ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการพิมพ์ภาพแบบวิจิตรศิลป์ - ตอนที่ 2
ปริภูมิสีคืออะไรและเพราะเหตุใดจึงมีความสำคัญ ในตอนที่ 1 เราได้พูดคุยเกี่ยวกับเครื่องมือพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพิมพ์ภาพแบบวิจิตรศิลป์กันไปแล้ว ในตอนที่ 2 นี้ เราจะไปทำความรู้จักกับโลกของปริภูมิสีและผลกระทบต่อการรับรู้ของเราและการแสดงสีในขั้นตอนการพิมพ์
ปริภูมิสี (colour space) คืออะไร
ลองคิดถึงว่าปริภูมิสีนั้นเป็นเสมือนคลังสีต่างๆ จำนวนมาก โดยปกติเรามีคลังสีต่างๆ สำหรับแสงที่สามารถมองเห็นได้ (สีแดง เขียว และน้ำเงิน ซึ่งก็คือ RGB) และคลังสีที่ใช้ในงานพิมพ์ (สีน้ำเงินเขียว ม่วงแดง เหลือง และดำ ซึ่งก็คือ CMYK)
คลังสี RGB และ CMYK มีสีขั้นที่ 2 ที่เหมือนกันอยู่มากมาย แต่มีบางสีที่มีเฉพาะสำหรับแต่ละคลังเท่านั้น ความแม่นยำในการแสดงสีสันอาจลดน้อยลง เมื่อคุณถ่ายภาพด้วยกล้อง DSLR โดยใช้คลังแสงที่มองเห็นได้ นำภาพถ่ายไปพิมพ์โดยใช้คลังสีสำหรับงานพิมพ์ ซึ่งบ่อยครั้งเครื่องพิมพ์มักมีจำนวนหมึกสีที่ใช้ค่อนข้างจำกัด
ปริภูมิสี RGB คืออะไร
RGB ย่อมาจากแสงสีแดง (Red) สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน (Blue) แสงที่เราสามารถมองเห็นได้นี้ ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์หรือจากโคมไฟ ล้วนเกิดจากสีทั้ง 3 สีเหล่านี้ เมื่อนำสีพื้นฐานทั้ง 3 สีมารวมกันเราจะได้แถบสีขั้นที่ 2 มากมาย เช่น เมื่อเราเปิดดูบทความนี้บนจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ภาพที่ปรากฏจะแสดงโดยใช้สีจากปริภูมิสี sRGB ซึ่งเป็นหนึ่งในคลังสี RGB
ในบทความก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการพิมพ์ภาพแบบวิจิตรศิลป์ เราอธิบายว่าการแสดงผลแบบดิจิตอลมักจะแสดงบนอุปกรณ์ RGB แบบ 16 บิตที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง และสามารถแสดงสีจากสีสันต่างๆ ที่มีมากมายถึง 16.8 ล้านสี อย่างไรก็ดี ตาของคุณสามารถมองเห็นสีที่หลากหลายกว่าสีที่แสดงในปริภูมิสี sRGB บนจอภาพ อย่างไรก็ดี เพื่อที่จะแสดงสีสันได้สอดคล้องกับการแสดงผลแบบดิจิตอล sRGB นับล้านๆ สี และการแชร์ภาพทางออนไลน์ ส่วนใหญ่จะนิยมใช้มาตรฐาน sRGB กันมาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการแสดงสีที่จะเกิดขึ้นเมื่อทำการแปลงปริภูมิสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่ง
มาตรฐานหรือปริภูมิสี sRGB ที่ใช้กันโดยทั่วไปนี้เป็นระบบที่ช่วยให้การแสดงผลแบบดิจิตอลเข้าใจข้อมูลภาพที่จัดเก็บไว้ในการ์ด SD ของกล้องดิจิตอลได้
เลือกใช้ระหว่างปริภูมิสี sRGB กับ Adobe RGB
หากคุณใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิมพ์ภาพถ่ายคุณภาพสูง ซึ่งให้ความสำคัญสูงสุดกับความถูกต้องของสี ผมขอแนะนำให้ตั้งค่าปริภูมิในกล้องเป็น Adobe RGB ผ่านระบบเมนูของกล้อง Adobe RGB คือปริภูมิสีที่เหมาะแก่การถ่ายภาพสำหรับนำไปพิมพ์ภาพแบบวิจิตรศิลป์ เนื่องจากมีช่วงสีที่กว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัด คือมากกว่า sRGB ประมาณ 35%
ในบทความก่อนหน้านี้ เราได้เน้นความสำคัญของการถ่ายภาพในรูปแบบไฟล์ RAW ของผู้ผลิตกล้อง เนื่องจากจะช่วยรักษาข้อมูลทั้งหมดที่เซนเซอร์กล้องบันทึกไว้ การผสมผสานระหว่างการถ่ายภาพโดยใช้ปริภูมิสี Adobe RGB กับไฟล์รูปแบบ RAW ช่วยให้สามารถจัดการข้อมูลภาพในกล้องได้โดยไม่สูญเสียข้อมูลไป และทำให้เครื่องพิมพ์ระดับมืออาชีพ เช่น Canon imagePROGRAF PRO-500 ถ่ายทอดสีสันได้ดียิ่งขึ้นและสร้างโทนสีเทาได้เรียบเนียนยิ่งขึ้น
ปริภูมิสี CMYK คืออะไร
ปริภูมิสีที่ใช้ในงานพิมพ์ใช้ระบบจำลองสีและสีที่เป็นส่วนประกอบแตกต่างออกไป ดังนั้น จึงมีปริภูมิสีที่ต่างออกไปด้วย
เครื่องพิมพ์สีรุ่นเริ่มต้นใช้งานมักใช้หมึกผสมกัน 4 สี อันได้แก่ น้ำเงินเขียว (Cyan) ม่วงแดง (Magenta) เหลือง (Yellow) และดำ (Black) เพื่อสร้างสีขั้นที่ 2 หลากหลายสีบนกระดาษ แต่ละสีสามารถปรับความเข้มได้ตั้งแต่ศูนย์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น สีแดงสดอาจประกอบด้วยสีน้ำเงินเขียว 2%, สีม่วงแดง 93%, สีเหลือง 90% และสีดำ 0%
เครื่องพิมพ์ภาพถ่ายแบบวิจิตรศิลป์อย่างเช่น รุ่น Canon imagePROGRAF PRO-500 ใช้ระบบหมึก 12 สีซึ่งมีหมึกสีเดียว 4 สี สีสันที่ได้จึงหลากหลายเหนือกว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแบบธรรมดา และจะแสดงสีของฉากที่คุณถ่ายได้อย่างแม่นยำ
การนำปริภูมิสี RGB และ CMYK มาใช้งานร่วมกัน
ภาพรุ้งกินน้ำดูยอดเยี่ยม เมื่อถ่ายด้วยกล้อง DSLR และเปิดดูจากจอภาพดิจิตอล แต่เมื่อถ่ายทอดด้วยปริภูมิสี RGB และพิมพ์ผ่านเครื่องพิมพ์ที่ใช้กระบวนการพิมพ์ CMYK สีสันของรุ้งกินน้ำอาจไม่ถูกต้องแม่นยำเท่าใดนัก นั่นเป็นเพราะว่าสีที่ถ่ายทอดออกมาจากรุ้งกินน้ำของจริงนั้นอยู่นอกช่วงหรือขอบเขตของระบบสี CMYK
ในทำนองเดียวกัน จอภาพดิจิตอลสามารถแสดงสีสันได้ เช่น โทนสีส้ม แต่เครื่องพิมพ์ระบบ CMYK จะถ่ายทอดออกมาได้ยาก
แผนภาพจำลองด้านล่างนี้แสดงความแตกต่างระหว่างช่วงสีที่แสดงโดยปริภูมิสี sRGB, Adobe RGB และ CMYK
ดังนั้น เราจะมีวิธีใดบ้างที่จะลดช่องว่างระหว่างปริภูมิสีเหล่านี้ในระหว่างขั้นตอนการพิมพ์สี วิธีง่ายๆ ก็คือ การใช้มาตรฐานคำอธิบายสีอิสระที่เรียกว่า ปริภูมิสีของ CIE
ปริภูมิสีของ CIE จะแสดงสีที่ตามนุษย์สามารถรับรู้ได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น วิธีที่ตารับรู้สีคราม (indigo) หรือสีแดงม่วงเข้มอมน้ำตาล (maroon) สามารถอ้างอิงทางคณิตศาสตร์ได้ในปริภูมิสีของ CIE ค่า CIE สำหรับสีครามและสีแดงม่วงเข้มอมน้ำตาลคือ วิธีระบุสีที่ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้สี RGB และ CMYK สามารถอ้างอิงได้ การอธิบายสีในทางคณิตศาสตร์ในแบบที่ตาของเรามองเห็นนั้น ทำให้กระบวนการแปลงสีจากอุปกรณ์ที่ใช้สี RGB (เช่น กล้อง DSLR) เป็นอุปกรณ์สี CMYK (เช่น เครื่องพิมพ์) เชื่อถือได้และสม่ำเสมอยิ่งขึ้น
ในบทความต่อไป เราจะมาดูวิธีใช้โปรไฟล์สีเพื่อการพิมพ์ภาพแบบวิจิตรศิลป์
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ ได้โดยลงทะเบียนกับเรา!