[ตอนที่ 2] ฟังก์ชั่นของกล้องที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดองค์ประกอบภาพ
การจัดองค์ประกอบภาพและฟังก์ชั่นของกล้อง แม้อาจดูไม่เกี่ยวข้องกัน แต่แท้จริงแล้ว สองสิ่งนี้สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด หากเรานิยามความหมายของการจัดองค์ประกอบภาพว่าเป็นวิธีการจัดวางโครงสร้างองค์ประกอบในภาพภาพหนึ่ง เช่นนั้นแล้วฟังก์ชั่นของกล้องก็เป็นเทคนิคเบื้องหลังที่ช่วยขับเน้นบรรยากาศหรือภาพที่ช่างภาพตั้งใจไว้ ในบทความนี้ จะมีคำแนะนำเบื้องต้นถึงคุณสมบัติที่ควรรู้บางประการ (เขียนโดย: Tatsuya Tanaka ภาพประกอบโดย: Atsushi Matsubara)
หน้า: 1 2
เอฟเฟ็กต์จาก “ความเร็วชัตเตอร์”: เพื่อการถ่ายทอด “การเคลื่อนไหว” ของตัวแบบ
ปรับความเร็วชัตเตอร์
กล้อง SLR แทบทุกรุ่นมีตัวเลือกความเร็วชัตเตอร์ตั้งแต่ช่วง 1/4,000 ถึง 30 วินาที (1/8,000 ถึง 60 วินาทีในบางรุ่น) ให้คุณปรับระดับ ความเร็วชัตเตอร์ระดับต่างๆ ช่วยให้ถ่ายทอดอารมณ์ผ่านภาพถ่ายได้หลากหลายขึ้น อย่างเช่น การ “หยุด” ความเคลื่อนไหวของตัวแบบหรือการถ่ายทอดความเคลื่อนไหวให้เห็นผ่านความเบลอที่เกิดจากการเคลื่อนไหว ในภาพตัวอย่างนี้ ภาพต้นมะพร้าวที่พลิ้วไหวถูกถ่ายโดยใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้า ซึ่งแสดงถึงความแรงของลมได้อย่างดีผ่านลักษณะของใบมะพร้าวที่พร่ามัว สำหรับภาพถ่ายคลื่นที่ซัดกระทบชายฝั่ง ผมเลือกความเร็วชัตเตอร์สูงๆ ซึ่งทำให้ได้ภาพที่เห็นหยดน้ำสาดกระเซ็นได้อย่างชัดเจนจนดูเสมือนว่าน้ำถูก “หยุดความเคลื่อนไหว” คุณจะต้องคาดคะเนถึงการเคลื่อนไหวของตัวแบบก่อนจัดองค์ประกอบภาพ หากต้องการสร้างเอฟเฟ็กต์จากความเร็วชัตเตอร์ เนื่องจากเทคนิคนี้ถ่ายภาพในช่วงพริบตาที่สายตาเรามองไม่ทัน จึงขอแนะนำให้คุณถ่ายหลายๆ ภาพจนกว่าจะได้ภาพที่ดีที่สุด
ผลที่เกิดขึ้นเมื่อเปลี่ยนค่าความเร็วชัตเตอร์
1/60 วินาที
มาดูกันว่าความเร็วชัตเตอร์ระดับต่างๆ ส่งผลกับการถ่ายทอดภาพสายน้ำที่ไหลจากที่สูงอย่างไร ที่ความเร็ว 1/1,000 วินาที สายน้ำดูเหมือน “หยุดนิ่ง” ปริมาณน้ำดูน้อยกว่าที่มองเห็นได้จริง ในทางกลับกัน เมื่อใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้าลง สายน้ำที่ไหลจะมองเห็นเป็นภาพฟุ้งหรือเบลอมากกว่า เริ่มตั้งแต่ความเร็ว 1/6 วินาที สายน้ำดูเหมือนจะมีปริมาณมากขึ้น และมองเห็นวิถีการไหลของน้ำได้ชัด ลองสะท้อนความแตกต่างของอารมณ์ภาพด้วยองค์ประกอบภาพของคุณ
1/6 วินาที
1/1,000 วินาที
ถ่ายทอดแรงลมด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำ
ภาพต้นมะพร้าวที่พลิ้วไหวลู่ลมในคืนที่มีแสงจากดวงจันทร์ ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ไปที่ 10 วินาที ซึ่งทำให้ใบมะพร้าวเกิดความเบลอในระดับที่พอเหมาะ ความลึกซึ้งในการถ่ายภาพการเคลื่อนไหวอยู่ที่ว่าภาพนั้นนำไปสู่อารมณ์ที่สอดคล้องกับองค์ประกอบภาพที่คุณเลือกหรือไม่
”หยุด” คลื่นกระเซ็นด้วยความเร็วชัตเตอร์สูง
น้ำกระเซ็นจากคลื่นที่ซัดโหมเกิดจากสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง การ “หยุด” การเคลื่อนไหวของคลื่นด้วยความเร็วชัตเตอร์สูงทำให้ผมเก็บภาพการเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าไว้ได้ ในภาพนี้ ผมจัดองค์ประกอบภาพขณะที่คาดว่าจะมีคลื่นใหญ่เข้ามากระทบฝั่ง และรอจังหวะเหมาะที่จะลั่นชัตเตอร์
เคล็ดลับ – อย่าให้เกิดอาการกล้องสั่นเมื่อใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้า
การถ่ายภาพที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำมักจะมาคู่กับปัญหากล้องสั่น แม้ว่าการใช้ขาตั้งกล้องอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหานี้ แต่คุณก็ไม่ควรวางใจมากเกินไป เพราะแม้จะติดตั้งกล้องบนขาตั้งกล้อง แต่ภาพก็อาจเบลอได้ เพราะยังมีแรงสะเทือนเบาๆ จากการกดปุ่มชัตเตอร์ ดังนั้น นอกจากขาตั้งกล้องแล้ว ผมขอแนะนำให้คุณใช้รีโมทกดชัตเตอร์ระยะไกล ซึ่งจะช่วยลดอาการสั่นไหวที่ไม่พึงประสงค์ เพราะคุณไม่มีการแตะตัวกล้องเลยขณะที่ถ่ายภาพ
ขาตั้งกล้องเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดปัญหากล้องสั่น แต่ไม่แนะนำให้วางใจมากเกินไปนัก
รีโมทกดชัตเตอร์ระยะไกลเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีไว้ เพราะช่วยป้องกันการสั่นไหวของกล้องได้
เอฟเฟ็กต์จาก “ความไวแสง ISO”: การสนับสนุนการถ่ายภาพด้วยการปรับเพิ่มความไวแสง
ปรับความไวแสง ISO
ความไวแสง ISO หมายถึง ความสามารถของกล้องในการรับแสงที่มาตกกระทบ ค่าตัวเลขที่สูงขึ้นหมายถึงระดับความไวแสงที่สูงขึ้นด้วย ในสถานที่ที่มีแสงน้อย เช่น ขณะถ่ายภาพทิวทัศน์กลางคืนหรือในอาคาร การตั้งค่าความไวแสง ISO สูงจะช่วยป้องกันความเร็วชัตเตอร์ไม่ให้ช้าลง ภาพถ่ายน้ำตกด้านล่างนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของความไวแสง ISO ในระดับความสว่างที่คงที่ เนื่องจากความสว่างไม่เปลี่ยนแปลง การเพิ่มความไวแสง ISO จะเป็นการเพิ่มความเร็วชัตเตอร์ไปตามสัดส่วน ถัดไปคือ ภาพตู้โชว์สินค้า ซึ่งถ่ายในเวลากลางคืนโดยไม่ใช้แสงแฟลช เมื่อเลือกความไวแสง ISO ที่สูงเพื่อเพิ่มความเร็วชัตเตอร์ ผมจึงสามารถถือกล้องถ่ายภาพด้วยมือได้โดยภาพไม่เบลอจากอาการกล้องสั่น สำหรับผู้ที่รักการถ่ายภาพสแนปช็อต คุณสมบัตินี้เป็นประโยชน์มากทีเดียว แม้การเพิ่มความไวแสง ISO อาจก่อให้เกิดจุดรบกวนมากขึ้น แต่ก็มีกล้องหลายรุ่นที่สามารถถ่ายภาพไร้จุดรบกวนได้ที่ ISO สูงถึง 1600 ลองใช้ความไวแสง ISO เพื่อให้คุณสามารถใช้สไตล์การถ่ายภาพแบบถือด้วยมือได้หลากหลายมากขึ้น
เกิดอะไรขึ้นกับความเร็วชัตเตอร์เมื่อคุณปรับความไวแสง ISO โดยให้ขนาดรูรับแสงคงที่?
ISO 100 (0.3 วินาที)
ISO 400 (1/12 วินาที)
ISO 1600 (1/50 วินาที)
ISO 6400 (1/200 วินาที)
หากความเร็วชัตเตอร์เปลี่ยนไปโดยที่ค่ารูรับแสงเท่าเดิม ภาพถ่ายที่ได้จะออกมามืดหรือสว่างเกินไป วิธีที่จะเอาชนะปัญหานี้ได้ คือ ปรับความไวแสง ISO ในภาพด้านบน ค่าความไวแสง ISO เปลี่ยนไปโดยที่ค่ารูรับแสงยังคงที่ ทำให้องค์ประกอบธรรมชาติส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากสายน้ำตกดูไม่แตกต่างกัน เมื่อทำเช่นนี้ เราจึงสามารถเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงที่เห็นในระดับความเร็วชัตเตอร์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจนจากสิ่งที่ถ่ายทอดผ่านการไหลของสายน้ำ
เพิ่มความไวแสง ISO เพื่อป้องกันการสั่นไหวของกล้อง
หนึ่งในสาเหตุของการถือกล้องถ่ายภาพด้วยมือแล้วไม่ประสบความสำเร็จที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ คือ การสั่นไหวของกล้อง การสั่นไหวของกล้องเกิดขึ้นเมื่อถ่ายภาพแนวตั้งบ่อยครั้ง แม้แต่เลนส์ที่มีคุณสมบัติ Image Stabilizer (IS) อาจไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ทุกครั้งไป ดังนั้น อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยป้องกันปัญหาจากอาการกล้องสั่นได้ก็คือ เพิ่มความไวแสง ISO
เคล็ดลับ – ระวังการเกิดจุดรบกวนที่ความไวแสง ISO สูง
แม้ว่าคุณสมบัติของความไวแสงระดับสูงๆ จะผ่านการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาแล้ว แต่จุดรบกวนก็ยังคงมีอยู่ จุดรบกวนปรากฏให้เห็นเสมอเมื่อใช้ความไวแสง ISO สูงเกิน 6400 และที่ประมาณ ISO 12800 ซึ่งสามารถใช้ถ่ายภาพท้องฟ้าในคืนที่มีดาวเต็มฟ้าได้แบบถือกล้องด้วยมือ ก็อาจจะมองไม่เห็นดาวก็ได้ ผมจึงขอแนะนำให้ระมัดระวังในเรื่องนี้และใช้คุณสมบัติการลดจุดรบกวนให้เป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์ผลงานของคุณ
ISO 400
ISO 6400
แม้ภาพถ่ายวิวยามค่ำคืนด้วย ISO 400 และ ISO 6400 อาจดูไม่ต่างกัน แต่คุณจะเห็นจุดรบกวนได้ชัดขึ้นเมื่อคุณขยายภาพ ในภาพนี้ ผมขยายส่วนหนึ่งของภาพให้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้เห็นว่าจุดรบกวนจะมองเห็นได้ชัดเมื่อใช้ความไวแสง ISO สูง
Tatsuya Tanaka
เกิดเมื่อปี 1956 Tanaka เป็นหนึ่งในช่างภาพที่หาตัวจับยาก ซึ่งได้สร้างผลงานไว้หลากหลายแนวจากมุมมองที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง เขาถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ มากมายตั้งแต่สิ่งที่มองเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น แมลงและดอกไม้ ไปจนถึงภาพทิวทัศน์ ตึกสูง และดวงดาวบนท้องฟ้าเลยทีเดียว นอกเหนือจากการถ่ายภาพแล้ว Tanaka ยังพัฒนาวิธีการของตัวเองในกระบวนการปรับแต่งภาพทั้งการรีทัชและการพิมพ์ขึ้นมาอีกด้วย