Mark Teo ช่างภาพแอ็คชั่นและแอมบาสเดอร์ EOS ประจำ Canon Singapore ได้นำ EOS R5 Mark II ไปทดสอบความสามารถในสังเวียนมวย (ภาพและวิดีโอทั้งหมดโดย Mark Teo)
EOS R5 Mark II/ RF50mm f/1.2L USM ที่ 50 มม., f/2.0, 1/4000 วินาที, ISO 12800
คำบอกเล่าจากช่างภาพที่ (เคย) ลังเลที่จะเปลี่ยนกล้อง
ในฐานะช่างภาพและวิดีโอที่มักจะต้องจับภาพการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและรุนแรง ผมคงโกหกหากบอกว่าไม่รู้สึกสนใจ EOS R5 Mark II
ผมพอใจกับ EOS R5 มาโดยตลอด เป็นกล้องคู่ใจที่ผมวางใจเลือกใช้มาตั้งแต่ที่กล้องเปิดตัว โดยเข้ามาแทนที่กล้องสองรุ่นอย่าง EOS 5D S และ EOS-1D X ที่ผมเคยใช้ถ่ายภาพงานโฆษณาและงานกีฬาตามลำดับ และยังช่วยรับมือกับงานหลากหลายรูปแบบด้วยความสามารถในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นโปรเจ็กต์โฆษณาไปจนถึงการถ่ายภาพแอ็คชั่นและแฟชั่น
แต่ยิ่งไปกว่านั้น EOS R5 Mark II มีประสิทธิภาพการโฟกัสอัตโนมัติ (AF) ที่เหนียวแน่นกว่าและเอื้อให้ถ่ายภาพแบบสโลโมชั่นได้มากกว่า ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะจุดประกายให้ผมเกิดไอเดียดีๆ ในการถ่ายภาพ อย่างไรก็ตาม ผมยังคงลังเลที่จะเปลี่ยนกล้องใหม่ เพราะเกิดคำถามในใจว่าคุณสมบัติเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรในสถานการณ์จริง และจะคุ้มค่าหรือไม่
จากข้อสงสัยข้างต้น ผมจึงตัดสินใจนำ EOS R5 Mark II ไปทดสอบถ่ายภาพและวิดีโอร่วมกับคู่มวยในช่วงซ้อม
มวยสากล: กีฬาที่ท้าทายระบบโฟกัสอัตโนมัติของกล้อง
มวยสากลเป็นสิ่งที่ท้าทายระบบ AF ของกล้องอย่างมาก เพราะเป็นกีฬาที่มีจังหวะการเคลื่อนไหวรวดเร็ว คาดเดาไม่ได้ และเต็มไปด้วยองค์ประกอบมากมายที่สามารถทำให้โฟกัสไขว้เขวได้ เช่น เชือกกั้นเวที หมวกป้องกันศีรษะ นวมชกด้านหน้าใบหน้า หรือคู่ชกที่เคลื่อนผ่านไปมา
และยิ่งทวีความท้าทายขึ้นอีกเวลาถ่ายวิดีโอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสไตล์ที่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวของกล้องอย่างมาก การเปลี่ยนจุดโฟกัสทุกครั้งจะถูกบันทึกภาพไว้ การเปลี่ยนจุดโฟกัสโดยไม่พึงประสงค์จึงเห็นได้ชัดเป็นพิเศษในวิดีโอสโลโมชั่น ซึ่งความสนใจของเราจะจับจ้องอยู่ที่ทุกๆ ช่วงเวลานานกว่าปกติ
ปัญหาเช่นนี้ไม่อาจหยุดยั้งช่างภาพหรือผู้สร้างภาพยนตร์มากฝีมือจากการบันทึกภาพสวยๆ ให้อยู่ในโฟกัส แต่คงดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องจดจ่อกับการใช้งานกล้องและมีเวลาหันไปสนใจด้านอื่นๆ ด้วย แม้ว่า AF ของ EOS R5 จะมีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ทุกครั้งที่ถ่ายภาพกีฬามวย ผมจำเป็นต้องปรับโฟกัสเองมากกว่าปกติ
Mark ขณะทำงานถ่ายวิดีโอนักมวยที่กำลังซ้อมมวยกัน ประสิทธิภาพในการติดตามตัวแบบได้ดียิ่งขึ้นของ EOS R5 Mark II ช่วยให้เคลื่อนไหวกล้องได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น
สภาพการทดสอบ
- สถานที่: สังเวียนมวยในร่มที่มีไฟเหนือศีรษะและหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามา
- อุปกรณ์: EOS R5 Mark II พร้อมเลนส์ RF50mm f/1.2L USM และ RF35mm f/1.4L VCM
- การถ่ายภาพ Live View: สไตล์เริ่มต้นของผมตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ระบบกล้องมิเรอร์เลส EOS R ซึ่งช่วยให้มีปฏิสัมพันธ์กับตัวแบบได้ดีขึ้น!
- การ์ดหน่วยความจำ: SanDisk CFexpress Type B 256 GB
- อุปกรณ์อื่นๆ: ตัวบันทึกจอภาพสำหรับบันทึกอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของกล้องขณะถ่ายภาพนิ่ง
สำหรับภาพนิ่ง:
- การตั้งค่า AF: ตัวแบบที่ตรวจจับ: คน/ AF พื้นที่ทั้งหมด/ Servo AF (Case A)/ เปลี่ยนเป้าหมาย: เปิดใช้งาน (ช้า)
- โหมดขับเคลื่อน (ภาพนิ่ง): ถ่ายต่อเนื่องความเร็วสูง +
- โหมดการบันทึกภาพนิ่ง: CRAW + JPEG M (6000 x 4000)/คุณภาพ: 8
สำหรับวิดีโอ
- การตั้งค่า AF แบบเดียวกับภาพนิ่ง
- 4K UHD (มาตรฐาน) 50p, 2K (มาตรฐาน) 200p และ 240p
- Canon Log 3/ XF-HEVC S YCC420 10 บิต
นอกจากการตั้งค่าบางอย่างแล้ว ผมเตรียมการและถ่ายภาพด้วย EOS R5 Mark II ในแบบที่ผมเคยถ่ายตามปกติ จึงมีฟีเจอร์บางอย่างที่ผมไม่ได้ลองใช้ เช่น "ลงทะเบียนตามความสำคัญบุคคล" และ Eye Control AF
ในการทดสอบ AF ผมเริ่มต้นด้วย "AF พื้นที่ทั้งหมด" แทนที่จะใช้พื้นที่ AF ที่จำกัดกว่าอย่าง "โซน AF แบบปรับได้" ทำให้กล้องมองหาตัวแบบทั่วทั้งเฟรม ซึ่งเพิ่มโอกาสที่จะ “ดึงความสนใจ” ของโฟกัส แต่ดังที่เห็นในผลลัพธ์ด้านล่าง EOS R5 Mark II ทำได้ค่อนข้างดี
สิ่งที่ผมถ่าย
ผมถ่ายลำดับภาพในสภาวะต่างๆ:
- มีเชือกกั้นเวทีอยู่ในเฟรม
- มีคู่ชกหรือนวมในโฟร์กราวด์
- ในสภาวะย้อนแสง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่ยากต่อการโฟกัส
ต่อไปนี้คือภาพถ่ายและวิดีโอที่บันทึกไว้บางส่วน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว!
การทดสอบ AF 1: ผ่านเชือกกั้นเวที
EOS R5 Mark II/ RF50mm f/1.2L USM ที่ 50 มม., f/2.5, 1/2500 วินาที, ISO 12800
ในกล้องหลายรุ่น หรือแม้แต่ EOS R5 เอง ขณะคุณเคลื่อนไหวไปมาเพื่อถ่ายในมุมต่างๆ ผ่านเชือกกั้นเวที โฟกัสมักจะมีลักษณะดังนี้หากคุณไม่ทำอะไรเลย:
รับชมแล้วเปรียบเทียบ: ในกล้องรุ่นเก่า (EOS R5)
ถ่ายโดย SNAPSHOT
จะเห็นได้ว่าไม่มีลักษณะดังกล่าวเลยใน EOS R5 Mark II ไม่ว่าผมจะถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ ดังที่เห็นในสองวิดีโอถัดไป
รับชมแล้วเปรียบเทียบ: หน้าจอ EOS R5 Mark II ที่บันทึกไว้—การถ่ายภาพนิ่งผ่านเชือกกั้นเวที
ผมเสียบตัวบันทึกวิดีโอภายนอกเข้ากับกล้องเพื่อบันทึกหน้าจอกล้อง และนั่นหมายความว่าผมไม่สามารถควบคุมโฟกัสด้วยหน้าจอสัมผัสได้ตามปกติ แต่ก็ไม่ใช่ว่า EOS R5 Mark II จะต้องอาศัยหน้าจอสัมผัสเพื่อควบคุมโฟกัสมากนัก ดังที่เห็นในหน้าจอที่บันทึกไว้ แม้จะใช้โหมด AF ทั่วพื้นที่ แต่กล้อง EOS R5 Mark II ก็ยังคงล็อกอยู่ที่ดวงตาของตัวแบบ หรือที่ใบหน้าหรือศีรษะของตัวแบบได้อย่างมั่นคงหากดวงตาถูกบดบัง โฟกัสแทบไม่หลุดไปที่เชือกเลยไม่ว่าผมจะเคลื่อนที่อย่างไร
ในวิดีโอก็ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน เมื่อใช้ EOS R5 ผมจะตั้งใจจัดเฟรมภาพเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนจุดโฟกัสที่ไม่พึงประสงค์ แต่ด้วย EOS R5 Mark II ผมพบว่าตัวเองสามารถขยับไปมาได้อย่างอิสระมากขึ้น
รับชม: EOS R5 Mark II—วิดีโอที่ถ่ายผ่านเชือกกั้นเวที
ลองเปรียบเทียบวิดีโอนี้กับวิดีโอที่ถ่ายด้วยกล้อง EOS R5 ความแตกต่างที่แท้จริงอยู่ที่ประสบการณ์ที่ผู้ใช้งานได้รับ
การทดสอบ AF 2: หมัดที่เหวี่ยงใส่กันและสิ่งกีดขวางอื่นๆ
EOS R5 Mark II/ RF50mm f/1.2L USM ที่ 50 มม., f/2.5, 1/2500 วินาที, ISO 12800
ในการถ่ายภาพกีฬามวยทุกครั้ง คุณจะต้องจะต้องรับมือกับนวมที่บังใบหน้าของนักมวยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดจากการตั้งท่าป้องกันหรือออกหมัดโจมตีก็ตาม ในกล้องรุ่นเก่าๆ จุดโฟกัสมีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนไปจับที่นวม ทำให้ได้ภาพเสียโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ค่ารูรับแสงกว้าง
EOS R5 Mark II/ RF35mm f/1.4L VCM ที่ 35 มม., f/1.4, 1/2000 วินาที, ISO 3200
EOS R5 Mark II ทำได้ดีอย่างที่คาด เพราะสามารถจับโฟกัสที่ตัวแบบได้เกือบตลอดการถ่าย แม้ว่ากรอบการติดตามจะเลื่อนไปที่นวมในช่วงสั้นๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็หาตัวแบบพบอีกครั้งในเวลาที่รวดเร็วมาก
สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากคือ แม้จะมีหมวกป้องกันศีรษะและหมัดที่เหวี่ยงเข้าใส่กัน กล้องก็ตรวจจับและติดตามดวงตาของตัวแบบได้อย่างต่อเนื่องเกือบตลอดเวลาที่มองเห็น
รับชม: หน้าจอ EOS R5 Mark II ที่บันทึกไว้—ฉากที่ตัวแบบถูกบดบังหรือเมื่อคู่ชกเคลื่อนตัวผ่าน
วิดีโอแสดงหน้าจอกล้องที่บันทึกไว้จาก 3 สถานการณ์ที่แตกต่างกัน:
- นวมชกบังตัวแบบ ถ่ายจากด้านข้าง
- นวมชกบังตัวแบบ ถ่ายจากด้านหน้า
- คู่ชกเคลื่อนตัวผ่านตัวแบบ
Dual Pixel Intelligent AF: ความมหัศจรรย์อยู่ที่ประสบการณ์ที่จะได้รับ
ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกมากขึ้น ระบบ Dual Pixel Intelligent AF รุ่นใหม่ของ EOS R5 Mark II จึงน่าจะแยกแยะเป้าหมายที่ติดตามจากวัตถุอื่นๆ ได้ดีกว่า รวมถึงแยกแยะศีรษะและร่างกายส่วนบนของบุคคลออกจากสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า ในทางทฤษฎี คุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้นเหล่านี้อาจดูไม่มากนัก แต่จะช่วยปรับปรุงกระบวนการถ่ายภาพของคุณได้อย่างมากจนคุณรู้สึกกประทับใจขึ้นไปอีกระดับ
การทดสอบ AF 3: สภาวะย้อนแสง
EOS R5 Mark II/ RF50mm f/1.2L USM ที่ 50 มม., f/2.0, 1/4000 วินาที, ISO 12800
กล้อง EOS R5 ของผมประสบปัญหาในสภาวะย้อนแสงเล็กน้อย ผมจึงอยากดูว่า EOS R5 Mark II จะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไรภายใต้สภาวะดังกล่าว ผลปรากฏว่ากล้องรุ่นดังกล่าวไม่มีปัญหาในการหาดวงตาของตัวแบบ แม้ว่าส่วนต่างๆ บนใบหน้าจะมีความเปรียบต่างต่ำกว่าเนื่องจากเงาก็ตาม
EOS R5 Mark II/ RF35mm f/1.4L VCM ที่ 35 มม., f/1.4, 1/2000 วินาที, ISO 3200
ในฉากลักษณะนี้ AF จับอยู่ที่ตัวแบบได้อย่างแม่นยำแทนที่จะเลื่อนไปที่แสงย้อน
รับชม: หน้าจอ EOS R5 Mark II ที่บันทึกไว้—ในสภาวะย้อนแสง
วิดีโออัตราเฟรมสูงที่ 2K 200p/240p พร้อมเสียง
เมนูเลือกความละเอียดของวิดีโอ/อัตราเฟรมจะแตกต่างจาก EOS R5 ซึ่งใช้เวลาพอสมควรกว่าจะรู้สึกคุ้นชิน คุณสามารถเลือกความละเอียดในการบันทึกและอัตราเฟรมได้ในแท็บแยกต่างหากภายใต้หน้าจอ “ขนาดการบันทึกภาพเคลื่อนไหว” ด้านบนเป็นภาพเมนูในโหมด PAL ความละเอียด 240p จะพร้อมใช้งานในโหมด NTSC
การเลือกอัตราเฟรมสูงภายใต้เมนู “ขนาดการบันทึกภาพเคลื่อนไหว” จะให้ฟุตเทจพร้อมเสียงที่เล่นด้วยอัตราเฟรมเดียวกัน (เช่น 240p เล่นที่ 240 fps) ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องปรับลดความเร็วลงในขั้นตอนการตัดต่อ
ในขณะเดียวกัน การเปิดใช้งานตัวเลือก “อัตราเฟรมสูง” จะให้ฟุตเทจแบบไม่มีเสียงที่เล่นแบบสโลโมชั่นที่ 25 fps (หรือ 29.97 fps ในโหมด NTSC) ซึ่งพร้อมที่จะแชร์จากกล้อง
ผมตื่นเต้นที่สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 2K 240p พร้อมเสียงได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสสำหรับทั้งการถ่ายแบบสโลโมชั่นและการตัดต่อ นี่คือตัวอย่างหนึ่งของวิดีโอลักษณะดังกล่าว เสียงที่บันทึกแบบสโลโมชั่นทำให้ลำดับภาพดูน่าทึ่งยิ่งกว่าเดิม
รับชม: EOS R5 Mark II—วิดีโอสโลโมชั่นที่ถ่ายที่ 2K 240p
การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กในกล้อง
ประมวลผลด้วย Neural Network Image Processing ในกล้อง
EOS R5 Mark II/ RF35mm f/1.4L VCM ที่ 35 มม., f/1.6, 1/6400 วินาที, ISO 51200
ไฟล์ JPEG ที่ได้จากกล้อง (จากลำดับภาพเดียวกัน)
EOS R5 Mark II/ RF35mm f/1.4L VCM ที่ 35 มม., f/1.6, 1/6400 วินาที, ISO 51200
เมื่อใช้เพียงคุณสมบัติการลดจุดรบกวนในกล้องแบบมาตรฐาน ภาพที่ถ่ายด้วย ISO 51200 มีจุดรบกวนที่เห็นได้ชัด แต่คุณสมบัติการลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กในกล้องช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างพอใช้ได้ ผลลัพธ์จะถูกบันทึกในรูปแบบไฟล์ JPEG และสามารถใช้งานเป็นชุดได้ ผมมองว่านี่น่าจะเป็นประโยชน์ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ไฟล์ JPEG ที่ได้จากกล้องสำหรับงานที่ต้องส่งอย่างรวดเร็ว
ข้อควรสังเกตอื่นๆ
- ลำดับการดูภาพเปลี่ยนไป
วิดีโอและภาพนิ่งจะถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นกลุ่มแทนที่จะแสดงทุกอย่างรวมกันตามลำดับการถ่ายภาพ ซึ่งทำให้ผมเผลอคิดไปแป๊บหนึ่งว่าตัวเองทำไฟล์วิดีโอหาย! กดปุ่ม “โหมด” เพื่อสลับไปมาระหว่างการแสดงภาพนิ่งกับวิดีโอ
- อายุแบตเตอรี่
ผมถ่ายภาพประมาณ 1.5 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ LP-E6P ที่ชาร์จจนเต็ม โดยสลับระหว่างถ่ายภาพนิ่งในโหมด H+, วิดีโอ 4K และวิดีโอ 2K 240p เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว แบตเตอรี่เหลืออยู่ 2 ขีด
อายุแบตเตอรี่อาจยาวนานกว่าปกติเพราะผมใช้ตัวบันทึกจอภาพภายนอกสำหรับการถ่ายส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งทำให้ทั้ง EVF และจอ LCD ด้านหลังปิดใช้งาน หากคุณใช้ฟีเจอร์ที่ใช้ทรัพยากรสูงเหมือนผม ผมขอแนะนำให้มีแบตเตอรี่สำรองแม้ว่าจะถ่ายเป็นเวลา 2 ชั่วโมง การถ่ายอัตราเฟรมสูงและฟีเจอร์อื่นๆ จะไม่สามารถใช้ได้เมื่อใช้แบตเตอรี่ LP-E6NH รุ่นเก่า
- ความร้อนสูง
กล้องจะเริ่มรู้สึกร้อนเล็กน้อยในช่วงท้าย แต่ไอคอนเตือนความร้อนสูงไม่ปรากฏขึ้น
- ระวังเรื่องพื้นที่ในการ์ดหน่วยความจำ!
การใช้โหมดการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง H+ ที่แทบไม่มีเสียงร่วมกับการถ่ายภาพล่วงหน้า ทำให้จำนวนภาพที่ถ่ายเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้มาก และท้ายที่สุดแล้วผมก็ต้องคัดรูปมากกว่าปกติถึงสามเท่า!
แม้ว่าผมจะไม่เจอปัญหาการกระตุกกับการ์ด CFexpress Type B ขนาด 256 GB แต่ผมกังวลว่าพื้นที่การ์ดหน่วยความจำนั้นจะไม่เพียงพอ ผมจึงอาจเลือกใช้การถ่ายภาพล่วงหน้าให้ถูกจังหวะมากขึ้น หรือจำกัดจำนวนภาพทั้งหมดในภาพที่ถ่ายต่อเนื่องแต่ละภาพ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวใหม่
สรุป: รู้สึกทึ่งกับการพัฒนาในด้านต่างๆ
การใช้ EOS R5 Mark II คือความสนุกสุขสันต์
ประสบการณ์ใช้งาน EOS R5 Mark II ทำให้ผมประทับใจมาก จากที่เคยลังเล ก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ว่า “ต้องซื้อ!” กล้องรุ่นนี้มีทุกอย่างที่ช่างภาพแบบไฮบริดตัวจริงต้องการด้วยการปรับปรุงที่ดียิ่งกว่า EOS R5 ผมจึงได้เพิ่มกล้องรุ่นนี้เข้าไปในชุดอุปกรณ์ทำงานของตัวเองเรียบร้อยแล้ว