ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

[ตอนที่ 3] ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านและการพัฒนา – เลนส์สำหรับกล้องความละเอียดสูง

2014-08-28
1
2.94 k
ในบทความนี้:

ในเดือนเมษายน 2014 ยอดการผลิตเลนส์ EF จาก Canon มียอดทะลุสถิติ 100 ล้านชิ้น ระบบเมาท์เลนส์ใหม่ชนะใจช่างภาพด้วยระบบควบคุมเชิงกลไกที่แตกต่างจากเมาท์เลนส์ FD แบบเดิมได้อย่างไร บทความตอนที่ 3 นี้จะเล่าถึงความประวัติการเปลี่ยนแปลงพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น (เรื่องโดย: Kazunori Kawada)

หน้า: 1 2

 

ระยะที่ 3: ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านและการพัฒนา - เลนส์สำหรับกล้องความละเอียดสูง

Canon ร่วมมือกับ Kodak เปิดตัวกล้อง DSLR รุ่นหนึ่งในปี 1995 โดยมีบอดี้กล้อง EOS ของ Canon เป็นโครงหลัก การเปิดตัวครั้งนั้นเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากกล้องฟิล์มซึ่งเป็นที่นิยมมาสู่ยุคกล้องดิจิตอล แม้ว่าสัดส่วนการใช้กล้อง EOS แบบดิจิตอลกำลังเติบโตขึ้น ความเข้ากันของเลนส์ EF สำหรับกล้องฟิล์มกลับไม่ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ใดๆ อาจเป็นเพราะจำนวนพิกเซลในช่วงเริ่มแรกค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม กล้องดิจิตอลต่างกับกล้องฟิล์ม คือมีเซนเซอร์ภาพที่พื้นผิวราบเรียบจึงไวต่อการสะท้อนภายในเลนส์ เพื่อจัดการกับปัญหานี้ จึงมีการนำเลนส์ใหม่มาใช้กับการเคลือบสารป้องกันการสะท้อนอีกชั้นหนึ่งซึ่งให้ประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน ในช่วงนั้นยังเห็นได้ว่าจำนวนพิกเซลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแม่แบบ ด้วยการคาดคะเนว่ายุคของกล้องความละเอียดสูงจะเริ่มต้นขึ้น Canon จึงเริ่มนำการออกแบบเลนส์ EF ที่มีระดับสมรรถนะด้านความละเอียดสูงกว่าในยุคกล้องฟิล์มอย่างมากมาใช้ ปี 2004 ซีรีย์เลนส์ EF-S เปิดตัวต่อตลาดพร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างเลนส์ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการใช้งานกับกล้อง APS-C ซึ่งเป็นที่นิยมในเวลานั้น

คุณสมบัติของเลนส์ EF ข้อที่ 1 - SWC

 
  1. แสงที่ตกกระทบ
  2. อากาศ
  3. SWC
  4. กระจก

SWC (Subwavelength Structure Coating) คือ เทคโนโลยีที่สร้างโครงสร้างนาโนเป็นรูปลิ่มผิวเลนส์ เล็กกว่าคลื่นแสงบนผิวเลนส์เพื่อป้องกันการสะท้อน โดยเทคโนโลยีนี้สามารถแก้ไขปัญหาแสงเข้าที่มีมุมตกกระทบกว้าง และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการสะท้อนของแสงในเลนส์มุมกว้างซึ่งมีความโค้งมนมาก

 
 

คุณสมบัติ Image Stabilizer (IS) ถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1995 มีการพัฒนาควบคู่กับกล้องดิจิตอล เนื่องจากการสั่นไหวของกล้องกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นเมื่อความละเอียดของกล้องดิจิตอลสูงขึ้นเมื่อเทียบกับกล้องฟิล์ม ผลจากการแก้ไขของระบบ IS ในครั้งแรกนั้นเทียบเท่ากับความเร็วชัตเตอร์สองสต็อป จากนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับการพัฒนาครั้งสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา ในเวลานั้น มีการเปิดตัว “EF100mm f/2.8L Macro IS USM” ในปี 2009 “ระบบ IS แบบไฮบริด” ถูกนำมาใช้ โดยสามารถแก้ไขการสั่นในแนวดิ่ง นอกเหนือจากการสั่นแบบมุมองศาทั่วไป คุณสมบัติ Image Stabilizer ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้แทบไม่ส่งผลใดๆ เมื่อใช้ในการถ่ายภาพโคลสอัพ อย่างไรก็ตาม การถ่ายภาพมาโครสามารถใช้ประโยชน์จากระบบ IS แบบไฮบริดใหม่นี้ได้เนื่องจากระบบนี้ช่วยขยายศักยภาพในการถ่ายภาพแบบถือด้วยมือได้อย่างชัดเจน สำหรับภาพถ่ายที่ประกอบด้วยตัวแบบต่างๆ เช่น แมลง ซึ่งลำบากต่อการใช้ขาตั้งกล้อง
ตามที่กล่าวไปแล้ว สมรรถนะด้านความละเอียดของเลนส์ที่เปิดตัวใหม่ได้ผ่านการพัฒนาเพื่อให้ได้จำนวนพิกเซลที่สูงขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้ว การทำเช่นนั้นอาจทำให้เลนส์หนักและเทอะทะยิ่งกว่าเดิม เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Canon ดำเนินการพัฒนาการออกแบบให้มีน้ำหนักเบาอย่างมากจนสำเร็จ โดยการนำแมกนีเซียมอัลลอย ซึ่งเป็นวัสดุที่เบาและทนทานมาใช้สร้างเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ที่มีทางยาวโฟกัสยาวกว่า 300 มม. เลนส์รุ่นนี้ได้กวาดรีวิวที่แสดงความพึงพอใจจากบรรดาช่างภาพกีฬา ซึ่งจำเป็นต้องใช้เลนส์เทเลโฟโต้ระดับนี้เป็นประจำ นอกจากคุณภาพของภาพที่สูงแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่นำมาสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเลนส์ EF คือ ความใส่ใจพิจารณาตำแหน่งท่าทางของผู้ใช้อย่างพิถีพิถัน

คุณสมบัติของเลนส์ EF ข้อที่ 2 - ระบบ IS แบบไฮบริด

 

 

ระบบ IS แบบไฮบริดแก้ไขการสั่นไหวทั้งในมุมองศาทั่วไปและในแนวดิ่ง

ระบบ IS แบบไฮบริดสามารถแก้ไขการสั่นในแนวดิ่งได้เช่นกัน จึงสามารถนำมาใช้ในการถ่ายภาพมาโครซึ่งไวต่อการสั่นไหวในแนวดิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 
 

คุณสมบัติของเลนส์ EF ข้อที่ 3 - Stepping Motor (STM)

 

 

ชนิดเฟือง

 

ชนิดลีดสกรู

 

Stepping Motor มีการตอบสนองการเริ่มต้นและสิ้นสุดการถ่ายที่ดีเยี่ยม และทำงานอย่างเงียบเชียบ เพราะมีกลไกที่ไม่ซับซ้อน สะดวกในการถ่ายฉากต่างๆ ที่ไม่ต้องการให้มีเสียงระบบขับเคลื่อน AF อย่างมาก เช่น ระหว่างการถ่ายภาพยนตร์ Stepping Motor มี 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดเฟืองและชนิดลีดสกรู แต่ละชนิดเหมาะกับเลนส์ที่มีขนาดและลักษณะเฉพาะต่างกันไป

 

เลนส์ EF ที่ต้องจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ - EF200-400mm f/4L IS USM Extender 1.4x

 

ด้วยตัวขยายช่องมองภาพขนาด 1.4 เท่าในตัว เลนส์นี้จึงใช้เป็นเลนส์ 280-560mm f/5.6 ได้ด้วย เทคโนโลยีเลนส์จาก Canon ทั้งหมดถูกนำมาใช้ในการพัฒนาเลนส์ตัวนี้ ทั้งชิ้นเลนส์ฟลูออไรต์และชิ้นเลนส์ UD, Image Stabilizer, USM, SWC และสารเคลือบฟลูออไรต์ และยังเป็นเลนส์ EF ตัวที่ 100 ล้านที่ Canon ทำการผลิตอีกด้วย

 
 
 

ลำดับเวลาการพัฒนาเลนส์ EF - ตอนที่ 3 [มีนาคม 2006 -มิถุนายน 2014]

มีนาคม 2006

เปิดตัว “EF85mm f/1.2L II USM” ซึ่งใช้ EMD (ไดอะแฟรมแม่เหล็กไฟฟ้า) พร้อมการเคลือบและโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อลดความคลาดเคลื่อนอย่างเหมาะสมที่สุด

 
 
 
พฤษภาคม 2006

เปิดตัว “EF-S17-55mm f/2.8 IS USM” ที่มีคุณภาพภาพถ่ายสูงและเส้นผ่าศูนย์กลางเลนส์ขนาดใหญ่ด้วยชิ้นเลนส์แก้ไขความคลาดทรงกลมและชิ้นเลนส์ UD

 
 
 
พฤศจิกายน 2006

เปิดตัว “EF70-200mm f/4L IS USM” ซึ่งเพียบพร้อมด้วยคุณภาพของภาพถ่ายระดับสูงและคุณสมบัติ IS ที่สะดวกแก่การใช้งาน

 
 
 
มกราคม 2007

เปิดตัว “EF50mm f/1.2L USM” เลนส์ความเร็วสูงที่ใช้เลนส์แก้ไขความคลาดทรงกลมที่มีความแม่นยำสูงและเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่เพื่อลดความคลาดเคลื่อนแบบต่างๆ

 
 
 
มีนาคม 2007

เปิดตัว “EF16-35mm f/2.8L II USM” การออกแบบใหม่ที่ใช้ชิ้นเลนส์แก้ไขความคลาดทรงกลางที่มีความแม่นยำสูงสามชิ้นและชิ้นเลนส์ UD สองชิ้น

 
 
 
กันยายน 2007

เปิดตัว “EF-S18-55mm f/3.5-5.6 IS” เลนส์ซูมมาตรฐาน EF-S พื้นฐานที่มีคุณสมบัติ IS ในตัวและ “EF14mm f/2.8L II USM” เลนส์ L มุมกว้างซูเปอร์ไวด์ ซึ่งแก้ไขความบิดเบี้ยวด้วยชิ้นเลนส์แก้ไขความคลาดทรงกลมหล่อแก้วและแก้ไขความคลาดสีในการขยายภาพด้วยชิ้นเลนส์ UD

 
 
 
พฤศจิกายน 2007

เปิดตัว “EF-S55-250mm f/4-5.6 IS” เลนส์ EF-S พื้นฐานที่มีคุณสมบัติ IS ในตัว

 
 
 
เมษายน 2008
 

เปิดตัว “EF200mm f/2L IS USM” ซึ่งมีคุณสมบัติ IS ในตัวที่มีผลเทียบเท่าประมาณความเร็วชัตเตอร์ 5 สต็อป และให้คุณภาพภาพถ่ายสูงด้วยชิ้นเลนส์ฟลูออไรต์และ UD

ยอดการผลิตรวมของเลนส์ EF แตะระดับ 40 ล้านชิ้น
(EF200mm f/2L IS USM)

 

EF200mm f/2L IS USM

 

เปิดตัวเลนส์ “EF28mm f/1.8 USM” ซึ่งใช้ชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมจำลอง

 
 
 
พฤษภาคม 2008

เปิดตัว “EF800mm f/5.6L IS USM” เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ ซึ่งมีผลการแก้ไขภาพของ IS เทียบเท่าประมาณความเร็วชัตเตอร์ 4 สต็อป และให้ความทนทานในระดับเลนส์สำหรับมืออาชีพ

 
 
 
กันยายน 2008

เปิดตัว “EF-S18-200mm f/3.5-5.6 IS” ซึ่งมีผลการแก้ไขภาพของ IS เทียบเท่าประมาณความเร็วชัตเตอร์ 4 สต็อป และให้คุณภาพภาพถ่ายสูงด้วยชิ้นเลนส์ UD และชิ้นเลนส์แก้ไขความคลาดทรงกลมแบบหล่อแก้วที่มีความแม่นยำสูง

 
 
 
ธันวาคม 2008
 

«ตัวแรกในโลก»
เปิดตัว “EF24mm f/1.4L II USM” ซึ่งช่วยลดแสงแฟลร์และแสงหลอกด้วยการเคลือบพิเศษ SWC ที่พัฒนาขึ้นใหม่

 

EF24mm f/1.4L II USM

 
 
 
มิถุนายน 2009

เปิดตัว “TS-E17mm f/4L” และ “TS-E24mm f/3.5L II” เลนส์ทิลต์-ชิฟต์ทั้งสองรุ่นนี้เคลือบด้วยเทคโนโลยี SWC และใช้กลไกการหมุนระบบทิลต์-ชิฟต์และการล็อคตำแหน่งทิลต์

 
 
 
ตุลาคม 2009
 

เปิดตัว “EF-S15-85mm f/3.5-5.6 IS USM” และ “EF-S18-135mm f/3.5-5.6 IS” ซึ่งใช้ชิ้นเลนส์ UD และชิ้นเลนส์แก้ไขความคลาดทรงกลมแบบหล่อแก้ว

«ตัวแรกในโลก»
เปิดตัว “EF100mm f/2.8L Macro IS USM” เลนส์ตัวแรกที่มี “ระบบ IS แบบไฮบริด” สำหรับแก้ไขการสั่นทั้งในมุมองศาทั่วไปและในแนวดิ่ง

 

EF100mm f/2.8L Macro IS USM

 
 
 
ธันวาคม 2009

ยอดการผลิตรวมของเลนส์ EF แตะระดับ 50 ล้านชิ้น
(EF100mm f/2.8L Macro IS USM)

 
 
 
มีนาคม 2010

เปิดตัว “EF70-200mm f/2.8L IS II USM” ที่มีผลการแก้ไขภาพของ IS ที่ดียิ่งขึ้น

 
 
 
พฤศจิกายน 2010

เปิดตัว “EF70-300mm f/4-5.6L IS USM” ซึ่งมีช่วงการซูมที่กว้าง

 
 
 
มกราคม 2011
 

ยอดการผลิตรวมของเลนส์ EF แตะระดับ 60 ล้านชิ้น
(EF70-300mm f/4-5.6L IS USM)

 

EF70-300mm f/4-5.6L IS USM

 
 
 
มีนาคม 2011

เปิดตัว “EF-S18-55mm f/3.5-5.6 IS II” ซึ่งใช้รูปลักษณ์ที่ดูสวยสง่ายิ่งกว่าเดิม

 
 
 
พฤษภาคม 2011

เปิดตัว “EF500mm f/4L IS II USM” ซึ่งมาในรูปแบบที่มีน้ำหนักเบา พร้อมคุณภาพของภาพถ่ายที่สูงขึ้นด้วยการออกแบบเลนส์ใหม่ที่ใช้ชิ้นเลนส์ฟลูออไรต์ 2 ชิ้น

 
 
 
กรกฎาคม 2011
 

«ตัวแรกในโลก»
เปิดตัว “EF8-15mm f/4L Fisheye USM” เลนส์สำหรับกล้องฟอร์แมต 35 มม. ตัวแรกที่ครอบคลุมมุมรับภาพแบบวงกลมและแนวทแยงถึง 180 องศา

 

EF8-15mm f/4L Fisheye USM

 

เปิดตัว “EF-S55-250mm f/4-5.6 IS II” ซึ่งมาพร้อมกับรูปลักษณ์และการออกแบบที่มีการพัฒนาขึ้นอีก

 
 
 
สิงหาคม 2011

เปิดตัว “EF300mm f/2.8L IS II USM” และ “EF400mm f/2.8L IS II USM” เลนส์ทั้งสองรุ่นนี้เคลือบด้วย SWC และมีโหมด IS 3 โหมด

 
 
 
ตุลาคม 2011

ยอดการผลิตรวมของเลนส์ EF แตะระดับ 70 ล้านชิ้น
(EF8-15mm f/4L Fisheye USM)

 
 
 
พฤษภาคม 2012

เปิดตัว “EF600mm f/4L IS II USM” ด้วยการพัฒนาคุณภาพของภาพถ่ายและการออกแบบที่มีน้ำหนักเบา

 
 
 
พฤษภาคม 2012

เปิดตัว “EF600mm f/4L IS II USM” ด้วยการพัฒนาคุณภาพของภาพถ่ายและการออกแบบที่มีน้ำหนักเบา

 
 
 
มิถุนายน 2012
 

เปิดตัว “EF-S18-135mm f/3.5-5.6 IS STM” ซึ่งใช้ Stepping Motor (STM) ที่มีประสิทธิภาพการทำงานของ AF ระหว่างการถ่ายภาพยนตร์ที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และ “EF40mm f/2.8 STM” เลนส์แพนเค้ก เลนส์ EF ที่บางและเบาที่สุด

«ตัวแรกในโลก»
เปิดตัว “EF24mm f/2.8 IS USM” และ “EF28mm f/2.8 IS USM” ซึ่งเป็นเลนส์เดี่ยวมุมกว้างตัวแรกที่มีคุณสมบัติ IS

 

EF24mm f/2.8 IS USM

 

EF28mm f/2.8 IS USM

 
 
 
มกราคม 2011
 

ยอดการผลิตรวมของเลนส์ EF แตะระดับ 80 ล้านชิ้น
(EF-S18-135mm f/3.5-5.6 IS STM)

 

EF-S18-135mm f/3.5-5.6 IS STM

 
 
 
กันยายน 2012

เปิดตัว “EF24-70mm f/2.8L II USM” ซึ่งใช้การเคลือบฟลูออไรต์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำมันและน้ำที่ดียิ่งขึ้น และ “EF-M22mm f/2 STM” กับ “EF-M18-55mm f/3.5-5.6 IS STM” ซึ่งเป็นเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับกล้องมิเรอร์เลส EOS M

 
 
 
ธันวาคม 2012

เปิดตัว “EF24-70mm f/4L IS USM” ซึ่งมีระบบ IS แบบไฮบริดในตัวเพื่อการถ่ายภาพมาโครระดับมืออาชีพ และ “EF35mm f/2 IS USM” ซึ่งให้ภาพถ่ายคุณภาพสูงด้วยการใช้เลนส์แก้ไขความคลาดทรงกลม และผลการแก้ไขภาพของ IS เทียบเท่าประมาณความเร็วชัตเตอร์ 4 สต็อป

 
 
 
เมษายน 2013

เปิดตัว “EF-S18-55mm f/3.5-5.6 IS STM” เลนส์ EF-S พื้นฐานที่มีประสิทธิภาพการทำงานของ AF ระหว่างการถ่ายภาพยนตร์ดียิ่งขึ้น

 
 
 
พฤษภาคม 2013
 

ยอดการผลิตรวมของเลนส์ EF แตะระดับ 90 ล้านชิ้น
(EF24-70mm f/2.8 II USM)

 

EF24-70mm f/2.8 II USM

 

«ตัวแรกในโลก»
เปิดตัว “EF200-400mm f/4L IS USM Extender 1.4x” เลนส์ซูมเทเลโฟโต้ที่มีตัวขยายช่องมองภาพ 1.4 เท่าติดตั้งในตัว

 

EF200-400mm f/4L IS USM Extender 1.4x

 
 
 
กรกฎาคม 2013

เปิดตัว “EF-M11-22mm f/4-5.6 IS STM” เลนส์ซูมมุมกว้างสำหรับกล้อง EOS M

 
 
 
<
แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา