ทำไมกล้อง EOS R5 ถึงเป็นกล้องในอุดมคติสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ของผม
Toshiki Nakanishi ช่างภาพทิวทัศน์ธรรมชาติได้ทดลองใช้กล้อง EOS R5 และพบว่านี่คือจุดเปลี่ยน เขาจะมาเล่าให้ฟังว่ากล้องรุ่นนี้ช่วยยกระดับการถ่ายภาพของเขาขึ้นไปอีกขั้นได้อย่างไร (เรื่องโดย: Toshiki Nakanishi, Digital Camera Magazine)
EOS R5/ RF15-35mm f/2.8L IS USM/ FL: 15 มม. / Flexible-priority AE (f/11, 1/160 วินาที, EV ±0)/ ISO 400/ WB: แสงแดด
#1. การปรับความคมชัดเพื่อใช้ประโยชน์จากความละเอียด 45 ล้านพิกเซลได้อย่างเต็มที่
หนึ่งในข้อดีที่สำคัญที่สุดของระบบ EOS R ก็คือกำลังการแยกรายละเอียดภาพอันยอดเยี่ยมของเลนส์ RF และเมื่อสามารถจับภาพรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงผ่านเลนส์ด้วยเซนเซอร์ภาพความละเอียดสูงเป็นพิเศษอย่างเลนส์ของกล้อง EOS R5 คุณจะได้ภาพทิวทัศน์ธรรมชาติที่คมชัดขึ้นและความละเอียดที่มากขึ้นกว่าที่เคย
ปรับความคมชัดในกล้องได้ทันที
ในฐานะช่างภาพทิวทัศน์ ผมพยายามตามหาความละเอียดที่คมชัดยิ่งขึ้นอยู่เสมอ ถ้าคุณเป็นเหมือนกับผม คุณจะหลงรักคุณสมบัติการปรับความคมชัดแบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในเมนู SHOOT ของกล้อง EOS R5 ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมความคมชัดของเส้นริ้วบางๆ และรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้นพร้อมรักษารายละเอียดคมชัดที่แสดงผ่านเลนส์ RF
ผมมักจะปรับความคมชัดในกระบวนการปรับแต่งภาพอยู่บ่อยๆ และเป็นเรื่องน่าดีใจที่ผมสามารถทำแบบนี้ได้ในกล้องขณะที่ถ่ายภาพ ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการที่สามารถทำให้ภาพถ่ายดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในทันที
เอฟเฟ็กต์การเปลี่ยนแปลงความคมชัด
การเปลี่ยนแปลงระดับเอฟเฟ็กต์ความคมชัดเพียง 1 จุดสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก การเพิ่มระดับเอฟเฟ็กต์มากเกินไปจะทำให้ภาพถ่ายดูหยาบ ในขณะที่การลดระดับเอฟเฟ็กต์ลงมากเกินไปจะทำให้ภาพดูนุ่มนวล สำหรับภาพถ่ายที่อยู่ตอนต้นบทความนี้ ผมได้เลือกระดับเอฟเฟ็กต์เป็น “+2” เลือกระดับเอฟเฟ็กต์ที่เหมาะสมกับฉากที่สุด
เคล็ดลับ: ปรับแต่งการตั้งค่ารูปแบบภาพเพื่อทำให้ภาพถ่ายดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ผมชอบที่จะทำให้ภาพถ่ายดูสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ขณะที่ผมยังอยู่ในบริเวณสถานที่ถ่ายภาพ และการปรับแต่งการตั้งค่ารูปแบบภาพช่วยได้ในเรื่องนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการปรับความคมชัดด้วย!
โดยปกติผมจะใช้รูปแบบภาพ (มาตรฐาน) แต่จะเพิ่มความเปรียบต่างและความอิ่มตัวของสีเป็น +1 ซึ่งส่งผลให้เกิดสีสันที่เด่นชัดขึ้นและแยกบริเวณที่มืดกับสว่างได้ดียิ่งขึ้น ในบางฉาก ผมยังเพิ่มความเข้มและความละเอียดในการตั้งค่าความคมชัดเป็น +1 เพื่อปรับความละเอียดให้ดีขึ้น
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: เทคนิคในการใช้รูปแบบภาพเพื่อยกระดับการถ่ายภาพทิวทัศน์
#2: อิสระแบบใหม่ มุมใหม่ๆ ด้วย IS ในตัวและจอภาพแบบปรับหมุนได้
EOS R5/ RF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 91 มม. / Flexible-priority AE (f/4, 1/1,250 วินาที, EV ±0)/ ISO 200/ WB: แสงแดด
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัว (IS ในตัว) ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการถ่ายภาพของผมไปโดยสิ้นเชิง เมื่อก่อนผมใช้ขาตั้งกล้องช่วยในการถ่ายภาพอย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อได้ใช้กล้อง EOS R5 แล้ว ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาถ่ายภาพจำนวนเท่ากันโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง อิสระในการควบคุมกล้องที่มากขึ้นด้วยจอภาพแบบปรับหมุนได้ ทำให้ผมรู้สึกมีแรงบันดาลใจยิ่งขึ้นที่จะออกสำรวจและถ่ายภาพทิวทัศน์จากมุมที่แปลกใหม่กว่าเดิม
ฉากเดิม มุมมองใหม่
การถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้องช่วยให้คุณมีอิสระในการเคลื่อนไหวไปมาและลองถ่ายภาพจากมุมต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบที่อาจทำไม่ได้เมื่อใช้ขาตั้งกล้อง ซึ่งทำให้การถ่ายภาพน่าตื่นเต้นกว่าเดิม
ระดับต่ำ
ระดับสายตา
หากต้องการความช่วยเหลือในการค้นหามุมมองใหม่ๆ อ่านได้ที่:
วิธีเมทริกซ์: เพิ่มความหลากหลายให้ภาพถ่ายของคุณด้วยวิธีการที่เป็นระบบ
การจับคู่อันทรงพลัง: EOS R5 กับ RF28-70mm f/2L USM
ผมซื้อเลนส์ RF28-70mm f/2L USM มาพร้อมกับกล้อง EOS R ตั้งแต่เลนส์รุ่นนี้ออกวางจำหน่ายครั้งแรก และเป็นหนึ่งในเลนส์ตัวโปรดของผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา IS ในตัวของกล้อง EOS R5 ทำให้สามารถใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวได้ขณะใช้เลนส์ จึงเพิ่มโอกาสในการใช้งานเวลาออกนอกสถานที่ ยิ่งไปกว่านั้น กล้อง EOS R5 ยังใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากความละเอียดและความคมชัดอันยอดเยี่ยมของเลนส์รุ่นนี้ เลนส์และกล้องคู่นี้จะเป็นการจับคู่ที่น่าประทับใจ
#3: EVF—มองเห็นภาพถ่ายมีชีวิต
EOS R5/ EF100-400mm f/4.5-5.6L IS USM/ FL: 220 มม. / Flexible-priority AE (f/11, 1/160 วินาที, EV ±0)/ ISO 200/ WB: แสงแดด
ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) ความละเอียดสูงเป็นพิเศษ 5.76 ล้านจุดช่วยยกระดับการมองเห็นสิ่งต่างๆ ผ่านช่องมองภาพขึ้นไปอีกขั้น ผมสามารถมองเห็นรายละเอียดของเงาได้ในระดับที่ไม่เคยทำได้มาก่อนแม้ในฉากย้อนแสง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ถ่ายภาพได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังช่วยจุดประกายแนวทางใหม่ๆ ในการจัดเฟรมภาพ
หากคิดว่าการมองผ่าน EVF จะทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ EVF ของกล้อง EOS R5 อาจทำให้คุณต้องเปลี่ยนใจ
ใครที่คิดว่าภาพที่เห็นจาก EVF ดูไม่เป็นธรรมชาติควรได้ลองใช้ EVF ของกล้อง EOS R5 ข้อดีที่โดดเด่นอยู่ตรงที่การแสดงภาพตัวอย่างด้วยความละเอียดสูงเป็นพิเศษ
EOS R5/ RF15-35mm f/2.8L IS USM/ FL: 20 มม. / Flexible-priority AE (f/16, 1/80 วินาที, EV ±0)/ ISO 1000/ WB: แสงแดด
ฉากย้อนแสงที่มีดวงอาทิตย์อยู่ในเฟรมภาพ ภาพที่มองเห็นผ่าน EVF มีความคมชัดมากจนถึงขนาดที่ว่าถ้าหากเช็คระยะชัด คุณจะสามารถดูได้แม้กระทั่งตัวอย่างภาพแฉกแสงก่อนที่จะลั่นชัตเตอร์
ตรวจเช็คระยะชัดได้อย่างง่ายดาย
ปุ่มที่อยู่ใต้เลนส์ทางด้านขวามือนี้ถูกตั้งไว้ให้เป็นปุ่มเช็คระยะชัดลึกตามค่าเริ่มต้นโดยไม่จำเป็นต้องตั้งค่าใดๆ เพิ่มเติม ซึ่งทำให้เข้าถึงได้ง่ายระหว่างถ่ายภาพด้วย EVF
กดปุ่มเช็คระยะชัดลึกเพื่อดูว่าภาพแฉกแสงที่ออกมาจะมีลักษณะเป็นอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้คุณควบคุมภาพที่ออกมาได้ดียิ่งขึ้น
ข้อควรรู้: โหมด Fv จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นขณะถ่ายภาพทิวทัศน์
โหมด Flexible-priority AE (โหมด Fv) เป็นโหมดที่เหมือนใครอย่างแท้จริง คุณสามารถใช้โหมดนี้เหมือนกับโหมดตั้งค่าระดับแสงด้วยตนเอง (Manual exposure) ในบางฉาก และในฉากอื่นๆ ก็สามารถใช้งานได้เหมือนกับโหมดอัตโนมัติ บางคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจเพราะโหมดนี้ถือเป็นความแปลกใหม่อย่างมาก แต่ปัจจุบันผมใช้โหมดนี้ในการถ่ายภาพทุกครั้ง โหมดนี้ทำให้ผมสามารถเลือกได้ว่าจะควบคุมการตั้งค่าการเปิดรับแสงด้วยตัวเองหรือจะปล่อยให้กล้องเป็นตัวควบคุมได้อย่างง่ายดาย และช่วยเติมเต็ม EVF ได้อย่างลงตัว
ฉากที่ 1: ควบคุมความสว่าง เหมือนในโหมด Av
ฉากที่ 2: ควบคุมความเร็วชัตเตอร์ เหมือนในโหมด Tv
การที่สามารถควบคุมการตั้งค่าการเปิดรับแสงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายในขณะที่ให้กล้องคอยจัดการกับสิ่งที่เหลือทำให้ผมได้ภาพถ่ายดีๆ จำนวนมากยิ่งขึ้น
ความประทับใจโดยรวม: “กล้องมิเรอร์เลสในอุดมคติสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ของผม”
เลย์เอาต์ปุ่มใช้งานสะดวก สามารถหาปุ่มต่างๆ ได้อย่างง่ายดายแม้อยู่ในที่มืด
เป็นกล้องที่นำเอาข้อดีต่างๆ ของกล้องมิเรอร์เลสมาผสานเข้ากับสิ่งที่ดีที่สุดของกล้องซีรีย์ EOS 5D ในระดับที่สูงมากๆ ซึ่งนั่นคือความประทับใจของผมที่มีต่อกล้อง EOS R5
สิ่งแรกที่ทำให้ผมประทับใจคือเลย์เอาต์ปุ่ม ซึ่งใช้งานสะดวกมาก ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าได้ใช้กล้องตัวนี้มาหลายปีแล้ว ปุ่มที่คุณต้องการใช้ถูกวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะมือที่สุด แต่ยังคงความเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ส่วนที่นูนขึ้นมาทำให้ความรู้สึกในการสัมผัสต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ซึ่งช่วยให้การหาปุ่มต่างๆ ขณะถ่ายภาพในที่มืดเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้นเพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัส
EVF ที่ทำให้คุณลืม OVF ไปได้เลย
ผมได้อธิบายข้อดีของ EVF ของกล้อง EOS R5 ไว้ในประเด็นที่ 3 แล้ว ตราบเท่าที่ยังให้ความสำคัญในเรื่องความคมชัดและการมองเห็นที่สะดวกสบาย EVF ของกล้อง EOS R5 ถือว่าล้ำสมัยมากจนต้องนึกสงสัยว่ายังจำเป็นต้องพึ่งช่องมองภาพแบบออพติคอลอยู่ไหม เมื่อได้ใช้ EVF ทำให้ผมตระหนักได้ว่าคุณจะไม่มีทางมองเห็นโลกอีกด้านได้เลยหากปราศจากเจ้าสิ่งนี้!
ความละเอียดสูงเป็นพิเศษที่คุณใช้ได้แม้ขณะถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง
ภาพต่างๆ ข้างต้นได้แสดงให้เห็นสิ่งที่ผมต้องพูดไปหมดแล้วในเรื่องของกำลังในการแยกรายละเอียดภาพและความคมชัดอันยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่ทำให้กล้องรุ่นนี้พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ความสามารถในการใช้คุณสมบัติเหล่านี้แม้กระทั่งขณะถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ระบบป้องกันภาพสั่นไหวเทียบเท่าความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 8 สต็อปได้เปลี่ยนแปลงสไตล์การถ่ายภาพของผม และผมรู้สึกมั่นใจในการถ่ายภาพส่วนใหญ่โดยไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้อง ผมคิดว่าที่สามารถทำแบบนี้ได้เพราะระบบ EOS R นั้นสมบูรณ์แบบมากๆ
สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่ากล้องนั้นจะเปลี่ยนแนวทางการถ่ายรูปของคุณอย่างไร
กล้อง EOS R5 อาจเพียบพร้อมไปด้วยทุกคุณสมบัติที่ช่างภาพต่างใฝ่หา แต่ผมรู้สึกว่าเราไม่ควรเอาแต่ตามไขว่คว้าการอัปเกรดหรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเท่านั้น ในทางกลับกัน เราควรมองว่าอุปกรณ์ใหม่แต่ละชิ้นนั้นช่วยเติมเต็มจินตนาการให้กับผลงานของเราได้อย่างไร และหากมองในมุมนั้น กล้อง EOS R5 จะสามารถครองใจคุณได้อย่างแน่นอน เหมือนกับที่มันได้ครองใจผมไปแล้ว มันเป็นกล้องมิเรอร์เลสในอุดมคติสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ ผมคิดว่าตอนนี้คงได้เวลาปลดประจำการกล้อง DSLR ของผมแล้ว
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้อง EOS R5 ได้ที่:
EOS R5: มิติใหม่ของโลกแห่งการถ่ายภาพวิดีโอ
ดูเคล็ดลับการถ่ายภาพทิวทัศน์จาก Toshiki Nakanishi เพิ่มเติมได้ที่:
ภาพทิวทัศน์ที่มีท้องฟ้าสไตล์มินิมัลลิสต์
การจัดแสงธรรมชาติ: แสงส่องเป็นแนวบนป่าในฤดูใบไม้ร่วง
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!เกี่ยวกับผู้เขียน
นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation
เกิดปี 1971 ในโอซาก้า หลังจากศึกษาการถ่ายภาพด้วยตัวเอง Nakanishi ย้ายสถานที่ดำเนินกิจกรรมถ่ายภาพของตนไปยังเมือง Biei ที่อำเภอ Kamikawa-gun ในฮอกไกโด นอกจากถ่ายภาพทิวทัศน์ที่โฟกัสที่แสงเป็นหลักแล้ว เขายังสร้างสรรค์ผลงานที่เน้นถึงความงามของธรรมชาติในจินตนาการอีกด้วย เขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้า PHOTO OFFICE ของ atelier nipek