ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

เคล็ดลับและบทเรียน >> เคล็ดลับและบทเรียนทั้งหมด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตั้งค่ากล้อง: ขีดจำกัดของ AF ในสภาวะแสงน้อยส่งผลต่อภาพอย่างไร

2021-09-02
1
1.01 k
ในบทความนี้:

ขณะอ่านข้อมูลเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ คุณอาจจะเคยเห็นการกล่าวถึงขีดจำกัดของการโฟกัสในสภาวะแสงน้อย (หรือขีดจำกัดของ AF ในสภาวะแสงน้อย) ซึ่งมักเขียนโดยใช้คำว่าค่าการเปิดรับแสง (EV) ยกตัวอย่างเช่น กล้อง EOS R5 มีขีดจำกัดของ AF ในสภาวะแสงน้อยที่ EV-6 และกล้อง EOS R6 ที่ EV-6.5* แต่แท้จริงแล้ว ค่าเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร และเราควรเข้าใจว่าอย่างไร เราจะมาหาคำตอบกันจากบทความนี้ (เรื่องโดย: Kazuo Nakahara; นางแบบ: Honoka Kawata (Oscar Promotions))

*เมื่อใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุดที่ f/1.2

 

“EV” หมายความว่าอย่างไรเมื่อใช้อธิบายความสามารถในการโฟกัสในสภาวะแสงน้อย

เมื่อคุณใช้ระบบโฟกัสอัตโนมัติของกล้องภายใต้สภาวะที่มีแสงสลัวหรือความมืดที่แตกต่างกัน ระบบมีการทำงานเป็นอย่างไรหากเทียบกับการถ่ายภาพในเวลากลางวัน

ขีดจำกัดของการโฟกัสในสภาวะแสงน้อยของกล้องหมายถึงประสิทธิภาพของระบบโฟกัสอัตโนมัติ (ระบบ AF) ในการตรวจจับตัวแบบภายใต้สภาวะที่มีความมืด ซึ่งก็คือความสามารถของกล้องในการค้นหา (ไม่ใช่เพียงแค่มองเห็น!) สิ่งต่างๆ ในความมืด

ระดับของ “ความมืด” อาจแตกต่างกันไป และกล้องบางรุ่นก็สามารถโฟกัสอัตโนมัติในสภาวะแสงน้อยได้ดีกว่ากล้องรุ่นอื่น ค่า “EV” (ค่าการเปิดรับแสง) เป็นตัวบอกว่าในฉากมีแสงตามธรรมชาติอยู่มากน้อยเพียงใด ซึ่งหมายความว่าฉากนั้นมืดแค่ไหนนั่นเอง ยิ่งมีแสงน้อย ค่า EV จะยิ่งต่ำ ดังนั้น เมื่อเราพูดว่า กล้อง EOS R6 มีขีดจำกัดของ AF ในสภาวะแสงน้อยที่ EV-6.5 จึงหมายความว่าในบางสภาวะ ระบบ AF ของกล้อง EOS R6 จะสามารถตรวจจับตัวแบบได้ในสถานการณ์ที่มีความมืดถึง EV-6.5

สภาวะแสงน้อยและค่า EV โดยประมาณ
แสงดาว EV -4
แสงจันทร์ (เต็มดวง) EV -2
ภายในอาคารเวลากลางคืน EV -1
พื้นที่อยู่อาศัยในเวลากลางคืน EV 0

ลองจินตนาการว่าคุณอยู่กลางแจ้งในคืนที่ไม่มีพระจันทร์และมีดวงดาวเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียว ทุกอย่างมืดมาก และในสถานการณ์เช่นนี้ก็มีค่าเท่ากับ EV-4 แล้ว แต่ระบบ AF ของกล้องในระบบ EOS R ระดับสูงรุ่นใหม่ของ Canon สามารถทำงานได้ในสภาวะที่มืดกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ค่า EV-6 ซึ่งมืดเสียจนคุณแทบจะมองอะไรไม่เห็นด้วยตาเปล่า


EOS R5/ RF50mm f/1.2L USM/ Aperture-priority AE (f/1.2, 1/60 วินาที)/ ISO 100


สถานการณ์การถ่ายภาพ

EOS R5 มีขีดจำกัดของ AF ในสภาวะแสงน้อยที่ EV-6 ซึ่งหมายความว่ากล้องสามารถโฟกัสอัตโนมัติที่ตัวแบบได้แม้ในสภาวะที่มีความมืดระดับเดียวกับภาพด้านบน หากผมไม่สามารถใช้ AF ได้ ผมจะต้องเปลี่ยนมาใช้การโฟกัสแบบแมนนวลแทน ซึ่งจะเสียเวลามากขึ้น และสิ่งที่ดียิ่งไปกว่านั้นคือ การตรวจจับใบหน้าและ Eye Detection AF สามารถทำงานได้ด้วยอัลกอริธึมของ AF ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้ถ่ายภาพได้ราบรื่นมากขึ้นอีก


ข้อควรรู้: อย่าสับสนระหว่าง “EV” กับการชดเชยแสง!

เราใช้ค่าการเปิดรับแสง (EV) ในการบรรยายความสว่างของการเปิดรับแสงของกล้องด้วยเช่นกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสง นี่จึงเป็นสาเหตุว่าเพราะเหตุใดการชดเชยแสงจึงถูกพูดถึงในแง่ของ “EV+3” หรือ “EV-3” เช่นกัน ในกรณีนี้ ค่าดังกล่าวหมายถึงจำนวนสต็อปที่คุณต้องการปรับให้ภาพได้รับแสงมากขึ้นหรือน้อยลงจากระดับแสงที่ “เหมาะสม” ที่กล้องกำหนดไว้ ซึ่งเป็นบริบทที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!

 

ฉันจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับ AF ในสภาวะแสงน้อยได้อย่างไร

EOS R5/ RF85mm f/1.2L USM/ Aperture-priority AE (f/1.2, 1/125 วินาที, EV -1.3)/ ISO 500


- ใช้เลนส์ที่มีความไวแสงสูง
- ใช้จุด AF กึ่งกลาง

ระบบ AF ใช้ข้อมูลจากแสงที่ผ่านเข้าสู่พิกเซลของเซนเซอร์ภาพในการจับโฟกัส เมื่อถ่ายภาพในความมืด คุณต้องทำให้แสงผ่านเข้ามาในเลนส์ให้มากที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่า AF จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

กล้องของ Canon ใช้ระบบวัดแสงด้วยรูรับแสงกว้างสุด ซึ่งหมายความว่าแม้คุณจะปรับค่ารูรับแสงกว้างสุดให้ลดลง ไดอะแฟรมรูรับแสงจะยังคงเปิดกว้างตามค่าเริ่มต้นและจะแคบลงเพียงชั่วคราวเมื่อลั่นชัตเตอร์เท่านั้น ดังนั้น ปริมาณแสงที่ผ่านเข้ามาในเซนเซอร์ภาพจึงถูกกำหนดโดยรูรับแสงกว้างสุดของเลนส์

นอกจากนี้ พิกเซลที่อยู่ตรงกึ่งกลางเซนเซอร์ภาพจะได้รับแสงมากที่สุด คุณจึงควรใช้เลนส์ที่มีความไวแสงสูงสุดและจุด AF กึ่งกลางเมื่อต้องถ่ายภาพในที่มืด


ข้อควรรู้: สภาวะอย่างเป็นทางการสำหรับขีดจำกัดของ AF ในสภาวะแสงน้อย

คำอธิบายอย่างเป็นทางการมักระบุสภาวะสำหรับขีดจำกัดของ AF ในสภาวะแสงน้อยของกล้องในระบบ EOS R ไว้ดังนี้
- เลนส์ f/1.2
- จุด AF กึ่งกลาง
- ความไวแสง ISO 100
- One Shot AF

หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ ประสิทธิภาพของ AF ในสภาวะแสงน้อยจะดีที่สุดเมื่อใช้:
- เลนส์ที่มี AF ความเร็วสูง
- จุด AF กึ่งกลาง
- ความไวแสง ISO ต่ำ และ
- โหมด One Shot AF

และปัจจัยอื่นๆ เช่น อุณหภูมิโดยรอบก็สามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพของ AF ได้เช่นกัน

 

จะทำอย่างไรหากไม่ได้ใช้เลนส์ที่มีความไวแสงสูง

ขีดจำกัดต่ำๆ (มืดขึ้น) ของ AF ในสภาวะแสงน้อยน่าจะเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของ AF ในสภาวะแสงน้อยได้แม้คุณจะใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุดแคบๆ (เช่น f/4 ถึง f/11)

 

เคล็ดลับพิเศษ: ปรับความสว่างหน้าจอ EVF/LCD ของคุณ

กล้อง EOS สามารถปรับความสว่างของช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) และหน้าจอ LCD ด้านหลังให้เหมาะสมกับสภาพแสงในขณะนั้นได้อัตโนมัติ จึงทำให้คุณมองเห็นฉากผ่านช่องมองภาพและหน้าจอได้ง่ายขึ้นเมื่อถ่ายภาพในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสลัวหรือมืด

อย่างไรก็ตาม หากสภาพแวดล้อมมืดมาก หน้าจอแสดงผลอาจสว่างเกินไป ซึ่งทำให้ไม่สบายตา นอกจากนี้ แม้แสงสะท้อนโดยทั่วไปอาจไม่ส่งผลต่อการมองเห็นของคุณในช่องมองภาพ แต่แสงอาจเล็ดลอดผ่านช่องว่างเข้ามาได้หากคุณสวมแว่นตา ในสถานการณ์เช่นนี้ การปรับระดับความสว่างเองจะช่วยให้คุณถ่ายภาพได้สะดวกสบายมากขึ้น

 

วิธีการปรับระดับความสว่างของหน้าจอ

1. ไปที่แท็บ การตั้งค่า (เมนูสีเหลือง)
2. หาตัวเลือก “ความสว่างของหน้าจอ”

หากต้องการปรับความสว่างของช่องมองภาพ ให้มองผ่านช่องมองภาพ:


ปรับแถบเลื่อนตามความจำเป็น


หากต้องการปรับความสว่างของหน้าจอ LCD ด้านหลัง ให้ถอนสายตาออกมาจาก EVF และมองไปที่หน้าจอ LCD:


ปรับแถบเลื่อนตามความจำเป็น


เมื่อใดจึงควรปรับระดับความสว่าง

- สภาพแวดล้อมการถ่ายภาพที่มืด (ยามดึก, การถ่ายภาพดวงดาว): ปรับ EVF/หน้าจอ LCD ด้านหลังให้มืดลง
- กลางแจ้งในวันที่มีแดดจ้า: ปรับหน้าจอ LCD ด้านหลังให้สว่างขึ้น

เคล็ดลับ: การลดความสว่างของหน้าจอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสามารถช่วยลดปริมาณการใช้แบตเตอรี่ด้วย

 

ข้อควรรู้: ความสว่างของหน้าจอส่งผลต่อภาพที่คุณมองเห็น 

ความสว่างของหน้าจออาจทำให้ระดับแสงในภาพดูสว่างหรือมืดกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณได้ทำการปรับไว้แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ภาพของคุณได้รับแสงมากหรือน้อยเกินไป จงอย่าเชื่อในสิ่งที่คุณเห็นบนหน้าจอ แต่ให้ดูที่ฮิสโตแกรมแทน เนื่องจากสามารถแสดงการกระจายตัวของบริเวณไฮไลต์และเงาได้อย่างถูกต้อง


หากต้องการทราบเคล็ดลับเพิ่มเติมในการใช้ระบบ AF ของกล้องให้ได้ผลดีที่สุด โปรดดู:
การปรับแต่ง AF แบบแตะและลากเพื่อการถ่ายภาพผ่าน EVF ที่ดียิ่งขึ้น
นกโผบิน: การตั้งค่ากล้องเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการถ่ายภาพ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตั้งค่ากล้อง: Servo AF
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตั้งค่ากล้อง: การจัดองค์ประกอบภาพทำได้ง่ายขึ้นในกล้องมิเรอร์เลสใช่หรือไม่

 


รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT

ลงทะเบียนตอนนี้!

เกี่ยวกับผู้เขียน

Kazuo Nakahara

เกิดที่เมืองฮอกไกโดในปี 1982 Nakahara ผันเข้าสู่วงการถ่ายภาพหลังจากทำงานในบริษัทผลิตสารเคมี เขาถ่ายภาพที่ Vantan Design Institute เป็นหลักและเป็นผู้บรรยายในเวิร์คช็อปและสัมมนาด้านการถ่ายภาพ นอกเหนือจากการทำงานถ่ายภาพโฆษณา เขายังเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินงานเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลด้านการถ่ายภาพอย่าง studio9 อีกด้วย

http://photo-studio9.com/

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา