เลข “1” ในชื่อ “EOS R1” ไม่เพียงแต่หมายถึงตำแหน่งสูงสุดของกล้องในระบบ EOS R เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่ากล้องรุ่นนี้เป็นทายาทที่คู่ควรแก่การสืบทอดตำนานความนิยมแห่งซีรีย์ “1” ที่ช่างภาพมืออาชีพให้ความไว้วางใจมายาวนานกว่า 50 ปี ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาของซีรีย์ “1” และหาคำตอบว่ากล้อง EOS R1 จะสืบทอดตำนานนี้ได้อย่างไร
ความเป็นมาของซีรีย์ “1”
ลองรับชม: ฉลองตำนาน 50 ปีของ ซีรีย์ “1” จาก Canon
2514: F-1 (2514)—กล้อง SLR ระดับมืออาชีพรุ่นแรกจาก Canon ที่ประสบความสำเร็จ
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ
- ทำให้การครองตลาดของกล้อง SLR 35 มม. ระดับมืออาชีพจากบริษัทคู่แข่งต้องสิ้นสุดลง
- บอดี้ทองเหลืองที่แข็งแรงทนทาน
- วางรากฐานให้กล้อง SLR ระดับมืออาชีพ
- ผลิตออกสู่ท้องตลาดมานานถึง 10 ปี
ก่อนที่กล้อง F-1 จะถือกำเนิดขึ้น โดยมากแล้ว Canon จะเป็นที่รู้จักจากกล้องแบบ Rangefinder และกล้อง SLR ในระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับผู้สนใจการถ่ายภาพ ส่วนกล้อง SLR ระดับมืออาชีพนั้น อีกแบรนด์หนึ่งเป็นผู้ครองตลาดมาเป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ Canon ได้ทุ่มเทความพยายามและทรัพยากรไปมากมายในการพัฒนาและผลิตกล้อง F-1 ว่ากันว่าเวลาและความพยายามที่ใช้ในการพัฒนากล้องรุ่นนี้สามารถใช้ในการพัฒนากล้องทั่วไปได้ถึง 10 รุ่นหรือมากกว่านั้น
เมื่อออกแบบมาให้ลั่นชัตเตอร์ได้ 100,000 ครั้ง ทนต่ออุณหภูมิตั้งแต่ -30°C ถึง 60°C รวมถึงความชื้น 90% ความทนทาน ความน่าเชื่อถือ คุณสมบัติที่ผ่านการคำนวณมาอย่างดี และสมรรถนะที่เหนือชั้นของกล้อง F-1 จึงชนะใจช่างภาพมืออาชีพมากมาย ในปี 2519 กล้อง F-1 ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการให้เป็นกล้องที่ใช้บันทึกภาพในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่มอนทรีออลในปี 2519 นับเป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำของ Canon ในตลาดกล้อง SLR ระดับมืออาชีพ
กล้อง F-1 เปิดตัวพร้อมกับเมาท์ FD รุ่นใหม่และอุปกรณ์เสริมแบบถอดเปลี่ยนได้กว่า 180 รายการ รวมถึงเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้อีกกว่า 40 รุ่น และความสามารถในการปรับแต่งระดับสูงนี้เองที่ทำให้กล้องรุ่นนี้เป็นที่นิยม
Canon เข้าใจดีว่าสิ่งที่ช่างภาพมืออาชีพต้องการมากที่สุดคือความสามารถในการถ่ายภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจแม้ในสภาวะสมบุกสมบัน การมีสมรรถนะและความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุดจึงกลายมาเป็นปรัชญาสำคัญที่เป็นแนวทางในการพัฒนาและผลิตกล้อง F-1 มาตรฐานด้านคุณภาพอันเข้มงวดและความสามารถในการผลิตที่ได้จึงเป็นรากฐานให้กับกล้องรุ่นเรือธงซีรีย์ EOS “1” ในปัจจุบัน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องรุ่นนี้ได้ที่
พิพิธภัณฑ์กล้อง Canon: F-1 (ฉบับภาษาอังกฤษ)
หอเกียรติประวัติแห่งพิพิธภัณฑ์กล้อง Canon: 2513-2518 (ฉบับภาษาอังกฤษ)
2532: EOS-1— ประสิทธิภาพ AF ที่ปฏิวัติวงการถ่ายภาพมืออาชีพ
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ
- กล้องระดับมืออาชีพรุ่นแรกในระบบ EOS
- กล้องระดับมืออาชีพรุ่นแรกที่มีระบบ AF
- AF ที่ขีดจำกัดแสงต่ำสุด EV-1
- เปิดตัวเซนเซอร์ AF แบบ Cross-type การโฟกัสและติดตามแบบคาดการณ์ล่วงหน้า (AI Servo) และวงแหวน Quick Control
กล้อง EOS-1 วางจำหน่ายในปี 2532 สองปีหลังเปิดตัวระบบ EOS (Electro Optical System) โดยนำเอาแนวคิดในการออกแบบของกล้อง F-1 มาใช้ ระบบ EOS ใช้เมาท์ EF อิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ซึ่งต่างจากระบบเมาท์ FD แบบกลไก จึงช่วยให้ควบคุมโฟกัสอัตโนมัติและรูรับแสงจากกล้องได้ดีกว่าจากเลนส์
ในขณะนั้น โฟกัสอัตโนมัติ (AF) มีอายุได้เพียง 5 ปีเท่านั้นและยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากบรรดาช่างภาพมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม EOS-1 ก็สร้างความมั่นใจให้ช่างภาพได้ด้วย AF ที่เร็วและแม่นยำอย่างไม่มีใครเทียบ ซึ่งเป็นผลจากเซนเซอร์แบบ Cross-type และโฟกัสอัตโนมัติและการติดตามแบบคาดการณ์ล่วงหน้า (AI Servo AF) ซึ่งนับว่าล้ำสมัยมากในขณะนั้น คุณสมบัตินี้ได้พลิกโฉมวิธีถ่ายภาพของช่างภาพมืออาชีพและช่วยให้พวกเขาสร้างภาพถ่ายที่เข้าถึงอารมณ์ได้มากยิ่งขึ้น AF จึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในวงการถ่ายภาพมืออาชีพ
EOS-1 เป็นกล้องที่บุกเบิกคุณสมบัติการใช้งานมากมายที่จะนำมาใช้กับกล้อง EOS รุ่นต่อมา เช่น จอ LCD ด้านบนและวงแหวน Quick Control ซึ่งช่วยให้ปรับค่าการเปิดรับแสงได้อย่างง่ายดาย
กล้องรุ่นหลังที่โดดเด่น:
- EOS-1V (2543): กล้อง Canon รุ่นแรกที่มีบอดี้ทำจากแมกนีเซียมอัลลอย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องรุ่นนี้ได้ที่
พิพิธภัณฑ์กล้อง Canon: EOS-1 (ฉบับภาษาอังกฤษ)
2543: EOS-1D—ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ
- กล้อง SLR แบบดิจิทัลระดับมืออาชีพรุ่นแรกในระบบ EOS
- กล้องรุ่นแรกในซีรีย์ 1 ที่มีช่องบรรจุแบตเตอรี่ในตัวและกริปแนวตั้ง
- เซนเซอร์ APS-H CCD (ครอป 1.3 เท่าเมื่อเทียบกับฟูลเฟรม)
- ระบบประมวลผลภาพรุ่นก่อน DIGIC
- บอดี้: แมกนีเซียมอัลลอย
ในขณะที่กล้องพัฒนาไปตามยุคดิจิทัล มาตรฐานที่เป็นแบบอย่างจาก F-1 และ EOS-1 ก็ถูกนำมาใช้กับ EOS-1D ซึ่งเป็นกล้องดิจิทัลรุ่นแรกในซีรีย์ “1” จาก Canon และเป็นกล้อง SLR แบบดิจิทัลระดับมืออาชีพสำหรับการถ่ายภาพข่าวและกีฬารุ่นแรกในระบบ EOS ที่ Canon พัฒนาและผลิตด้วยตนเองทั้งหมด
EOS-1D ออกแบบมาโดยให้ความสำคัญเรื่องความเร็วเป็นอันดับหนึ่ง ตัวอย่างเช่น นักพัฒนาเลือกใช้เซนเซอร์ APS-H CCD ที่สามารถอ่านสัญญาณข้อมูลภาพได้เร็วกว่าเซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรมสำหรับเทคโนโลยีในยุคนั้น กล้องจึงให้ความเร็วที่น่าทึ่งในการถ่ายต่อเนื่องสูงสุดถึง 8 fps แม้จะมีเซนเซอร์ความละเอียดค่อนข้างสูงที่ 4.15 ล้านพิกเซล
และ EOS-1D ยังเป็นกล้องรุ่นเรือธงรุ่นแรกจาก Canon ที่มีกริปแนวตั้งในตัว ด้วยการออกแบบเพื่อความสะดวกสบายและการใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ กล้องนี้จะกลายมาเป็นกล้องรุ่นสำคัญของซีรีย์ “1” ในอนาคต
กล้องซีรีย์ “1” รุ่นเรือธงในกลุ่ม EOS DSLR เดิมจะแบ่งออกเป็นสองรุ่นคือ EOS-1D และ EOS-1Ds ซีรีย์ EOS-1D มีความเร็วเป็นจุดเด่น แต่ซีรีย์ EOS-1Ds มีเซนเซอร์แบบฟูลเฟรมความละเอียดสูงกว่าที่ 11 ล้านพิกเซล จึงสามารถตอบสนองความต้องการของช่างภาพมืออาชีพที่ถ่ายภาพพอร์ตเทรต ภาพเชิงพาณิชย์ และภาพทิวทัศน์ได้
กล้องทั้งสองกลุ่มนี้ได้ผสานรวมกันตั้งแต่ปี 2554 เมื่อเปิดตัวกล้อง EOS-1D X แบบฟูลเฟรมซึ่งมีคุณสมบัติของกล้องทั้งสองกลุ่ม
แต่แน่นอนว่าความมุ่งมั่นของ Canon ที่จะมอบสุดยอดสมรรถนะและความน่าเชื่อถือยังคงเดิมในการผลิตกล้องทุกรุ่น
กล้องรุ่นหลังที่โดดเด่น:
- EOS-1D X (2555): กล้อง EOS-1D แบบฟูลเฟรมรุ่นแรก (ผลลัพธ์จากการผสานรวมกลุ่มกล้อง EOS-1D และ EOS-1Ds เข้าด้วยกัน)
- EOS-1D X Mark III (2563): กล้อง EOS-1D รุ่นแรกที่มีคุณสมบัติตรวจจับตัวแบบด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกและการบันทึกวิดีโอแบบ RAW
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องรุ่นนี้ได้ที่:
พิพิธภัณฑ์กล้อง Canon: EOS-1D (ฉบับภาษาอังกฤษ)
2567: EOS R1—ทะยานสู่ยุคใหม่
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ
- กล้องรุ่นเรือธงรุ่นแรกในระบบมิเรอร์เลส EOS R
- ครั้งแรกที่ใช้ AF แบบ Cross-type ในระบบ AF แบบ Phase Detection บนเซนเซอร์ภาพ
- เปิดตัวโหมด Action Priority AF ที่มีระบบตรวจจับตัวแบบที่ซับซ้อน
- กล้องรุ่นเรือธงรุ่นจาก Canon ที่มี Eye Control AF
กล้อง EOS R1 เปิดตัวในปี 2567 และเป็นกล้องฟูลเฟรมรุ่นเรือธงรุ่นแรกในระบบกล้องมิเรอร์เลส EOS R ใหม่จาก Canon กล้องรุ่นนี้ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพตามคำติชมของผู้ใช้ระดับมืออาชีพจำนวนมากมาเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษนับตั้งแต่กล้อง F-1 และยังมีเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ต้องใช้ในแต่ละยุค
เช่นเดียวกับ EOS-1D ที่มีความเร็วสูง EOS R1 ก็มีความเร็วสูงเช่นกัน ทั้งยังมีสรีระที่ยอดเยี่ยมจากการปรับปรุงแก้ไขมาหลายทศวรรษ รวมถึงความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด แม้จะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดในการใช้งานกล้องอยู่บ้าง แต่ผู้ที่เพิ่งใช้งานเป็นครั้งแรกจะยังรู้สึกถึงความคุ้นเคย
EOS-1 เป็นกล้องรุ่นบุกเบิกเซนเซอร์แบบ Cross-type และทำให้การโฟกัสอัตโนมัติไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปนับจากนั้น EOS R1 ก็เป็นกล้องที่เปิดตัวเทคโนโลยี AF แบบใหม่ที่ปฏิวัติวงการถ่ายภาพเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น AF แบบ Cross-type บนเซนเซอร์ภาพอันล้ำสมัย โหมด Action Priority AF ที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึกและตรวจจับตัวแบบได้ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น ภาพแอ็คชั่นในการแข่งขันกีฬา
นอกจากนี้ยังเป็นกล้องที่มีความทนทานและผ่านการควบคุมคุณภาพในระดับสูงสุดเช่นเดียวกับกล้อง F-1 ที่เป็นต้นแบบของคุณสมบัติต่างๆ กล้องรุ่นนี้สามารถป้องกันฝุ่นละออง ความชื้น และแรงกระแทกได้สูงสุดในบรรดากล้อง Canon ทุกรุ่น คุณจึงมั่นใจได้ว่ากล้องจะใช้งานได้เสมอแม้ในสภาวะที่สมบุกสมบันที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในสนามแข่งขันกีฬาหรือสนามรบจริงๆ
นอกจากนี้ EOS R1 ยังเป็นกล้องที่ออกแบบมาสำหรับยุคใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกอันล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และเวิร์กโฟลว์การถ่ายภาพให้ดียิ่งขึ้น ไปจนถึงการนำเอาคุณสมบัติอันทรงพลังในการถ่ายวิดีโอขั้นสูงจากระบบ Cinema EOS มาใช้ กล้องรุ่นนี้จึงพร้อมรองรับอนาคตด้วยความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของวัฒนธรรมการสร้างภาพถ่ายในยุคใหม่
ตำนานที่กล้อง EOS R1 สร้างไว้ให้กับซีรีย์ “1” จะเป็นอย่างไร เวลาเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ซีรีย์ “1” จาก Canon จะยังคงเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขต่อไปเพื่อให้สามารถมอบสมรรถนะและความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุดที่ช่างภาพมืออาชีพในแต่ละยุคสมัยต้องการได้อย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EOS R1 ได้ที่:
Be ONE with Mastery: ขอแนะนำ EOS R1
รับชม: ประวัติศาสตร์และปรัชญาแห่งตำนานซีรีย์ “1” จาก Canon | เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลัง Canon EOS R1 ใหม่