ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด บทวิจารณ์และการเปรียบเทียบกล้อง EOS R และเลนส์ RF- Part

EOS R6 Mark II กับ EOS R8: เลือกใช้กล้องรุ่นไหนดี

2023-08-11
2
2.12 k

EOS R6 Mark II และ EOS R8 มีข้อมูลจำเพาะที่คล้ายกันหลายอย่าง เช่น เซนเซอร์ภาพ CMOS แบบฟูลเฟรมความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องสูงสุดอันน่าทึ่งถึง 40 fps และความสามารถในการถ่ายวิดีโอที่แทบจะเหมือนกัน แต่เงินที่ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้เพื่อคุณสมบัติพิเศษในกล้อง EOS R6 Mark II จะคุ้มค่าหรือไม่ ในบทความนี้ เราจะมาดูความแตกต่างหลักๆ ระหว่างกล้องทั้งสองรุ่นกัน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่ากล้องรุ่นใดเหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด

ในบทความนี้:

 

ทบทวนความจำ: กล้อง EOS R6 Mark II และ EOS R8 มีอะไรเหมือนกันบ้าง

- เซนเซอร์ภาพ CMOS แบบฟูลเฟรมความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล
- เมาท์ RF ของ Canon
- ถ่ายต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 40 fps (โหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์)
- ระบบประมวลผลภาพ DIGIC X
- อินเทอร์เฟซของ AF แบบเดียวกับที่ใช้ในกล้อง EOS R3
- คุณสมบัติ AF เหมือนกัน รวมถึงโหมดพื้นที่ AF และตัวแบบที่สามารถตรวจจับได้
- Movie Digital IS พร้อมคุณสมบัติการแก้ไขระดับความเอียง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังคงเป็นกล้องคนละรุ่นกันและมีราคาในระดับที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือข้อแตกต่างหลักๆ ของกล้องทั้งสองรุ่น คลิกที่ลิงก์เพื่อข้ามไปยังแต่ละหัวข้อ

1. ขนาดและน้ำหนัก
2. ระบบป้องกันภาพสั่นไหว
3. ช่องใส่การ์ด
4. โหมดชัตเตอร์
5. วิดีโอ RAW
6. อายุแบตเตอรี่
7. เวลาการบันทึกวิดีโอต่อเนื่องสูงสุด
8. กลไกป้องกันเซนเซอร์
9. ช่องมองภาพ
10. รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ
11. ตาราง: สรุปข้อแตกต่าง

 

ข้อแตกต่างที่ 1: ขนาดและน้ำหนัก

EOS R8 มีขนาดเล็กกว่าและเบากว่า แต่การที่กล้อง EOS R6 Mark II มีน้ำหนักมากกว่านั้นก็มีเหตุผลที่ดีเช่นกัน

ด้วยน้ำหนักประมาณ 461 กรัม (เฉพาะตัวกล้อง) รวมแบตเตอรี่และสื่อหน่วยความจำ กล้อง EOS R8 จึงเบากว่า EOS R6 Mark II ที่มีน้ำหนัก 670 กรัม อยู่ถึง 200 กรัม จึงถือเป็นกล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรมที่เบาที่สุดของ Canon ในปัจจุบันและมีขนาดเล็กกว่า EOS R6 Mark II

กล้อง ขนาด (กว้าง x สูง x ลึก)
EOS R6 Mark II 138.4 x 98.4 x 88.4 มม.
EOS R8 133 x 86 x 70 มม.

คุณจะรู้สึกได้ถึงขนาดและน้ำหนักที่แตกต่างกัน หากมือของคุณมีขนาดเล็ก เมื่อใช้เลนส์บางรุ่น คุณอาจพบว่าตนเองถือกล้อง EOS R8 ให้มั่นคงและใช้งานด้วยมือข้างเดียวได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับ EOS R6 Mark II หากใช้เลนส์รุ่นเดียวกัน


ข้อควรรู้: ส่วนต่อขยายกริป EG-E1 สำหรับ EOS R8

ส่วนต่อขยายกริป EG-E1 ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 86 กรัม จะช่วยเพิ่มขนาดให้ส่วนกริปของกล้อง EOS R8 ได้ราว 15 มม. ส่วนต่อขยายนี้จะทำให้กริปมีความสูงเพิ่มขึ้นเป็น 101.1 มม. ซึ่งใกล้เคียงกับความสูงกริปของกล้อง EOS R6 Mark II แม้ส่วนต่อขยายกริปนี้จะทำให้กล้องมีน้ำหนักรวมที่ประมาณ 547 กรัม แต่ก็ยังคงเบากว่า EOS R6 Mark II


ข้อควรพิจารณา:

หากเป็นเรื่องของความคล่องตัว EOS R8 จะมีข้อได้เปรียบมากกว่า แต่กล้อง EOS R6 Mark II มีคุณสมบัติอื่นๆ อีกที่ช่วยยกระดับความสะดวกสบาย ความน่าเชื่อถือ และประสบการณ์ถ่ายภาพของคุณได้ ซึ่งได้แก่:

- ระบบ IS ในตัวกล้อง
- ช่องใส่การ์ดแบบคู่
- ชัตเตอร์กล
- หน้าจอ EVF ที่ใหญ่กว่า
- กลไกการเลื่อนชัตเตอร์ลงเมื่อถอดเลนส์ออก

เราจะมาดูรายละเอียดของคุณสมบัติเหล่านี้กันในส่วนถัดไปของบทความ

 

ข้อแตกต่างที่ 2: ระบบป้องกันภาพสั่นไหว

EOS R6 Mark II มีระบบ IS ในตัวกล้อง คุณสมบัตินี้่สร้างความแตกต่างได้มากเพียงใด


การถ่ายภาพนิ่ง: ความแตกต่างที่ชัดเจน

EOS R6 Mark II ระบบ IS ในตัวกล้อง ระบบ IS ในเลนส์ ระบบ IS แบบประสานการควบคุม
EOS R8
-
ระบบ IS ในเลนส์
-

EOS R6 Mark II มีกลไกการป้องกันภาพสั่นไหวชนิดใช้การขยับเซนเซอร์ภายในตัวกล้อง (ระบบ IS ในตัวกล้อง) ซึ่งจะทำให้เซนเซอร์ภาพขยับเพื่อชดเชยการสั่นของกล้องตามแนวแกนทั้ง 5 ด้วยคุณสมบัตินี้ คุณจะมี:

  •  ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแม้จะใช้เลนส์ที่ไม่มีระบบ IS แบบออพติคอล (ระบบ IS ในเลนส์)
    เช่น: RF50mm f/1.8 STM,  RF50mm f/1.2L USM
  • ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นของระบบป้องกันภาพสั่นไหวเมื่อใช้เลนส์รุ่นที่เข้ากันได้และมีระบบ IS แบบออพติคอลโดยอาศัยการประสานการควบคุมของระบบ IS ภายในตัวกล้องและภายในเลนส์ (ระบบ IS แบบประสานการควบคุม) 
    ตัวอย่าง: ประสิทธิภาพของระบบ IS ในเลนส์ RF24-105mm f/4L IS USM เพิ่มขึ้นจากเทียบเท่า 5 สต็อปเป็น 8 สต็อปเมื่อใช้กล้อง EOS R6 Mark II

สำหรับ EOS R8 คุณจะต้องใช้เลนส์ที่มีระบบ IS แบบออพติคอลเพื่อให้สามารถใช้งานระบบป้องกันภาพสั่นไหวได้ขณะถ่ายภาพนิ่ง


การถ่ายวิดีโอ: มีความแตกต่างน้อยกว่า

EOS R6 Mark II ระบบ IS ในตัวกล้อง ระบบ IS ในเลนส์ Movie Digital IS + การแก้ไขระดับความเอียง
EOS R8
-
ระบบ IS ในเลนส์ Movie Digital IS + การแก้ไขระดับความเอียง

ทั้ง EOS R6 Mark II และ EOS R8 ต่างก็มีระบบ Movie Digital IS ที่สามารถแก้ไขการสั่นของกล้องตามแนวแกนทั้ง 5 แบบดิจิทัลได้ นอกจากนี้ กล้องทั้งสองรุ่นยังมีคุณสมบัติการแก้ไขระดับความเอียง (เปอร์สเปคทีฟ) ที่สามารถแก้ไขการสั่นไหวที่เกิดขึ้นตรงขอบภาพได้ ซึ่งการสั่นไหวนี้จะชัดเจนขึ้นเมื่อบันทึกภาพเซลฟี่โดยใช้เลนส์มุมกว้าง

อย่างไรก็ตาม ระบบ IS ในตัวกล้องจะทำงานร่วมกับระบบ Movie Digital IS และระบบ IS แบบออพติคอลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันภาพสั่นไหว ซึ่งอาจเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับผู้ที่ถ่ายวิดีโอโดยไม่ใช้ขาตั้งบ่อยๆ ในระหว่างออกนอกสถานที่

 

ข้อแตกต่างที่ 3: ช่องใส่การ์ด

ช่องใส่การ์ดแบบคู่นับว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้งานในระดับมืออาชีพ

ช่องใส่การ์ด SD แบบสองช่องในกล้อง EOS R6 Mark II มีประโยชน์มากมาย เช่น

- สำรองข้อมูลได้ทันทีหากการ์ดหน่วยความจำหนึ่งเกิดการล้มเหลว ในสถานการณ์สำคัญที่ไม่สามารถถ่ายภาพใหม่ได้ เช่น งานแต่งงาน งานอีเวนต์ และการแข่งขันกีฬา
- ความสามารถในการบันทึกภาพนิ่งและวิดีโอลงบนการ์ดคนละใบ คุณสมบัตินี้จะทำให้ช่างภาพแบบไฮบริดมีขั้นตอนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

EOS R8 มีช่องใส่การ์ด SD หนึ่งช่องที่รวมอยู่ในช่องบรรจุแบตเตอรี่ หากคุณต้องใช้ขาตั้งกล้องบ่อยๆ ควรทราบด้วยว่า ช่องบรรจุนี้อาจเข้าถึงได้ยากเมื่อใช้ฐานขาตั้งกล้องขนาดใหญ่

 

ข้อแตกต่างที่ 4: โหมดชัตเตอร์

ความเร็ว เอฟเฟ็กต์ Rolling Shutter และข้อควรพิจารณาอื่นๆ

EOS R6 Mark II และ EOS R8 มีความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องสูงสุดเท่ากันที่สูงสุด 40 fps เมื่อใช้ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์อาจไม่เหมาะสำหรับสถานการณ์ต่อไปนี้เท่าใดนัก:

- เมื่อจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงความบิดเบี้ยวจากเอฟเฟ็กต์ Rolling Shutter
- ขณะใช้แฟลช
- ถ่ายภาพโดยใช้แสงเทียม (เมื่อโหมด Anti-flicker ไม่สามารถใช้งานได้)

ในขณะที่ทางเลือกเพียงอย่างเดียวของ EOS R8 คือโหมดม่านชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์แรก (EFCS) แต่กล้อง EOS R6 Mark II ยังมีตัวเลือกอื่นอีก นั่นคือชัตเตอร์กลแบบดั้งเดิม

ในโหมดทางเลือกเหล่านี้ EOS R6 Mark II จะมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องและความเร็วสูงสุดของชัตเตอร์ที่มากกว่า

  EOS R6 Mark II EOS R8
ชัตเตอร์กล สูงสุด 12 fps ไม่มี
ชัตเตอร์ม่านอิเล็กทรอนิกส์แรก สูงสุด 6 fps
ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/8000 วินาที 1/4000 วินาที

ข้อควรพิจารณา:

หากคุณต้องถ่ายภาพตัวแบบที่มีการเคลื่อนไหวเร็วอยู่บ่อยครั้งและต้องการหลีกเลี่ยงความบิดเบี้ยวจากเอฟเฟ็กต์ Rolling Shutter กล้อง EOS R6 Mark II จะเป็นตัวเลือกที่คุณวางใจได้มากกว่า นอกจากนี้ ความเร็วชัตเตอร์สูงสุดที่เร็วจะเป็นประโยชน์เมื่อใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่ในการสร้างเอฟเฟ็กต์โบเก้ภายใต้สภาวะที่มีแสงจ้า

 

ข้อแตกต่างที่ 5: เอาต์พุตวิดีโอ RAW

ข้อมูลมากขึ้น ความเป็นไปได้จึงมากขึ้น

EOS R6 Mark II และ EOS R8 มีโหมดและคุณสมบัติต่างๆ ในการบันทึกวิดีโอที่คล้ายกัน ซึ่งได้แก่

- วิดีโอ 4K Oversampled จาก 6K แบบไม่ครอปภายในกล้อง
- โหมด Canon Log 3 และ HDR PQ
- การบันทึกด้วยอัตราเฟรมสูงที่ 180p
- การแสดงเส้นลายทางและสีเพี้ยน

อย่างไรก็ตาม EOS R6 Mark II จะรองรับการบันทึกวิดีโอภายนอก RAW แบบ 6K ผ่าน HDMI ในขณะที่ EOS R8 ไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับไฟล์ภาพนิ่งแบบ RAW วิดีโอแบบ RAW จะเก็บข้อมูลสีไว้ได้มากกว่า จึงให้ความยืดหยุ่นที่มากกว่าในกระบวนการตัดต่อเมื่อเทียบกับเอาต์พุดแบบ MP4 ตามปกติ

ข้อควรพิจารณา:

ฮาร์ดแวร์และขั้นตอนการทำงานในกระบวนการตัดต่อของคุณ ไฟล์วิดีโอ RAW มีขนาดใหญ่กว่าและจำเป็นต้องผ่านการประมวลผลเพื่อให้มองเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่าง

 

ข้อแตกต่างที่ 6: อายุแบตเตอรี่

EOS R6 Mark II สามารถใช้งานได้กับแบตเตอรี่กริป BG-R10

EOS R6 Mark II ใช้แบตเตอรี่ LP-E6NH ซึ่งมีความจุสูงกว่า ในขณะที่ EOS R8 ใช้รุ่น LP-E17 ซึ่งมีความจุประมาณครึ่งหนึ่ง ความแตกต่างของความจุแบตเตอรี่จะส่งผลต่อจำนวนภาพสูงสุดที่คุณสามารถถ่ายได้  ตารางด้านล่างแสดงจำนวนภาพสูงสุดที่คุณสามารถถ่ายได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งในโหมด Smooth*

  EOS R6 Mark II EOS R8
EVF ประมาณ 320 ภาพ ประมาณ 150 ภาพ
หน้าจอด้านหลัง ประมาณ 580 ภาพ ประมาณ 290 ภาพ

*ที่อุณหภูมิ 23 องศาเซลเซียส จำนวนภาพที่สามารถถ่ายได้จริงอาจแตกต่างกันมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและสภาวะการถ่ายภาพ


แบตเตอรี่กริป

EOS R6 Mark II ใช้งานได้กับ แบตเตอรี่กริป BG-R10ซึ่งสามารถใส่แบตเตอรี่ได้สองก้อนเพื่อเพิ่มเวลาที่คุณสามารถถ่ายภาพได้เป็นสองเท่า นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบมาให้มีสรีระที่ช่วยให้ถ่ายภาพในแนวตั้งได้อย่างง่ายดาย แต่กล้อง EOS R8 ไม่มีแบตเตอรี่กริปรุ่นใดที่สามารถใช้ได้


ข้อควรพิจารณา:

1. โดยเฉลี่ย คนส่วนใหญ่จะถ่ายภาพไม่เกิน 200 ภาพต่อวันในขณะเดินทางท่องเที่ยว
2. กล้องทั้งสองรุ่นรองรับการจ่ายไฟและการชาร์จผ่าน USB-C ดังนั้น คุณจึงสามารถเตรียมตัวให้พร้อมได้โดยการพกพาพาวเวอร์แบงค์และสาย USB-C ที่เข้ากันได้ติดตัวไว้

เคล็ดลับ: สำหรับผู้ที่ต้องการอัปเกรดหรือใช้กล้องหลายรุ่น
หากกล้องที่คุณมีอยู่ใช้แบตเตอรี่ที่เข้ากันได้กับ EOS R6 Mark II/ EOS R8 คุณจะมีแบตเตอรี่สำรองพร้อมใช้งานอยู่แล้ว

EOS R6 Mark II (LP-E6NH):
EOS R5, EOS R6, EOS R7
LP-E6N รุ่นเก่า (อายุแบตเตอรี่สั้นกว่า ฟังก์ชั่นจำกัด): EOS R, EOS 5D Mark IV

EOS R8 (LP-E17)
EOS RP, EOS M6 Mark II, EOS 77D, EOS 850D, EOS 200D II และกล้อง EOS DSLR ระดับกลางรุ่นอื่นๆ อีกมากมาย

 

ข้อแตกต่างที่ 7: เวลาการบันทึกวิดีโอต่อเนื่องสูงสุด

สำหรับโครงการที่ต้องบันทึกวิดีโอต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ในทางปฏิบัติ การบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดและอัตราเฟรมสูงสุดจะทำให้ทรัพยากรต่างๆ ต้องรับภาระมากขึ้นเนื่องจากปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้น และกล้องอาจหยุดการบันทึกได้เนื่องจากข้อจำกัดเมื่อเกิดความร้อนสูง การทดสอบของ Canon แสดงให้เห็นเวลาการบันทึกต่อเนื่องสูงสุดดังนี้เมื่อไม่ได้นำปัจจัยเรื่องอายุแบตเตอรี่มาพิจารณา:

  EOS R6 Mark II EOS R8
4K 59.94/50.00 fps (ไม่ครอป) ประมาณ 40 นาที ประมาณ 30 นาที
4K 59.94/50.00 fps (ครอป) ประมาณ 50 นาที ไม่จำกัด
4K 29.97/ 25.00 fps ไม่จำกัด ไม่จำกัด

หากไม่ได้พิจารณาถึงข้อจำกัดของอายุแบตเตอรี่และการเกิดความร้อนสูง EOS R6 Mark II สามารถบันทึกต่อเนื่องได้สูงสุด 6 ชั่วโมง ในขณะที่ EOS R8 สามารถบันทึกได้สูงสุด 2 ชั่วโมง

 

ข้อแตกต่างที่ 8: กลไกป้องกันเซนเซอร์

กล้อง EOS R6 Mark II มีกลไกการเลื่อนชัตเตอร์ลงเพื่อช่วยปกป้องเซนเซอร์ภาพในขณะที่ถอดเลนส์ออก คุณสมบัตินี้จะทำให้คุณวางใจได้มากขึ้นหากต้องเปลี่ยนเลนส์บ่อยๆ เมื่ออยู่กลางแจ้งหรือในสภาวะที่มีฝุ่นมาก

 

ข้อแตกต่างที่ 9: ช่องมองภาพ

สำหรับผู้ที่ใช้ EVF เป็นประจำ

EVF 0.5 นิ้ว ความละเอียด 3.69 ล้านจุดในกล้อง EOS R6 Mark II มีขนาดใหญ่กว่า EVF 0.39 นิ้ว 2.36 ล้านจุดในกล้อง EOS R8  จึงให้ประสบการณ์การมองเห็นที่ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการการปรับโฟกัสที่แม่นยำ

 

ข้อแตกต่างที่ 10: รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ

ปุ่มต่างๆ และระบบควบคุม

กล้องทั้งสองรุ่นใช้รูปแบบการจัดวางปุ่มด้านบนที่แทบจะเหมือนกันโดยมีสวิตช์โหมดถ่ายภาพ/วิดีโออยู่ทางด้านซ้าย วงแหวน Quick Control อยู่ร่วมกับสวิตช์เปิด/ปิด และมีวงแหวนหลักอยู่ด้านหลังปุ่มชัตเตอร์ ความแตกต่างหลักๆ ในระบบควบคุมจะอยู่ที่แผงด้านหลัง ซึ่งกล้อง EOS R6 Mark II ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าได้รวดเร็วขึ้น

1. Multi-controller
EOS R6 Mark II มี Multi-controller ("จอยสติ๊ก") ที่สามารถเคลื่อนย้ายพื้นที่/จุด AF ขณะถ่ายภาพผ่านช่องมองภาพได้อย่างง่ายดาย

2. วงแหวน Quick Control เทียบกับปุ่ม 4 ทิศทาง
วงแหวน Quick Control ด้านหลังของกล้อง EOS R6 Mark II ช่วยให้คุณสับเปลี่ยนตัวเลือกต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่กล้อง EOS R8 จะใช้ปุ่ม 4 ทิศทางแทน


3. EOS R6 Mark II มี ปุ่มแสดงตัวอย่าง "ระยะชัดลึก" อยู่ที่ด้านหน้า เช่นเดียวกับกล้อง EOS DSLR และยังสามารถกำหนดให้ปุ่มเหล่านี้ควบคุมระบบส่วนตัวอื่นๆ ได้

Wi-Fi
หากคุณใช้ Wi-Fi ในการถ่ายโอนไฟล์จากกล้องของคุณ คุณสมบัติที่สามารถรองรับ 5Ghz ในกล้อง EOS R6 Mark II จะช่วยให้คุณถ่ายโอนไฟล์ได้เร็วกว่า

 

ตาราง: สรุปข้อแตกต่างหลักๆ

  EOS R6 Mark II EOS R8
น้ำหนัก
(โดยประมาณ เฉพาะตัวกล้องพร้อมการ์ดและแบตเตอรี่)
670 ก. 461 ก.
ระบบ IS ในตัวกล้อง มี ไม่มี
ช่องใส่การ์ด การ์ด SD 2 อัน การ์ด SD 1 อัน
แบตเตอรี่ LP-E6NH (2130 mAh) LP-E17 (1040 mAh)
โหมดชัตเตอร์ กล
ม่านอิเล็กทรอนิกส์แรก (EFCS)
อิเล็กทรอนิกส์
ม่านอิเล็กทรอนิกส์แรก (EFCS)
อิเล็กทรอนิกส์
ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องสูงสุด
(ไม่รวมโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์)
12 fps
(กล, EFCS)
6 fps
(EFCS)
กลไกเลื่อนชัตเตอร์ลงเพื่อปกป้องเซนเซอร์ขณะเปลี่ยนเลนส์ มี ไม่มี
ช่องมองภาพ 0.5 นิ้ว
3.69 ล้านจุด
กำลังขยาย 0.76 เท่า
0.39 นิ้ว
2.36 ล้านจุด
กำลังขยาย 0.7 เท่า
เอาต์พุตวิดีโอ RAW 6K 60p (การบันทึกภายนอก) ไม่มี
การบันทึกวิดีโอแบบต่อเนื่อง (ขีดจำกัดของระบบ) 6 ชม. 2 ชม.
Wireless LAN 2.4/5Ghz 2.4 Ghz
เวอร์ชัน Bluetooth 5.0 4.2

 

คุณอาจชื่นชอบ:

 

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา