EOS 5D Mark IV: การแก้ไขความคลาดของเลนส์ - วิเคราะห์เจาะลึก (ตอนที่ 1)
EOS 5D Mark IV มี Digital Lens Optimizer ซึ่งสามารถแก้ไขความคลาดของเลนส์ในกล้องได้ในระดับสูง ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถทำได้ด้วยคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional (DPP) เท่านั้น ในบทความนี้ เราลองมาดูรายละเอียดของฟังก์ชันและวิธีใช้งานกัน (เรื่องโดย Ryosuke Takahashi)
คุณสมบัติพิเศษที่ 1: ขณะนี้ Digital Lens Optimizer สามารถแก้ไขไฟล์ JPEG ได้แล้วเช่นกัน
เมื่อคุณถ่ายภาพ รัศมีของแสงที่สะท้อนจากตัวแบบจะต้องผ่านปัจจัยเกี่ยวกับแสงทุกประเภท (ชิ้นเลนส์ภายในเลนส์ ฟิลเตอร์ออพติคอล ฯลฯ) ก่อนจะไปถึงเซนเซอร์ภาพของกล้องในขั้นสุดท้าย ในสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด รัศมีของแสงที่มีต้นกำเนิดมาจากจุดใดจุดหนึ่งบนตัวแบบอาจไปบรรจบที่จุดเดียวกันบนเซนเซอร์ อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริง ปัจจัยเกี่ยวกับแสงมักส่งผลต่อรัศมีของแสงได้ในหลายๆ วิธี และป้องกันไม่ให้แสงไปบรรจบที่จุดเดียวกัน ซึ่งความคลาดของเลนส์ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของปัจจัยดังกล่าว ถึงกระนั้น ยังมีอีกตัวอย่างหนึ่ง ได้แก่ ผลกระทบจากฟิลเตอร์ Low-pass เมื่อใช้แก้ไขเอฟเฟ็กต์มอเร่
เมื่อปัจจัยเกี่ยวกับแสงป้องกันรัศมีของแสงไม่ให้ไปบรรจบที่จุดเดียวกันบนเซนเซอร์ภาพ ภาพที่สร้างขึ้นมาใหม่จึงมีความแม่นยำน้อยลงและคุณภาพของภาพก็ลดลง Digital Lens Optimizer จึงมุ่งที่จะทำให้คุณภาพของภาพดีดังเดิมด้วยการระบุปัจจัยเกี่ยวกับแสงเหล่านี้ จากนั้นแปลงปัจจัยดังกล่าวให้เป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ (Optical Transfer Functions (OTF)) และใช้ค่าฟังก์ชั่นผกผันเพื่อทำให้รัศมีของแสงกลับมาใกล้เคียงกับสภาพเดิมก่อนที่จะเข้าสู่เลนส์ให้มากที่สุด
วงจรรวมเฉพาะ
Digital Lens Optimizer ใน EOS 5D Mark IV ขับเคลื่อนการทำงานโดยใช้เครื่องมือเฉพาะ และสามารถแก้ไขความคลาดแบบโคม่า เฮโลแบบ Sagittal และความคลาดอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากความสามารถของฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดของเลนส์
Digital Lens Optimizer เริ่มต้นจากการเป็นฟังก์ชันเสริมของ DPP โดยออกสู่ตลาดในฐานะคุณสมบัติในกล้อง EOS-1D X Mark II ซึ่งในขณะนั้น เอฟเฟ็กต์ที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถแสดงผลในภาพ JPEG ได้ทันที แต่บัดนี้เราสามารถทำสำเร็จแล้วในกล้อง EOS 5D Mark IV และเมื่อสามารถใช้งานร่วมกับภาพ JPEG ได้ การทำงานของ Digital Lens Optimizer จึงสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการประมวลผลภาพ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือในการประมวลผลภาพ และยังถือเป็นครั้งแรกในสายผลิตภัณฑ์ EOS อีกด้วย
หลักการของ Digital Lens Optimizer
ปัจจัยหลักเกี่ยวกับแสงที่มีผลต่อคุณภาพของภาพถ่าย
A: การกระจายแสงของแหล่งกำเนิดแสง
B: เลนส์
C: กระจกดูดกลืนรังสีอินฟราเรด/กันรังสียูวี
D: ฟิลเตอร์ Low-pass
E: ฟิลเตอร์สีหลัก
F: รูปร่างของช่องเซนเซอร์ CMOS
ค่าสัมประสิทธิ์การส่งผ่านของรัศมีของแสงจะถูกแปลงเป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์/ฟิลเตอร์ ซึ่งจากนั้นจะนำไปใช้กับภาพที่ได้รับจากเซนเซอร์เพื่อแก้ไขเอฟเฟ็กต์ที่เกิดจากปัจจัยเกี่ยวกับแสงเหล่านี้
ก่อนที่รัศมีของแสงจะไปถึงเซนเซอร์ภาพจะต้องผ่านปัจจัยเกี่ยวกับแสงทุกประเภท จากนั้น Digital Lens Optimizer จะแปลงปัจจัยเหล่านี้เป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ และใช้ค่าฟังก์ชันผกผันเพื่อป้องกันไม่ให้คุณภาพของภาพลดลง นอกจากนี้ ยังสามารถแปลงคุณลักษณะของกล้องและเลนส์ไปเป็นข้อมูลได้อย่างครอบคลุมอีกด้วย
คุณสมบัติพิเศษที่ 2: ฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดของเลนส์มีคุณสมบัติใหม่และประสิทธิภาพที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไปการแก้ไขความคลาดของเลนส์พัฒนาขึ้นมาได้อย่างไร
EOS 5D Mark IV
แต่เดิมกล้อง EOS 5D Mark II มีเพียงฟังก์ชัน “แก้ไขระด้บแล่งขอบภาพ” เท่านั้น ต่อมาในกล้อง EOS 5D Mark III มีการเพิ่มการแก้ไขความคลาดสีเข้าไปในกล้อง ซึ่งทั้งสองคุณสมบัตินี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดของเลนส์ เมื่อมาถึง EOS 5D Mark IV มีการใส่ฟังก์ชันเพิ่มเติม ได้แก่ แก้ไขการเลีัยวบน ซึ่งเดิมไม่สามารถนำมาติดตั้งไว้ภายในกล้องได้ ซึ่งคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นมาเหล่านี้ได้ช่วยพัฒนาความสามารถในการใช้ฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดของเลนส์ให้ดียิ่งขึ้น
วิธีใช้การแก้ไขความคลาดของเลนส์
1. ในแท็บเมนู [SHOOT1] เลือก [แก้ไขความคลาดเคลือนของเลนส์] แล้วกดปุ่ม SET
2. ตรวจดูว่าข้อมูลการแก้ไขสำหรับเลนส์ที่นำมาติดนั้นพร้อมใช้งานหรือไม่ จากนั้นไปที่ฟังก์ชันที่คุณต้องการใช้ จากนั้นเลือก [ใช้งาน] เพื่อเปิดใช้งาน
3. หาก [ตัวปรับคุฌภาพเลนลัดิจิตอล] ถูกตั้งค่าเป็น [ใช้งาน] [แก้ไขลีคลาดเคลี่อน] และ [แก้ไขการเลีัยวบน] จะไม่แสดงขึ้น
แต่เดิม Digital Lens Optimizer และการแก้ไขความคลาดของเลนส์เป็นคุณสมบัติสองอย่างที่แยกออกจากกัน แต่ในส่วนของการแก้ไขในฟังก์ชันยังใช้คุณสมบัติทั้งสองร่วมกันโดยตลอด ความคลาดของเลนส์หลักๆ ที่ Digital Lens Optimizer สามารถแก้ไขได้ ได้แก่ การแก้ไขความคลาดสี (ตามแกนและริมขอบวัตถุ) และความคลาดทรงกลม นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรายการ “การแก้ไขความคลาดสี” จึงหายไปจากหน้าจอเมนูโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเปิดใช้งาน Digital Lens Optimizer โดยฟังก์ชันนี้จะทำหน้าที่ประมวลผลความคลาดสี รวมถึงความคลาดแบบต่างๆ ในระดับสูง
คุณสมบัติพิเศษที่ 3: Digital Lens Optimizer สามารถลบภาพเบลอที่เกิดจากรูรับแสงที่แคบ ความบิดเบี้ยว และความคลาดแบบโคม่าได้
เมื่อเปิดใช้งาน Digital Lens Optimizer ฟังก์ชันนี้สามารถช่วยคุณได้ในภาพทุกประเภท
หากคุณต้องการใช้รูรับแสงที่แคบมากๆ เพื่อลดความเร็วชัตเตอร์ลง ฟังก์ชันนี้จะทำแก้ไขการเลีัยวบน ซึ่งจะกำจัดภาพเบลอที่เกิดจากรูรับแสงที่แคบ และทำให้ภาพกลับมาคมชัดได้ดังเดิม
ในขณะเดียวกัน ฟังก์ชันนี้จะทำแก้ไขการเลีัยวบน อีกทั้งยังช่วยขจัดจุดด้อยอย่างหนึ่งของเลนส์มุมกว้างโดยการลดเอฟเฟ็กต์ที่เกิดจากความคลาดทรงกลม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการปรับการตั้งค่ารูรับแสง
นอกจากนี้ Digital Lens Optimizer ยังช่วยแก้ไขการสูญเสียความคมชัดที่เกิดขึ้นขณะถ่ายภาพด้วยรูรับแสงกว้างสุด ซึ่งมีสาเหตุมาจากฟิลเตอร์ Low-pass และโคม่า (ความคลาดแบบโคม่า) ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในระหว่างการถ่ายภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้
เห็นได้ว่าคุณสมบัตินี้มีประโยชน์สำหรับภาพถ่ายทุกประเภท ไม่ว่าคุณจะตั้งค่ารูัรับแสงให้แคบหรือกว้างเท่าไหร่ก็ตาม
ฉาก 1: การแก้ไขภาพที่ขาดความคมชัดซึ่งเกิดจากการถ่ายภาพด้วยรูรับแสงกว้างสุด
Digital Lens Optimizer: เปิด
Digital Lens Optimizer: ปิด
EOS 5D Mark IV/ EF28-300mm f/3.5-5.6L IS USM/ FL: 235 มม./ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/800 วินาที, EV±0)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ
เมื่อถ่ายภาพด้วยรูรับแสงกว้างสุด ฟิลเตอร์ Low-pass อาจส่งผลเสียต่อคุณภาพของภาพถ่าย การเปิดใช้งานคุณสมบัติ Digital Lens Optimizer จะช่วยให้คุณได้ภาพถ่ายที่คมชัดมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้ได้ผลกับความคลาดทรงกลมด้วยเช่นกัน
ฉาก 2: เมื่อมีการใช้โฟกัสที่มีความลึก
Digital Lens Optimizer: เปิด
Digital Lens Optimizer: ปิด
EOS 5D Mark IV/ EF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 24 มม./ Aperture-priority AE (f/22, 1/50 วินาที, EV-1.0)/ ISO 100/ WB: แสงแดด
ในตัวอย่างนี้ ผมลดขนาดรูรับแสงลงให้เหลือค่า f/22 เพื่อตั้งใจจะใช้โฟกัสที่มีความลึก แต่กลับส่งผลให้ภาพขาดความคมชัดเนื่องจากความบิดเบี้ยว ซึ่ง Digital Lens Optimizer สามารถทำให้ภาพกลับมาคมชัดอีกครั้ง และจะมีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณต้องการได้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำ ดังนั้น โปรดจำไว้ให้ดี
บทช่วยสอนพิเศษ: การใช้ Digital Lens Optimizer ใน DPP 4
Digital Lens Optimizer ยังมีให้เลือกใช้ในฐานะคุณสมบัติหนึ่งในซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional (DPP) 4 ซึ่งให้มาพร้อมกับกล้อง ซึ่งมีคุณสมบัติในการปรับแต่งภาพบางอย่างที่ยอดเยี่ยมกว่ารุ่นที่ติดตั้งภายในตัวกล้อง ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การลดจุดรบกวน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีมาอย่างยาวนานในฟังก์ชันของกล้อง แต่สามารถนำมาปรับตามสเกล 0 – 100 ในเวอร์ชัน DPP ได้ นอกจากนี้ เรายังสามารถแก้ไขความคลาดบางอย่าง เช่น ภาพบิดเป็นเส้นโค้ง Petzval ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เมื่อขยายภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
เช่นเดียวกับฟังก์ชันที่อยู่ภายในกล้อง การเปิดใช้งาน Digital Lens Optimizer เวอร์ชัน DDP 4 จะปิดใช้งานฟังก์ชันแก้ไขการเลีัยวบนและความคลาดสีของการแก้ไขความคลาดของเลนส์โดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างคุณสมบัติต่างๆ
1. การใช้ Digital Lens Optimizer อาจส่งผลให้เอฟเฟ็กต์ [Sharpness] ถูกนำมาใช้มากจนเกินพอดี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ต้องเลือก [Sharpness]
2. คลิกที่แท็บ [Lens] แล้วตรวจสอบสถานะข้อมูลของเลนส์ หากไม่มีข้อมูลของเลนส์ ให้คลิกที่ปุ่มเพื่อดาวน์โหลดข้อมูล
3. ใส่เครื่องหมายถูกในกล่อง [Digital Lens Optimizer] แล้วเลื่อนแถบเลื่อนเพื่อปรับเอฟเฟ็กต์
4. เช็คผลลัพธ์ของเอฟเฟ็กต์ในหน้าต่างจอเล็ก หากต้องการบันทึกภาพให้ไปที่ [File] จากนั้น [Convert and save]
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ ได้โดย ลงทะเบียนกับเรา!
EOS 5D Mark IV (Body)
EF28-300mm f/3.5-5.6L IS USM
EF24-105mm f/4L IS USM
เกิดที่จังหวัดไอชิเมื่อปี 1960 Takahashi เริ่มทำงานอิสระในปี 1987 หลังจากทำงานในสตูดิโอถ่ายภาพโฆษณาและสำนักพิมพ์ และเนื่องจากรับถ่ายภาพให้กับนิตยสารชื่อดัง เขาจึงได้เดินทางจากที่อยู่ประจำ คือ ญี่ปุ่นและจีน ไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก และเขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของ Japan Professional Photographers Society (JPS) ด้วย
นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation