ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

EOS 5D Mark IV: การแก้ไขความคลาดของเลนส์ - วิเคราะห์เจาะลึก (ตอนที่ 1)

2017-01-26
2
3.52 k
ในบทความนี้:

EOS 5D Mark IV มี Digital Lens Optimizer ซึ่งสามารถแก้ไขความคลาดของเลนส์ในกล้องได้ในระดับสูง ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถทำได้ด้วยคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional (DPP) เท่านั้น ในบทความนี้ เราลองมาดูรายละเอียดของฟังก์ชันและวิธีใช้งานกัน (เรื่องโดย Ryosuke Takahashi)

 

คุณสมบัติพิเศษที่ 1: ขณะนี้ Digital Lens Optimizer สามารถแก้ไขไฟล์ JPEG ได้แล้วเช่นกัน

เมื่อคุณถ่ายภาพ รัศมีของแสงที่สะท้อนจากตัวแบบจะต้องผ่านปัจจัยเกี่ยวกับแสงทุกประเภท (ชิ้นเลนส์ภายในเลนส์ ฟิลเตอร์ออพติคอล ฯลฯ) ก่อนจะไปถึงเซนเซอร์ภาพของกล้องในขั้นสุดท้าย ในสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด รัศมีของแสงที่มีต้นกำเนิดมาจากจุดใดจุดหนึ่งบนตัวแบบอาจไปบรรจบที่จุดเดียวกันบนเซนเซอร์ อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริง ปัจจัยเกี่ยวกับแสงมักส่งผลต่อรัศมีของแสงได้ในหลายๆ วิธี และป้องกันไม่ให้แสงไปบรรจบที่จุดเดียวกัน ซึ่งความคลาดของเลนส์ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของปัจจัยดังกล่าว ถึงกระนั้น ยังมีอีกตัวอย่างหนึ่ง ได้แก่ ผลกระทบจากฟิลเตอร์ Low-pass เมื่อใช้แก้ไขเอฟเฟ็กต์มอเร่

เมื่อปัจจัยเกี่ยวกับแสงป้องกันรัศมีของแสงไม่ให้ไปบรรจบที่จุดเดียวกันบนเซนเซอร์ภาพ ภาพที่สร้างขึ้นมาใหม่จึงมีความแม่นยำน้อยลงและคุณภาพของภาพก็ลดลง Digital Lens Optimizer จึงมุ่งที่จะทำให้คุณภาพของภาพดีดังเดิมด้วยการระบุปัจจัยเกี่ยวกับแสงเหล่านี้ จากนั้นแปลงปัจจัยดังกล่าวให้เป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ (Optical Transfer Functions (OTF)) และใช้ค่าฟังก์ชั่นผกผันเพื่อทำให้รัศมีของแสงกลับมาใกล้เคียงกับสภาพเดิมก่อนที่จะเข้าสู่เลนส์ให้มากที่สุด

 

วงจรรวมเฉพาะ

Digital Lens Optimizer ใน EOS 5D Mark IV ขับเคลื่อนการทำงานโดยใช้เครื่องมือเฉพาะ และสามารถแก้ไขความคลาดแบบโคม่า เฮโลแบบ Sagittal และความคลาดอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากความสามารถของฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดของเลนส์

Digital Lens Optimizer เริ่มต้นจากการเป็นฟังก์ชันเสริมของ DPP โดยออกสู่ตลาดในฐานะคุณสมบัติในกล้อง EOS-1D X Mark II ซึ่งในขณะนั้น เอฟเฟ็กต์ที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถแสดงผลในภาพ JPEG ได้ทันที แต่บัดนี้เราสามารถทำสำเร็จแล้วในกล้อง EOS 5D Mark IV และเมื่อสามารถใช้งานร่วมกับภาพ JPEG ได้ การทำงานของ Digital Lens Optimizer จึงสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการประมวลผลภาพ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือในการประมวลผลภาพ และยังถือเป็นครั้งแรกในสายผลิตภัณฑ์ EOS อีกด้วย

 

หลักการของ Digital Lens Optimizer

ปัจจัยหลักเกี่ยวกับแสงที่มีผลต่อคุณภาพของภาพถ่าย

A: การกระจายแสงของแหล่งกำเนิดแสง
B: เลนส์
C: กระจกดูดกลืนรังสีอินฟราเรด/กันรังสียูวี
D: ฟิลเตอร์ Low-pass
E: ฟิลเตอร์สีหลัก
F: รูปร่างของช่องเซนเซอร์ CMOS

 

ค่าสัมประสิทธิ์การส่งผ่านของรัศมีของแสงจะถูกแปลงเป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์/ฟิลเตอร์ ซึ่งจากนั้นจะนำไปใช้กับภาพที่ได้รับจากเซนเซอร์เพื่อแก้ไขเอฟเฟ็กต์ที่เกิดจากปัจจัยเกี่ยวกับแสงเหล่านี้

ก่อนที่รัศมีของแสงจะไปถึงเซนเซอร์ภาพจะต้องผ่านปัจจัยเกี่ยวกับแสงทุกประเภท จากนั้น Digital Lens Optimizer จะแปลงปัจจัยเหล่านี้เป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ และใช้ค่าฟังก์ชันผกผันเพื่อป้องกันไม่ให้คุณภาพของภาพลดลง นอกจากนี้ ยังสามารถแปลงคุณลักษณะของกล้องและเลนส์ไปเป็นข้อมูลได้อย่างครอบคลุมอีกด้วย

 

คุณสมบัติพิเศษที่ 2: ฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดของเลนส์มีคุณสมบัติใหม่และประสิทธิภาพที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไปการแก้ไขความคลาดของเลนส์พัฒนาขึ้นมาได้อย่างไร

EOS 5D Mark IV

แต่เดิมกล้อง EOS 5D Mark II มีเพียงฟังก์ชัน “แก้ไขระด้บแล่งขอบภาพ” เท่านั้น ต่อมาในกล้อง EOS 5D Mark III มีการเพิ่มการแก้ไขความคลาดสีเข้าไปในกล้อง ซึ่งทั้งสองคุณสมบัตินี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดของเลนส์ เมื่อมาถึง EOS 5D Mark IV มีการใส่ฟังก์ชันเพิ่มเติม ได้แก่ แก้ไขการเลีัยวบน ซึ่งเดิมไม่สามารถนำมาติดตั้งไว้ภายในกล้องได้ ซึ่งคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นมาเหล่านี้ได้ช่วยพัฒนาความสามารถในการใช้ฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดของเลนส์ให้ดียิ่งขึ้น

 

วิธีใช้การแก้ไขความคลาดของเลนส์

1. ในแท็บเมนู [SHOOT1] เลือก [แก้ไขความคลาดเคลือนของเลนส์] แล้วกดปุ่ม SET

 

2. ตรวจดูว่าข้อมูลการแก้ไขสำหรับเลนส์ที่นำมาติดนั้นพร้อมใช้งานหรือไม่ จากนั้นไปที่ฟังก์ชันที่คุณต้องการใช้ จากนั้นเลือก [ใช้งาน] เพื่อเปิดใช้งาน

 

3. หาก [ตัวปรับคุฌภาพเลนลัดิจิตอล] ถูกตั้งค่าเป็น [ใช้งาน] [แก้ไขลีคลาดเคลี่อน] และ [แก้ไขการเลีัยวบน] จะไม่แสดงขึ้น

 

แต่เดิม Digital Lens Optimizer และการแก้ไขความคลาดของเลนส์เป็นคุณสมบัติสองอย่างที่แยกออกจากกัน แต่ในส่วนของการแก้ไขในฟังก์ชันยังใช้คุณสมบัติทั้งสองร่วมกันโดยตลอด ความคลาดของเลนส์หลักๆ ที่ Digital Lens Optimizer สามารถแก้ไขได้ ได้แก่ การแก้ไขความคลาดสี (ตามแกนและริมขอบวัตถุ) และความคลาดทรงกลม นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรายการ “การแก้ไขความคลาดสี” จึงหายไปจากหน้าจอเมนูโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเปิดใช้งาน Digital Lens Optimizer โดยฟังก์ชันนี้จะทำหน้าที่ประมวลผลความคลาดสี รวมถึงความคลาดแบบต่างๆ ในระดับสูง

 

คุณสมบัติพิเศษที่ 3: Digital Lens Optimizer สามารถลบภาพเบลอที่เกิดจากรูรับแสงที่แคบ ความบิดเบี้ยว และความคลาดแบบโคม่าได้

เมื่อเปิดใช้งาน Digital Lens Optimizer ฟังก์ชันนี้สามารถช่วยคุณได้ในภาพทุกประเภท

หากคุณต้องการใช้รูรับแสงที่แคบมากๆ เพื่อลดความเร็วชัตเตอร์ลง ฟังก์ชันนี้จะทำแก้ไขการเลีัยวบน ซึ่งจะกำจัดภาพเบลอที่เกิดจากรูรับแสงที่แคบ และทำให้ภาพกลับมาคมชัดได้ดังเดิม

ในขณะเดียวกัน ฟังก์ชันนี้จะทำแก้ไขการเลีัยวบน อีกทั้งยังช่วยขจัดจุดด้อยอย่างหนึ่งของเลนส์มุมกว้างโดยการลดเอฟเฟ็กต์ที่เกิดจากความคลาดทรงกลม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการปรับการตั้งค่ารูรับแสง

นอกจากนี้ Digital Lens Optimizer ยังช่วยแก้ไขการสูญเสียความคมชัดที่เกิดขึ้นขณะถ่ายภาพด้วยรูรับแสงกว้างสุด ซึ่งมีสาเหตุมาจากฟิลเตอร์ Low-pass และโคม่า (ความคลาดแบบโคม่า) ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในระหว่างการถ่ายภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้

เห็นได้ว่าคุณสมบัตินี้มีประโยชน์สำหรับภาพถ่ายทุกประเภท ไม่ว่าคุณจะตั้งค่ารูัรับแสงให้แคบหรือกว้างเท่าไหร่ก็ตาม

 

ฉาก 1: การแก้ไขภาพที่ขาดความคมชัดซึ่งเกิดจากการถ่ายภาพด้วยรูรับแสงกว้างสุด

Digital Lens Optimizer: เปิด

Digital Lens Optimizer: ปิด

EOS 5D Mark IV/ EF28-300mm f/3.5-5.6L IS USM/ FL: 235 มม./ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/800 วินาที, EV±0)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ

เมื่อถ่ายภาพด้วยรูรับแสงกว้างสุด ฟิลเตอร์ Low-pass อาจส่งผลเสียต่อคุณภาพของภาพถ่าย การเปิดใช้งานคุณสมบัติ Digital Lens Optimizer จะช่วยให้คุณได้ภาพถ่ายที่คมชัดมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้ได้ผลกับความคลาดทรงกลมด้วยเช่นกัน

 

ฉาก 2: เมื่อมีการใช้โฟกัสที่มีความลึก

Digital Lens Optimizer: เปิด

Digital Lens Optimizer: ปิด

EOS 5D Mark IV/ EF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 24 มม./ Aperture-priority AE (f/22, 1/50 วินาที, EV-1.0)/ ISO 100/ WB: แสงแดด

ในตัวอย่างนี้ ผมลดขนาดรูรับแสงลงให้เหลือค่า f/22 เพื่อตั้งใจจะใช้โฟกัสที่มีความลึก แต่กลับส่งผลให้ภาพขาดความคมชัดเนื่องจากความบิดเบี้ยว ซึ่ง Digital Lens Optimizer สามารถทำให้ภาพกลับมาคมชัดอีกครั้ง และจะมีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณต้องการได้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำ ดังนั้น โปรดจำไว้ให้ดี

 

บทช่วยสอนพิเศษ: การใช้ Digital Lens Optimizer ใน DPP 4

Digital Lens Optimizer ยังมีให้เลือกใช้ในฐานะคุณสมบัติหนึ่งในซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional (DPP) 4 ซึ่งให้มาพร้อมกับกล้อง ซึ่งมีคุณสมบัติในการปรับแต่งภาพบางอย่างที่ยอดเยี่ยมกว่ารุ่นที่ติดตั้งภายในตัวกล้อง ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การลดจุดรบกวน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีมาอย่างยาวนานในฟังก์ชันของกล้อง แต่สามารถนำมาปรับตามสเกล 0 – 100 ในเวอร์ชัน DPP ได้ นอกจากนี้ เรายังสามารถแก้ไขความคลาดบางอย่าง เช่น ภาพบิดเป็นเส้นโค้ง Petzval ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เมื่อขยายภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

เช่นเดียวกับฟังก์ชันที่อยู่ภายในกล้อง การเปิดใช้งาน Digital Lens Optimizer เวอร์ชัน DDP 4 จะปิดใช้งานฟังก์ชันแก้ไขการเลีัยวบนและความคลาดสีของการแก้ไขความคลาดของเลนส์โดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างคุณสมบัติต่างๆ

1. การใช้ Digital Lens Optimizer อาจส่งผลให้เอฟเฟ็กต์ [Sharpness] ถูกนำมาใช้มากจนเกินพอดี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ต้องเลือก [Sharpness]

 

2. คลิกที่แท็บ [Lens] แล้วตรวจสอบสถานะข้อมูลของเลนส์ หากไม่มีข้อมูลของเลนส์ ให้คลิกที่ปุ่มเพื่อดาวน์โหลดข้อมูล

 

3. ใส่เครื่องหมายถูกในกล่อง [Digital Lens Optimizer] แล้วเลื่อนแถบเลื่อนเพื่อปรับเอฟเฟ็กต์

 

4. เช็คผลลัพธ์ของเอฟเฟ็กต์ในหน้าต่างจอเล็ก หากต้องการบันทึกภาพให้ไปที่ [File] จากนั้น [Convert and save]

 

รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ ได้โดย ลงทะเบียนกับเรา!

 

 

 

 

Ryosuke Takahashi

 

เกิดที่จังหวัดไอชิเมื่อปี 1960 Takahashi เริ่มทำงานอิสระในปี 1987 หลังจากทำงานในสตูดิโอถ่ายภาพโฆษณาและสำนักพิมพ์ และเนื่องจากรับถ่ายภาพให้กับนิตยสารชื่อดัง เขาจึงได้เดินทางจากที่อยู่ประจำ คือ ญี่ปุ่นและจีน ไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก และเขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของ Japan Professional Photographers Society (JPS) ด้วย

 

Digital Camera Magazine

 

นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation

 

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา