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในสถานการณ์ที่คุณต้องการภาพโคลสอัพความละเอียดสูง แต่ไม่สามารถทำได้ด้วยเลนส์ที่คุณพกติดตัวไปด้วย
คุณสมบัตินี้จะทำงานโดยใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อเพิ่มจำนวนพิกเซลในภาพเป็นสองเท่าในแกนภาพทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ทำให้ได้ภาพคุณภาพสูงที่เพิ่มความละเอียดจากภาพต้นฉบับ 24.2 ล้านพิกเซลเป็น 96 ล้านพิกเซล
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มความละเอียดให้ภาพแล้วครอปในกล้องเพื่อขั้นตอนการถ่ายภาพที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก
การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อลดจุดรบกวนจากความไวแสง ISO สูงในภาพ RAW ทำให้สร้างภาพ JPEG ได้คมชัดยิ่งขึ้นและมีความละเอียดที่เด่นชัดอย่างน่าทึ่ง
ดังที่เห็นในตัวอย่างด้านล่าง คุณสมบัตินี้ยังมีประโยชน์สำหรับภาพที่เปิดรับแสงน้อยกว่าปกติซึ่งแสดงจุดรบกวนเมื่อเพิ่มความสว่าง คุณจึงไม่ต้องเลือกระหว่างคุณภาพของภาพที่คมชัดขึ้นกับการได้ภาพที่ต้องการเมื่อถ่ายในสภาวะที่ท้าทายอีกต่อไป
EOS R1/ RF200-800mm f/6.3-9 IS USM/ FL: 800 มม./ Shutter-priority AE (f/9, 1/2000 วินาที)/ ISO 8000
กระบวนการปรับแต่งภาพ RAW ภายในกล้อง: ความสว่าง +1
ครอปจากภาพต้นฉบับ
ลดจุดรบกวน (การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก)
ในภาพตัวอย่างด้านบน การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กได้ลดจุดรบกวนในบริเวณปีกและแบ็คกราวด์โดยไม่ทำให้ภาพดู “นุ่มนวลขึ้น” เหมือนการลดจุดรบกวนแบบทั่วไป
4. มุมมอง EVF ที่ใหญ่ สว่าง และคมชัด
สำหรับกล้อง EOS R1 คุณจะมองเห็นภาพทุกภาพได้อย่างสว่าง คมชัด และมีขนาดใหญ่ EVF ความละเอียด 9.44 ล้านจุดแบบใหม่มีความละเอียดและความคมชัดสูงสุดในบรรดากล้องระบบ EOS ทั้งหมด โดยให้กำลังขยายขนาดใหญ่ 0.9 เท่า ซึ่งใหญ่กว่ากล้อง EOS R3 ประมาณ 1.2 เท่า (กำลังขยาย 0.76 เท่า ประมาณ 5.76 ล้านจุด) และสว่างขึ้นสูงสุดถึง 3 เท่า
จอภาพชนิดปราศจากปัญหาจอดำสามารถใช้ได้ระหว่างการถ่ายภาพด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ จึงมองเห็นตัวแบบที่เคลื่อนที่เร็วได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุดแม้ที่ 40 fps
โครงสร้างป้องกันฝ้าแบบสุญญากาศของ EVF นั้นเหนือกว่า EOS R3 เพื่อให้มั่นใจว่าภาพที่คุณมองเห็นจะยังคงชัดเจนแม้ถ่ายภาพในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นจนเหมือนอบไอน้ำอยู่ก็ตาม
5. วิดีโอ: มีความยืดหยุ่นแบบภาพยนตร์มากขึ้น
รูปแบบการบันทึกหลากหลายขึ้น สร้างสรรค์ได้มากขึ้น
EOS R1 สามารถบันทึกวิดีโอ 60p RAW แบบ 6K DCI (6000 x 3164) เป็นเวลาอย่างน้อย 120 นาทีร่วมกับไฟล์ Proxy 2K 60p ไปพร้อมๆ กันภายในกล้อง ทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในขั้นตอนการตัดต่อ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกสำหรับกล้องที่ไม่ใช่ Cinema EOS ที่ผู้ใช้สามารถถ่ายทำแบบ 2K DCI ที่รองรับอัตราเฟรมสูงสุดถึง 240p
แผนภูมิ: รูปแบบการบันทึกวิดีโอในกล้อง EOS R1
Canon Log 2 และ Log 3
แม้ว่า Canon Log 3 จะมีในกล้องซีรีย์ EOS R หลายรุ่น แต่ EOS R1 ก็เป็นกล้องรุ่นแรกร่วมกับ EOS R5 Mark II ที่มี Canon Log 2 เช่นกัน Canon Log 3 สามารถตัดต่อได้ง่ายกว่าและทำให้เกิดจุดรบกวนน้อยกว่าในพื้นที่มืด ขณะที่ Canon Log 2 จะคงรายละเอียดของเงาได้มากกว่าและมีช่วงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างกว่า ต่อไปนี้ผู้ใช้จึงมีตัวเลือกมากขึ้นสำหรับแกมมาที่ต้องการในการเกลี่ยสี
การผสานรวมในกระบวนการทำงานที่ใช้กล้อง Cinema EOS
ความสามารถในการถ่ายวิดีโอที่ดียิ่งขึ้นทำให้ EOS R1 เข้ากันอย่างลงตัวกับขั้นตอนการทำงานที่ใช้กล้องหลายตัวและต้องอาศัยกล้อง Cinema EOS ด้วย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยในกองถ่ายทำวิดีโอระดับมืออาชีพ โดยรวมถึงค่ารูปภาพแบบกำหนดเองที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจากกล้อง Cinema EOS ซึ่งรองรับการใช้ LUT จึงทำให้จับคู่การถ่ายทอดสีสันในสถานที่ถ่ายทำได้ง่ายขึ้น การรองรับระบบไฟล์ XF-AVC S/XF-HEVC S เดียวกันยังช่วยให้กระบวนการตัดต่อง่ายขึ้นด้วย
คุณสมบัติวิดีโออื่นๆ ที่โดดเด่น
- ใช้งานการบันทึกแบบ ProRES RAW ภายนอกสูงสุด 6K 60p ผ่านช่องต่อเอาต์พุต HDMI Type A
- กล้องรองรับการบันทึกเสียง LPCM 24 บิตแบบ 4 ช่อง ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับฉากที่ใช้แหล่งเสียงหลายแหล่ง เช่น การสัมภาษณ์ โดยจะได้ใช้ประโยชน์จากไมโครโฟนหลายตัว
- ไฟแสดงการบันทึกจะช่วยให้ทุกคนที่อยู่ในสถานที่ถ่ายทำสามารถเห็นสถานะการบันทึกได้
- คุณสมบัติ Dual Shooting ใหม่ล่าสุดช่วยให้สามารถถ่ายภาพนิ่งแบบ JPEG ความละเอียด 17.8 ล้านพิกเซลในอัตราส่วน 16:9 ได้พร้อมกันเมื่อบันทึกวิดีโอ Full HD 60p ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรายงานข่าวและการสัมภาษณ์
รับชม: Full HD 240p ด้วย EOS R1
กล้อง EOS R1 สามารถบันทึกวิดีโอ 4K 120p พร้อมเสียง รวมไปถึง Full HD 240p คุณจึงสร้างการเล่นภาพสโลโมชั่นอันน่าทึ่งได้จากฉากที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว
6. สื่อสารได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา
EOS R1 รองรับโปรโตคอลไร้สาย (Wi-Fi 6/6E*) และแบบมีสาย (2.5G Base-T) ใหม่ล่าสุด ทำให้สามารถสื่อสารได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับ EOS R3 อีกทั้งยังช่วยรองรับขั้นตอนการทำงานระดับมืออาชีพที่ต้องแข่งกับเวลาได้ดีขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องถ่ายโอนไฟล์ภาพและวิดีโอขนาดใหญ่ไปยังสำนักงานบรรณาธิการทันที
สายอากาศในตัวหลายสายรองรับ MIMO (multiple-input and multiple-output) ซึ่งจะปรับปรุงคุณภาพของการถ่ายโอน
*ยกเว้น 6GHz
7. รังสรรค์มาดุจกล้องรุ่นเรือธง
EOS R1 ออกแบบมาให้เชื่อถือได้อยู่เสมอแม้จะถ่ายภาพในสภาวะที่สมบุกสมบัน และทนทานต่อแรงกระทบกระแทกที่เป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานระดับมืออาชีพ โครงสร้างภายนอกทำจากแมกนีเซียมอัลลอยที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงเพื่อมอบความทนทาน รวมถึงประสิทธิภาพการป้องกันฝุ่นละอองและน้ำในระดับเดียวกับกล้องซีรีย์ EOS-1D X
ซีลป้องกันสภาพอากาศในกล้อง EOS R1
ดีไซน์ระบายความร้อนได้ของ EOS R1 ช่วยให้กล้องทำงานได้น่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่องและช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้นานขึ้น
ช่องใส่การ์ด CFexpress Type-B แบบคู่รองรับความเสถียรและการเขียนด้วยความเร็วสูงที่จำเป็นสำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 40 fps และการบันทึกวิดีโอภายใน RAW แบบ 6K
กล้องรุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่ LP-E19 ที่มีกำลังไฟสูงแบบเดียวกับกล้องซีรีย์ EOS-1D X และ EOS R3 ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 1,330 ภาพ* หรือบันทึกวิดีโอแบบ RAW 6K 60p อย่างต่อเนื่องได้ราว 140 นาที** หากต้องการใช้งานนานขึ้นอีก กล้องรองรับการจ่ายไฟผ่าน USB Type-C และการชาร์จจากแบตเตอรี่มือถือที่ใช้ร่วมกับ USB PD ได้
* ใช้ LP-E19 ใหม่ที่ชาร์จจนเต็ม; 23°C, ถ่าย LCD ด้วยโหมดประหยัดพลังงาน, ตามมาตรฐาน CIPA
**ใช้ LP-E19 ที่ชาร์จจนเต็ม; Movie servo AF: ปิด, ถ่าย LCD, 23°C
ภาพ EOS R1
EOS R1: ภาพตัวอย่าง
EOS R1/ RF600mm f4L IS USM/ FL: 600 มม./ Manual exposure (f/4, 1/2500 วินาที)/ ISO 400
EOS R1/ RF15-35mm f/2.8L IS USM/ FL: 15 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/2000 วินาที)/ ISO 200
EOS R1/ RF15-35mm f/2.8L IS USM/ FL: 20 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/2500 วินาที)/ ISO 6400
EOS R1/ RF100-300mm f/2.8L IS USM/ FL: 300 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/2000 วินาที)/ ISO 6400
EOS R1/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 100 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/800 วินาที)/ ISO 3200