มาดูกล้อง EOS 5D Mark IV ซึ่ง Canon เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2016 พร้อมด้วยเลนส์ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ 2 รุ่น ได้แก่ EF24-105mm f/4L IS II USM และ EF16-35mm f/2.8L III USM (เรื่องโดย: Makoto Suzuki (Digital Camera Watch))

 

“ปุ่มเลือกพื้นที่ AF” ใหม่บนแผงด้านหลัง; ช่องต่อรีโมทคอนโทรลที่มุมล่างด้านหน้า

หลังจากการวางจำหน่าย EOS 5D Mark III ในปี 2012 EOS 5D Mark IV เป็นกล้องรุ่นล่าสุดในซีรีส์ EOS 5D ที่กล่าวได้ว่าเป็นพื้นฐานสำคัญของกล้อง DSLR แบบฟูลเฟรม 35 มม. ของ Canon กล้องรุ่นนี้มีความละเอียดสูงเช่นเดียวกับ EOS 5DS และ EOS 5DS R ซึ่งทั้งสองพัฒนาต่อยอดมาจากกล้อง EOS 5D III ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 โดยมีเลนส์คิทเป็น EF24-105mm f/4L IS II USM ซึ่งปรับปรุงใหม่จากรุ่นที่เปิดตัวไปเมื่อ 11 ปีก่อน ทำให้เลนส์รุ่นนี้กลายเป็นเลนส์ซูมมาตรฐานใหม่สำหรับกล้องความละเอียดสูง

ติดตั้งเลนส์ EF24-105mm f/4L IS II USM

 

EF16-35mm f/2.8L III USM เป็นเลนส์รุ่นที่สามต่อจากรุ่นบุกเบิกและรุ่นที่สอง ซึ่งเปิดตัวในปี 2001 และ 2007 ตามลำดับ เลนส์นี้ช่วยให้ Canon มีคุณภาพของภาพถ่ายในระดับสูงสุด รวมถึงคุณภาพของภาพแบบขอบถึงขอบ (edge-to-edge) ที่ดียิ่งขึ้น

 

 

 

EF16-35mm f/2.8L III USM (ซ้าย) และ EF24-105mm f/4L IS II USM (ขวา)

 

ในแง่ของรูปลักษณ์ กล้อง EOS 5D Mark IV มีช่องต่อรีโมทคอนโทรลชนิด N3 ซึ่งย้ายไปอยู่ที่แผงด้านหน้า โดยแผ่นโลโก้มีการออกแบบใหม่ และเพิ่ม "ปุ่มเลือกพื้นที่ AF แยกต่างหาก" ที่แผงด้านหลัง โดยทั่วไป ช่างภาพสามารถเปลี่ยนจากการใช้งาน EOS 5D Mark III และรุ่นคล้ายๆ กันมาใช้กล้องรุ่นนี้ได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม “ประสบการณ์การใช้ชัตเตอร์” นั้นใกล้เคียงกับที่ได้จากกล้อง EOS 5DS / 5DS R มากกว่า (เนื่องจากกลไกขับเคลื่อนกระจกที่ต่างกัน) ซึ่งเป็นรุ่นที่โดดเด่นขึ้นมาหลังจาก EOS 5D Mark III การถ่ายแบบปิดเสียงทำได้สะดวกด้วยการตั้งค่ากล้องให้เป็นโหมดถ่ายภาพแบบเงียบ

 

 

 

 

แผ่นโลโก้

 

เพิ่ม "ปุ่มเลือกพื้นที่ AF" ใหม่ที่แผงด้านหลัง

 

ช่องต่อรีโมทคอนโทรลอยู่ที่มุมล่างซ้ายของแผงด้านหน้า

 

ฝาปิดช่องต่อบนแผงด้านข้างมีการแบ่งย่อยลงไปอีก

 

หน้าจอเมนูบน EOS 5D Mark IV

 

 

 

 

 

รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับข่าวสาร เคล็ดลับและลูกเล่นในการถ่ายภาพได้โดย ลงทะเบียนเป็นสมาชิกกับเรา!