ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ทะยานเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้วย EOS R5 Mark II- Part

7 คุณสมบัติของกล้อง EOS R5 Mark II ที่พลิกโฉมวงการถ่ายภาพ

2024-07-24
12
92.39 k

กล้อง EOS R5 Mark II ใหม่มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ที่ดียิ่งขึ้นมากมายที่จะทำให้ผู้ใช้ประหลาดใจ และต่อไปนี้คือคุณสมบัติ 7 ข้อที่สำคัญที่สุด

ในบทความนี้:

นับตั้งแต่กล้อง EOS 5D เปิดตัวเพื่อวางจำหน่ายไปเมื่อปี 2548 ในฐานะกล้อง DSLR แบบฟูลเฟรมรุ่นแรกของโลก ซีรีย์ EOS “5” จาก Canon ก็กลายเป็นที่รู้จักจากการพลิกโฉมโลกแห่งกล้องดิจิทัลฟูลเฟรมแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ตั้งแต่กล้อง EOS 5D Mark II ที่พาผู้ใช้ไปพบกับโลกใบใหม่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ DSLR ไปจนถึง EOS R5 ที่เปิดตัวคุณสมบัติแบบ 8K และประสิทธิภาพของโฟกัสอัตโนมัติที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึกในกล้องมิเรอร์เลส EOS “5” ก็ยังคงเป็นซีรีย์ที่สามารถพลิกโฉมวงการด้วยคุณสมบัติและสเปคใหม่ๆ ที่ทำให้ผู้ใช้ประหลาดใจได้เสมอในการเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ทุกครั้ง

และ EOS R5 Mark II กล้องรุ่นที่สองในซีรีย์ EOS R5 ที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ก็เช่นกัน ด้วยเทคโนโลยีและคุณสมบัติใหม่ๆ ที่อัดแน่นมากมาย กล้องรุ่นนี้จึงล้ำหน้ากว่ากล้องรุ่นก่อนมาก ซึ่งเราได้ไฮไลต์คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของกล้องไว้ให้แล้วในบทความนี้

รับชม: สำรวจ EOS R5 Mark II รุ่นใหม่จาก Canon

 

1. เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และดียิ่งขึ้น: ด้วย 3 เทคโนโลยีหลักที่ได้รับการปรับปรุง

ความสามารถใหม่ๆ หลากหลายประการของกล้อง EOS R5 Mark II เป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยเทคโนโลยีหลัก 3 อย่างที่ผ่านการยกระดับให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งได้แก่ เซนเซอร์ภาพ ระบบประมวลผลภาพ และอัลกอริธึมประมวลผล เทคโนโลยีทั้งสามนี้ทำให้กล้องมีความเร็วสูงขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น และให้คุณภาพของภาพในระดับสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

เซนเซอร์ภาพ
แม้จะมีพิกเซลที่ใช้จริงเป็นจำนวน 45 ล้านพิกเซลเท่ากับกล้องรุ่นก่อนหน้า แต่ EOS R5 Mark II ใช้เซนเซอร์ CMOS แบบรับแสงด้านหลัง (BSI) ซ้อนกันรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเซนเซอร์แบบเดียวกับที่ใช้ในกล้อง EOS R3 ด้วยความสามารถในการอ่านสัญญาณข้อมูลที่เร็วกว่าเซนเซอร์ภาพแบบรับแสงด้านหน้าโดยทั่วไป เซนเซอร์ BSI จึงช่วยให้ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วขึ้นและรับข้อมูลแสงที่ต้องใช้ในการติดตาม AF ได้ง่ายขึ้น 

ระบบประมวลผลภาพใหม่: Accelerated Capture
เมื่อกำลังการประมวลผลที่มากขึ้นคือสิ่งจำเป็นสำหรับการประมวลผลที่เร็วขึ้นและข้อมูลเอาต์พุตที่ใหญ่ขึ้นจากเซนเซอร์ CMOS แบบ BSI ซ้อนกันรุ่นใหม่ Canon จึงได้พัฒนาระบบ DIGIC Accelerator ขึ้นมาใหม่ ซึ่งสามารถทำการประมวลผลสำหรับฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น โฟกัสอัตโนมัติ (AF) และการเปิดรับแสงอัตโนมัติ (AE) ได้ในทันที เมื่อรวมกับระบบประมวลผลภาพ DIGIC X จึงเกิดเป็นระบบ Accelerated Capture ใหม่ที่สามารถประมวลผลข้อมูลถึง 45 ล้านพิกเซลจากเซนเซอร์ภาพของกล้อง EOS R5 Mark II ได้ด้วยความเร็วเท่ากับกล้อง EOS R3 24.1 ล้านพิกเซลเป็นอย่างน้อย

ด้วยระบบ Accelerated Capture ใหม่นี้ EOS R5 Mark II จึงสามารถ:
- ถ่ายภาพต่อเนื่องที่ความเร็วสูงสุด 30 fps (ในโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์) เท่ากับ EOS R3
- ประมวลผล AF และติดตามตัวแบบได้สูงสุด 60 fps
- ประสิทธิภาพในการติดตามตัวแบบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก

และการอ่านสัญญาณเซนเซอร์ภาพรวมถึงการประมวลผลที่รวดเร็วยิ่งขึ้นยังช่วยลดความบิดเบี้ยวจาก Rolling Shutter ได้มากถึง 40% เมื่อเทียบกับ EOS R5 จึงเป็นการเพิ่มความสามารถในการใช้งานของโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์


การใช้ประโยชน์ที่มากขึ้นจากเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก
สำหรับกล้อง EOS R5 Mark II ประสิทธิภาพในการตรวจจับตัวแบบด้วยการเรียนรู้เชิงลึกที่มีอยู่เดิมก็ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเสริมด้วยฟังก์ชั่นการติดตามตัวแบบใหม่สำหรับการถ่ายภาพกีฬา ความสามารถเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยระบบประมวลผลภาพ Accelerated Capture ใหม่ ซึ่งมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลได้ในพริบตาจึงทำให้กล้องเก็บรายละเอียดได้มากขึ้นขณะทำการประมวลผลเพื่อตรวจจับและติดตามตัวแบบ ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับข้อต่อของนักกีฬาและตำแหน่งของลูกบอลจะช่วยให้กล้องติดตามการเคลื่อนไหวของนักกีฬาได้อย่างเหนียวแน่นและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

การใช้การเรียนรู้เชิงลึกเพื่อยกระดับคุณภาพของภาพ
ในกล้องรุ่นก่อนๆ เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกจะถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงสมรรถนะของ AF และการติดตามตัวแบบเป็นหลัก แต่ EOS R5 Mark II และ EOS R1 ที่เปิดตัวไปพร้อมกันเป็นกล้องระบบ EOS R รุ่นแรกที่สามารถปรับปรุงคุณภาพของภาพภายในกล้องด้วยการเรียนรู้เชิงลึกโดยไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์หรือแพลตฟอร์มการประมวลผลบนระบบคลาวด์เลย

ความสามารถนี้จะปรากฏให้เห็นในเครื่องมือสองอย่าง ได้แก่
- เครื่องมือ In-camera Upscaling จะเพิ่มจำนวนพิกเซลในแต่ละภาพเป็น 4 เท่าเพื่อสร้างภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษที่ 179 ล้านพิกเซล
- เครื่องมือลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กสามารถลบจุดรบกวนในภาพ RAW ที่ใช้ความไวแสง ISO สูงได้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน

นอกจากที่กล่าวไป เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกยังถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงฟังก์ชั่นเปิดรับแสงอัตโนมัติและสมดุลแสงขาวอัตโนมัติ (AWB) ของกล้องด้วย ซึ่งทำให้ฟังก์ชั่นเหล่านี้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

 

2. Dual Pixel Intelligent AF: ระบบ AF แห่งยุคใหม่

ระบบ Dual Pixel CMOS AF ถือกำเนิดขึ้นในฐานะระบบ Phase Detection AF บนเซนเซอร์ภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของ Canon ที่ทุกพิกเซลบนเซนเซอร์ภาพจะมีโฟโต้ไดโอดสองตัวที่ทำหน้าที่ตรวจจับแบบ Phase Difference ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการตรวจจับโฟกัสอัตโนมัติ และ Dual Pixel CMOS AF II ระบบรุ่นที่สองก็เกิดตามมาเมื่อระบบประมวลผลภาพ DIGIC X สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการตรวจจับตัวแบบให้ดีขึ้นด้วยการนำอัลกอริธึมการเรียนรู้เชิงลึกมาใช้

เมื่อมีระบบ Accelerated Capture ใหม่ สมรรถนะของ AF และการติดตามตัวแบบจึงพัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง และนำไปสู่การเปิดตัวระบบ Dual Pixel Intelligent AF ซึ่งทำให้ระบบ AF ของกล้องมิเรอร์เลสในซีรีย์ EOS R กลายเป็นระบบ AF แห่งยุคใหม่ ระบบนี้ไม่ได้มีแค่การติดตาม AF ที่เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นพร้อมรองรับความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องที่เร็วยิ่งขึ้นของ EOS R5 Mark II เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการตรวจจับตัวแบบด้วยการเรียนรู้เชิงลึกแบบใหม่ เช่น ความสามารถในการตรวจจับลำตัวท่อนบนของตัวแบบที่เป็นมนุษย์ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถติดตามตัวแบบได้ดียิ่งขึ้นในฉากที่มีความซับซ้อน เช่น ในการแข่งขันกีฬา งานอีเวนต์ และคอนเสิร์ต

 

ล็อคตัวแบบที่ต้องการได้อย่างแน่นหนาแม้ในเวลาที่ถูกบัง

ระบบ Dual Pixel Intelligent AF ทำให้กล้องแยกแยะตัวแบบที่กำลังติดตามและตัวแบบอื่นได้ดียิ่งขึ้น จึงสามารถติดตามตัวแบบที่ต้องการได้อย่างต่อเนื่องแม้จะมองไม่เห็นไปชั่วขณะหรือเปลี่ยนท่าทางไปอย่างสิ้นเชิง คุณสมบัตินี้มีประโยชน์ในฉากต่างๆ เช่น การแข่งกีฬาเป็นทีมอย่างบาสเกตบอลหรือฟุตบอล ซึ่งตัวแบบมักจะถูกผู้อื่นบัง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีมหรือคู่แข่ง

นอกจากนี้ กล้องยังสามารถแยกความแตกต่างระหว่างศีรษะของมนุษย์และสิ่งกีดขวางอื่นๆ ที่อาจบดบังศีรษะจากการมองเห็นได้ จึงทำให้ AF ล็อคอยู่ที่ใบหน้าหรือศีรษะของบุคคลอย่างแน่นหนาแม้ว่าจะมีลูกบอลหรือไม้ตีเข้ามาขวางทาง

รับชม: AF จับที่ตัวแบบอย่างเหนียวแน่นแม้ในเวลาที่ตัวแบบถูกบัง

 

Action Priority AF: วิเคราะห์และตรวจจับการเคลื่อนไหว
ประเภทการตรวจจับตัวแบบก่อนหน้านี้จะอาศัยเพียงลักษณะที่มองเห็นได้ในทันทีเท่านั้น แต่ Dual Pixel Intelligent AF มีโหมด Action Priority AF ใหม่ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวในการแข่งขันกีฬาสามประเภทได้โดยเฉพาะ นั่นคือ ฟุตบอล บาสเกตบอล และวอลเลย์บอล คุณสมบัตินี้จะใช้การตรวจจับและระบุตัวบุคคลหลายคน สภาพของข้อต่อ และตำแหน่งของลูกบอล จากนั้นจึงใช้ข้อมูลดังกล่าวในการระบุลำดับการเคลื่อนไหวที่สำคัญของนักกีฬา แล้วปรับตำแหน่งกรอบ AF ตามลำดับการเคลื่อนไหวนั้น คุณสมบัตินี้นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการจับภาพวินาทีสำคัญในการแข่งขันกีฬา ซึ่งเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งในการถ่ายภาพกีฬา

Register People Priority: พร้อมล็อคโฟกัสบนตัวบุคคลที่คุณต้องการ
เมื่อมีคนหลายคนในเฟรมภาพ ฟังก์ชั่น Register People Priority จะจดจำบุคคลที่คุณบันทึกไว้ล่วงหน้าและให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการตรวจจับและติดตามตัวแบบ ฟังก์ชั่นนี้ในเวอร์ชันของกล้อง EOS R5 Mark II ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งกว่า EOS R3 และสามารถติดตามตัวบุคคลได้แม้ในขณะที่หันหน้าออกไปในแนวเฉียง


ตัวแบบที่สามารถตรวจจับได้
นอกจากประสิทธิภาพในการตรวจจับและติดตามตัวแบบใหม่ข้างต้น EOS R5 Mark II ยังสามารถตรวจจับและติดตามตัวแบบประเภทเดียวกับกล้องซีรีย์ EOS R รุ่นใหม่ๆ ได้ด้วย แต่จะมีสมรรถนะที่ดีกว่าและสามารถล็อคโฟกัสบนตัวแบบได้ดีกว่าซึ่งเป็นผลจากอัลกอริธึมเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกที่พัฒนาไปมากขึ้นและระบบ Accelerated Capture อันทรงพลัง

คน สัตว์
(ดวงตา ใบหน้า ทั้งตัว)
ยานพาหนะ
ดวงตา
ใบหน้า
ศีรษะ
ลำตัว
ลำตัวท่อนบน (ใหม่)
สุนัข
แมว
นก
ม้า
กีฬาแข่งรถ (รถยนต์ มอเตอร์ไซค์)
รถไฟ
อากาศยาน (เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์)

 

3. Eye Control AF

EOS R5 Mark II มี ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) 0.5 นิ้ว ความละเอียดสูง 5.76 ล้านจุดแบบเดียวกับกล้อง EOS R3 ซึ่งให้ความสว่างเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับ EOS R5 ผู้ใช้จึงสามารถมองเห็นฉากได้ชัดเจนและสว่างยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังนำคุณสมบัติ Eye Control AF อันล้ำสมัยจากกล้อง EOS R3 มาใช้ด้วย ซึ่งคุณสมบัตินี้จะใช้เซนเซอร์ตรวจจับเส้นนำสายตาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมกรอบ AF ได้ด้วยดวงตาของตนเอง

ระบบ Eye Control AF ของกล้อง EOS R5 Mark II ได้รับการปรับปรุงในหลายๆ ด้านเมื่อเทียบกับ EOS R3 ไม่ว่าจะเป็นจำนวนพิกเซลที่มากขึ้น เลย์เอาต์ที่ดียิ่งขึ้น ไฟ LED อินฟราเรดจำนวนมากขึ้น รวมถึงพื้นที่ตรวจจับดวงตาที่ใหญ่ขึ้น จึงช่วยเพิ่มความเสถียรในการตรวจจับแม้ในขณะที่ไม่ได้ใช้การจัดตำแหน่งดวงตาหรือสวมแว่นอยู่ และการปรับปรุงอัลกอริธึมตรวจจับยังช่วยเพิ่มอัตราเฟรมของการตรวจจับเส้นนำสายตาเป็นสองเท่าที่ประมาณ 60 fps จึงทำให้สามารถตอบสนองได้ดีและเร็วขึ้นในการติดตามการเคลื่อนไหวของดวงตาที่กำลังจับโฟกัสในตำแหน่งที่ผู้ใช้ต้องการแม้ในขณะถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง

เมื่อเสริมด้วยการประมวลผลอันรวดเร็วของระบบ Accelerated Capture ผู้ใช้ Eye Control AF จะสามารถควบคุมการโฟกัสและติดตามตัวแบบได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และฉับไวแม้ในฉากการแข่งขันหรือกีฬาที่ดุเดือดและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งต้องมีการสับเปลี่ยนตัวแบบหลักอยู่บ่อยครั้ง

รับชม: การติดตามด้วย Eye Control AF

 

4. ถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุด 30 fps พร้อมชัตเตอร์และการขับเคลื่อนที่ดียิ่งขึ้น

ความสามารถในการถ่ายภาพได้สูงสุด 30 fps ในโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ของกล้อง EOS R5 Mark II เป็นผลมาจากความเร็วในการอ่านสัญญาณที่เร็วยิ่งขึ้นของเซนเซอร์ CMOS แบบ BSI ซ้อนกันรุ่นใหม่ รวมกับประสิทธิภาพของระบบ Accelerated Capture ที่สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลเอาต์พุตปริมาณมหาศาลที่ 45 ล้านพิกเซลได้อย่างรวดเร็ว การคำนวณการเปิดรับแสงอัตโนมัติ, AF และการติดตามตัวแบบจึงสามารถทำได้สูงสุดถึง 60 fps ซึ่งเป็นความเร็วเทียบเท่ากล้อง EOS R3 ที่มีความละเอียดของพิกเซลน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

คุณสมบัตินี้มาพร้อมกับตัวเลือกหน้าจอ EVF ที่ไม่มีปัญหาหน้าจอดำ ทำให้ผู้ใช้มองเห็นตัวแบบและสถานะการติดตาม AF ได้อย่างชัดเจนเสมอ จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการถ่ายภาพให้อยู่ในเฟรมอย่างเหมาะสมแม้ในขณะใช้ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องสูงสุด*


ฟังก์ชั่นอื่นๆ ของชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์

ขณะใช้โหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องได้ตามต้องการ โดยมีความเร็วในการถ่ายระดับกลางให้เลือกด้วย การตั้งค่าต่างๆ มีดังนี้

- โหมด H+: 30, 20 fps
- โหมด H: 20, 15, 10 fps
- โหมด L: 15, 10, 7.5, 5, 3, 2 fps

ขณะใช้โหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อถ่ายภาพในจังหวะยากๆ หรือคาดเดาไม่ได้ ผู้ใช้จะมีโอกาสถ่ายภาพสำเร็จมากขึ้นพร้อมทั้งเสริมความมั่นใจในสัญชาตญาณของตนเองเมื่อใช้โหมดการถ่ายภาพต่อเนื่องล่วงหน้าใหม่ ซึ่งจะบันทึกภาพในรูปแบบ RAW, C-RAW, JPEG หรือ HEIF สูงสุด 15 เฟรมก่อนที่คุณจะกดปุ่มชัตเตอร์ลงจนสุด คุณสามารถดูภาพในแต่ละเฟรมได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านการปรับแต่งก่อน จึงให้ความสะดวกมากกว่าโหมดถ่ายต่อเนื่องแบบ RAW ในกล้องรุ่นปัจจุบัน

*ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องอาจลดลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวแบบ/สภาวะการถ่ายภาพ การตั้งค่ากล้อง หรือหากมีการตรวจพบแสงกะพริบ เลนส์ที่ใช้ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คู่มือผู้ใช้งานระดับสูง สำหรับเลนส์ที่รองรับความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องสูงสุดเมื่อใช้ Servo AF โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้อง EOS R5 Mark II ที่เว็บไซต์ cam.start.canon


ฟีเจอร์เด่นอื่นๆ ของชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์:

- ลดความบิดเบี้ยวที่เกิดจาก Rolling Shutter
โดยสามารถลดลงได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับกล้อง EOS R5 และ Rolling Shutter ขณะถ่ายวิดีโอก็ลดลงเช่นกัน
- ใช้ในการถ่ายภาพโดยใช้แฟลชได้
สำหรับกล้อง EOS R5 หากใช้โหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ จะไม่สามารถถ่ายภาพได้หากใช้แฟลช Speedlite แต่ในกล้อง EOS R5 Mark II สามารถถ่ายได้สูงสุด 20 fps*

*โดยไม่ต้องวัดแสงแฟลชระหว่างถ่ายภาพแต่ละภาพ


เปรียบเทียบ: เกิดความบิดเบี้ยวจาก Rolling Shutter น้อยกว่าถึง 40% เมื่อเทียบกับ EOS R5

EOS R5 (ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์)

EOS R5 Mark II (ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์)

 

5. คุณภาพของภาพที่ดียิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก

กล้องซีรีย์ EOS R รุ่นก่อนๆ จะใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อปรับปรุงสมรรถนะของ AF เป็นหลักโดยช่วยในการตรวจจับและติดตามตัวแบบ แต่สำหรับ EOS R5 Mark II และ EOS R1 ที่เปิดตัวไปพร้อมกัน การใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้ขยายขอบเขตจนสามารถนำมาใช้เพิ่มคุณภาพของภาพด้วยคุณสมบัติใหม่ในตัวกล้องสองข้อ ซึ่งได้แก่ In-Camera Upscaling และการลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก

ทั้งสองคุณสมบัตินี้เคยเป็นเครื่องมือในซอฟต์แวร์ปรับแต่งภาพ Digital Photo Professional ของ Canon ที่ต้องซื้อเพิ่มเติม แต่ปัจจุบันนี้ผู้ใช้สามารถใช้งานฟรีได้อย่างง่ายดายเนื่องจากเป็นฟังก์ชั่นในตัวกล้อง EOS R5 Mark II


In-Camera Upscaling

เครื่องมือ In-camera Upscaling จะใช้อัลกอริธึมที่อาศัยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกในการเพิ่มความละเอียดของพิกเซลในภาพ JPEG และ HEIF โดยที่ยังคงความละเอียดของภาพในภาพเดิมไว้ คุณสมบัตินี้จะเพิ่มจำนวนพิกเซลในแกนแนวนอนและแนวตั้งเป็นสองเท่าเพื่อสร้างภาพที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีจำนวนพิกเซลมากกว่าเดิม 4 เท่า ดังนั้น ภาพที่มีความละเอียด 45 ล้านพิกเซลจากกล้อง EOS R5 Mark II จึงสามารถเพิ่มความละเอียดได้ถึง 179 ล้านพิกเซล


การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก

EOS R5 Mark II/ RF24-70mm f/2.8 L IS USM/ FL: 24 มม./ Manual exposure (f/5.6, 1/20 วินาที)/ ISO 12800/ WB: อัตโนมัติ

ภาพต้นฉบับ

ผ่านการลดจุดรบกวน
(การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก)

การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก + In-camera Upscaling

การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่พัฒนาขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก หลังผ่านการฝึกฝนกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่ของภาพก่อนและหลังการลดจุดรบกวน เทคโนโลยีนี้จึงสามารถประมวลผลภาพ RAW เพื่อลดจุดรบกวนได้โดยที่ยังคงความละเอียดเดิมของภาพเอาไว้

เมื่อใช้การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กในการประมวลผลภาพ RAW จากนั้นจึงเพิ่มขนาดและครอปภาพ JPEG ที่ได้ ผู้ใช้จะได้ภาพที่ครอปได้สูงสุดและมีคุณภาพของภาพสูงในระดับที่ไม่เคยทำได้มาก่อนโดยไม่จำเป็นต้องใช้พีซี

 

6. การบันทึกแบบ RAW 8K 60P พร้อมผสานขั้นตอนการทำงานของกล้อง Cinema EOS

การถ่ายทำวิดีโอแบบใช้กล้องหลายตัวมักจะใช้กล้องในซีรีย์ EOS R ควบคู่กับ Cinema EOS ซึ่งเป็นกล้องระดับมืออาชีพอันโด่งดังจาก Canon เมื่อคำนึงถึงการใช้งานในลักษณะดังกล่าว EOS R5 Mark II จึงออกแบบมาให้สามารถผสานขั้นตอนการทำงานของระบบ Cinema EOS ได้ดียิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น EOS R5 Mark II สามารถรองรับรูปแบบ XF-HEVC S และ XF-AVC S ซึ่งเป็นมาตรฐานในการผลิตวิดีโอระดับมืออาชีพและอุตสาหกรรมการถ่ายทำภาพยนตร์ และยังมีค่าสีของรูปภาพแบบกำหนดเองที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจากระบบ Cinema EOS จึงสามารถสร้างสรรค์ภาพให้สวยงามตรงใจได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกแสดงเมนูการตั้งค่าด่วนแบบ Cinema EOS ได้ด้วย คุณสมบัติทั้งหมดนี้ทำให้ง่ายต่อการใช้งานในขั้นตอนการทำงานหรือระบบนิเวศของการผลิตวิดีโอที่ใช้กล้อง Cinema EOS ร่วมด้วย


รูปแบบการบันทึกหลากหลายเพื่อการผลิตที่แตกต่างกัน

กล้อง EOS R5 Mark II รองรับทั้งรูปแบบ DCI มาตรฐานและ UHD มาตรฐานสำหรับการแพร่ภาพ ทั้งยังสามารถบันทึกวิดีโอแบบ RAW 8K 60p และไฟล์ MP4 แบบ 4K ได้ในตัว รวมถึงรองรับรูปแบบการบันทึกได้มากกว่ากล้อง EOS R5 รูปแบบใหม่ได้แก่:
- SRAW 4K DCI: รูปแบบวิดีโอ RAW ขนาดเล็กกว่าและใช้ทรัพยากรน้อยกว่าในการผลิตที่ต้องใช้รูปแบบ RAW แต่ความละเอียดไม่ถึง 8K
- 2K DCI Fine: รูปแบบ 2K คุณภาพสูงกว่าโดยการ Oversampling จากวิดีโอ 4K
- 2K DCI
- Full HD Fine (Full HD ที่ Oversampling จากวิดีโอ 4K)

กล้องนี้จึงเป็นกล้อง EOS รุ่นแรกนอกจากระบบ Cinema EOS ที่รองรับรูปแบบ DCI 2K 

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงถึง 4K 60p ซึ่งดีกว่ากล้อง EOS R5 ด้วย


การบันทึก 12 รูปแบบรวมถึง RAW 8K 60p และ SRAW 4K


หนึ่งในกล้องซีรีย์ EOS R รุ่นแรกๆ ที่มี Canon Log 2

นอกจาก Canon Log 3 แล้ว กล้อง EOS R5 Mark II ยังมี Canon Log 2 ด้วย แม้ทั้งสองแบบจะเป็นแกมมาที่ช่วยในการเกลี่ยสี แต่ Canon Log 2 กลับเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักสร้างภาพยนตร์เนื่องจากมีช่วงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างกว่า (มากกว่า 16 สต็อป *) ซึ่งให้ความยืดหยุ่นที่มากกว่า ขณะนี้ผู้ใช้จึงมีตัวเลือกที่เหมาะกับขั้นตอนการทำงานในการปรับแต่งเพิ่มขึ้น

* ที่ 4K DCI Fine/ 4K UHD Fine, 29.97p/25.00p

 

ข้อควรรู้: ความแตกต่างระหว่าง Canon Log 2 และ Canon Log 3
- Canon Log 2: ให้ความสำคัญกับรายละเอียดในส่วนที่มืด
- Canon Log 3: ในส่วนที่มืดจะมีจุดรบกวนน้อยกว่า

Canon Log 2 มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับภาพยนตร์และสามารถคงรายละเอียดในส่วนที่ค่อนข้างมืดหรือมืดได้มากกว่า Canon Log 3 ทั้งยังให้เอาต์พุตแนวตรงในช่วงที่กว้างกว่า จึงคงรายละเอียดได้ดีกว่าและมีการเปลี่ยนแปลงของสีในระดับต่ำสุดเมื่อเปลี่ยนระดับความสว่างในกระบวนการปรับแต่ง และยังสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีในสภาพแวดล้อมการผลิตที่สร้างขึ้นจาก Cineon Log

Canon Log 3 จะใช้งานได้ง่ายกว่า ผู้ใช้จึงได้ภาพที่สวยงามจากการเกลี่ยสีเพื่อปรับแต่งโทนสีภาพเพียงเล็กน้อย และคงความลึกของรายละเอียดในส่วนเงาไว้ได้น้อยกว่า ซึ่งทำให้เกิดจุดรบกวนน้อยกว่า Canon Log 2 โดยที่ช่วงไดนามิกเรนจ์ยังกว้างอยู่

อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
คำถามที่พบบ่อยในการถ่ายวิดีโอ: Canon Log คืออะไร


คุณสมบัติอื่นๆ ที่โดดเด่นในการถ่ายวิดีโอ

- การบันทึกแบบ RAW ภายนอกผ่าน HDMI
สามารถบันทึกวิดีโอแบบ ProRes RAW ภายนอกที่ 8K 30p ผ่านช่องต่อเอาต์พุต HDMI Type-A ของกล้อง EOS R5 Mark II

- การบันทึกเสียง LPCM 24 บิตแบบ 4 ช่อง
กล้อง EOS R5 Mark II รองรับอินพุตเสียง LPCM 24 บิตแบบ 4 ช่องเพิ่มเติมจากอินพุต ACC 16 บิตแบบ 2 ช่องทั่วไป อินพุตแบบ 4 ช่องจะเป็นประโยชน์ต่อการถ่ายทำมากกว่าในฉากที่มีเสียงจากหลายแหล่ง เช่น การบันทึกบทสัมภาษณ์ การบันทึกการแสดงสดที่ใช้ไมโครโฟนสำหรับเครื่องดนตรีและเสียงร้องแยกกัน การบันทึกเสียงโดยรอบพร้อมกัน และการบันทึกเสียงโดยผู้ควบคุมกล้อง

 

7. มีอุปกรณ์เสริมเป็นพัดลมทำความเย็นที่ช่วยให้สามารถบันทึกวิดีโอ 8K 30p ได้อย่างน้อย 120 นาที

EOS R5 Mark II มีโครงสร้างที่ช่วยให้ลดความร้อนภายในกล้องได้ดียิ่งขึ้นด้วยการใช้แผ่นกราไฟต์และแผ่นอะลูมิเนียมเพื่อกระจายความร้อนจากเซนเซอร์ออกสู่ภายนอก ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้เป็นระยะเวลานานขึ้น

ผู้ใช้ที่ต้องการบันทึกวิดีโอให้นานขึ้นอีกสามารถซื้อพัดลมทำความเย็น CF-R20EP ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยลดความร้อนภายในกล้อง เพิ่มกำลังไฟเสริม และทำหน้าที่เป็นพอร์ตอีเทอร์เน็ตเสริมที่ช่วยให้สื่อสารข้อมูลด้วยความเร็วสูงยิ่งขึ้น

พัดลมทำความเย็น CF-R20EP จะเพิ่มความเย็นและลดความร้อนที่สะสมอยู่ภายในตัวกล้องขณะถ่ายวิดีโอ จึงช่วยยืดระยะเวลาในการถ่ายวิดีโอให้นานขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ความละเอียดสูงๆ ยกตัวอย่างเช่น พัดลมนี้จะช่วยให้คุณสามารถบันทึกวิดีโอ MP4 8K 30p ได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 120 นาที ในขณะที่คุณจะบันทึกได้ประมาณ 37 นาทีเท่านั้นหากใช้กล้องเพียงอย่างเดียว อุปกรณ์เสริมชิ้นนี้จึงเหมาะสำหรับการถ่ายทำสารคดี งานอีเวนต์ และภาพยนตร์ที่ต้องตั้งกล้องทิ้งไว้ขณะบันทึกภาพ พอร์ต LAN แบบใช้สายอีเทอร์เน็ต 2.5G BASE-T รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สายความเร็วสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการสตรีมสดรวมถึงขั้นตอนการทำงานที่ต้องอาศัยการถ่ายโอนไฟล์ในสถานที่

หมายเหตุ: เมื่อติดตั้งพัดลมทำความเย็น CF-R20EP ตัวพัดลมอาจทำให้เกิดเสียงและถูกบันทึกเข้าไปในระบบเสียงด้วย


แบตเตอรี่ใหม่พร้อมแบตเตอรี่กริปใหม่ที่มีให้เลือก 2 รุ่น

EOS R5 Mark II ใช้แบตเตอรี่ LP-E6P ซึ่งเป็นชุดแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่จะช่วยรองรับการใช้ไฟที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากคุณสมบัติใหม่ต่างๆ ที่ได้รับการปรับปรุง สามารถใช้แบตเตอรี่ LP-E6NH/LP-E6N รุ่นเดิมได้เช่นกัน แต่อาจไม่สามารถใช้งานคุณสมบัติบางอย่างได้

ผู้ใช้ที่ต้องการถ่ายวิดีโอให้นานขึ้นสามารถเลือกใช้พัดลมทำความเย็น CF-R20EP ข้างต้นและแบตเตอรี่กริปรุ่นใหม่สองชุด ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดสามารถติดตั้งได้โดยใช้แบตเตอรี่สองก้อน

ทั้งแบตเตอรี่กริป BG-R20EP และพัดลมทำความเย็น CF-R20EP มีพอร์ต LAN ที่เข้ากันได้กับแบนด์ 2.5G Base-T ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนไฟล์วิดีโอและไฟล์ภาพขนาดใหญ่ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย

คุณสมบัตินี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ความสามารถในการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับ Wi-Fi 6/6E* ในตัวกล้อง ซึ่งรองรับแบนด์ 5GHz/2.4GHz แบบไร้สายและมาตรฐานการถ่ายโอน IEEE 802.11b/g/n/a/ac/ax ความเร็วสูง สายอากาศในตัวหลายสายรองรับ MIMO (multiple-input and multiple-output) ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพในการถ่ายโอนไฟล์ให้ดียิ่งขึ้น

*ยกเว้น 6GHz

 

คุณสมบัติอื่นๆ

IS ในบอดี้

ระบบป้องกันภาพสั่นไหวของกล้อง EOS R5 Mark II (IS ในบอดี้) จะประสานการทำงานกับระบบ IS ในตัวเลนส์ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวเพื่อลดการสั่นของกล้องสูงสุดเทียบเท่า 8.5 สต็อปที่กึ่งกลางภาพ และสูงสุดเทียบเท่า 7.5 สต็อปที่ขอบภาพ

ไฟแสดงการบันทึก

ไฟแสดงการบันทึกจะสว่างขึ้นเพื่อให้ทุกคนในกองถ่ายทราบว่ากำลังบันทึกภาพอยู่

 

บอดี้แม็กนีเซียมอัลลอย แข็งแรงทนทาน

บอดี้ของกล้อง EOS R5 Mark II ทำจากแม็กนีเซียมอัลลอยที่แข็งแกร่ง ช่วยลดความร้อน และมีน้ำหนักเบา

บอดี้กันฝุ่นและหยดน้ำ

ดีไซน์กันฝุ่นและหยดน้ำทำให้คุณวางใจได้เมื่อต้องใช้งานในสภาวะกลางแจ้ง กล้อง EOS R5 Mark II มีสมรรถนะในการป้องกันสภาพอากาศเทียบเท่ากับ EOS R5

 

ช่องใส่การ์ดแบบคู่

กล้องมีช่องใส่การ์ด CFexpress หนึ่งช่อง* และช่องใส่การ์ด SD หนึ่งช่อง**

ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่น

EOS R5 Mark II ใช้ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นแบบเดียวกับ EOS R3/R5 C/R6 Mark II/R7/R10 ซึ่งรองรับอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่ๆ ได้หลากหลาย เช่น ไมโครโฟนสเตอริโอ Directional DM-E1D

*เข้ากันได้กับ Type B
** ข้อมูลบางประเภทไม่สามารถจัดเก็บในการ์ด SD ได้ รองรับสูงสุด 2 TB (การ์ดที่มากกว่า 2 TB จะถือว่ามีความจุ 2 TB)

 

EOS R5 Mark II: ภาพตัวอย่าง

EOS R5 Mark II/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 124 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/2000 วินาที)/ ISO 3200/ WB: 4600K


EOS R5 Mark II/ RF600mm f/4L IS USM/ FL: 600 มม./ Manual exposure (f/4, 1/4000 วินาที)/ ISO 1600/ WB: อัตโนมัติ


EOS R5 Mark II/ RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM/ FL: 200 มม./ Shutter-priority AE (f/4.5, 1/350 วินาที, EV -0.5)/ ISO 320/ WB: อัตโนมัติ


EOS R5 Mark II/ RF100-300mm f/2.8L IS USM/ FL: 300 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/3200 วินาที)/ ISO 320/ WB: อัตโนมัติ


EOS R5 Mark II/ RF800mm f/5.6L IS USM/ FL: 800 มม./ Manual exposure (f/5.6, 1/320 วินาที)/ ISO 200/ WB: แสงแดด

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา