ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ทะยานเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้วย EOS R5 Mark II- Part

EOS R5 Mark II กับ EOS R5: แตกต่างกันอย่างไร [ตอนที่ 2]

2025-02-27
0
53

ในตอนที่ 1 ของบทความจำนวน 2 ตอนนี้ เราได้เปรียบเทียบกำลังการประมวลผล ประสิทธิภาพ AF การถ่ายภาพต่อเนื่อง และแบตเตอรี่ของ EOS R5 กับ EOS R5 Mark II ในตอนที่ 2 นี้ เราจะมาดูความแตกต่างในแง่ของคุณสมบัติสำหรับการถ่ายวิดีโอ คุณภาพของภาพนิ่งและกระบวนการแต่งภาพภายในกล้อง และการเชื่อมต่อ

ในบทความนี้:

 

5. คุณสมบัติสำหรับการถ่ายวิดีโอ

EOS R5 Mark II เพิ่มคุณสมบัติสำหรับการถ่ายวิดีโอขั้นสูงมากมาย ซึ่งรวมถึงระบบไฟล์ที่แตกต่างกันสำหรับรองรับโครงสร้าง XF-AVC/XF-HEVC S เพื่อสนับสนุนขั้นตอนการทำงานระดับมืออาชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ด้วยโครงสร้าง MP4 มาตรฐาน DCF ทั่วไป นอกจากนี้ยังให้อิสระแก่ผู้ใช้มากขึ้นในการตั้งค่าการสุ่มสี ความลึกสี และการเลือกใช้ตัวแปลงสัญญาณต่างๆ การปรับปรุงประสิทธิภาพเหล่านี้ทำให้ขณะนี้กล้องมีสเปคหลายอย่างเหมือนกับกล้อง Cinema EOS จึงผสานการทำงานได้ดีขึ้นเมื่อใช้งานควบคู่กัน

รายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนาและคุณสมบัติใหม่เหล่านี้จะอยู่ในอีกบทความหนึ่งแยกกัน เราได้อธิบายรายละเอียดบางส่วนไว้แล้วใน 7 คุณสมบัติของกล้อง EOS R5 Mark II ที่พลิกโฉมวงการถ่ายภาพ และต่อไปนี้คือสรุปข้อแตกต่างบางส่วนที่คุณอาจมองไม่เห็นในทันทีจากข้อมูลจำเพาะด้านบน


ตัวเลือกการถ่ายภาพที่มีอัตราต่อเฟรมสูง
ผู้ใช้ EOS R5 Mark II จะมีตัวเลือกมากขึ้นในการสร้างวิดีโอสโลโมชั่น โดยสามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุดถึง 4K 120p หรือ 2K 240p ผู้ใช้สามารถเลือกใช้โหมดภาพเคลื่อนไหวอัตราต่อเฟรมสูง ซึ่งจะสร้างวิดีโอที่ไม่มีเสียงและเปิดดูได้ในแบบสโลโมชั่นโดยตรงจากกล้อง (ซึ่งก็คือ ด้วยอัตราเฟรมที่ช้ากว่า) หรือในโหมดการบันทึกแบบธรรมดา ซึ่งรองรับการบันทึกเสียงและเปิดดูในแบบอัตราเฟรมเดียวกับที่บันทึกไว้ และมีไว้สำหรับการตัดต่อตามต้องการในขั้นตอนการปรับแต่งภาพ


วิดีโอ RAW ที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น
EOS R5 Mark II นำเสนอความสามารถในการบันทึกวิดีโอแบบ SRAW แบบ 4K 60p ซึ่งใช้ทรัพยากรน้อยกว่า RAW แบบ 8K และผู้ใช้ยังสามารถบันทึกไฟล์พร็อกซี MP4 DCI 2K พร้อมกันได้อีกด้วย


การตั้งค่าการบีบอัดข้อมูลสีแบบ Colour sampling/ความลึกสี/ตัวแปลงสัญญาณที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
นอกจากมีตัวเลือกแกมมาและ LUT/โปรไฟล์สีมากกว่า EOS R5 แล้ว EOS R5 Mark II ยังให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าตัวแปลงสัญญาณการบันทึกและความลึกสี/Colour sampling ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น ตอนนี้ผู้ใช้สามารถเลือกบันทึกภาพแบบ HDR และวิดีโอ Canon Log 2/3 ได้ในรูปแบบ H.264 ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันได้มากกว่า มีความต้องการในการประมวลผลที่ต่ำกว่า และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสตรีมทางออนไลน์ นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกวิดีโอแบบ SDR (มาตรฐาน) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในรูปแบบของตัวแปลงสัญญาณที่บีบอัดแบบ H.265 ซึ่งใช้อัลกอริทึมการบีบอัดขั้นสูง เพื่อให้คุณภาพของวิดีโอที่ดียิ่งขึ้นด้วยอัตราบิตที่เท่ากันกับ H.264


เวลาการบันทึกที่ยาวนานขึ้น + กริปพัดลมระบายความร้อน
EOS R5 Mark II สามารถบันทึกวิดีโอได้นานขึ้นก่อนที่กล้องจะปิดเครื่องอัตโนมัติเนื่องจากความร้อนภายในกล้อง นอกจากนี้ยังรองรับอุปกรณ์เสริม คือ กริปพัดลมระบายความร้อน CF-R20EP ซึ่งช่วยให้เพิ่มเวลาการบันทึกให้ยาวนานขึ้น

ตารางต่อไปนี้จะเปรียบเทียบเวลาการบันทึกสูงสุดของกล้องที่อุณหภูมิ 23°C เมื่อเปิดกล้อง
หมายเหตุ: เวลาทั้งหมดเป็นระยะเวลาโดยประมาณ

พัดลมระบายความร้อน CF-R20EP เป็นกริปอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้คุณบันทึกวิดีโอได้ยาวนานขึ้น ทั้งยังทำหน้าที่เป็นพอร์ตอีเทอร์เน็ตเพิ่มเติมสำหรับส่งข้อมูลแบบใช้สายความเร็วสูงอีกด้วย


การถ่ายภาพแบบ Dual Shooting ควบคู่กับ Frame Grab
การถ่ายวิดีโอและภาพนิ่งคุณภาพสูงไปพร้อมกันได้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายทำ กล้องทั้งสองรุ่นมีคุณสมบัติ Frame Grab 8K/4K ซึ่งผู้ใช้สามารถดึงภาพคุณภาพสูงแต่ละเฟรมออกมาจากวิดีโอ 8K/4K เพื่อบันทึกเป็นภาพ JPEG/HEIF นอกจากนี้ EOS R5 Mark II ยังมีคุณสมบัติการถ่ายภาพแบบ Dual Shooting ใหม่ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถบันทึกภาพในรูปแบบ JPEG แบบเดี่ยวหรือแบบต่อเนื่องคุณภาพสูง (ประมาณ 33.2 ล้านพิกเซล, 7680 x 4320) ไปยังช่องใส่การ์ดอีกช่องได้พร้อมกันเมื่อบันทึกวิดีโอ Full HD (1920 x 1080)


การจัดวางปุ่มควบคุมและอินเทอร์เฟซ

A: สวิตช์สลับภาพถ่าย/วิดีโอกับสวิตช์เปิด/ปิดที่อยู่บนมุมซ้าย
B: ไฟแสดงการบันทึก
C: ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นกับฐานเสียบแบบดั้งเดิม

อินเทอร์เฟซ HDMI ขนาดใหญ่ของ EOS R5 Mark II ตอบโจทย์ความต้องการที่มีมาอย่างยาวนานของผู้สร้างภาพยนตร์ที่ต้องการการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งและทนทานกว่าอินเทอร์เฟซ micro HDMI ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ในกล้อง EOS R5 Mark II ยังมีการอัปเดตปุ่มควบคุมและอินเทอร์เฟซที่สำคัญสามประการเมื่อเทียบกับ EOS R5

สวิตช์สลับภาพถ่าย/วิดีโอ
EOS R5 Mark II มีสวิตช์สลับภาพถ่าย/วิดีโออยู่บนแผงมุมซ้ายบน และย้ายปุ่มเปิด/ปิดไปที่มุมขวาบนรวมกับวงแหวนเลือกโหมด ทำให้สามารถสลับระหว่างโหมดถ่ายภาพกับวิดีโอได้ง่ายดายขึ้น ซึ่งการจัดวางลักษณะนี้จะเหมือนกับในกล้อง EOS R6 Mark II และ EOS R7

ไฟแสดงการบันทึก
ไฟแสดงการบันทึกแบบใหม่ใน EOS R5 Mark II จะสว่างขึ้นเพื่อให้บุคคลอื่นในกองถ่ายรวมถึงผู้ที่อยู่หน้ากล้องทราบว่ากล้องกำลังบันทึกวิดีโออยู่

ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่น
กล้อง EOS R5 Mark II มีฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นแบบใหม่เช่นเดียวกับกล้อง EOS ส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายหลังเดือนกันยายน 2021 เช่น EOS R3, EOS R6 Mark II และ EOS R7่ ฐานเสียบนี้มีช่องต่อดิจิทัลแบบใหม่ที่มีความสามารถในการติดต่อสื่อสารขั้นสูงและสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์เสริมที่เข้ากันได้ ทำให้สามารถเชื่อมต่อดิจิทัลกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น อะแดปเตอร์ไมโครโฟน XLR ในแบบไร้สาย


ประสิทธิภาพ AF สำหรับวิดีโอ
ประสิทธิภาพ AF ที่ได้รับการปรับปรุงของ EOS R5 Mark II เมื่อเทียบกับ EOS R5 ทำให้การโฟกัสอัตโนมัติดียิ่งขึ้นและการติดตามวัตถุแม่นยำยิ่งขึ้นขณะถ่ายวิดีโอ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ EOS R5 Mark II: ทดสอบการถ่ายภาพและวิดีโอในสังเวียนมวย

 

6. คุณสมบัติการวัดแสงและการปรับแต่งภาพในกล้อง

EOS R5 Mark II เพิ่มคุณสมบัติการลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์กและ In-camera Upscaling ใหม่ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพอื่นๆ อย่างไรก็ตาม มีการนำคุณสมบัติบางอย่างที่มีอยู่ใน EOS R5 ออกด้วยเช่นกัน ดังที่แสดงไว้ในรายการด้านบน


EOS R5 Mark II: การวัดแสงอัตโนมัติและสมดุลแสงขาวที่ดียิ่งขึ้น

EOS R5 Mark II มีระบบการวัดแสงที่แม่นยำกว่า EOS R5 และมีโซนการวัดแสงมากกว่าสูงสุดถึง 16 เท่า โดยสูงสุดถึง 6144 โซน (96x64) ในระหว่างการถ่ายภาพนิ่ง และสูงสุด 5184 โซน (96 x 54) ในระหว่างการบันทึกวิดีโอ UHD เมื่อเทียบกับ 384 โซนของ EOS R5 สำหรับการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ ทำให้กล้องสามารถวัดแสงและตั้งค่าสมดุลแสงขาวได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวัตถุมีขนาดเล็กในเฟรมภาพ

*เมื่อถ่ายภาพนิ่ง สำหรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหว DCI: 4800 โซน (96x50), UHD: 5184 โซน (96x54)

ขณะที่ทั้ง EOS R5 และ EOS R5 Mark II ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อปรับปรุงการตั้งค่าสมดุลแสงขาว แต่ EOS R5 Mark II มีอัลกอริทึมใหม่ที่ปรับปรุงสมดุลแสงขาวและความแม่นยำของการวัดแสงอัตโนมัติให้ดีขึ้น โดยเฉพาะกับท้องฟ้าที่มีเมฆครึ้มและสีผิวของมนุษย์ ผู้ใช้จึงได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อปล่อยให้กล้องทำหน้าที่วัดแสงและ/หรือตั้งค่าสมดุลแสงขาว


การบันทึกภาพนิ่งแบบ HDR

EOS R5 สามารถสร้างภาพนิ่งที่มีช่วงไดนามิกสูงขึ้นจากกล้องโดยตรงได้สองวิธี ดังนี้

- การบันทึกแบบ HDR PQ ซึ่งบันทึกภาพเป็นไฟล์ HEIF 10 บิตโดยใช้แกมมา PQ ซึ่งจะรักษาข้อมูลโทนสีได้มากกว่าไฟล์ JPEG 8 บิตทั่วไป และมองเห็นได้ชัดแม้จะไม่ผ่านการปรับแต่ง
- โหมด HDR ซึ่งได้จากการถ่ายภาพคร่อมสามภาพและนำมารวมเข้าด้วยกันเป็นไฟล์ JPEG
ใน EOS R5 Mark II สามารถบันทึกภาพนิ่ง HDR เป็นไฟล์ HDR PQ HEIF ได้ แม้ไม่มีโหมด HDR อย่างไรก็ตาม กล้องยังมีโหมดวิดีโอ HDR อยู่ และรองรับแกมมา HLG และ PQ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตวิดีโอ HDR ระดับมืออาชีพ


การเพิ่มความละเอียดของภาพ

กล้องทั้งสองรุ่นมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความละเอียดของภาพ ได้แก่ โหมด IBIS High Resolution ใน EOS R5 ซึ่งเพิ่มเข้ามาในการอัปเดตเฟิร์มแวร์ และ In-camera Upscaling ใน EOS R5 Mark II โดยคุณสมบัติทั้งสองนี้จะทำงานในลักษณะที่แตกต่างกัน ดังที่สรุปไว้ต่อไปนี้

ขณะที่คุณสมบัติของ EOS R5 ให้ภาพที่มีจำนวนพิกเซลมากขึ้น (ประมาณ 400MP เทียบกับ EOS R5 Mark II ที่มีประมาณ 179MP) คุณสมบัติของ EOS R5 Mark II ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมและสร้างภาพได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าภาพต้นฉบับ คุณสมบัติของ EOS R5 เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ควบคุมได้โดยที่ตัวแบบอยู่นิ่ง และผู้ใช้จะต้องมั่นใจว่ากล้องมีความเสถียรตลอดระยะเวลาการถ่ายภาพโดยไม่ต้องพึ่งพาระบบป้องกันภาพสั่นไหวในกล้องหรือในเลนส์


การซ้อนโฟกัส

กล้องทั้งสองรุ่นมีฟังก์ชั่นการซ้อนโฟกัสในตัวกล้อง ซึ่งกล้องจะถ่ายภาพตามจำนวนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยใช้ตำแหน่งโฟกัสที่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม EOS R5 Mark II ยังสามารถรวมภาพเข้าด้วยกันภายในกล้องด้วยคุณสมบัติ Depth Compositing


เฉพาะในกล้อง EOS R5: DPRAW และฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้อง

DPRAW (Dual Pixel RAW) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในกล้อง EOS 5D Mark IV เป็นวิธีการบันทึก RAW ที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลการตัดส่วนภาพ (Parallax) ที่เก็บโดยโครงสร้างพิกเซล Dual Pixel CMOS AF ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแต่งภาพให้ดียิ่งขึ้นโดยใช้วิธีที่ไม่สามารถทำได้ในการบันทึก RAW แบบดั้งเดิมหรือ CRAW เช่น การปรับแสงในภาพพอร์ตเทรตและการปรับความชัดเจนของฉากหลัง ทั้งนี้ ฟังก์ชั่น DPRAW จะมีให้ใช้งานใน EOS R5 แต่ไม่มีใน EOS R5 Mark II


หมายเหตุ: คุณสมบัติใหม่อื่นๆ ของ EOS R5 Mark II

- การลดจุดรบกวนด้วยนิวรัลเน็ตเวิร์ก
ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อลดจุดรบกวนได้ดียิ่งขึ้นเมื่อปรับแต่งภาพ RAW ในกล้อง

- การตรวจจับภาพเบลอ/อยู่นอกระยะโฟกัส
คุณสมบัตินี้ใช้ได้กับการถ่ายภาพ JPEG/HEIF ในโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อช่างภาพงานอีเวนต์/กีฬาและผู้ใช้อื่นๆ ที่ถ่ายภาพบุคคลแบบต่อเนื่องจำนวนมากและต้องเรียงลำดับและนำเสนอภาพโดยเร็วที่สุด คุณสมบัตินี้จะตรวจจับและทำเครื่องหมายภาพบุคคลที่เบลอหรืออยู่นอกระยะโฟกัสเพื่อคัดเลือกภาพได้ง่ายขึ้น

 

7. การเชื่อมต่อ

EOS R5 Mark II มีคุณสมบัติการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการถ่ายโอนไฟล์ภาพถ่ายและวิดีโอจากกล้องโดยตรง


โปรโตคอล Wi-Fi

EOS R5 Mark II มีเทคโนโลยี Wi-Fi 6/6E* ที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้น กินไฟน้อยลง และรองรับโปรโตคอลความปลอดภัยเครือข่าย WPA3 ล่าสุด ขณะที่ EOS R5 ยังคงใช้เทคโนโลยี Wi-Fi 5 รุ่นเก่า

กล้องทั้งสองรุ่นรองรับแบนด์ทั้ง 5GHz และ 2.4GHz แบบไร้สาย เทคโนโลยีบลูทูธพลังงานต่ำ (BLE) และการถ่ายโอนข้อมูล FTP/FTP-S ความเร็วสูง นอกจากนี้ EOS R5 Mark II ยังรองรับการถ่ายโอน SFTP และ 2x2 MIMO (multiple-input and multiple-output) ในขณะที่ EOS R5 สามารถรองรับได้เช่นกัน แต่ต้องใช้อุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย WFT-R10 เท่านั้น

*เฉพาะรุ่น 6GHz เท่านั้น


โปรโตคอลอีเทอร์เน็ต (LAN แบบใช้สาย)

กล้องทั้งสองรุ่นไม่มีพอร์ตอีเทอร์เน็ตในตัว และต้องมีอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมต่อ LAN แบบใช้สาย

EOS R5 Mark II มีอุปกรณ์เสริมสองอย่างให้เลือก: 
- แบตเตอรี่กริป BG-R20EP (พร้อมอีเทอร์เน็ต)
- พัดลมระบายความร้อน CF-R20EP

อุปกรณ์เสริมสองอย่างนี้จะช่วยสนับสนุนโปรโตคอลอีเทอร์เน็ต 2.5G BASE-T ให้ทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน EOS R5 ต้องใช้อุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย WFT-R10 สำหรับการเชื่อมต่อ LAN แบบมีสาย


ฟังก์ชั่นการใช้งาน

โดยทั่วไป EOS R5 Mark II มีฟังก์ชั่นการทำงานมากขึ้นโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม ซึ่งคุณสมบัติหลักๆ มีดังต่อไปนี้

การถ่ายโอนไฟล์ผ่าน Camera Connect และ Content Transfer Professional
กล้องทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายและการถ่ายโอนไฟล์ไปยังสมาร์ทโฟนผ่านแอป Camera Connect และ Content Transfer Professional อย่างไรก็ตาม EOS R5 Mark II ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบใช้สายความเร็วสูงและการถ่ายโอนข้อมูลผ่านสาย USB-C เพิ่มเติม นอกจากนี้ EOS R5 Mark II ยังรองรับการถ่ายทอดสดผ่าน Camera Connect ได้เช่นกัน

การถ่ายภาพแบบเชื่อมโยงกันและการซิงค์เวลา
EOS R5 Mark II รองรับการถ่ายภาพแบบเชื่อมโยงกันและการซิงค์เวลาด้วยกล้องตัวรับสูงสุด 10 ตัวผ่าน LAN ไร้สายทันที ในขณะที่ EOS R5 ต้องใช้อุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย WFT-R10

 

สรุป

ในแง่ของคุณสมบัติและประสิทธิภาพการทำงาน EOS R5 Mark II ได้รับการปรับปรุงอย่างมากจนมีความสามารถที่เหนือกว่า EOS R5 ทำให้ช่างภาพแอคชั่น สัตว์ป่า และไฮบริด ผู้ผลิตวิดีโอระดับมืออาชีพ รวมถึงช่างภาพและช่างบันทึกภาพวิดีโอโฆษณาและบรรณาธิการจะได้รับประโยชน์จากกล้องรุ่นนี้อย่างแน่นอน

แต่กระนั้น EOS R5 ก็ยังคงเป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และผู้ที่เป็นเจ้าของ EOS R5 อยู่อาจยังต้องการใช้งาน EOS R5 ต่อไปหากไม่ได้ถ่ายภาพเคลื่อนไหว สัตว์ป่า หรือวิดีโอ หรือใช้ฟังก์ชั่นเพียงไม่กี่อย่างที่นำออกจาก EOS R5 Mark II ไปแล้ว นอกเหนือจากนั้น นับว่า EOS R5 Mark II เป็นกล้องที่มีประโยชน์สูงมากเนื่องจากมีคุณสมบัติและความสามารถที่หลากหลาย

 

ในกรณีที่คุณพลาดไป โปรดอ่าน ตอนที่ 1 เกี่ยวกับการเปรียบเทียบคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพหลักของกล้อง เช่น AF และการถ่ายภาพต่อเนื่อง

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา