เลนส์มาโคร 100mm f/2.8 เป็นเลนส์คุณภาพสูงเสมอมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพมาโครและภาพผลิตภัณฑ์ EF100mm f/2.8L Macro IS USM ซึ่งวางจำหน่ายในปี 2552 ถือเป็นเลนส์รุ่นสำคัญที่ไว้ใจได้ซึ่งช่างภาพมากมายต้องมีติดกระเป๋า จึงเกิดคำถามว่า เมื่อเทียบกันแล้ว RF100mm f/2.8L Macro IS USM มีประสิทธิภาพอย่างไร และทำไมผู้ใช้กล้องมิเรอร์เลส EOS R จึงควรใช้เลนส์รุ่นนี้ มาหาคำตอบได้ในบทความนี้
ข้อมูลเบื้องต้น: ทำไมใครๆ จึงชื่นชอบเลนส์มาโคร 100mm f/2.8L จาก Canon
ข้อมูลเบื้องต้น: คุณสมบัติที่น่าสนใจของเลนส์มาโคร 100mm f/2.8L
แม้ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการถ่ายภาพมาโคร แต่เลนส์มาโคร 100mm f/2.8 มีความอเนกประสงค์น่าประทับใจและเหมาะกับการถ่ายภาพตัวแบบที่มีขนาดใหญ่ๆ หรืออยู่ห่างออกไป ซึ่งรวมถึงภาพพอร์ตเทรตหรือแม้แต่ภาพทิวทัศน์และสถาปัตยกรรม คุณสมบัติสำคัญๆ มีดังนี้
- กำลังขยายขนาดเท่าจริง (1:1) (หรือมากกว่า): ถ่ายภาพโคลสอัพของวัตถุเล็กจิ๋วที่ตาเปล่ามองเห็นยาก
- ระยะห่างกำลังดี: มีพื้นที่เพียงพอระหว่างเลนส์กับตัวแบบเพื่อให้แสงเข้ามามากขึ้น แมลงที่ประสาทสัมผัสไวมักจะไม่ค่อยบินหนีไป
- ถ่ายทอดภาพอย่างสมจริง: ทางยาวโฟกัส 100 มม. จับภาพรูปร่างและรูปทรงให้ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ ภาพพอร์ตเทรต และภาพความงาม
- รูรับแสงกว้างสุดที่มีความไวแสงสูง: เมื่อถ่ายด้วยค่า f/2.8 คุณจะได้แบ็คกราวด์เบลอ (โบเก้) สวยๆ และสามารถควบคุมระดับแสงได้อย่างยืดหยุ่นในสภาวะแสงน้อย
- เลนส์ระดับมืออาชีพ: ในฐานะเลนส์ซีรีย์ L รุ่นหนึ่ง เลนส์มาโคร 100mm f/2.8L จาก Canon จึงผลิตขึ้นด้วยความน่าเชื่อถือระดับสูง ความทนทาน และคุณภาพด้านออพติคอลดีเยี่ยม ซึ่งตอบสนองความต้องการหลากหลายของช่างภาพที่ใช้เลนส์รุ่นนี้หาเลี้ยงชีพ
EOS R5 + RF100mm f/2.8L Macro IS USM ที่ f/6.3, 1/100 วินาที, ISO 320
เลนส์มาโคร 100mm เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการสร้างสรรค์ภาพโคลสอัพให้ดูน่าประทับใจ
เลนส์ RF ใช้ได้ทุกสถานการณ์หรือไม่
สำหรับผู้ใช้กล้องมิเรอร์เลสในซีรีย์ EOS R จะมีตัวเลือก 2 แบบคือ
- EF100mm f/2.8L Macro IS USM (วางจำหน่ายในปี 2552) กับเมาท์อะแดปเตอร์
- RF100mm f/2.8L Macro IS USM (วางจำหน่ายในปี 2564): เป็นเลนส์มาตรฐานที่ออกแบบมาสำหรับระบบกล้องมิเรอร์เลส EOS R
และต่อไปนี้คือความแตกต่างระหว่างเลนส์ทั้งสอง
ข้อแตกต่างที่ 1: ระยะโฟกัสใกล้สุดและกำลังขยายสูงสุด
ข้อแตกต่างที่ 1: ระยะโฟกัสใกล้สุดและกำลังขยายสูงสุด
เลนส์ RF โฟกัสได้ใกล้กว่า โดยให้กำลังขยายสูงสุด 1.4 เท่า
RF100mm f/2.8L Macro IS USM
กำลังขยาย 1.4 เท่า
EOS R5 + RF100mm f/2.8L Macro IS USM
f/11, 1/160 วินาที, ISO 250
ที่ระยะโฟกัสใกล้สุด
EF100mm f/2.8L Macro IS USM
กำลังขยาย 1.0 เท่า
EOS R5 + EF100mm f/2.8L Macro IS USM
f/11, 1/125 วินาที, ISO 250
ที่ระยะโฟกัสใกล้สุด
เลนส์ RF100mm f/f2.8L Macro IS USM เป็นมากกว่าแค่เวอร์ชันเลียนแบบ EF100mm f/2.8L Macro IS USM ทีมนักพัฒนาเลนส์ของ Canon ได้ใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นในการออกแบบเมาท์ RF เพื่อสร้างเลนส์ขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นจุดกำเนิดคุณสมบัติใหม่ที่สำคัญ 2 ประการ ได้แก่
- ระยะโฟกัสใกล้สุดสั้นขึ้นที่ 0.26 ม. (เทียบกับ 0.3 ม. ของเลนส์ EF100mm f/2.8L Macro IS USM)
- อัตรากำลังขยายสูงสุดขนาดใหญ่กว่าของจริงที่ 1.4 เท่า
ระยะโฟกัสใกล้สุด: 26 ซม.
(RF100mm f/2.8L Macro IS USM)
ระยะโฟกัสใกล้สุด: 30 ซม.
(EF100mm f/2.8L Macro IS USM)
มีพื้นที่ให้โฟกัสมากขึ้นเมื่อถ่ายภาพโคลสอัพในระยะใกล้มากๆ
ระยะโฟกัสใกล้สุดที่สั้นขึ้นของเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ทำให้มีพื้นที่เหลือ 4 ซม. กล้องจึงยังคงโฟกัสได้ แม้ว่าลม ตัวแบบ หรือการเคลื่อนไหวของกล้องจะดึงให้ตัวแบบเข้ามาใกล้เลนส์มากกว่าที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
EOS R6 Mark II + RF100mm f/2.8L IS USM ที่ f/11, 1/125 วินาที, ISO 1000
ภาพนี้ถ่ายใกล้กับระยะโฟกัสใกล้สุดของเลนส์ พื้นที่ที่เหลือนี้ช่วยให้ง่ายขึ้นที่จะคงโฟกัสไว้ที่มดแดงตัวนี้ขณะที่มันเคลื่อนที่รอบต้นหิ่งเม่นน้อยที่กำลังไหวลม
เกร็ดความรู้ทางเทคนิค: การออกแบบ RF100mm f/2.8L Macro IS USM แบบยกเครื่อง
ระบบออพติคส์ของ EF100mm f/2.8L Macro IS USM ได้รับการปรับปรุงเรื่อยมา ดังนั้น การออกแบบบางส่วน เช่น กลไกโฟกัส ประเภทระบบ IS และตำแหน่งรูรับแสง จึงสืบทอดมาจากเลนส์รุ่นก่อนๆ วิศวกรเลนส์ของ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ได้ฉีกกรอบเดิมๆ และออกแบบเลนส์ใหม่ตั้งแต่ต้น จึงมีส่วนช่วยให้เกิดความสามารถใหม่ๆ และประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
ข้อแตกต่างที่ 2: การโฟกัสและปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพ
ข้อแตกต่างที่ 2: การโฟกัสและปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพ
เลนส์ RF มีโฟกัสอัตโนมัติที่รวดเร็วกว่า ลื่นไหลกว่า และมีปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพน้อยกว่า
สำหรับเลนส์มาโคร เช่น EF100mm f/2.8L Macro USM และ RF100mm f/2.8L Macro USM ชิ้นเลนส์ที่ทำหน้าที่โฟกัสจะต้องเคลื่อนที่ในระยะไกลขึ้นเพื่อให้สามารถโฟกัสได้ตั้งแต่ระยะโคลสอัพไปจนถึงระยะอนันต์ การโฟกัสอัตโนมัติอย่างฉับไวและลื่นไหลถือเป็นความท้าทายทางเทคนิคอย่างหนึ่ง!
ในขณะที่เลนส์ EF100mm f/2.8L Macro USM ใช้ Ring USM ในการขับเคลื่อนโฟกัสอัตโนมัติ เลนส์ RF100mm f/2.8L Macro USM ใช้ระบบควบคุมโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัว โดยที่ Nano USM แบบคู่จะขับเคลื่อนกลุ่มชิ้นเลนส์แบบลอยตัวและกลุ่มชิ้นเลนส์โฟกัสแยกกัน จึงทำให้ควบคุมโฟกัสอัตโนมัติได้รวดเร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น แม้จะมีช่วงโฟกัสระยะใกล้เพิ่มขึ้น
กลไกการขับเคลื่อนโฟกัสที่ขับเคลื่อนโดย Nano USM ใหม่ในเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM
ลองสังเกตเอฟเฟ็กต์ส่วนหนึ่งของระบบโฟกัสแบบใหม่ในวิดีโอด้านล่าง ซึ่งจะแสดงการเคลื่อนไหวของตำแหน่งโฟกัสขณะใช้ฟังก์ชั่น Focus Bracketing สำหรับวิดีโอทั้งสองนี้ เลนส์ทั้งสองรุ่นใช้ร่วมกับกล้อง EOS R6 Mark II และกล้องถูกตั้งค่าให้ถ่ายภาพ 30 ภาพเป็นช่วงๆ ที่ระดับ 6
Focus Bracketing ของเลนส์ EF100mm f/2.8L Macro IS USM
Focus Bracketing ของเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM
การเปลี่ยนตำแหน่งโฟกัสในเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ดูลื่นไหลกว่าและขัดตาน้อยกว่า รวมถึงมีปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพน้อยกว่าด้วย เมื่อเปรียบเทียบกัน การเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนตำแหน่งโฟกัสในมุมรับภาพเมื่อใช้เลนส์ EF100mm f/2.8L Macro IS USM จะเห็นได้ชัดกว่า เลนส์ RF สามารถลดปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพได้ประมาณ 50% ที่ 1.0 เท่า เมื่อเทียบกับเลนส์ EF
การโฟกัสในระหว่างถ่ายวิดีโอ
Nano USM เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการเปลี่ยนจุดโฟกัสที่ลื่นไหลและเงียบเชียบในระหว่างถ่ายวิดีโอ คุณสมบัติข้อนี้ร่วมกับการลดปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพ ทำให้ RF100mm f/2.8L Macro IS USM เป็นเลนส์ที่เหมาะกว่าในการถ่ายวิดีโอ
ข้อแตกต่างที่ 3: วงแหวนควบคุม SA
ข้อแตกต่างที่ 3: วงแหวนควบคุม SA
โบเก้หลากสไตล์ มีโอกาสในการสร้างสรรค์มากขึ้น
รูรับแสงกว้างสุดขนาดใหญ่และทางยาวโฟกัสยาวเป็นสองคุณสมบัติดั้งเดิมสำหรับการถ่ายโบเก้ให้สวยงาม แต่วงแหวนควบคุม SA (ความคลาดทรงกลม) ของเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM จะยกระดับความสามารถนี้ขึ้นไปอีก เพราะคุณจะสามารถควบคุมลักษณะของแสงโบเก้ได้
เมื่อใช้เลนส์เดียวกันนี้ คุณจะสามารถสร้างได้ทั้งโบเก้ขอบฟุ้งชวนฝันที่กลมกลืนกับแบ็คกราวด์ และ “โบเก้แบบฟองสบู่” ที่มีขอบเข้มชัดไม่เหมือนใครนอกเหนือจากโบเก้แบบ “ปกติ” อีกทั้งยังสร้างเอฟเฟ็กต์ซอฟต์โฟกัสได้อีกด้วย
EOS R6 Mark II + RF100mm f/2.8L IS USM ที่ f/2.8, 1/1600 วินาที, ISO 3200
การถ่ายภาพซ้อน: ภาพทั้ง 4 นี้ถ่ายด้วยค่า SA -2, 0 และ +2
วงแหวนควบคุม SA จะฉีกกรอบการสร้างสรรค์แบบเดิมๆ
ข้อแตกต่างที่ 4: ระบบป้องกันภาพสั่นไหว
ข้อแตกต่างที่ 4: ระบบป้องกันภาพสั่นไหว
เลนส์ RF จะรักษาความคมชัดของภาพไว้เมื่อใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ
เหมือนกันอย่างไร
ทั้งเลนส์ EF และ RF มี IS แบบออพติคอลในเลนส์ (ระบบป้องกันภาพสั่นไหว) และเทคโนโลยี IS แบบไฮบริดของ Canon โดยที่ IS แบบไฮบริดจะแก้ไขภาพเบลอที่เกิดจากกล้องสั่นไหวในลักษณะการเคลื่อนขึ้น-ลง ซึ่งมักจะเห็นชัดขึ้นขณะถ่ายภาพมาโคร และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบดั้งเดิม
แตกต่างกันอย่างไร – ประสิทธิภาพของ IS
สำหรับกล้องที่ไม่มี IS ในตัว เลนส์ EF100mm f/2.8L Macro IS USM สามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้สูงสุด 3.5 สต็อป เมื่อเทียบกับเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ที่ทำได้สูงสุดถึง 5 สต็อป สำหรับกล้องที่มี IS ในตัว IS แบบประสานการควบคุมสามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้สูงสุดเทียบเท่า 8 สต็อป เมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ RF
จากการทดสอบการใช้งานจริง เราพบว่าเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM สามารถถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้องให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 4 วินาที ในขณะที่เลนส์ EF ถ่ายภาพที่ใช้งานได้ด้วยความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1 วินาที
EOS R6 Mark II + RF100mm f/2.8L Macro IS USM ที่ f/9, 4 วินาที, ISO 100
ถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งที่ 4 วินาทีด้วยเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ขาตั้งจะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยเลนส์ EF ออกมาใช้ได้
ผลการทดสอบของ SNAPSHOT
เราใช้เลนส์ทั้งสองรุ่นถ่ายภาพหลายชุดโดยไม่ใช้ขาตั้ง ด้วยความเร็วชัตเตอร์ตั้งแต่ 1/125 วินาทีลงไป ซึ่งได้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้
✓: ภาพถ่ายอย่างน้อย 50% ไม่มีปัญหากล้องสั่นที่เห็นได้ชัด แม้ที่ 100%
△: ภาพถ่ายอย่างน้อย 60% มีปัญหากล้องสั่นเล็กน้อย มองเห็นไม่ชัดนักเมื่อใช้ความละเอียดต่ำลง (2048 พิกเซลหรือต่ำกว่า)
×: เห็นปัญหากล้องสั่นชัดเจนแม้ใช้ความละเอียดต่ำลง
ความเร็วชัตเตอร์ | EF | RF |
1/125 | ✓ | ✓ |
1/60 | ✓ | ✓ |
1/30 | ✓ | ✓ |
1/15 | ✓ | ✓ |
1/8 | ✓ | ✓ |
1/4 | △ | ✓ |
0.5 | △ | ✓ |
1 | △ | ✓ |
2 | × | △ |
4 | × | △ |
5 | × | △ |
ข้อแตกต่างที่ 5: ปุ่มควบคุมและคุณสมบัติการใช้งาน
ข้อแตกต่างที่ 5: ปุ่มควบคุมและคุณสมบัติการใช้งาน
ใช้งานเลนส์ RF ได้ง่ายกว่า
ทั้งเลนส์ RF และ EF ต่างมีคุณสมบัติต่อไปนี้
- สวิตช์ AF/MF
- สวิตช์เปิด/ปิด IS
- สวิตช์จำกัดโฟกัสที่มีระยะโฟกัส 3 แบบให้เลือก (ระยะเต็ม ระยะกลางถึงระยะอนันต์ ระยะโฟกัสใกล้สุดถึงระยะกลาง)
เลนส์ RF100mm f/2.8L IS USM มีวงแหวนควบคุมแบบตั้งโปรแกรมได้เช่นเดียวกับเลนส์ RF ทุกรุ่น ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนควบคุมแบบจับต้องได้อีกส่วนหนึ่งสำหรับการตั้งค่าระดับแสง
เลนส์ RF: ตัววัดระยะบนหน้าจอ
ตัววัดระยะเป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์สำหรับการโฟกัสในระหว่างการถ่ายภาพมาโครและการโฟกัสแบบแมนนวล แม้ว่าเลนส์ RF ไม่มีตัววัดระยะแบบจับต้องได้ แต่คุณสามารถแสดงตัววัดระยะในช่องมองภาพหรือหน้าจอด้านหลัง ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ทำได้เพราะระบบการสื่อสารเมาท์ RF ล้ำสมัยขึ้น
ข้อควรพิจารณาอื่นๆ
i) ขนาด: มีขนาดใกล้เคียงกันหลังจากติดตั้งเมาท์อะแดปเตอร์
ดังที่เห็นจากข้อแตกต่างที่ 5 เลนส์ EF100mm f/2.8L Macro IS USM เพียงอย่างเดียวจะสั้นกว่า RF100mm f/2.8L Macro IS USM เล็กน้อย แต่ความแตกต่างของขนาดนี้แทบจะไม่มีผลหลังจากที่ติดตั้งเมาท์อะแดปเตอร์ ซึ่งจำเป็นต่อการใช้เลนส์ EF กับกล้องซีรีย์ EOS R
ขนาด | |
RF100mm | ประมาณ 81.5 x 148 มม. 730 กรัม |
EF100mm | ประมาณ 77.7 x 123 มม. 625 กรัม |
เมาท์อะแดปเตอร์ EF-EOS R | ประมาณ 71.2 x 24 มม. 110 กรัม |
ii) คุณภาพของภาพ: เลนส์ RF มีความคลาดสีน้อยกว่า
เลนส์ EF กับ RF แก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีที่แตกต่างกัน สำหรับเลนส์ EF จะใช้ชิ้นเลนส์ UD หนึ่งชิ้น ในขณะที่เลนส์ RF จะใช้กระจกและการกำหนดค่าที่ได้รับการปรับให้เหมาะสม เลนส์ทั้งสองมีประสิทธิภาพเทียบเคียงกันในแง่ของความคมชัดและความละเอียด แต่จากภาพด้านล่างซึ่งครอปมาจากมุมของภาพจะเห็นได้ว่า ความคลาดสีได้รับการแก้ไขได้ดีกว่าเมื่อใช้เลนส์ RF
ข้อควรรู้: เลนส์ EF กับ RF แก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีที่แตกต่างกัน สำหรับเลนส์ EF จะใช้ชิ้นเลนส์ UD หนึ่งชิ้น ในขณะที่เลนส์ RF จะใช้กระจกและการกำหนดค่าที่ได้รับการปรับให้เหมาะสม
RF100mm f/2.8L Macro IS USM: ภาพตัวอย่าง
EOS R6 Mark II + RF100mm f/2.8L Macro IS USM ที่ f/8, 1/125 วินาที, ISO 6400
EOS R6 Mark II + RF100mm f/2.8L Macro IS USM ที่ f/8, 1/125 วินาที, ISO 1600
EOS R5 + RF100mm f/2.8L Macro IS USM ที่ f/32, 1/160 วินาที, ISO 6400
EOS R5 + RF100mm f/2.8L Macro IS USM ที่ f/6.3, 1/100 วินาที, ISO 100
EOS R6 Mark II + RF100mm f/2.8L Macro IS USM ที่ f/2.8, 1/100 วินาที, ISO 1250/ วงแหวนควบคุม SA: +2