ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ตัวเปลี่ยนเกมสำหรับสายไฮบริด- Part

EOS R6 Mark II: จุดเปลี่ยนสำคัญครั้งใหม่ของ Canon สำหรับการถ่ายภาพแบบไฮบริด

2022-11-09
122
301.92 k

Canon เปิดตัวกล้อง EOS R6 Mark II ไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2022 แม้ว่ากล้องรุ่นใหม่นี้จะได้ชื่อว่าเป็นทายาทของ EOS R6 ยอดนิยม แต่ก็อัดแน่นไปด้วยการพัฒนาและการปรับปรุงต่างๆ ที่ทำให้กล้องรุ่นนี้มีคุณสมบัติโดดเด่นไม่แพ้กัน

ในบทความนี้:

คุณสมบัติการถ่ายภาพและวิดีโออันทรงพลังในบอดี้กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรมตัวเดียว

คุณสมบัติการถ่ายภาพและวิดีโออันทรงพลังในบอดี้กล้องฟูลเฟรมตัวเดียว

EOS R6 มีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพที่รวดเร็วและมีคุณภาพสูงเนื่องจากมีระบบประมวลผลภาพ DIGIC X และความสามารถในการโฟกัสอัตโนมัติที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ด้วยอัลกอริธึมการเรียนรู้เชิงลึกขั้นสูง คุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นบน EOS R6 Mark II ซึ่งมาพร้อมกับการปรับปรุงคุณสมบัติพื้นฐานจำนวนมาก

คุณสมบัติใหม่ที่โดดเด่น ได้แก่
- การบันทึกวิดีโอภายนอก RAW แบบ 6K
- การถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 40 เฟรมต่อวินาที (ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์)
- เซ็นเซอร์ภาพ CMOS ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซลที่พัฒนาขึ้นใหม่

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้และอื่นๆ อีกมากมายทำให้ EOS R6 Mark II เป็นกล้องที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งช่างถ่ายวิดีโอและช่างถ่ายภาพนิ่ง ไม่ว่าจะมีประสบการณ์ระดับใดก็ตาม

ถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 40 fps: ความละเอียดมากขึ้นสองเท่า พร้อมความเร็วแบบทวีคูณ

การถ่ายภาพนิ่ง: ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงแบบไม่ครอปได้สูงสุด 40 fps

สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง หนึ่งในการปรับปรุงที่โดดเด่นที่สุดของ EOS R6 Mark II คือความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุดที่รวดเร็วขึ้นอย่างมากแม้ว่าจะใช้เซ็นเซอร์ภาพที่พัฒนาขึ้นใหม่ซึ่งมีความละเอียดสูงขึ้นถึง 24.2 ล้านพิกเซล เนื่องจากมีระบบประมวลผลภาพ DIGIC X อันทรงพลัง ที่ 40 fps ซึ่งรวดเร็วกว่า EOS R6 ถึงสองเท่า และมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องเมื่อใช้การติดตาม AF/AE ที่รวดเร็วที่สุดในซีรีย์ EOS ทั้งหมด*1

(หมายเหตุ: ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพความเร็วสูงแบบกำหนดเองที่เพิ่มไว้ใน EOS R3 ด้วยเฟิร์มแวร์เวอร์ชัน 1.2.1 สามารถถ่ายภาพได้สูงสุด 195 fps เมื่อใช้ล็อค AF/AE)

EOS R6 Mark II ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกความเร็วระดับกลางในการถ่ายภาพต่อเนื่องได้แม้ว่าจะใช้โหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ (โหมด H: สูงสุดประมาณ 20; โหมด L: ประมาณ 5 fps) ซึ่งอาจเหมาะกับตัวแบบบางประเภทมากกว่า*2

ความเร็วสูงสุดในการถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยชัตเตอร์กลอยู่ที่ 12 fps เมื่อใช้การติดตาม AF/AE ซึ่งเทียบเท่า EOS R6


โหมดป้องกันการสั่นไหวสองโหมดที่รองรับสถานการณ์หลากหลายรูปแบบยิ่งขึ้น

เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะมีระดับแสงที่สม่ำเสมอแม้ในการถ่ายภาพต่อเนื่องในสถานที่ที่มีแสงความถี่สูง เช่น ไฟ LED และป้ายโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ กล้อง EOS R6 Mark II จึงมาพร้อมกับฟังก์ชั่นป้องกันการสั่นไหวความถี่สูงที่จะทำงานในโหมดขับเคลื่อนชัตเตอร์ทั้งหมด (กลไก อิเล็กทรอนิกส์ ม่านชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์แรก และภาพเคลื่อนไหว) ซึ่งแก้ไขปัญหาการสั่นไหวความถี่สูงที่ 50.0Hz ถึง 8192Hz (ชัตเตอร์กลและม่านชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์แรก: สูงสุด 2048Hz) และเสริมการทำงานของโหมดป้องกันสั่นไหวที่มีอยู่ซึ่งจะทำงานในโหมดชัตเตอร์กลเท่านั้น และแก้ปัญหาการสั่นไหวความถี่ต่ำที่ 100 ถึง 120 Hz

ความเร็วชัตเตอร์สูงสุดของกล้องอยู่ที่ 1/8000 วินาทีในโหมดชัตเตอร์กล และ 1/16,000 วินาทีในโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเร็วกว่าความเร็วของ EOS R6 ถึงสองเท่า*3

*1 ข้อมูล ณ 2 พฤศจิกายน 2022
*2 ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องจริงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของแบตเตอรี่/การชาร์จที่เหลือ อุณหภูมิ Wi-Fi ในตัว ('เปิด' หรือ 'ปิด') การลดแสงที่สั่นไหว ความเร็วชัตเตอร์ ค่ารูรับแสง ประเภทของเลนส์ และอื่นๆ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านคู่มือผู้ใช้
*3 ระหว่างการถ่ายภาพด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์อาจเกิดความบิดเบี้ยวจาก Rolling Shutter โดยขึ้นอยู่กับตัวแบบ สภาวะการถ่ายภาพ และสภาวะต่างๆ เช่น ปัญหาการใช้งานร่วมกันไม่ได้ในการถ่ายภาพด้วยแฟลช


โหมดถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ RAW: เก็บบันทึกช่วงเวลาสำคัญก่อนการลั่นชัตเตอร์

EOS R6 Mark II เป็นกล้อง EOS ฟูลเฟรมรุ่นแรกที่มีโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ RAW ซึ่งมีการถ่ายภาพต่อเนื่องโดยใช้ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สูงสุด 30 fps* และบันทึกไว้ในไฟล์เดียว หากเปิดใช้งานโหมดก่อนถ่ายภาพ กล้องจะบันทึกภาพล่วงหน้าสูงสุดประมาณ 0.5 วินาทีก่อนการลั่นชัตเตอร์ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการบันทึกช่วงเวลาที่ไม่คาดคิดซึ่งเกิดขึ้นก่อนช่างภาพจะถ่ายภาพได้ทัน

*AE จะกำหนดไว้คงที่ในภาพแรก แนะนำให้ใช้การ์ด SD ที่มี Speed Class 10 ขึ้นไป อาจไม่สามารถบันทึกแบบปกติได้หากระดับแบตเตอรี่ต่ำหรือการ์ด SD มีความเร็วในการเขียนต่ำ
หมายเหตุ: ช่วงเวลาที่ต้องเว้นระหว่างลำดับการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ RAW ติดต่อกัน: ประมาณ 27 วินาทีสำหรับการ์ด SD ปกติ (UHS-I) และประมาณ 12 วินาทีสำหรับการ์ดความเร็วสูง (UHS-II)

ความสามารถในการตรวจจับตัวแบบใหม่: ม้า รถไฟ เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์

 

ความสามารถในการตรวจจับตัวแบบใหม่: ม้า รถไฟ เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์

EOS R6 Mark II ได้เพิ่มม้า รถไฟ เครื่องบิน (รวมถึงเฮลิคอปเตอร์) ไว้ในประเภทตัวแบบที่ตรวจจับได้

ผู้ใช้จึงสามารถกำหนดค่า Eye Detection AF เพื่อเน้นที่ตาซ้ายหรือตาขวาได้เมื่อถ่ายภาพผู้คนและสัตว์ จึงมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ในการโฟกัสอัตโนมัติจะใกล้เคียงกับเป้าหมายการถ่ายภาพมากขึ้น

EOS R6 Mark II/ RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM/ FL: 500 มม./ Manual exposure (f/7.1, 1/1600 วินาที)/ ISO 800/ WB: อัตโนมัติ


โหมดตรวจจับตัวแบบและส่วนที่ตรวจจับได้

โหมด
ตัวแบบ
ส่วนที่ตรวจจับได้
มนุษย์   ดวงตา (ซ้าย/ขวาเป็นลำดับแรก)/ ใบหน้า/ ศีรษะ/ ลำตัว
สัตว์ สุนัข แมว นก ม้า ดวงตา (ซ้าย/ขวาเป็นลำดับแรก)/ ใบหน้า/ ลำตัว
ยานพาหนะ กีฬาแข่งรถ
(รถยนต์ มอเตอร์ไซค์)
ตัวรถ/ หมวกกันน็อค
รถไฟ ทั้งคัน/ ขบวนแรก
เครื่องบิน,
เฮลิคอปเตอร์
ทั้งลำ/ ห้องนักบิน
อัตโนมัติ ข้างต้นทั้งหมด ข้างต้นทั้งหมด

สำหรับฉากที่อาจมีตัวแบบหลายประเภท การใช้โหมดตรวจจับตัวแบบ "อัตโนมัติ" ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับตัวแบบทั้งหมดได้ทุกประเภทและเลือกตัวแบบหลักได้อย่างชาญฉลาด

ติดตามด้วยการตรวจจับสัตว์
(ม้า)

ติดตามด้วยการตรวจจับยานพาหนะ
(เครื่องบิน)

กลไกการตรวจจับตัวแบบขั้นพื้นฐานเทียบเท่า EOS R3 อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
ตรวจจับตัวแบบด้วยการเรียนรู้เชิงลึกและติดตามด้วย EOS iTR AF X

ประสิทธิภาพการติดตามและการโฟกัสอัตโนมัติที่ดียิ่งขึ้น

ปล่อยให้การโฟกัสเป็นหน้าที่ของกล้อง: ความสามารถในการติดตามที่เชื่อถือได้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก:

EOS R6 Mark II สืบทอดแนวคิดการติดตามรูปแบบใหม่ที่นำมาใช้ใน EOS R3 ซึ่งสามารถใช้การติดตามด้วยการเรียนรู้เชิงลึกในโหมดพื้นที่ AF ได้ทั้ง 8 โหมด EOS iTR AF X ที่ปรับปรุงใหม่สามารถตรวจจับตัวแบบด้วยการแบ่งแยกคุณลักษณะ จึงสามารถตรวจจับและติดตามตัวแบบในฉากที่เคยเป็นเรื่องยากได้ เช่น ฉากที่มีการเปลี่ยนแปลงของแสงสว่างหรือมองไม่เห็นบางส่วนของตัวแบบ

ด้วยการติดตามและโฟกัสที่ต่อเนื่องและเชื่อถือได้มากขึ้นแม้ในสถานการณ์อย่างเช่น การถ่ายภาพกีฬาและสัตว์ป่า ผู้ใช้จึงสามารถจดจ่อกับเรื่องอื่นๆ ได้ เช่น จังหวะเวลาและการจัดองค์ประกอบภาพ และปล่อยให้การโฟกัสเป็นหน้าที่ของกล้อง

หากต้องการควบคุมการโฟกัสมากขึ้น มีโหมดพื้นที่ AF ให้เลือก 8 โหมด นอกจากโหมด AF ทั่วพื้นที่ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นแล้ว โหมดอื่นๆ อีก 7 โหมด ได้แก่
- AF 1 จุด
ผู้ใช้เลือกตำแหน่งจุด AF ได้สูงสุดถึง 4,897 ตำแหน่ง
- AF จุดเล็ก
ให้พื้นที่ AF ที่เล็กกว่า AF 1 จุด เพื่อการโฟกัสแบบ Pinpoint
- โหมดขยายพื้นที่ AF สองโหมด:
ขยายพื้นที่ AF (บน ล่าง ซ้าย ขวา) และขยายพื้นที่ AF (รอบๆ) ใช้ AF 1 จุด และจุด AF 4 (หรือ 8) จุดที่อยู่โดยรอบ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการจับโฟกัสบนตัวแบบที่เคลื่อนไหว
- โหมด Zone AF แบบยืดหยุ่น 3 โหมด
เปิดตัวครั้งแรกในกล้อง EOS R3 แต่ในกล้อง EOS R6 Mark II นั้น ผู้ใช้สามารถกำหนดพื้นที่ AF ตามขนาดที่ต้องการได้ตั้งแต่ 9 จุด (3×3) ไปจนถึง 999 จุด (37×27) และจัดเก็บไว้ในช่องสูงสุด 3 ช่องได้

เซนเซอร์ภาพ 24.2 ล้านพิกเซลที่พัฒนาขึ้นใหม่: ความละเอียดสูงที่มีคุณภาพเกินตัว

เซนเซอร์ภาพ CMOS ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซลที่พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมความคมชัดเหนือความละเอียดของจำนวนพิกเซล

EOS R6 Mark II มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ภาพ CMOS ฟูลเฟรม ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซลที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากเลนส์มุมกว้างอัลตร้าไวด์ได้อย่างเต็มที่ และเซ็นเซอร์ภาพฟูลเฟรมยังทำให้ถ่ายภาพที่มีระยะชัดตื้นได้ง่ายยิ่งขึ้นและแยกแบ็คกราวด์ได้อย่างยอดเยี่ยม

EOS R6 Mark II/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 135 มม./ Manual exposure (f/5.6, 1/125 วินาที)/ ISO 100/ WB: 5300K

นอกจากความละเอียดที่เพิ่มขึ้นเหนือ EOS R6 ซึ่งมีความละเอียดประมาณ 20.1 ล้านพิกเซลแล้ว เซ็นเซอร์ภาพรุ่นใหม่ของ EOS R6 Mark II ยังมาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลเพื่อความคมชัดแบบใหม่ ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้มีความคมชัดและการแสดงรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้น การทดสอบของ Canon แสดงให้เห็นว่า EOS R6 Mark II มีความละเอียดของภาพเทียบเท่า 30.4 ล้านพิกเซลของ EOS 5D Mark IV*

ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซลนับว่าเพียงพอสำหรับการพิมพ์สื่อโฆษณาขนาด A3 ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ชื่นชอบการพิมพ์ภาพขนาดใหญ่

*อ้างอิงตามการประเมินแผนภูมิความละเอียดของ CIPA ตามมาตรฐาน ISO 12233 และสภาวะของรูปแบบภาพตามค่าเริ่มต้น 


Digital Lens Optimizer และ DPRAW: มั่นใจได้ถึงคุณภาพของภาพที่ดีที่สุดจากกล้องโดยตรง

เช่นเดียวกับกล้องรุ่นอื่นๆ ในซีรีย์ EOS R กล้อง EOS R6 Mark II มาพร้อมกับคุณสมบัติ Digital Lens Optimizer ในตัวและการแก้ไขความคลาดของเลนส์ซึ่งใช้ข้อมูลการออกแบบเลนส์เพื่อทำแก้ไขทางดิจิทัลเกี่ยวกับปัญหาความบิดเบี้ยว ความคลาดสี การกระจายออกของแสง ปัญหาขอบมืด และปัญหาความคลาดเคลื่อนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับเลนส์รุ่นต่างๆ เพื่อให้ภาพมีคุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การรองรับการถ่ายภาพ DPRAW ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเกี่ยวกับมุมถ่ายภาพและความละเอียดภาพได้เมื่อปรับแต่งภาพด้วยซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional (DPP) ที่ใช้งานได้ฟรีของ Canon การปรับแสงในภาพพอร์ตเทรตและการปรับความชัดเจนของฉากหลังสามารถใช้งานได้ด้วยการประมวลผลภาพ RAW ภายในกล้อง

เช่นเดียวกับ EOS R3 กล้อง EOS R6 Mark II ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อทำให้ AWB (สมดุลแสงขาวอัตโนมัติ) มีความแม่นยำยิ่งขึ้น

โหมด "ตัวแบบที่กำลังเคลื่อนไหว" HDR ใหม่

โหมด "ตัวแบบที่กำลังเคลื่อนไหว" HDR ใหม่ ความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นในการสร้างสรรค์

เช่นเดียวกับกล้อง EOS R "รุ่นที่สอง" กล้อง EOS R6 Mark II รองรับการถ่ายภาพนิ่ง HDR PQ HEIF แบบ 10 บิต นอกเหนือจากรูปแบบ RAW และ JPEG ตามปกติ และยังมีโหมด "ตัวแบบที่กำลังเคลื่อนไหว" HDR ใหม่ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพที่มีช่วงไดนามิกเรนจ์กว้างขึ้นได้ (JPEG/HDR PQ) ด้วยการเปิดรับแสงเพียงครั้งเดียวแทนที่จะต้องรวมภาพที่ถ่ายคร่อมสามภาพเข้าด้วยกันแบบเดิม ซึ่งช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากการที่ตัวแบบย้ายตำแหน่งระหว่างการถ่ายภาพคร่อม จึงเป็นวิธีที่สะดวกในการสร้างภาพ HDR ของภาพกีฬา สัตว์ ยานพาหนะ และตัวแบบที่กำลังเคลื่อนไหวอื่นๆ แม้ในระหว่างการแพนกล้องก็ตาม

EOS R6 Mark II/ RF400mm f/2.8L IS USM/ FL: 400 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/125 วินาที)/ ISO 12800/ WB: ทังสเตน/ โหมด HDR: ตัวแบบที่กำลังเคลื่อนไหว


ฟังก์ชั่นสร้างสรรค์ที่ใช้งานสะดวกอื่นๆ
- โหมดภาพพาโนรามา
- Focus bracketing + Depth Composition ในกล้อง
- การถ่ายภาพซ้อน
- ตัวตั้งเวลาถ่ายภาพแบบหน่วง
- โหมดฉากพิเศษ (ไม่มีอยู่บนกล้องรุ่น EOS R6)
- ฟิลเตอร์สร้างสรรค์ (ไม่มีอยู่บนกล้องรุ่น EOS R6)

ตัวแปลงเลนส์ดิจิทัล: เข้าใกล้ตัวแบบได้มากขึ้นด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว

ตัวแปลงเลนส์ดิจิทัล: เข้าใกล้ตัวแบบได้มากขึ้นด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว

อีกหนึ่งคุณสมบัติที่เปิดตัวใน EOS R6 Mark II คือตัวแปลงเลนส์ดิจิทัล ซึ่งจะประมวลผลภาพทางดิจิทัลเพื่อให้ได้เอฟเฟ็กต์เทียบเท่าการซูม 2 เท่าหรือ 4 เท่า (ทางยาวโฟกัส 2 เท่าหรือ 4 เท่า) โดยขึ้นอยู่กับโหมดที่ใช้ ฟังก์ชั่นนี้ทำหน้าที่เหมือนท่อต่อเลนส์ในตัว จึงช่วยให้คุณเข้าใกล้ตัวแบบได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์

ภาพที่ถ่ายด้วยโหมดนี้ไม่ได้ถูกครอป แต่ถูกประมวลผลและเพิ่มขนาดให้เป็นขนาดการบันทึก ดังนั้นการถ่ายภาพ JPEG ที่มีคุณภาพระดับภาพขนาดใหญ่ (6000×4000) ในโหมด 2 เท่า จะทำให้ได้ภาพ JPEG ที่คงความละเอียดของจำนวนพิกเซลที่มีคุณภาพระดับภาพขนาดใหญ่ (6000×4000)* เป็นต้น

สามารถใช้ตัวแปลงเลนส์ดิจิทัลร่วมกับฟังก์ชั่นครอปตัด 1.6 เท่า หรือใช้กับเลนส์ RF-S/EF-S เพื่อให้มีทางยาวโฟกัสที่ยาวขึ้นได้ มุมรับภาพที่ได้จะเทียบเท่ากับทางยาวโฟกัสประมาณ 3.2 เท่าหรือ 6.4 เท่า โดยมีขนาดไฟล์ JPEG ที่มีคุณภาพระดับภาพขนาดใหญ่อยู่ที่ 3744 × 2496


เคล็ดลับ: กำหนดปุ่มลัดให้ทำหน้าที่เป็นตัวแปลงเลนส์ดิจิทัล

เมื่อกำหนดฟังก์ชั่นตัวแปลงเลนส์ดิจิทัลไว้ที่ M.Fn หรือปุ่มเช็คระยะชัดลึก คุณจะสามารถเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้ได้ทันทีเพียงแค่สัมผัสปุ่ม

*คุณภาพของภาพจะลดลงเนื่องจากมีการขยายและบันทึกภาพ การถ่าย JPEG เท่านั้น กรอบ AF จะถูกกำหนดไว้ที่จุดกึ่งกลาง

ระบบป้องกันภาพสั่นไหวสูงสุด 8 สต็อปเมื่อใช้ IS แบบประสานการควบคุม

 

IS ในตัวกล้อง: ระบบป้องกันภาพสั่นไหวสูงสุด 8 สต็อปเมื่อใช้ IS แบบประสานการควบคุม

EOS R6 Mark II มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัว (IS ในตัวกล้อง) แบบตรวจจับการสั่นของเซนเซอร์ภาพซึ่งจะแก้ไขการสั่นไหวของกล้องตามการเคลื่อนที่ของกล้องใน 5 แกน เพื่อป้องกันภาพสั่นไหวแม้ว่าจะใช้เลนส์ EF/RF ที่เข้ากันได้ซึ่งไม่มี IS แบบออพติคอลในตัวก็ตาม ด้วยเลนส์ RF ที่เข้ากันได้ซึ่งมี IS แบบออพติคอล ทำให้ EOS R6 Mark II สามารถรองรับ IS แบบประสานการควบคุมซึ่งกล้องและ IS ของเลนส์จะประสานการทำงานเพื่อป้องกันภาพสั่นไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เทียบเท่าความเร็วชัตเตอร์สูงถึง 8 สต็อปบนเลนส์รุ่นต่างๆ เช่น RF24-105mm f/4L IS USM

 

วิดีโอ: การบันทึกวิดีโอภายนอก RAW แบบ 6K; Canon Log 3, อัตราเฟรมสูงแบบ Full HD 180p

 

วิดีโอ: คุณสมบัติระดับมืออาชีพซึ่งรวมถึงการบันทึกวิดีโอภายนอก RAW แบบ 6K

จากการใช้ความกว้างของเซนเซอร์ภาพ 24.2 ล้านพิกเซลอย่างเต็มที่ทำให้กล้อง EOS R6 Mark II สามารถบันทึกวิดีโอ RAW แบบ 6K ด้วยตัวบันทึกวิดีโอภายนอกผ่านการเชื่อมต่อ HDMI ได้ ซึ่งเพียงพอที่จะมั่นใจได้ถึงคุณภาพระดับสูงแม้ว่าจะมีปรับแต่งและการดัดแปลงภาพอย่างมากก็ตาม ในกล้อง สามารถบันทึกวิดีโอ 4K แบบไม่ครอปโดยที่มีคุณภาพสูงซึ่งสุ่มด้วยความถี่สูงจาก 6K ได้ 

นอกจากการบันทึก YCbCr 4:2:0 แบบ 8 บิตทั่วไปแล้ว EOS R6 Mark II ยังรองรับ YCbCr 4:2:2 แบบ 10 บิต Canon Log 3 และ HDR PQ จึงมีตัวเลือกการบันทึกที่หลากหลายเพื่อรองรับการผลิตวิดีโอ HDR การปรับแก้สี และขั้นตอนหลังการผลิตขั้นสูงอื่นๆ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
คำถามที่พบบ่อยในการถ่ายวิดีโอ: 4:2:2 และ 4:2:0 หมายถึงอะไร
คำถามที่พบบ่อยในการถ่ายวิดีโอ: ความลึกบิต (Bit depth) คืออะไร และส่งผลต่อวิดีโอ

การบันทึกภายนอกแบบ RAW เป็น ProRes RAW ผ่านเอาต์พุตแบบ HDMI สามารถทำได้ด้วย ATOMOS Ninja V+


วิดีโอที่มีอัตราเฟรมสูงระดับ Full HD 180p

ถ่ายวิดีโอสโลโมชั่นความเร็ว 1/6 ด้วยการบันทึกระดับ Full HD 180p และการเล่น 30p

ในโหมด Full HD สามารถถ่ายวิดีโอสโลโมชั่นได้อย่างราบรื่นด้วยการถ่ายที่ใช้อัตราเฟรมสูง EOS R6 Mark II มีอัตราเฟรมที่เร็วขึ้นสูงสุดประมาณ 180 fps/150 fps ซึ่งหมายถึงวิดีโอที่ช้าลงถึง 6 เท่าเมื่อเล่นที่ 30p/25p


คุณสมบัติใหม่: การบันทึกล่วงหน้าสำหรับวิดีโอ

คุณสมบัติการบันทึกล่วงหน้าสำหรับวิดีโอแบบใหม่สามารถบันทึกวิดีโอล่วงหน้าได้สูงสุด 5 วินาทีก่อนกดปุ่มบันทึก จึงไม่จำเป็นต้องปล่อยให้กล้องบันทึกตลอดเวลา เหมาะกับสถานการณ์อย่างเช่น การถ่ายสารคดีสัตว์ป่าที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดการเคลื่อนไหวที่ควรค่าแก่การถ่ายวิดีโอเมื่อใด และยังปรับปรุงขั้นตอนการปรับแต่งภาพเนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องตัดต่อฟุตเทจยาวๆ ที่ไม่จำเป็นออกอีกต่อไป 


คุณสมบัติใหม่: การแก้ไขปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพ

EOS R6 Mark II รองรับการแก้ไขปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพแบบใหม่ซึ่งใช้ข้อมูลการออกแบบทางออพติคอลในการแก้ไขการเปลี่ยนมุมรับภาพที่ไม่ต้องการซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อมีการดึงโฟกัส เมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ที่เข้ากันได้ คุณสมบัตินี้จะช่วยให้ควบคุมการเปลี่ยนจุดโฟกัสได้ดียิ่งขึ้น จึงช่วยให้นักสร้างวิดีโอสามารถถ่ายฟุตเทจได้ตรงตามเป้าหมายในการสร้างสรรค์ของตนเอง


ความเข้ากันได้กับ UVC/UAC: สตรีมวิดีโอแบบไลฟ์ด้วยวิดีโอและเสียงคุณภาพสูง เพียงแค่เสียบกล้อง

เนื่องจาก EOS R6 Mark II รองรับ UVC (USB Video Class) และ UAC (USB Audio Class) ผู้ใช้จึงสามารถส่งวิดีโอระดับ Full HD 30p และเสียงไปยังคอมพิวเตอร์ Windows หรือ MacOS ของตนเองได้อย่างง่ายดายเพียงแค่เชื่อมต่อสาย USB* ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมควบคุม เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกในการใช้ประโยชน์จากกล้องฟูลเฟรมในการสตรีมวิดีโอแบบไลฟ์และการประชุมจากระยะไกล!

* แบบแผน/ความเร็วในการสื่อสาร UVC/UAC: USB ความเร็วสูง (USB 2.0) เท่านั้น; PTP ที่ควบคุมด้วยรีโมทรองรับ Super Speed USB (USB 3.2 เจน 2) หรือเวอร์ชันก่อนหน้า


ระยะเวลาในการบันทึกต่อเนื่องยาวนานยิ่งขึ้น

การกำจัดขีดจำกัดในการบันทึกที่ 30 นาทีช่วยให้ EOS R6 Mark II สามารถบันทึกได้สูงสุด 6 ชั่วโมง (1.5 ชั่วโมงระหว่างการบันทึก 120p/100p; 1 ชั่วโมงระหว่างการบันทึก 180p/150p) เว้นแต่ในสถานการณ์ที่การบันทึกหยุดลงเนื่องจากความร้อนสูงเกินไป การปรับปรุงการควบคุมความร้อนช่วยให้สามารถบันทึกได้อย่างไร้ขีดจำกัดได้สูงสุด 4K UHD 30p/25p แบบไม่ครอป

คุณสมบัติอื่นๆ ที่โดดเด่น

คุณสมบัติอื่นๆ ที่โดดเด่น

บอดี้กล้องที่ป้องกันน้ำและฝุ่น

โครงสร้างภายในส่วนใหญ่ของ EOS R6 Mark II ทำมาจากแมกนีเซียมอัลลอยที่แข็งแกร่งและเบา และโครงสร้างภายนอกผลิตจากเรซิ่นโพลีคาร์บอเนตที่แข็งแรงและเบา ดีไซน์ป้องกันฝุ่นและหยดน้ำช่วยให้มั่นใจได้แม้ในสถานการณ์การถ่ายภาพกลางแจ้ง

ช่องใส่การ์ด SD แบบคู่

ช่องใส่การ์ด SD แบบคู่ช่วยให้บันทึกพร้อมกันเพื่อสำรองข้อมูลได้

ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่น

EOS R6 Mark II มีฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นเหมือนกับที่พบได้บน EOS R3/R5 C/R7/R10 ทำให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมใหม่ๆ เช่น Speedlite EL-5 ได้

Wi-Fi 5GHz / Bluetooth

กล้องมาพร้อมกับความสามารถในการใช้งาน Wi-Fi 5GHz/2.4GHz ในตัวและเข้ากันได้กับ IEEE802.11b/g/n/a/ac ทำให้เชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้มากขึ้น การถ่ายภาพจากระยะไกลผ่านแอป Camera Connect สะดวกกว่าที่เคย

การชาร์จด้วย USB และการจ่ายไฟ

แม้ว่า EOS R6 Mark II จะมาพร้อมกับชุดแบตเตอรี่ LP-E6NH แต่ยังเข้ากันได้กับชุดแบตเตอรี่ LP-E6N และ LP-E6 สามารถจ่ายไฟผ่านสาย USB ที่เข้ากันได้ โดยสามารถชาร์จด้วย USB ในกล้องได้ด้วย LP-E6NH และ LP-E6N

แบตเตอรี่กริป BG-R10 (จำหน่ายแยกต่างหาก)

เช่นเดียวกับ EOS R5/R6 กล้อง EOS R6 Mark II สามารถใช้กับแบตเตอรี่กริป BG-R10 ได้ (จำหน่ายแยกต่างหาก) แบตเตอรี่กริปช่วยให้ใช้งานง่ายในระหว่างการถ่ายภาพแนวตั้ง และใช้แบตเตอรี่สองก้อน จึงช่วยเพิ่มจำนวนภาพที่สามารถถ่ายได้ก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด

ภาพตัวอย่าง

ภาพตัวอย่าง


EOS R6 Mark II/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 200 มม./ Manual exposure (f/4, 1/500 วินาที)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ


EOS R6 Mark II/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 200 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/200 วินาที)/ ISO 800/ WB: อัตโนมัติ


EOS R6 Mark II/ RF15-35mm f/2.8L IS USM/ FL: 15 มม. / Manual exposure (f/11, 1 วินาที)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา