ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการถ่ายภาพในเมืองสไตล์ขาวดำ
รู้หรือไม่ว่าคุณสามารถใช้กล้อง Canon ถ่ายภาพขาวดำได้ นี่เป็นสิ่งที่ Ryan Cheng ช่างภาพ EOS Xplorer ประจำ Canon Singapore ทำอยู่บ้าง และจะมาแบ่งปันเคล็ดลับรวมถึงเกร็ดความรู้ให้เราในบทความนี้ (ภาพโดย Ryan Cheng และเรื่องจากประสบการณ์ที่ได้เล่าให้ทีมงาน SNAPSHOT ฟัง)
EOS R6 + RF24-105mm f/4-7.1 IS STM ที่ f/8, 1/500 วินาที, ISO 800/ รูปแบบภาพ: ภาพขาวดำที่ผ่านการปรับแต่งเล็กน้อย
ความงดงามของภาพขาวดำ
ภาพถ่ายขาวดำนั้นมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เพราะไม่เพียงแต่ดูเป็นอมตะและอยู่เหนือกาลเวลาเท่านั้น แต่บ่อยครั้งยังเผยให้เห็นอะไรบางอย่างในฉากที่คุณอาจมองข้ามไปหากเป็นภาพสี นั่นเป็นเพราะเมื่อคุณทำให้สีสันต่างๆ หายไป ภาพนั้นจะดูเรียบง่ายขึ้น จึงดึงความสนใจของคุณไปที่โทนสี รูปทรง ลวดลาย รายละเอียด และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ ซึ่งอาจไม่สะดุดตานักหากอยู่ในภาพสี
ตัวอย่างเช่น ลองเปรียบเทียบภาพเดียวกันใน 2 เวอร์ชันด้านล่าง
ภาพขาวดำ
ภาพสี
ทั้งสองภาพ: EOS R7 + RF-S18-45mm ที่ 18 มม., f/6.3, 1/1250 วินาที, ISO 2000
ในภาพขาวดำ ความสนใจของเราถูกดึงไปที่แนวเส้นและลวดลายบนด้านหน้าอาคาร รวมถึงลักษณะที่เส้นและลวดลายนั้นตัดกับเงาดำของนกที่บินอยู่ เส้นนำสายตาดูเด่นชัดมากกว่า ทำให้ภาพดูมีความลึกยิ่งขึ้น แม้แต่ตัวอาคารก็ดูสูงขึ้นด้วย! แต่องค์ประกอบเหล่านี้จะเห็นได้ไม่ชัดนักเมื่ออยู่ในภาพสี เพราะท้องฟ้าสีครามจะดึงสายตาของเราไปแทน
ทำไมจึงควรถ่ายภาพขาวดำ (แทนที่จะนำไปปรับแต่งในภายหลัง)
ทำไมจึงควรถ่ายภาพขาวดำ
แม้คุณสามารถถ่ายภาพสีแล้วแปลงเป็นขาวดำในขั้นตอนการปรับแต่งภาพ แต่การได้เห็นฉากในเวอร์ชันขาวดำผ่านช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์หรือจอ LCD ด้านหลังนั้นเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง คุณจะเห็นสิ่งที่ไม่เด่นชัดนักหากอยู่ในภาพสีได้ทันที ซึ่งทำให้คุณสามารถตอบสนองด้วยการจัดองค์ประกอบภาพหรือเปิดรับแสงให้ต่างออกไป จึงช่วยให้คุณถ่ายภาพได้อย่างสร้างสรรค์มากขึ้น
EOS R6 + RF50mm f/1.8 STM ที่ f/3.5, 1/500 วินาที, ISO 6400/ รูปแบบภาพ: ภาพขาวดำ
ภาพสี
ฉากด้านบนมีองค์ประกอบหลายอย่างที่เป็นสีเหลือง ซึ่งคงจะเหมาะมากหากธีมคือ “สีเหลือง” เพราะจริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่ดึงความสนใจของผู้ชมไปจากเรื่องราวในภาพนี้! การถ่ายภาพขาวดำจะทำให้สิ่งที่ดูรกตาหายไป โฟกัสจึงอยู่ที่ตัวแบบหลัก ซึ่งก็คือแม่ค้าขายปลาสวมหมวกทรงสามเหลี่ยมและเสื้อกันฝนที่กำลังเข็นรถเข็น
การตั้งค่ากล้อง: “มองเห็น” ภาพขาวดำผ่านกล้อง Canon
คุณมีวิธี “มองเห็น” ภาพขาวดำผ่านกล้องของคุณ 2 วิธีดังนี้
- ฟิลเตอร์สร้างสรรค์: ภาพเกรนแบบขาว/ดำ
- รูปแบบภาพ: ภาพขาวดำ
“ฟิลเตอร์สร้างสรรค์: ภาพเกรนแบบขาว/ดำ” จะเพิ่มเม็ดเกรนลงในภาพและสร้างเอฟเฟ็กต์ดิบๆ สไตล์กรันจ์ นับว่าเป็นโหมดเจ๋งๆ ที่น่าเอาไปลองใช้! แต่วิธีนี้จะบันทึกไฟล์ในรูปแบบ JPEG เท่านั้น
หากคุณต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นทั้งในการถ่ายภาพและการปรับแต่ง ให้ใช้ “รูปแบบภาพ: ภาพขาวดำ” ผมใช้โหมดนี้ถ่ายภาพสำหรับบทความนี้แล้วนำไปปรับแต่งเล็กน้อย
ความแตกต่างระหว่าง “ฟิลเตอร์สร้างสรรค์: ภาพเกรนแบบขาว/ดำ” กับ “รูปแบบภาพ: ภาพขาวดำ”
ฟิลเตอร์สร้างสรรค์: ภาพเกรนแบบขาวดำ
(ภาพที่ได้จากกล้อง)
- ไฟล์แบบ JPEG เท่านั้น
- ปรับความเปรียบต่างได้ 3 ระดับ
รูปแบบภาพ: ภาพขาวดำ
(ภาพที่ได้จากกล้อง)
- รองรับการบันทึกแบบ RAW
- ปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์อย่างละเอียดได้หลากหลาย
เคล็ดลับระดับมือโปร: ใช้ฟิลเตอร์สร้างสรรค์จากตัวเลือกในเมนู
คุณสามารถเปิดใช้งานฟิลเตอร์สร้างสรรค์ได้ 2 วิธีคือ ผ่านวงแหวนเลือกโหมดและจากปุ่ม MENU ขอให้เลือกวิธีที่ใช้ปุ่ม MENU เสมอ (ตามรายละเอียดด้านล่าง) “ฟิลเตอร์สร้างสรรค์” ในวงแหวนเลือกโหมดเป็นโหมดการเปิดรับแสงแบบอัตโนมัติ คุณจึงไม่สามารถควบคุมค่าการเปิดรับแสงได้
วิธีตั้งค่า “ฟิลเตอร์สร้างสรรค์: ภาพเกรนแบบขาวดำ” และควบคุมค่าการเปิดรับแสง
ขั้นตอนที่ 1
กดปุ่ม MENU
ไปที่ “ถ่ายภาพด้วยฟิลเตอร์สร้างสรรค์” ในเมนูสีแดง
ขั้นตอนที่ 2
เลือก “ภาพเกรนแบบขาวดำ”
ขั้นตอนที่ 3
กดปุ่ม INFO เพื่อควบคุมระดับความเปรียบต่าง
สามารถควบคุมค่าการเปิดรับแสงได้ตามต้องการ
วิธีตั้งค่า “รูปแบบภาพ: ภาพขาวดำ
ขั้นตอนที่ 1
กดปุ่ม “Q” ในกล้องเพื่อแสดงเมนู Quick Control ซ้อนขึ้นมา
ขั้นตอนที่ 2
แตะที่/เข้าไปที่ไอคอน “รูปแบบภาพ” เลือกไอคอนที่มีตัว “M” เพื่อเปิดใช้งานการตั้งค่า “ภาพขาวดำ”
ขั้นตอนที่ 3 (ไม่ต้องทำก็ได้)
กดปุ่ม “INFO” ในกล้องเพื่อให้ปรับค่าต่างๆ อย่างละเอียด
วิธีอื่นๆ: ปุ่ม MENU
นอกจากนี้ คุณสามารถเข้าถึงการตั้งค่ารูปแบบภาพผ่านทางปุ่ม MENU ซึ่งน่าจะอยู่ในเมนูสีแดง
การตั้งค่ารูปแบบภาพแบบละเอียด
คุณสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบภาพได้หลายวิธีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการยิ่งขึ้น ซึ่งต่อไปนี้คือการตั้งค่าที่ผมมักจะใช้บ่อยๆ
- ความคมชัด (ความเข้ม): 7
ทำให้ภาพมีความละเอียดมากขึ้น
- ความเปรียบต่าง: +4
ผมชอบถ่ายภาพความเปรียบต่างสูง
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งค่าอื่นๆ เช่น
- เอฟเฟ็กต์ฟิลเตอร์
เพิ่มความสว่างของบางสีเพื่อให้ดูเด่นมากขึ้น
- เอฟเฟ็กต์โทนสี
ช่วยเปลี่ยนโทนสีของทั้งภาพ เช่น ซีเปีย
ลองใช้เอฟเฟ็กต์ในระดับต่างๆ และผสมผสานกันเพื่อค้นหาสไตล์ที่คุณชื่นชอบ!
ข้อควรรู้: คุณสามารถใช้ทั้ง “ฟิลเตอร์สร้างสรรค์: ภาพเกรนแบบขาว/ดำ” และ “รูปแบบภาพ: ภาพขาวดำ” กับภาพในกล้องหลังจากถ่ายภาพแล้ว
เคล็ดลับในการเริ่มต้นถ่ายภาพขาวดำ
เคล็ดลับในการเริ่มต้นถ่ายภาพขาวดำ
1. ก่อนอื่น ให้คุณมองหาสิ่งต่อไปนี้
- แสงและเงา
- เส้นและลวดลาย
หากถ่ายภาพในเวลากลางคืน ให้มองหาแหล่งกำเนิดแสง เช่น เสาไฟบนถนนและป้ายนีออน จากนั้นให้รอจังหวะถ่ายภาพในบริเวณนั้น เพราะคุณต้องใช้แหล่งกำเนิดแสงเหล่านี้หากต้องการถ่ายภาพขาวดำตอนกลางคืนให้ดูน่าประทับใจ!
EOS R6 + RF24-105mm f/4-7.1 IS STM ที่ 94 มม., f/7.1, 1/1600 วินาที, ISO 800
ภาพสี
เมื่อถ่ายภาพนี้แบบขาวดำ รูปทรงและลวดลายในอาคารและเงาต่างๆ กลับเห็นได้ชัดเจนกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอาจจะไม่สังเกตหรือคิดว่าสมควรถ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเดินผ่านสถานที่เดิมๆ ทุกวัน!
2. อย่ากลัวที่จะเปิดรับแสงน้อยลงหรือมากขึ้น
คุณอาจต้องทำให้ส่วนที่มืดดูมืดกว่าเดิมหรือทำให้ส่วนที่สว่างดูสว่างขึ้นไปอีก เพื่อให้เห็นรูปทรงและพื้นผิวต่างๆ ได้ชัดขึ้น ในภาพนี้ ผมตั้งค่าการเปิดรับแสงให้ต่ำกว่าที่ควร 1 สต็อป เพื่อให้ตึกที่อยู่ในแบ็คกราวด์ได้รับแสงในระดับที่เหมาะสม วิธีนี้ทำให้รายละเอียดทางเดินที่ดูรกตาหายไป จึงมองเห็นรูปทรงและแนวเส้นของทางด่วนที่อยู่ด้านบนได้ง่ายขึ้น
คำถามที่พบบ่อย: ควรใช้ค่าการเปิดรับแสงเท่าใดในการถ่ายภาพสตรีทและภาพในเมือง
ตอบ: ควรเริ่มต้นโดยใช้รูรับแสงแคบๆ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
หากเป็นการถ่ายภาพสตรีทหรือภาพในเมืองตอนกลางวัน มักจะต้องใช้ระยะชัดที่กว้างกว่าปกติเพื่อให้องค์ประกอบสำคัญอยู่ในโฟกัส ผมจึงมักเริ่มต้นด้วยรูรับแสงแคบๆ ก่อน นั่นคือ f/8 ถึง f/16 แล้วค่อยปรับตามความเหมาะสม
ความเร็วชัตเตอร์จะขึ้นอยู่กับแต่ละฉากและจุดประสงค์ในการถ่ายภาพของคุณ ต้องถามตัวเองว่ามีองค์ประกอบที่เคลื่อนไหวอยู่หรือไม่ ถ้ามี คุณอยากให้องค์ประกอบนั้นดูหยุดนิ่งหรือสร้างภาพเบลอจากการเคลื่อนไหว
เรามักจะอยากตั้งค่าความไวแสง ISO ให้ต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเม็ดเกรนในภาพ แม้ว่าเม็ดเกรนอาจเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับภาพ แต่การเพิ่มเม็ดเกรนเข้าไปในภาพที่คมชัดนั้นทำได้ง่ายกว่าการลบเม็ดเกรนออกจากภาพที่มีจุดรบกวนเสมอ
เคล็ดลับระดับมือโปร: หากคุณไม่คุ้นเคยกับโหมด M ควรใช้โหมดกึ่งอัตโนมัติและการชดเชยแสง
อย่าไปคิดว่าต้องใช้โหมดตั้งค่าระดับแสงด้วยตนเองถึงจะเป็น “ช่างภาพที่เก่ง” เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการถ่ายภาพให้ถูกจังหวะ ซึ่งคุณอาจพลาดได้ถ้ามัวแต่วุ่นอยู่กับการตั้งค่า ดังนั้น เลือกใช้โหมด Av, Tv, Fv หรือแม้แต่โหมด P แล้วปล่อยให้กล้องจัดการเรื่องทางเทคนิคได้เลย และคุณยังคงสามารถเปิดรับแสงให้น้อยลงหรือมากขึ้นได้ตามต้องการด้วยการชดเชยแสง
3. สังเกตดูว่าแสงในสถานที่ที่คุณผ่านแต่ละวันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ผมมักจะลงพื้นที่หาสถานที่ถ่ายภาพงานแต่ง จึงติดนิสัยชอบสังเกตรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ที่อาจทำให้ภาพของผมดูแตกต่างออกไป ซึ่งรวมถึงแสงและเงาในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน
การฝึกสายตาให้สังเกตสิ่งเหล่านี้ใช้เวลาพอสมควร แต่คุณสามารถเริ่มต้นได้โดยสังเกตสภาพแสงขณะทำกิจวัตรประจำวัน เลือกสถานที่ที่คุณผ่านไปบ่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน หรืออาจเป็นเส้นทางที่คุณชอบไปวิ่งจ๊อกกิ้ง คอยดูว่าแสงและเงาเปลี่ยนไปอย่างไรในช่วงเวลาต่างๆ ของวันและตลอดทั้งปี ใช้ “รูปแบบภาพ: ภาพขาวดำ” เพื่อช่วยให้เห็นภาพว่าการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้จะดูเป็นอย่างไรในสไตล์ขาวดำ!