EOS R3 กับ EOS R5: ควรเลือกรุ่นไหนดี
การวางจำหน่ายกล้อง EOS R3 ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกกล้องระบบ EOS R ได้หลากหลายรุ่นยิ่งขึ้น กล้องระบบ EOS R รุ่นที่สองทั้งหมดมีคุณสมบัติบางประการร่วมกัน อาทิ การแก้ไขปัญหากล้องสั่น จนถึงระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้อง (IS ในตัวกล้อง) และความสามารถในการตรวจจับตัวแบบขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก อย่างไรก็ดี กล้องแต่ละรุ่นต่างมีคุณลักษณะเฉพาะตัว และนั่นทำให้เราอาจลังเลว่าจะตัดสินใจซื้อกล้องรุ่นไหนดี ในบทความนี้ เราจะมาศึกษาความแตกต่างระหว่าง EOS R3 กับ EOS R5 ซึ่งได้รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุด 1.5.0 แล้ว
1. ขนาดและน้ำหนัก: สิ่งที่ตัวเลขไม่ได้บอกคุณ
2. คุณภาพของภาพนิ่งและความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์ภาพถ่าย
3. ประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูง
4. ชัตเตอร์กล
5. ประสิทธิภาพของชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์
6. ประสิทธิภาพ AF
7. ระบบป้องกันภาพสั่นไหว
8. ความสามารถในการถ่ายวิดีโอ
สรุป: ความเร็วสูงกว่าหรือความละเอียดกว่าดี
1. ขนาดและน้ำหนัก: พิจารณาถึงสิ่งที่ตัวเลขไม่ได้บอกคุณ
เมื่อแรกเห็น EOS R5 มีขนาดเล็กกว่า EOS R3 อย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่า
EOS R3:
- ขนาด: ประมาณ 150.0×142.6×97.2 มม. (กว้าง×สูง×ลึก)
- น้ำหนัก: ประมาณ 1,015 กรัม (รวมแบตเตอรี่และการ์ดหน่วยความจำ)
EOS R5:
- ขนาด: ประมาณ 138.5×97.5×88.0 มม. (กว้าง×สูง×ลึก)
- น้ำหนัก: ประมาณ 738 กรัม (รวมแบตเตอรี่และการ์ดหน่วยความจำ)
หมายเหตุ 1: กริปแนวตั้ง
อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่อาจเห็นได้ไม่ชัดเจนในทันทีจากตัวเลขเหล่านี้คือ กล้อง EOS R3 มาพร้อมกับกริปแนวตั้งในตัว นอกจากนี้ EOS R5 ยังมีแบตเตอรี่กริปเป็นอุปกรณ์เสริมให้เลือกคือ แบตเตอรี่กริป BG-R10 (แยกจำหน่ายต่างหาก)
เราลองมาเปรียบเทียบ EOS R3 กับ EOS R5 เมื่อติดตั้งแบตเตอรี่กริป BG-R10 กับ EOS R5 กัน
กล้องทั้งสองรุ่นไม่แตกต่างกันมากในแง่ของขนาดและน้ำหนัก อันที่จริงแล้ว EOS R3 มีน้ำหนักเบากว่าถึง 100 กรัมด้วยซ้ำไป!
หมายเหตุ 2: ความทนทานของแบตเตอรี่
แม้ว่า EOS R3 จะ “ชนะ” อย่างคาดไม่ถึงในแง่ของน้ำหนักเมื่อเราคำนึงถึงปัจจัยเรื่องกริป แต่คุณยังต้องพิจารณาถึงความจุแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน แบตเตอรี่ LP-E19 ของ EOS R3 มีความจุ 2700mAh ขณะที่แบตเตอรี่ LP-E6NH ของ EOS R5 มีความจุเท่ากับ 2130mAh แต่แบตเตอรี่กริป BG-R10 ใช้แบตเตอรี่สองก้อนจึงจะให้ความจุรวม 4260mAh เมื่อติดตั้งกับกล้อง EOS R5
ความสมดุลระหว่างกริปและตัวกล้องเป็นอย่างไร
ไม่มีความแตกต่างกันมากนักในเรื่องความสมดุล เนื่องจากกริปแนวตั้งได้รับการออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของกล้อง EOS R3 อยู่แล้ว ดังนั้นโดยธรรมชาติกริปจึงมีความสมดุลกับตัวกล้อง ขณะที่แบตเตอรี่กริป BG-R10 ก็มีสมดุลพอเหมาะกับกล้อง EOS R5 เช่นกันแม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมก็ตาม
2. คุณภาพของภาพนิ่งและความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์ภาพถ่าย
ความละเอียดของจำนวนพิกเซล
ในแง่ของความละเอียดของจำนวนพิกเซล EOS R5 มีจำนวนพิกเซลมากกว่า EOS R3 เกือบสองเท่า ความละเอียดที่เหมาะสมบนแพลตฟอร์มของโซเชียลมีเดียต่างๆ เมื่อวัดจากด้านที่ยาวอยู่ที่ประมาณ 2000 พิกเซล ซึ่งหมายความว่าความละเอียด 45 ล้านพิกเซล (8192×5464) ในกล้อง EOS R5 ช่วยให้คุณสามารถ ครอปภาพได้มากถึง 75% โดยไม่พบปัญหาคุณภาพของภาพด้อยลงเมื่อโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย และถ้าคุณต้องการพิมพ์ภาพถ่าย ความละเอียด 45 ล้านพิกเซล นับว่าเพียงพอสำหรับการพิมพ์ภาพขนาด A2 ที่ความละเอียด 350 dpi ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงงานพิมพ์สื่อโฆษณาขนาดใหญ่
ในทางกลับกัน ผู้ใช้ทั่วไปมักไม่ค่อยพิมพ์ภาพถ่ายที่มีขนาดใหญ่กว่า A3 ความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล (6000×4000) ในกล้อง EOS R3 จึงยังเพียงพอสำหรับภาพพิมพ์ขนาด A3 ดังนั้น เว้นแต่ว่าคุณตั้งใจที่จะครอปภาพอย่างมาก หรือต้องการความยืดหยุ่นในการครอปภาพเป็นพิเศษ ความละเอียดของจำนวนพิกเซลของ EOS R3 นับว่าเพียงพอ
คุณสมบัติการถ่ายภาพ: ความแตกต่างของ HDR และ DPRAW
กล้อง EOS R3 และ EOS R5 มีฟังก์ชั่นที่ช่วยในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายเหมือนกันหลายอย่าง ได้แก่ การถ่ายภาพซ้อน ตัวตั้งเวลาถ่ายภาพแบบหน่วงเวลา Focus Bracketing และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม กล้องทั้งสองรุ่นมีข้อแตกต่างที่สำคัญในด้านคุณสมบัติการถ่ายภาพแบบ HDR และ DPRAW
โหมดการถ่ายภาพแบบ HDR
ทั้ง EOS R3 และ EOS R5 มีโหมด HDR (High Dynamic Range) ซึ่งสามารถถ่ายภาพคร่อม 3 ภาพที่มีค่าการเปิดรับแสงแตกต่างกัน จากนั้นรวมภาพเข้าด้วยกันเป็นภาพเดียวภายในกล้องโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้ช่วงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ กล้องทั้งสองรุ่นยังรองรับการบันทึกในรูปแบบ HDR PQ HEIF ซึ่งสนับสนุนช่วงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างขึ้นในรูปแบบไฟล์ที่ไม่จำเป็นต้องปรับแต่งภาพเพื่อดูเอฟเฟ็กต์
อย่างไรก็ดี EOS R3 สามารถถ่าย ภาพคร่อมทั้งหมดสามภาพภายในช่วงเวลาสั้นๆ ได้อย่างรวดเร็วที่ 0.02 วินาทีในโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ จึงช่วยลดโอกาสที่องค์ประกอบภาพจะเคลื่อนไปเนื่องจากการเคลื่อนไหวของมือหรือปัญหากล้องสั่นไหวขณะถ่ายภาพโดยถือกล้องด้วยมือได้
นอกจากนี้ ในกล้อง EOS R3 คุณยังสามารถเลือกถ่ายภาพคร่อมที่มีค่าการเปิดรับแสงแตกต่างกันในรูปแบบ HDR PQ ซึ่งจะขยายช่วงไดนามิกเรนจ์ของภาพสุดท้ายให้มากขึ้น ขณะที่กล้อง EOS R5 จะรองรับการถ่ายภาพคร่อมด้วยไฟล์ JPEG และ RAW เท่านั้น
DPRAW
ในทางกลับกัน EOS R3 ไม่รองรับการถ่ายภาพในรูปแบบ Dual Pixel RAW (DPRAW) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่รักษาข้อมูลเกี่ยวกับการตัดส่วนของภาพเป็นพิเศษจากโฟโตไดโอดสองตัวของเซนเซอร์ภาพ Dual Pixel CMOS ซึ่งข้อมูลนี้ช่วยให้สามารถปรับระดับพิกเซลเพิ่มเติมในซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional ของ Canon เช่น การปรับแต่งภาพอย่างละเอียด, Bokeh Shift และการลดแสงหลอกได้ นอกจากนี้ยังรองรับฟังก์ชั่นกระบวนการปรับแต่งภาพในกล้อง EOS R5 อาทิ การปรับแสงในภาพพอร์ตเทรต ซึ่งให้คุณสามารถเปลี่ยนทิศทางของแสงและความเข้มของแสงในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตหลังการถ่ายภาพ รวมถึงการปรับความชัดเจนของฉากหลังเพื่อปรับความชัดเจนของฉากหลังได้
3. ประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูง
|
|
ความไวแสง ISO แบบขยาย 204,800 ขีดจำกัด AF ในสภาวะแสงน้อย: EV -7.5 |
ความไวแสง ISO แบบขยาย 102,400 ขีดจำกัด AF ในสภาวะแสงน้อย: EV -6 |
EOS R3 มีประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูงกว่าประมาณ 1 สต็อป เนื่องมาจากเหตุผลหลักสองประการคือ
1. EOS R3 มีจำนวนพิกเซลน้อยกว่า EOS R5 ซึ่งหมายความว่าพิกเซล (ตัวรับแสง) มีขนาดใหญ่กว่า
2. เซนเซอร์ภาพ CMOS ซ้อนกันแบบรับแสงด้านหลังที่พัฒนาขึ้นใหม่มีความสามารถในการรวมแสงที่ดีขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ โฟกัสอัตโนมัติ (AF) ยังทำงานในสภาวะแสงน้อยได้ดีในกล้อง EOS R3 ซึ่งมีขีดจำกัด AF ในสภาวะแสงต่ำที่ EV -7.5 อีกด้วย
ถ่ายด้วยกล้อง EOS R3 ที่ ISO 6400
คุณอาจมีคำถามว่า “แต่ความไวแสง ISO 102,400 ค่อนข้างสูงมาก และคงไม่น่าจะได้ถ่ายภาพในสภาวะแสงเช่นนั้น แล้วมันจะสำคัญด้วยหรือ” คำตอบคือสำคัญแน่นอน เพราะความไวแสง ISO ตามปกติที่สูงขึ้นหนึ่งสต็อปหมายความว่าคุณภาพของภาพที่ความไวแสง ISO ระดับกลางๆ เช่น ISO 6400 จะดีขึ้นเทียบเท่าหนึ่งสต็อปโดยประมาณ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้การตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้นหรือรูรับแสงที่แคบลงได้ในสภาวะแสงน้อย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเม็ดเกรน เพื่อขยายขอบเขตการสร้างสรรค์ผลงานของคุณให้กว้างไกล
4. ชัตเตอร์กล
EOS R3 และ EOS R5 มีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุดด้วยชัตเตอร์กลที่เท่ากันคือ 12 fps นอกจากนี้ ชุดชัตเตอร์กลในกล้องทั้งสองรุ่นนี้ยังมีความทนทานพอๆ กัน เพราะได้ผ่านการทดสอบความคงทนของชัตเตอร์สูงสุดถึง 500,000 รอบ
5. ประสิทธิภาพของชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์
ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ในกล้อง EOS R3 สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 30 fps ซึ่งเร็วกว่าความเร็วสูงสุด 20 fps ของกล้อง EOS R5 ประมาณ 1.5 เท่า ซึ่งไม่ใช่เพียงเพราะเซนเซอร์อ่านสัญญาณได้เร็วขึ้นจากการมีจำนวนพิกเซลที่เล็กลงเท่านั้น แต่เซนเซอร์ภาพ CMOS ซ้อนกันแบบรับแสงด้านหลังรุ่นใหม่เองยังสามารถอ่านสัญญาณได้เร็วขึ้นด้วย
ความสามารถในการอ่านสัญญาณได้เร็วขึ้นของเซนเซอร์ในกล้อง EOS R3 ยังช่วยลดการบิดเบี้ยวของ Rolling Shutter ลงอย่างมาก เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการถ่ายภาพด้วยการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงในชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังให้ความเร็วชัตเตอร์สูงถึง 1/64,000 วินาที ซึ่งช่วยให้คุณสามารถจับภาพช่วงวินาทีสำคัญได้มากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเซนเซอร์สามารถอ่านสัญญาณได้เร็วขึ้น กล้อง EOS R3 จึงสามารถรองรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชในโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่สามารถทำได้ในกล้อง EOS R5 ไม่ว่าจะเป็นการหยุดการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วด้วยการควบคุมแสงที่ละเอียดขึ้น หรือการยิงแสงแฟลชโดยปราศจากเสียงชัตเตอร์รบกวนซึ่งมีผลต่อการบันทึกเสียง หากที่กล่าวมาคือสิ่งที่คุณต้องการ EOS R3 มีพร้อมสรรพสำหรับคุณ
ภาพหลุมทรายในสนามกอล์ฟ ซึ่งถ่ายโดยใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/64,000 วินาทีด้วยกล้อง EOS R3 ความเร็วชัตเตอร์สูงเป็นพิเศษจะหยุดอนุภาคของทรายที่กำลังปลิวขึ้นจากพื้นดิน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
โหมดชัตเตอร์และโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง: ควรใช้แต่ละโหมดเมื่อใด
6. ประสิทธิภาพของ AF
ทั้ง EOS R3 และ EOS R5 โดดเด่นด้วยระบบ Dual Pixel CMOS AF II และยังติดตั้งระบบ EOS iTR AF X ที่ดึงประสิทธิภาพจากเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกในการจดจำและติดตามตัวแบบขั้นสูง กล้องทั้งสองรุ่นมีตำแหน่ง AF ที่ครอบคลุมหนาแน่นและจำนวนของตำแหน่ง AF ที่แตกต่างกันไม่มากนัก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ AF เท่ากันที่ประมาณ 100% ของภาพในโหมดตรวจจับตัวแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และประมาณ 100% × 90% ของภาพระหว่างการเลือกด้วยตนเอง
การเปรียบเทียบข้อมูลจำเพาะเบื้องต้นของ AF
|
|
AF 4,779 ตำแหน่ง |
AF 5940 ตำแหน่ง |
การพัฒนาด้วยเฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุด 1.5.0 ของกล้อง EOS R5
การอัปเดต EOS R5 เป็นเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 1.5.0 พัฒนาขีดความสามารถในการตรวจจับตัวแบบของกล้อง เพื่อยกระดับความไวในการตอบสนองของกล้องเพื่อถ่ายภาพกีฬาหลากหลายประเภทมากขึ้น การพัฒนาดังกล่าวประกอบด้วย
- Vehicle Detection AF ซึ่งตรวจจับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
- ตรวจจับศีรษะได้ดียิ่งขึ้นสำหรับกีฬาฤดูหนาว โดยสามารถระบุได้แม้ว่าคนขับสกีและนักสโนว์บอร์ดจะกำลังสวมอุปกรณ์ เช่น หมวกกันน็อคและแว่นตากันลมอยู่ก็ตาม
- สามารถตรวจจับและติดตามตัวแบบที่มีการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น เช่น การเคลื่อนไหวของนักกีฬายิมนาสติก โดยใช้การตรวจจับส่วนต่างๆ ของร่างกายในระหว่างที่ไม่สามารถตรวจจับใบหน้าและศีรษะของตัวแบบได้
การอัปเดตเฟิร์มแวร์ยังทำให้ Eye Detection AF มีความแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้โฟกัสยังคงจับอยู่ที่ใบหน้าของตัวแบบ แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของใบหน้าจะถูกบดบังด้วยผมหรือหน้ากากก็ตาม โดยรวมแล้ว การพัฒนาดังกล่าวช่วยให้กล้อง EOS R5 มีความสามารถในการตรวจจับตัวแบบในระดับเทียบเท่ากับ EOS R3
การเปรียบเทียบความสามารถในการตรวจจับตัวแบบ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
(รถยนต์ มอเตอร์ไซค์) |
|
|
Eye Control AF
ขณะที่การอัปเดตเฟิร์มแวร์ใน EOS R5 ทำให้กล้องมีประสิทธิภาพของ AF ใกล้เคียงกับใน EOS R3 มากขึ้น แต่ EOS R3 ยังมีข้อได้เปรียบด้านการใช้งาน AF อยู่ประการหนึ่งนั่นคือ Eye Control AF Eye Control AF ใช้เซนเซอร์ในช่องมองภาพในการอ่านเส้นนำสายตาของช่างภาพ เพื่อให้สามารถเลื่อนจุด AF ให้สอดคล้องกัน
การผสานรวมการตรวจจับตัวแบบขั้นสูงจากการเรียนรู้เชิงลึกเข้ากับ Eye Control AF จึงทำให้ EOS R3 “ชาญฉลาด” กว่า EOS R5 ซึ่งเป็นประเด็นที่ควรคำนึงถึงหากคุณมักปล่อยให้การโฟกัสเป็นหน้าที่ของกล้อง
7. ระบบป้องกันภาพสั่นไหว
|
|
- IS แบบประสานการควบคุม (เมื่อใช้ร่วมกับ IS แบบออพติคอล) |
- IS แบบประสานการควบคุม (เมื่อใช้ร่วมกับ IS แบบออพติคอล) |
ทั้ง EOS R3 และ EOS R5 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้อง (IS ในตัวกล้อง) แบบ 5 แกน กล้องทั้งสองรุ่นจึงไม่มีความแตกต่างกันมากนักในแง่ของความสามารถในการป้องกันภาพสั่นไหว เมื่อติดตั้งเลนส์ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล (IS แบบออพติคอล) ในตัว กล้องทั้งสองรุ่นจะรองรับ IS แบบประสานควบคุม ซึ่ง IS ในตัวกล้องและ IS แบบออพติคอลจะทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ผลในการป้องกันภาพสั่นไหวถึง 8 สต็อป นอกจากนี้ กล้องทั้งสองรุ่นยังสามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้สูงสุดถึง 8 สต็อปเมื่อใช้ IS ในตัวกล้องเพียงอย่างเดียวร่วมกับเลนส์ RF บางชนิดโดยไม่ต้องมี IS แบบออพติคอลอีกด้วย
|
|
|
|
RF35mm f/1.8 Macro IS STM |
|
|
|
RF85mm f/2 Macro IS STM |
|
|
|
RF100mm f/2.8L Macro USM |
|
|
|
RF14-35mm f/4L IS USM |
|
|
|
RF15-35mm f/2.8L IS USM |
|
|
|
RF24-70mm f/2.8L IS USM |
|
|
|
RF24-105mm f/4L IS USM |
|
|
|
RF24-105mm f/4-7.1 IS STM |
|
|
|
RF24-240mm f/4-6.3 IS USM |
|
|
|
RF70-200mm f/2.8L IS USM |
|
|
|
RF70-200mm f/4L IS USM |
|
|
|
RF100-400mm f/5.6-8 IS USM |
|
|
|
RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM |
|
|
|
RF50mm f/1.8 STM |
|
|
|
RF50mm f/1.2L USM |
|
|
|
RF28-70mm f/2L USM |
|
|
|
RF85mm f/1.2L USM |
|
|
|
RF85mm f/1.2L USM DS |
|
|
|
8. ประสิทธิภาพในการถ่ายวิดีโอ
|
|
|
|
|
|
|
FHD 119.88/100.00fps |
FHD 119.88/100.00fps |
|
HDR PQ |
Canon Log 3 HDR PQ |
8K กับ 6K
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง EOS R5 กับ EOS R3 ในแง่ของความสามารถในการถ่ายวิดีโอคือความละเอียดสูงสุด แล้ว 8K (EOS R5) หรือ 6K (EOS R3) แบบไหนดีกว่ากัน หากการถ่ายภาพแบบ 8K คือสิ่งสำคัญสำหรับคุณ EOS R5 เป็นตัวเลือกที่ชัดเจน แต่ในทางปฏิบัติ หลายคนจะพบว่าความละเอียด 4K ก็เพียงพอหากเราประเมินถึงสภาพแวดล้อมในการรับชมและการแสดงผลในปัจจุบัน
กล้องมีความสามารถในการถ่ายวิดีโอแบบ 4K ที่เท่ากัน คือ สูงสุดถึง 4K DCI 59.94/50.00 fps EOS R5 สามารถสุ่มด้วยความถี่สูงจาก 8K ขณะที่ EOS R3 สามารถสุ่มด้วยความถี่สูงจาก 6K แต่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันมากนัก นอกจากนี้ โดยทั่วไปกล้องยังมีความสามารถในการถ่ายภาพที่มีอัตราต่อเฟรมสูงที่เท่ากัน
แผนภาพข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของขนาดระหว่างความละเอียดของวิดีโอที่ต่างกัน โดยความละเอียด 8K จะให้รายละเอียดมาก และยังเปิดโอกาสให้ปรับแต่งภาพได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้นหากคุณสนใจที่จะแปลงภาพให้เป็น 4K ตัวอย่างเช่น คุณสามารถครอปภาพหรือทำเอฟเฟ็กต์การเปลี่ยนภาพแบบดิจิตอล เช่น การซูมเข้าและออก การเลื่อน และการแพนกล้องได้เพียงแค่ปรับแต่งวิดีโอที่มีอยู่แล้วเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว 6K จะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
โหมด Canon Log
สำหรับคุณสมบัติในการถ่ายวิดีโอ HDR กล้องทั้งสองรุ่นสามารถถ่ายวิดีโอในโหมด HDR PQ ได้เหมือนกัน แต่ EOS R3 จะรองรับเฉพาะ Canon Log 3 เท่านั้น ในขณะที่ EOS R5 รองรับได้ทั้ง Canon Log และ Canon Log 3
แม้จะเป็นเช่นนั้น Canon Log 3 ยังคงรักษาคุณสมบัติเฉพาะของ Canon Log ไว้ ทว่ามีช่วงไดนามิกเรนจ์ที่มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การมี Canon Log 3 ก็น่าจะเพียงพอ
ระยะเวลาการถ่ายวิดีโอ
สำหรับการบันทึกวิดีโอเป็นเวลานาน EOS R3 มีข้อได้เปรียบที่เห็นได้ชัดอย่างมาก กล้อง EOS R5 จะมีขีดจำกัดในการถ่ายวิดีโอที่ 30 นาที ในขณะที่กล้อง EOS R3 สามารถถ่ายวิดีโอได้อย่างต่อเนื่องสูงสุด 6 ชั่วโมง และถ่ายวิดีโอที่มีอัตราต่อเฟรมสูงได้สูงสุด 1 ชั่วโมง 30 นาที แม้ว่าเวลาในการถ่ายจริงจะขึ้นอยู่กับภาวะความร้อนสูงเกินไป แต่ EOS R3 ออกแบบมาเพื่อให้สามารถถ่ายวิดีโอได้นานยิ่งขึ้น
วิดีโอแบบ Timelapse
EOS R5 มีโหมด Timelapse Movie ที่สามารถสร้างวิดีโอแบบ Timelapse ความละเอียด 8K, 4K หรือ Full HD ภายในกล้องได้ แม้ EOS R3 จะไม่มีโหมดดังกล่าว แต่มาพร้อมตัวตั้งเวลาถ่ายภาพแบบหน่วงเวลาที่ช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพนิ่งแบบตั้งเวลาเป็นระยะได้โดยอัตโนมัติ จากนั้นนำภาพมาต่อเข้าด้วยกันเพื่อสร้างวิดีโอแบบ Timelapse ในระหว่างการปรับแต่งภาพ อย่างไรก็ตาม โหมด Timelapse Movie ในกล้อง EOS R5 ทำให้สิ่งต่างๆ สะดวกขึ้นมาก
ระบบความจริงเสมือนแบบใหม่ของ EOS
RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye (ฉบับภาษาอังกฤษ) คือเลนส์อันมีเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยเลนส์ฟิชอาย 180° สองชิ้นที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างวิดีโอ 3D VR แบบ 180° ได้อย่างง่ายดาย ขณะนี้รองรับเฉพาะ EOS R5 เท่านั้น ซึ่งความสามารถในการสร้างวิดีโอ 3D VR ความละเอียด 8K แบบ 180° นี้ช่วยปรับปรุงกระบวนการปรับแต่ง VR180 ได้อย่างมาก
สรุป: ความเร็วสูงกว่าหรือความละเอียดกว่าดี
แม้ว่า EOS R3 และ EOS R5 จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่กล้องทั้งสองรุ่นต่างมีความสามารถและคุณสมบัติที่แตกต่างและโดดเด่นกว่าอีกรุ่นหนึ่ง หากสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณขาดไม่ได้ การตัดสินใจก็จะง่ายขึ้น!
EOS R5…
- สามารถถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอที่มีความละเอียดสูงขึ้นได้ด้วยจำนวนพิกเซลที่มากขึ้น ซึ่งจะให้ความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นหากคุณจำเป็นต้องครอปภาพ
- รองรับ DPRAW ทำให้คุณปรับแต่งภาพได้อย่างละเอียดในกระบวนการปรับแต่ง ซึ่งสามารถทำได้โดยอาศัยข้อมูล DPRAW
ดังนั้น กล้องรุ่นนี้จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าหากกระบวนการปรับแต่งและการรีทัชคือส่วนสำคัญในขั้นตอนการทำงานของคุณ
EOS R3…
- มีความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงที่เร็วขึ้น
- รองรับความเร็วชัตเตอร์สูงเป็นพิเศษ
- มีความสามารถด้านความไวแสง ISO ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
คุณสมบัติดังกล่าวทำให้กล้องรุ่นนี้เหมาะสำหรับการจับภาพช่วงเวลาสำคัญ หากสไตล์การถ่ายภาพของคุณมักวนเวียนอยู่กับการบันทึกภาพวินาทีสำคัญที่เกิดขึ้นตรงหน้า EOS R3 ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วนี้จะเป็นตัวเลือกที่ดี
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
EOS R3 กับ EOS-1D X Mark III: ควรตัดสินใจเลือกอย่างไร
EOS R5 หรือ EOS R6: 5 ข้อแตกต่างสำคัญที่ควรทราบ
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!