ความรู้เบื้องต้นในการถ่ายภาพดาราศาสตร์ - คำแนะนำสำหรับมือใหม่
Canon EOS 5D Mark II, เลนส์ EF28 มม. f/1.8 USM, f/1.8, 28 มม., 30 วินาที, ISO1600 โดย Ian Norman
ความลึกลับของท้องฟ้ายามย่ำคืนทำให้หลายคนสงสัยว่ามีอะไรอยู่ในนั้น หรือแม้แต่ทำให้หลายคนอยากบันทึกภาพความงามเหล่านั้นเอาไว้ เราเคยเห็นภาพท้องฟ้าที่ประดับด้วยดวงดาวระยิบระยับอยู่เหนือยอดเขาและทางช้างเผือกที่งดงามตระการตากันมาแล้ว หากคุณสงสัยว่าการถ่ายภาพดาราศาสตร์คืออะไรเรามาหาคำตอบกันเลย
คุณเคยทราบไหมว่าภาพถ่ายวัตถุบนท้องฟ้าภาพแรกคือภาพของดวงจันทร์ ซึ่งถ่ายเมื่อปี 1839 โดย Louis Jacques Mande Daguerre (ผู้ประดิษฐ์กระบวนการดาแกโรไทป์) ภาพที่ได้เป็นเพียงจุดมัว ๆ บนพื้นหลังมืดเนื่องจากความผิดพลาดในการติดตามวัตถุของกล้องเทเลสโคปที่ใช้ถ่าย ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เรามีเทคโนโลยีที่สามารถถ่ายภาพวัตถุในอวกาศได้อย่างชัดเจนและเห็นรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่ช่างภาพและนักวิทยาศาสตร์ทุกระดับ
Canon EOS 50D, เลนส์ EF100-400 มม. f/4.5-5.6L IS USM, f/7.1, 400 มม., 1/100 วินาที, ISO100 โดย Dave Young
การถ่ายภาพดาราศาสตร์หมายถึงการถ่ายภาพสาขาหนึ่งสำหรับถ่ายภาพวัตถุบนท้องฟ้า (เช่น ดวงจันทร์ โลก และเนบิวลา) และพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างท้องฟ้า ซึ่งการถ่ายภาพแบบนี้ได้ปฏิวัติการศึกษาวิจัยทางดาราศาสตร์ในระดับมืออาชีพไปอย่างสิ้นเชิงเพราะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถบันทึกภาพดวงดาวใหม่ ๆ หลายล้านดวง รวมถึงเนบิวลาที่เมื่อก่อนมนุษย์มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา ความลึกลับของระบบสุริยะก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผย จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นกันมาให้ความสนใจกับการถ่ายภาพสาขานี้กันมากขึ้น เพราะความเป็นไปได้ในการสร้างภาพถ่ายดาราศาสตร์นั้นไม่รู้จบเหมือนกับสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้านั่นเอง
Canon EOS 5D Mark III, เลนส์ EF24-70 มม., f/2.8L II USM, f/2.8, 24 มม., 20 วินาที, ISO4000 โดย Scott Cresswell
การถ่ายภาพดาราศาสตร์ด้วยกล้อง DSLR แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก:
Canon EOS 6D, เลนส์ EF24 มม. f/1.4L II USM, f/1.4, 24 มม., 2.5 วินาที, ISO3200 โดย Paul Williams
การถ่ายภาพดาราศาสตร์ที่มีขอบเขตการมองเห็นกว้าง - การถ่ายภาพดาราศาสตร์แบบนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ช่างภาพ และสามารถถ่ายด้วยกล้อง DSLR และเลนส์มุมกว้าง โดยมักใช้ถ่ายท้องฟ้าในตอนกลางคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวหรือเส้นแสงของดวงดาว ในการถ่ายภาพดาราศาสตร์ประเภทนี้ คุณจะเพลิดเพลินกับเวลาในยามค่ำคืนได้อย่างเต็มที่เพราะต้องใช้เวลาถ่ายภาพนานมาก คุณจะต้องตั้งค่าเซ็นเซอร์ให้เปิดรับแสงที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเข้ามาในรูรับแสง นั่นหมายความว่า คุณจะต้องถ่ายภาพด้วย Bulb Mode (ความไวชัทเตอร์ต่ำกว่าในโหมดการทำงานส่วนใหญ่ของกล้อง DSLR) หรือเปิดรูรับแสงทิ้งไว้เป็นสิบ ๆ นาทีในการถ่ายภาพแต่ละครั้ง
การถ่ายภาพดาราศาสตร์แบบไทม์แลปส์ - การถ่ายภาพดาราศาสตร์แบบนี้จะคล้ายกับการถ่ยภาพดาราศาสตร์แบบมีขอบเขตการมองเห็นกว้าง ข้อแตกต่างอย่างเดียวก็คือ การนำภาพหลาย ๆ ภาพที่ใช้ค่าการเปิดรับแสงต่างกันมารวมกันเป็นวิดีโอเดียวหรือภาพถ่ายเพียงภาพเดียว หากคุณต้องการถ่ายภาพแบบไทม์แลปส์ คุณจะต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าอินเทอร์วัลมิเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับกล้องที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพได้หลายร้อยภาพอย่างแม่นยำตามช่วงเวลาและระยะเวลาในการเปิดรับแสงที่กำหนดไว้ เมื่อคุณใช้อุปกรณ์นี้ คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าระยะเวลาระหว่างการถ่ายภาพแต่ละภาพนั้นนานพอให้กล้องบันทึกภาพลงในการ์ดหน่วยความจำ ซึ่งตามปกติแล้ว 5 วินาทีก็น่าจะเพียงพอแล้ว
Canon EOS 5D Mark III, เลนส์ EF24-105 มม. f/4L IS USM, f/4, 24 มม., 30 วินาที, ISO2500 โดย Maxime Raynal
เตรียมตัวอดทน
เนื่องจากต้องใช้เทคนิคการเปิดรับแสงเป็นเวลานาน ดังนั้น การถ่ายภาพดาราศาสตร์จึงอาจจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับใครหลายคน ทว่ากลับเป็นงานอดิเรกที่ค่อนข้างง่ายสำหรับคนที่ต้องการจะเริ่มต้นถ่ายภาพแนวนี้ หากอยากชำนาญการถ่ายภาพประเภทนี้แล้วละก็ สิ่งที่คุณต้องมีก็คือความอดทน! นอกจากนี้ คุณยังต้องมีกล้อง DSLR เพราะสามารถถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดีกว่า รวมทั้งเลนส์มุมกว้าง และขาตั้งกล้องเพื่อให้กล้องไม้ขยับเวลาถ่าย การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับฤดูกาลก็สามารถช่วยได้มากเช่นกัน เพราะคุณจะทราบว่าดวงดาวจะอยู่ตรงไหนบนท้องฟ้า และไม่ต้องสุ่มถ่ายภาพให้เหนื่อยแรง รวมทั้งทราบว่าต้องเล็งกล้องไปยังจุดใดบ้างในช่วงเวลาต่าง ๆ ของปี แต่หากคุณจะไม่สนใจศึกษาวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็มีแอปคอยช่วยเสมอ หากคุูณอาศัยอยู่ในเมือง ให้ออกไปถ่ายภาพในบริเวณที่มีมลภาวะทางแสงน้อย ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายภาพของคุณง่ายขึ้น
Canon EOS 5D, เลนส์ EF16-35 มม. f/2.8L II USM เลนส์ , f/2.8, 16 มม., 30 วินาที, ISO6400 โดย Jason Corey
อุปกรณ์นั้นสำคัญไฉน
หากคุณเกิดแรงบันดาลใจอยากจะถ่ายภาพดาราศาสตร์แล้วละก็ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการทำความเข้าใจอุปกรณ์ของคุณอย่างถ่องแท้ เพราะคุณต้องปรับกล้องด้วยมือ เหตุผลก็คือ หากใช้โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ กล้องจะไม่สามารถประเมินการตั้งค่าได้อย่างถูกต้องโดยใช้แสงที่มีในตอนกลางคืน กล้องส่วนใหญ่ในปัจจุบันสามารถใช้ ISO สูง ๆ ได้ ทำให้การถ่ายภาพในตอนกลางคืนง่ายกว่าเดิมมาก กล้องส่วนใหญ่ในวันนี้สามารถใช้ในการถ่ายภาพแสงสูงในเวลากลางคืนง่ายกว่าที่เคย แต่จำไว้เสมอว่ายิ่งคุณใช้ภาพถ่าย ISO สูงเท่าไหร่ที่คุณจะมีสัญญาณรบกวนมากขึ้นเท่านั้น เปิดชัตเตอร์และรูรับแสงที่มีความสำคัญตลอดเวลา ชัตเตอร์ช่วยให้แสงมากขึ้นในการใส่เลนส์ รูรับแสงที่ช่วยให้คุณสามารถจับเส้นของดาวย้ายในท้องฟ้าเมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง
Canon EOS 6D, เลนส์ EF24-105 มม. f/4L IS USM, f/8, 24 มม., 3104 วินาที, ISO200 โดย Dave Young
ทฤษฎีกฎ 600
หากคุณไม่อยากให้ดวงดาวในภาพถ่ายเป็นเส้นสายบนท้องฟ้า คุณจะต้องคำนึงถึงการเคลื่อนไหวของดวงดาวด้วยเพราะจะส่งผลต่อภาพถ่ายที่ได้ ช่างภาพส่วนใหญ่จะใช้ทฤษฎีกฎ 600 ซึ่งกล่าวกันว่าสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดเส้นสายของดวงดาวได้ ดังนั้น คุณจะต้องเปิดรับแสง 600 วินาที หารด้วยความยาวโฟกัสที่แท้จริงของเลนส์ การตั้งค่าแบบนี้จะป้องกันไม่ให้ดวงดาว "เคลื่อนที่" มากเกินไปจากการหมุนรอบตัวเองของโลก เพราะหากคุณใช้ขาตั้งยึดกล้องอยู่กับที่ คุณจะเห็นการเคลื่อนไหวของดวงดาวในเฟรมแม้ว่าจะใช้เวลาถ่ายภาพเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม
รับอัพเด ทล่าสุด ประกอบด้วยข่าว เคล็ดลับ และลูกเล่นต่างๆ โดยการลงชื่อสมัครเป็นสมาชิก!
ประวัติของผู้เขียน
Mona Teo
Mona Teo คือนักเขียนที่ประจำอยู่ในสิงคโปร์ เธอเชื่อว่าไม่มีอะไรทรงพลังไปกว่าคำพูดอีกแล้ว (ถ้าไม่นับกาแฟนะ) นอกจากจะเป็นนักดำน้ำสกูบาและนักเดินทางแล้ว เธอยังพก Kindle ติดตัวไว้จองตั๋วเครื่องบินและมองหาแรงบันดาลใจจากโลกรอบตัว