ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

เคล็ดลับและบทเรียน >> เคล็ดลับและบทเรียนทั้งหมด

ถ่ายภาพอาหารให้ดูสวยยิ่งขึ้น: 3 เคล็ดลับง่ายๆ

2024-05-10
1
10

หากคุณต้องการถ่ายภาพอาหารขณะท่องเที่ยวให้ดูสวยขึ้นหรือถ่ายภาพมื้ออาหารนอกบ้านให้ดูน่ากินขึ้นอีก ต่อไปนี้คือเคล็ดลับจาก Mark Ong (@makoeats) ช่างภาพอาหารผู้เป็นนักกินตัวยงและเจ้าของบัญชีอินสตาแกรมที่เต็มไปด้วยภาพอาหารชวนน้ำลายหกที่เขารับประทานในแต่ละวันที่ร้านอาหารหลายแห่ง

 

ในบทความนี้:

ผมดู ถ่ายภาพ แล้วก็กิน

การถ่ายภาพอาหารเชิงพาณิชย์และการถ่ายภาพอาหารทั่วไปมีเป้าหมายเดียวกันคือ แสดงให้เห็นถึงความน่ากินของอาหาร แต่ถึงอย่างนั้น วิธีการถ่ายภาพและความท้าทายกลับแตกต่างกันมาก ข้อแรกคือ ในการถ่ายภาพอาหารทั่วไป อาหารจะถูกปรุงเพื่อการบริโภค ไม่ใช่เพื่อการถ่ายภาพ และคุณยังต้องทำงานโดยอาศัยเพียงสิ่งที่มีอยู่เท่านั้น การถ่ายภาพให้ได้ในแบบที่ต้องการจึงมีความท้าทายมากกว่า

การถ่ายภาพอาหารเชิงพาณิชย์ การถ่ายภาพอาหารทั่วไป/ขณะท่องเที่ยว
- ควบคุมการจัดแสงได้มากกว่า
- สามารถวางแผนและเตรียมการก่อนถ่ายภาพได้ (เลือกสไตล์ ฯลฯ)
- มีเวลาถ่ายมากกว่า
- บรีฟงานจากลูกค้าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในการถ่ายภาพ
- ถ่ายภาพโดยอาศัยเพียงแสงที่มี
- ถ่ายภาพโดยอาศัยเพียงสิ่งที่มีอยู่เท่านั้น
- มีเวลาถ่ายน้อยกว่า (เพราะการกินอาหารก็สำคัญเช่นกัน!)
- คุณถ่ายภาพให้ตัวเอง

แต่ในขณะเดียวกัน คุณจะรู้สึกเป็นอิสระที่ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองสร้างสรรค์ได้จากกล้องตัวเดียวและเลนส์หนึ่งตัว และอาจจะรวมถึงแฟลช Speedlite ด้วย! ผมหวังว่าเคล็ดลับต่อไปนี้จะช่วยให้คุณถ่ายภาพออกมาได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการมากขึ้น

สิ่งที่ผมมักจะนำไปด้วย:
- กล้อง EOS R5 หรือ EOS R6 Mark II
- RF24-105mm f/4L IS USM: เลนส์ซูมมาตรฐานจะให้ความยืดหยุ่นมากที่สุดในการถ่ายภาพร้านข้างทางและร้านอาหารที่มีคนพลุกพล่าน
- แฟลช Speedlite (ใช้เป็นบางครั้ง)

หากต้องการชุดอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักเบา ผมจะใช้:
- EOS R10
- RF50mm f/1.8 STM (แต่เลนส์คิทของคุณก็ใช้ได้เช่นกัน)

 

เคล็ดลับข้อที่ 1 การจัดแสง: แสงสะท้อนจากด้านข้างหรือด้านหลังจะได้ผลดีที่สุด

การจัดแสงที่เหมาะสมที่สุดคือ แสงธรรมชาติจากการสะท้อนที่ส่องมาจากด้านหลังหรือด้านข้างของอาหาร แสงด้านหน้า (แสงจากทิศทางเดียวกับกล้อง) จะทำให้อาหารดูเป็นสามมิติน้อยกว่า แม้ว่าผมจะพกแฟลช Speedlite ไปด้วยเพื่อใช้ในสภาวะแสงน้อย แต่ผมชอบถ่ายภาพตอนกลางวันโดยใช้แสงจากธรรมชาติมากกว่า โดยผมจะพยายามนั่งในจุดที่ได้รับแสงจากธรรมชาติ


ใช้วิธีนี้: แสงด้านข้างที่มาจากด้านหลังอาหาร

EOS R5/ RF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 65 มม./ Aperture-priority AE (f/9, 1/80 วินาที, EV -0.3)/ ISO 125/ หง่อเฮียง (เนื้อหมูม้วนเป็นแท่งห่อด้วยฟองเต้าหู้) ไส้กรอก และของทอดต่างๆ

อาหารมีความฉ่ำวาวเล็กน้อยดูสวยงามอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน เงาก็ช่วยเพิ่มความมีมิติ ส่วนแสงบนน้ำจิ้มทางด้านขวาทำให้อาหารดูเป็นประกายน่าอร่อย


หลีกเลี่ยงวิธีนี้: การให้แสงด้านหน้า

แม้จะได้รับแสงอย่างทั่วถึง แต่อาหารในภาพนี้กลับดูแบนเรียบ แสงจากด้านหน้าอาจเหมาะสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตของผู้คนเนื่องจากทำให้ผิวดูเรียบเนียน แต่สำหรับการถ่ายภาพอาหาร เรามักจะต้องการแสดงให้เห็นถึงมิติและเนื้อสัมผัส!


เคล็ดลับระดับมือโปร

- เงาและแสงสะท้อนจะทำให้อาหารดูน่ารับประทานมากขึ้น
บางครั้งผมจะเติมน้ำซุปหรือน้ำเกรวี่ปริมาณเล็กน้อยลงไปบนอาหารที่ผมรู้สึกว่าดูแห้งหรือจืดชืดเกินไป อาหารหลายประเภทจะดูน่ากินมากขึ้นหากมีผิวเป็นเงาสวยงาม ระดับของ “ความมันวาว” ที่คุณต้องใช้จะขึ้นอยู่กับอาหารและบริบท แต่ไม่ควรให้รายละเอียดบางอย่าง เช่น เนื้อสัมผัสและสีสัน ดูสว่างจ้าเกินไป

- สมดุลแสงขาว: โหมด AWB (Ambience-priority) เหมาะสำหรับการถ่ายภาพส่วนใหญ่
ผมมักจะถ่ายภาพโดยใช้โหมดสมดุลแสงขาวอัตโนมัติ (AWB) โหมด AWB (Ambience-priority) ในการตั้งค่าเริ่มต้นของกล้องซีรีย์ EOS R รุ่นใหม่ ๆ จะช่วยให้ถ่ายภาพออกมาได้สวยงามอยู่แล้ว

 

เคล็ดลับข้อที่ 2 สไตล์และการจัดองค์ประกอบภาพ: ควรช่วยขับเน้นให้อาหารจานหลักโดดเด่นขึ้น

EOS R5/ RF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 85 มม./ Aperture-priority AE (f/8, 1/100 วินาที, EV -0.3)/ ISO 500/ หลอหมี่ (ก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น)

เมื่อไม่แน่ใจ ให้ใช้กฎสามส่วน

หากอาหารจานอื่นในภาพถูกครอปออกไปบางส่วนก็ไม่เป็นไร แต่ต้องให้องค์ประกอบสำคัญอยู่ตามแนวเส้น บนจุดตัด หรือใกล้กับจุดตัดเสมอ และคุณสามารถใช้วิธีนี้เวลาครอปภาพด้วยอัตราส่วน 4:5 เพื่อใช้บนโซเชียลมีเดียได้ด้วย

ทำให้องค์ประกอบต่างๆ ดูน่าสนใจด้วยเส้นแนวทแยง

คุณเห็นเส้นในแนวทแยงกี่เส้นในภาพนี้
ผมชอบใส่เส้นแนวทแยงเข้าไปในองค์ประกอบภาพจนกลายเป็นสิ่งที่ทำโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว! เส้นแนวทแยงจะช่วยเพิ่มพลังให้กับภาพ ทำให้ได้เอฟเฟ็กต์ที่แตกต่างออกไปหากเทียบกับภาพที่องค์ประกอบต่างๆ อยู่ในแนวขนานกับขอบภาพ


อย่ากลัวที่จะจัดเรียงส่วนประกอบในอาหารใหม่!

ผมมักจะจัดส่วนประกอบหลักในจานเพื่อให้ส่วนที่เป็น “ตัวเอก” ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เครื่องที่ใส่ในหลอหมี่ (แสดงในภาพด้านบน) จะมีลูกชิ้นปลา เกี๊ยวทอด และหง่อเฮียง (เนื้อหมูม้วนเป็นแท่งห่อด้วยฟองเต้าหู้) ผมจึงวางส่วนประกอบเหล่านี้ไว้ด้านบนสุดพร้อมกับพริกและเครื่องปรุง ส่วนเส้นก๋วยเตี๋ยวนั้นอยู่ด้านล่าง ผมขอให้ร้านใส่เครื่องลงไปหลังจากราดน้ำซุปข้นๆ ลงไปบนเส้นก๋วยเตี๋ยวแล้วเท่านั้นเพื่อให้มองเห็นเครื่องในชามก๋วยเตี๋ยวได้ชัดเจน


อุปกรณ์ประกอบฉากและฉากหลัง: ใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ส่วนใหญ่แล้วผมจะไม่พกอุปกรณ์ประกอบฉากไปด้วยหากเป็นการถ่ายรูปอาหารของตนเอง แต่ผมจะใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ เช่น เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ชุดเครื่องปรุง หรือแม้แต่โต๊ะ

การจัดวางเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร

การจัดวางเครื่องใช้ไว้รอบๆ อาหารจะทำให้ดูสมจริงและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และยังช่วยให้องค์ประกอบภาพสมบูรณ์ขึ้นด้วย ในตัวอย่างของภาพหลอหมี่นี้ ตะเกียบทำหน้าที่เป็นเส้นนำสายตาที่ช่วยจัดเฟรมภาพและช่วยให้ก๋วยเตี๋ยวสองชามโดดเด่นยิ่งขึ้น

ใช้โต๊ะในการเพิ่มเลเยอร์

วางจานอาหารไว้ที่ขอบโต๊ะแล้วใส่พื้นหรือผนังเข้ามาในเฟรมภาพด้วย เพื่อให้องค์ประกอบภาพมีเลเยอร์และความลึกมากขึ้น
ซึ่งวิธีนี้ยังแสดงให้เห็นถึงบริบทของสถานที่ถ่ายภาพอีกด้วย!


เคล็ดลับระดับมือโปร: ศึกษาภาพสวยๆ แล้วนำมาฝึกประยุกต์ใช้

ค่อยๆ ศึกษาว่าภาพที่ดูดีสำหรับคุณเป็นอย่างไร เมื่อเห็นภาพอาหารที่ดูน่ารับประทาน ให้คุณศึกษาสไตล์ที่ช่างภาพใช้ รวมถึงวิธีการจัดองค์ประกอบภาพ เรียนรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับสีเอาไว้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสในการถ่ายภาพมากขึ้นเมื่อต้องทำงานโดยอาศัยเพียงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อย่ากลัวที่จะทดลองและเรียนรู้จากการลองผิดลองถูกเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย แต่สุดท้ายแล้ว อาหารก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะได้เห็นเพียงครั้งเดียวในชีวิต รีบกินก่อนที่อาหารจะเย็นเถอะ!

 

เคล็ดลับข้อที่ 3 เรียนรู้วิธีการใช้แสงสะท้อนแฟลช

หากสภาพแสงไม่เป็นใจ แต่สถานที่ถ่ายภาพมีเพดานสีขาว ผมจะใช้แฟลช Speedlite ในตัวกล้องและสะท้อนแสงแฟลชเพื่อให้แน่ใจว่าตัวแบบได้รับแสงอย่างเพียงพอ วิธีนี้ทำให้ผมใช้ความไวแสง ISO ต่ำและหลีกเลี่ยงการเกิดเม็ดเกรนได้ โหมด E-TTL (ระบบการวัดแสงแฟลชอัตโนมัติ) จะทำงานได้ดีอยู่แล้ว คุณจึงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องคอยหมุนปุ่มการตั้งค่าเอง!

ไม่ใช้แฟลช (ISO 2000)

EOS R5/ RF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 105 มม./ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/160 วินาที, EV -0.3)/ ISO 2000

เมื่อไม่ใช้แฟลช ผมต้องถ่ายภาพด้วยความไวแสง ISO 2000 ซึ่งทำให้ภาพมีเม็ดเกรนมากกว่า และภาพนี้ยังดูมีโทนอบอุ่นมากกว่าด้วย เพราะ AWB: Ambience-priority จะคงโทนอบอุ่นของแสงภายในอาคารเอาไว้ ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการในภาพอาหารที่คุณถ่าย

ใช้แสงสะท้อนแฟลช (ISO 100)

EOS R5/ RF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 105 มม./ Manual exposure (f/5.6, 1/50 วินาที)/ ISO 100

การใช้แฟลชทำให้ผมสามารถถ่ายภาพด้วยความไวแสง ISO ต่ำๆ โดยที่อาหารทุกจานยังดูสว่างพอ และยังช่วยให้ก๋วยเตี๋ยวดูเงางามน่ารับประทานและปรับสีสันโทนอุ่นให้เบาลง

 

ไม่ใช้แฟลช (f/5.6, ISO 1250)

EOS R6 Mark II/ RF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 47 มม./ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/80 วินาที)/ ISO 1250

นอกจากความไวแสง ISO ที่สูงขึ้นแล้ว ผมยังต้องใช้การตั้งค่ารูรับแสงที่กว้างขึ้นด้วยเพื่อให้เปิดรับแสงได้อย่างเพียงพอ ซึ่งทำให้ชามก๋วยเตี๋ยวไม่อยู่ในโฟกัสทั้งหมด และน้ำซุปยังดูใสน้อยลงเพราะขาดความมันวาว

ใช้แสงสะท้อนแฟลช (f/8, ISO 100)

EOS R6 Mark II/ RF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 47 มม./ Manual exposure (f/8, 1/250 วินาที,)/ ISO 100

แสงสะท้อนแฟลชช่วยให้ผมใช้รูรับแสงแคบลงได้ ซึ่งทำให้ชามก๋วยเตี๋ยวอยู่ในโฟกัสทั้งหมด นอกจากนี้ ยังช่วยให้น้ำซุปดูเป็นเงาน่าอร่อยด้วย


วิธีการทำงานของแสงสะท้อนแฟลช

แสงสะท้อนแฟลชจะเปลี่ยนเพดานหรือผนังให้กลายเป็นรีเฟลกเตอร์ขนาดใหญ่ วิธีนี้จะได้ผลดีที่สุดหากพื้นผิวที่คุณใช้สะท้อนแสงแฟลชเป็นสีขาว พื้นผิวที่เป็นสีอื่นๆ จะทำให้เกิดสีเพี้ยน

ลองทดสอบดูว่ามุมสะท้อนใดให้ผลดีที่สุด ใช้การชดเชยปริมาณแสงแฟลชเพื่อปรับระดับแสงหากแฟลชสว่างเกินไป (อ่านขั้นตอนที่ 8 ในบทความนี้เพื่อดูวิธีการ)

 

เกี่ยวกับผู้เขียน

Mark Ong

สำหรับ Mark Ong การถ่ายภาพอาหารเป็นผลพวงตามธรรมชาติที่มาจากความชื่นชอบอาหารของเขา ภาพชวนน้ำลายสอในรายการอาหารทางทีวี รวมถึงบล็อกเกี่ยวกับอาหารและความตั้งใจที่จะถ่ายภาพด้วยตนเอง เป็นแรงบันดาลใจให้เขาซื้อกล้อง DSLR ตัวแรกเพื่อถ่ายภาพอาหารโดยเฉพาะในปี 2551 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพการถ่ายภาพอาหาร

ในเวลาที่ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารเชิงพาณิชย์ Mark ชอบไปสำรวจร้านอาหารต่างๆ รวมถึงทำอาหารอร่อยๆ รับประทานเองที่บ้าน บัญชีอินสตาแกรมของ Mark อย่าง @makoeats เต็มไปด้วยภาพน่าอร่อยของเมนูแนะนำทั้งที่เขาทำเองและได้ไปรับประทานมา ซึ่งคุณไม่ควรเปิดดูตอนท้องว่าง!

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา