EOS R5 หรือ EOS R6: 5 ข้อแตกต่างสำคัญที่ควรทราบ
กล้องในระบบ EOS R รุ่นที่สองอย่าง EOS R5 และ EOS R6 มีคุณสมบัติน่าสนใจมากมายที่เหมือนกัน เช่น ระบบ Dual Pixel CMOS AF II ที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงถึง 20 fps ตลอดจนระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวเทียบเท่าความเร็วชัตเตอร์สูงสุง 8 สต็อป ในเมื่อมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันหลายประการเช่นนี้ คุณจะตัดสินใจได้อย่างไรว่าควรซื้อกล้องรุ่นไหนดี ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจข้อแตกต่างหลักๆ ที่อาจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณ
ข้อแตกต่างสำคัญ 5 ประการ
1. ความละเอียดของภาพ: 45 ล้านพิกเซลกับ 20.1 ล้านพิกเซล
2. วิดีโอ: 8K กับ 4K
3. EVF
4. วงแหวนและระบบควบคุม
5. ขนาดและน้ำหนัก
1. ความละเอียดของภาพ: 45 ล้านพิกเซลกับ 20.1 ล้านพิกเซล.
EOS R5 ใช้เซนเซอร์ภาพ 45 ล้านพิกเซลที่พัฒนาขึ้นใหม่ ในขณะที่ EOS R6 มีเซนเซอร์ภาพ 20.1 ล้านพิกเซล คล้ายกับเซนเซอร์ภาพที่พบในกล้อง DSLR ระดับมืออาชีพรุ่นเรือธงของ Canon อย่าง EOS-1D X Mark III ซึ่งเหมาะกับระบบ EOS R
กล้องทั้งสองรุ่นมอบคุณภาพของภาพที่ไร้ที่ติ ทว่าข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในด้านจำนวนพิกเซลจะสร้างความแตกต่างตรงที่ว่า คุณจะสามารถครอปได้มากน้อยเพียงใดก่อนที่คุณภาพของภาพจะเริ่มลดลง และจะพิมพ์ภาพได้ใหญ่แค่ไหนด้วย
พิมพ์ด้วยความละเอียด 300 dpi: สูงถึงขนาด A3 สำหรับ EOS R6, สูงถึงขนาด A2 สำหรับ EOS R5
เมื่อใช้ 300 dpi ซึ่งเป็นความละเอียดที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในงานพิมพ์โฆษณา EOS R6 จะพิมพ์ภาพได้สูงถึง 463 มม. × 308 มม. ซึ่งมากพอสำหรับโปสเตอร์ขนาด A3
ส่วน EOS R5 ที่มีจำนวนพิกเซลมากกว่าถึงสองเท่า สามารถพิมพ์ภาพได้สูงถึง 693 มม. × 462 มม. ซึ่งเพียงพอสำหรับงานพิมพ์ขนาด A2 นอกจากนี้ คุณยังสามารถครอปภาพได้สูงถึง 50% และเหลือความละเอียดเพียงพอสำหรับงานพิมพ์ขนาด A3
EOS R5: ความละเอียดสูงขึ้นแม้ในโหมดครอป 1.6 เท่า
โหมดครอป 1.6 เท่าในกล้องทั้งสองรุ่นใช้ส่วนหนึ่งของเซนเซอร์ภาพเพื่อเลนส์ใดก็ตาม (เทียบเท่ามุมรับภาพของกล้อง APS-C) ถ่ายภาพได้ไกลขึ้นถึง 1.6 เท่า ข้อแตกต่างด้านพิกเซลยังส่งผลต่อขนาดของไฟล์ภาพที่ถ่ายในโหมดนี้ด้วย
สำหรับกล้อง EOS R6 ไฟล์เหล่านี้มีความละเอียดประมาณ 7.7 ล้านพิกเซล ซึ่งเพียงพอสำหรับการพิมพ์ขนาด A4 และสื่อสิ่งพิมพ์ทางออนไลน์
สำหรับ EOS R5 ไฟล์เหล่านี้มีความละเอียดประมาณ 17.3 ล้านพิกเซล ซึ่งยังคงเพียงพอสำหรับงานพิมพ์ขนาด A3
ข้อสังเกตอื่นๆ:
- DPRAW
EOS R5 รองรับการบันทึก Dual Pixel RAW ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติการประมวลผลแบบใหม่ภายในกล้อง เช่น การปรับแสงในภาพพอร์ตเทรตและการปรับความชัดเจนของฉากหลัง ซึ่งขยายขอบเขตความเป็นไปได้มากมายในกระบวนการปรับแต่งภาพ
- แสงน้อย
EOS R6 มีความสามารถดีกว่าเล็กน้อยในด้านการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย โดยสามารถโฟกัสได้ถึง EV-6.5 (เทียบกับ EV-6.0 ใน EOS R5) และความไวแสง ISO ตามปกติสูงสุดที่ 102,400 (เทียบกับ 51,200 ใน EOS R5)
2. วิดีโอ: 8K กับ 4K
คุณสมบัติมากมายที่ทำให้ EOS R5 และ EOS R6 เป็นกล้องถ่ายภาพนิ่งอันทรงพลังเช่นนี้ยังมีประโยชน์สำหรับการถ่ายวิดีโออีกด้วย เช่น ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัว 8 สต็อปและระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel CMOS AF II ซึ่งรองรับด้วยความละเอียดและอัตราเฟรมทุกรูปแบบในกล้องทั้งสองรุ่น นอกจากโปรไฟล์การบันทึก HDR ระดับมืออาชีพอย่าง Canon Log และ HDR PQ ที่มอบความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นในกระบวนการปรับแต่งภาพแล้ว กล้องทั้งสองรุ่นยังมีฟังก์ชั่นพิเศษที่ใช้สะดวก เช่น Zebra Display โฟกัสพีค และ Manual Focus Guide
ข้อแตกต่างหลักระหว่างกล้องทั้งสองรุ่นคือ ความละเอียดสูงสุดของวิดีโอ
EOS R5: ล้ำหน้าด้วย 8K
EOS R5 เป็นกล้องแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้รุ่นแรกในโลกที่สามารถบันทึกวิดีโอแบบ 8K ได้ (นอกเหนือจากกล้องถ่ายภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ) เพื่อรองรับการถ่ายวิดีโอ 8K ความละเอียดระดับ 8K ยกระดับความเหมือนจริงในวิดีโอขึ้นไปอีกขั้น โดยให้รายละเอียดสมจริงและความมีมิติในลักษณะที่แตกต่างไปจากความเปรียบต่างเหมือนจริงของภาพเคลื่อนไหว HDR และยังมีประโยชน์ในการผลิตวิดีโอดังต่อไปนี้
- มีตัวเลือกการตัดต่อในขั้นตอนหลังการผลิตมากขึ้น (เช่น ครอปเพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหวระดับ 4K ที่มีเอฟเฟ็กต์ Sliding/Parallax)
- การบันทึก RAW แบบ 8K 30p ช่วยให้คุณดึงเอาภาพนิ่งแบบ RAW 35.4 ล้านพิกเซลมาจากแต่ละเฟรมได้ ซึ่งเทียบเท่าการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ RAW ที่ 30 fps
- ความสามารถในการสร้าง 4K แบบสุ่มด้วยความถี่สูง (4K HQ) ซึ่งให้คุณภาพที่สูงกว่า 4K ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าข้อกำหนดของฮาร์ดแวร์ในการตัดต่อ 8K นั้นสูงกว่า 4K มาก
EOS R6: 4K 60p แบบไม่ครอป
EOS R6 จะใช้ความกว้างของเซนเซอร์ภาพ 94% เพื่อถ่ายวิดีโอ 4K UHD แบบไม่ครอปด้วยความเร็วสูงสุดถึง 60p/50p โดยเป็นกล้องฟูลเฟรมตัวแรกในกลุ่มกล้องระดับเดียวกันที่สามารถทำเช่นนี้ได้ และยังสามารถถ่ายฟุตเทจระดับ 4K ที่มีคุณภาพสูงขึ้นผ่านการสุ่มด้วยความถี่สูง 5.1K
* IPB (บีบอัด)
กล้องทั้งสองรุ่นรองรับรูปแบบการบันทึกภายในดังต่อไปนี้
- MP4 H.264/HEVC (YCbCr 4:2:0/ 8-bit/ BT.709)
- MP4 H.265/HEVC HDR PQ (YCbCr 4:2:2/ 10-bit/ BT.2020)
- MP4 H.265/HEVC Canon-Log (YCbCr 4:2:2/ 10-bit/ BT.709 หรือ BT.2020)
- เฉพาะ EOS R5: 8K DCI RAW (12-bit)
ข้อควรรู้: ช่องใส่การ์ดแบบคู่นั้นไม่เหมือนกัน!
EOS R5: การ์ด CFexpress + การ์ด SD
การบันทึกภาพเคลื่อนไหวระดับ 8K ทำให้เกิดข้อมูลปริมาณมาก จึงต้องอาศัยความเร็วสูงในการเขียนของการ์ด CFexpress เพื่อรับมือ (ดูข้อมูลความเข้ากันได้ที่นี่ (ฉบับภาษาอังกฤษ)) ดังนั้น ควรเตรียมซื้อการ์ดประเภทนี้ไว้ ช่องใส่การ์ดแบบคู่ของ EOS R5 รองรับการ์ด CFexpress (Type B) หนึ่งใบและการ์ด SD หนึ่งใบ
EOS R6: ช่องใส่การ์ด SD แบบคู่
ช่องใส่การ์ดแบบคู่ของ EOS R6 ทั้งสองช่องต่างรองรับการ์ด SD ดังนั้น คุณสามารถใช้การ์ดที่มีอยู่เดิมต่อไปได้
ข้อสังเกตอื่นๆ:
- ไมโครโฟนในตัว
EOS R5 มีไมโครโฟนโมโน ในขณะที่ EOS R6 มีไมโครโฟนสเตอริโอ นั่นเป็นเพราะคาดกันว่า EOS R5 จะถูกนำไปใช้กับชุดอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนกว่าซึ่งรวมถึงไมโครโฟนสเตอริโอภายนอก
- ตัวเลือกการบันทึกแบบ 4K
EOS R5 มีคุณสมบัติการบันทึกวิดีโอระดับ 4K DCI และ 4K 120p (อัตราเฟรมสูง)
3. EVF: 5.76 ล้านจุดกับ 3.69 ล้านจุด
EOS R5 มี OLED EVF 5.76 ล้านจุดและอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 120 fps จึงมอบประสบการณ์การรับชมเทียบได้กับช่องมองภาพแบบออพติคอล ในขณะที่ OLED EVF 3.69 ล้านจุดของ EOS R6 มีความชัดเจนเหมือนกันกับ EOS R แต่ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุดถึง 120 fps ซึ่งมากกว่ากล้อง EOS R ถึงสองเท่า
อัตราการรีเฟรชที่สูงขึ้นของทั้ง EOS R5 และ EOS R6 ทำให้มองเห็นภาพได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด แม้ตัวแบบจะเคลื่อนไหวรวดเร็ว
4. วงแหวนและระบบควบคุม: วงแหวนเลือกโหมดกับปุ่มเลือกโหมด
EOS R5 มีปุ่มเลือกโหมดและแผงจอ LCD ด้านบน คล้ายกับ EOS R แผงจอ LCD ด้านบนจะแสดงโหมดการถ่ายภาพและข้อมูลการเปิดรับแสง อีกทั้งสะดวกต่อการตรวจสอบเมื่อติดตั้งกล้องบนขาตั้งกล้อง การลดจำนวนวงแหวนลงช่วยป้องกันฝุ่นละอองและหยดน้ำได้ดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่งคล้ายกับแนวคิดที่ใช้กับกล้อง EOS-1D X Mark III ที่มีสเปคระดับมืออาชีพ
ในขณะที่ EOS R6 ใช้วงแหวนเลือกโหมดแบบดั้งเดิม ซึ่งผู้ใช้บางรายอาจเห็นว่าใช้เปลี่ยนโหมดได้เร็วและง่ายกว่า
นอกเหนือจากข้อแตกต่างที่ว่ามานี้ ผู้ที่ใช้กล้อง EOS ระดับกลางและสูงอยู่แล้วจะพบว่า ทั้งปุ่ม วงแหวน และเลย์เอาต์เมนูของกล้องทั้งสองรุ่นให้ความคุ้นเคยเป็นส่วนใหญ่
ข้อสังเกตอื่นๆ:
- การเชื่อมต่อไร้สาย
EOS R5 รองรับแบนด์ LAN ไร้สายทั้ง 5GHz และ 2.4GHz ในตัว และยังมีตัวเลือกเครือข่ายและการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น รวมถึงความสามารถในการถ่ายภาพเชื่อมต่อกันแบบไร้สายผ่านอุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย WFT-R10 (แยกจำหน่ายต่างหาก) ในขณะที่ EOS R6 รองรับเฉพาะแบนด์ LAN ไร้สาย 2.4GHz เท่านั้น และไม่สามารถใช้งานกับ WFT-R10 ได้
- สามารถใช้แบตเตอรี่กริป BG-R10 กับกล้องทั้งสองรุ่นได้
หากต้องการถ่ายภาพแนวตั้งให้สะดวกขึ้นและ/หรือเพิ่มจำนวนภาพที่สามารถถ่ายได้ก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด ควรใช้แบตเตอรี่กริป BG-R10 (แยกจำหน่ายต่างหาก) กับกล้องทั้งสองรุ่น
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
3 อุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กล้อง EOS R5 และ EOS R6 ของคุณ
5. ขนาดและโครงสร้าง: ภายนอกแบบแมกนีเซียมอัลลอยกับแบบโพลีคาร์บอเนต
EOS R5 และ EOS R6 มีขนาดคล้ายกันมาก
- EOS R5: ประมาณ 138.5 × 97.5 × 88.0 มม. (กว้าง × สูง × ลึก)
- EOS R6: ประมาณ 138.4 × 97.5 × 88.4 มม. (กว้าง × สูง × ลึก)
แต่ EOS R6 มีน้ำหนักประมาณ 598 กรัม (เฉพาะตัวกล้อง) ซึ่งเบากว่า EOS R5 (หนักประมาณ 650 กรัม เฉพาะตัวกล้อง) ราว 52 กรัม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะวัสดุที่ใช้สร้างตัวกล้องแต่ละรุ่น
ทั้ง EOS R5 และ EOS R6 มีดีไซน์ป้องกันฝุ่นละอองและหยดน้ำ กล้องทั้งสองรุ่นเหมือน EOS R ตรงที่สามารถตั้งค่าม่านชัตเตอร์ให้ปิดเมื่อเลนส์ถูกถอดออกไป ซึ่งช่วยปกป้องเซนเซอร์ภาพจากฝุ่นละออง
EOS R5 มีตัวกล้องที่ทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ซึ่งแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก ระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม และมีคุณสมบัติป้องกันแม่เหล็ก กล้องรุ่นนี้จึงเชื่อถือได้สูงแม้แต่ในการใช้งานหนักระดับมืออาชีพ เทียบเท่าได้กับซีรีย์ EOS 5D
สำหรับโครงสร้างของ EOS R6 นั้นคล้ายกับ EOS 6D Mark II และ EOS RP ภายนอกผลิตจากโพลีคาร์บอเนตที่แข็งแรงน้ำหนักเบาและโครงโลหะทำจากแมกนีเซียมอัลลอยที่แข็งแกร่ง โพลีคาร์บอเนตมีความนุ่มพอที่จะช่วยกันการกระแทกกลไกภายในหากกล้องตก และมีรูยึดขาตั้งกล้องโลหะเช่นเดียวกับ EOS R5 เพื่อเพิ่มความมั่นคงและความคงทนยิ่งขึ้น
ข้อสังเกตอื่นๆ:
- ความคงทนของชัตเตอร์
EOS R5 มีอายุการใช้งานชัตเตอร์สูงสุด 500,000 รอบ ส่วน EOS R6 คือ 300,000 รอบ ข้อนี้อาจสำคัญหากคุณถ่ายภาพต่อเนื่องบ่อยๆ
สรุป: เลือกใช้กล้องรุ่นไหนดี
ท้ายที่สุดแล้ว กล้องทั้งสองรุ่นมีความสามารถหลักๆ ที่ดีเยี่ยมในการถ่ายภาพไม่ต่างกัน ซึ่งรวมไปถึง
- การถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 20 fps
- เซนเซอร์ภาพ DIGIC X รุ่นใหม่
- ระบบ Dual Pixel CMOS AF II ที่ได้รับการปรับปรุง
- ระบบการติดตามตัวแบบ EOS iTR AF X รุ่นใหม่ที่ดึงประสิทธิภาพจากเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก และ
- ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวสูงสุดถึง 8 สต็อป
กล้องทั้งสองรุ่นยังอัดแน่นด้วยคุณสมบัติมากมายในการถ่ายวิดีโอ เหมาะกับขั้นตอนหลังการผลิตระดับมืออาชีพ
การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจึงขึ้นอยู่กับความชื่นชอบ สไตล์การถ่ายภาพ และงบประมาณของคุณ แม้ว่า EOS R5 มอบจำนวนพิกเซลสูงกว่าและการถ่ายวิดีโอแบบ 8K รวมถึงประโยชน์อื่นๆ แต่ EOS R6 มีราคาย่อมเยากว่าเล็กน้อยและทรงประสิทธิภาพไม่แพ้กัน โดยมอบสมรรถนะระดับกล้อง DSLR มืออาชีพรุ่นเรือธงอย่าง EOS-1D X Mark III ในตัวกล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรมที่มีขนาดเล็กกว่า เบากว่า และราคาย่อมเยากว่า
ไม่ว่าในที่สุดแล้วคุณจะเลือกกล้องรุ่นไหน คุณก็จะไม่ผิดหวัง
มาดูว่า EOS R5 พลิกโฉมวิธีการถ่ายภาพของช่างภาพทิวทัศน์ได้อย่างไรใน:
ทำไมกล้อง EOS R5 ถึงเป็นกล้องในอุดมคติสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ของผม
ติดตามรีวิวและเคล็ดลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EOS R5 และ EOS R6 ได้ใน https://snapshot.canon-asia.com!
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!