Canon EOS M100: รีวิวการออกแบบและคุณสมบัติสำคัญ
กำลังมองหากล้องแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ตัวแรกให้ตัวเองใช่ไหม หากขนาด รูปลักษณ์ และสเป็คคือสิ่งสำคัญสำหรับคุณ ต่อไปนี้คือเหตุผลที่คุณควรพิจารณาเลือก EOS M100 (เรื่องโดย: Nobuhiko Sonehara, Digital Camera Watch)
EOS M100 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2017 คือกล้องมิเรอร์เลสที่มาพร้อมเซนเซอร์ขนาด APS-C และดูเหมือนว่าเป็นกล้องระดับเริ่มต้นที่มีราคาน่าคบหาที่สุดในบรรดากล้องมิเรอร์เลสซีรีย์ EOS M ของ Canon
EOS M100 ซึ่งเปิดตัวในฐานะทายาทของกล้อง EOS M10 มาพร้อมดีไซน์ปุ่ม วงแหวน และอื่นๆ ที่ดูเรียบง่ายและใช้งานง่าย ดีไซน์คือสิ่งที่ทำให้กล้องรุ่นนี้แตกต่างจากกล้องระดับสูงในซีรีย์ เช่น EOS M5 และ EOS M6 ซึ่งมีระบบควบคุมหลากหลายที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รักการถ่ายภาพ แต่อาจทำให้ผู้ใช้ระดับเริ่มต้นหนักใจเช่นกัน
รูปลักษณ์ที่ดูกะทัดรัดและเก๋ไก๋ของ EOS M100 อาจทำให้ผู้ใช้หลายคนเข้าใจว่ากล้องมีประสิทธิภาพลดลง แต่อย่าเข้าใจผิดไป เพราะกล้องรุ่นนี้ยังคงมีสเปคสูงและได้รับการพัฒนาในส่วนสำคัญมากมาย จึงมีประสิทธิภาพทัดเทียมกล้องระดับสูงต่างๆ ทั้งในแง่คุณภาพของภาพถ่ายและคุณสมบัติการถ่ายภาพ
ขนาดและน้ำหนัก
EOS M100 มีขนาดประมาณ (กว้าง) 108.2 มม. x (สูง) 67.1 มม. x (หนา) 35.1 มม. และหนัก 266 ก. (เฉพาะตัวกล้อง) ตัวเลขที่กล่าวมานี้ทำให้ EOS M10 มีความกว้างและน้ำหนักมากกว่า EOS M10 เล็กน้อย (108.0 มม. x 66.6 มม. x 35.0 มม., 265 ก.) แต่เราแทบไม่ทราบถึงความแตกต่างเมื่อถือกล้องไว้ในมือ EOS M100 ที่บางเบาเป็นทายาทน้องใหม่ในซีรีย์ EOS M อันเป็นตำนานที่ให้ความคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะกล้องได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการถ่ายภาพประจำวัน
การออกแบบตัวกล้อง
โดยทั่วไป EOS M100 สืบทอดรูปร่างที่เรียบง่ายแต่เก๋ไก๋มาจากรุ่น EOS M10 ซึ่งมีดีไซน์ตัวกล้องที่ทันสมัย แม้จะมีคุณสมบัติของกล้องแบบดั้งเดิมอยู่
ข้อแตกต่างจาก EOS M10 อยู่ที่รายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปร่างของกล้อง ตัวอย่างเช่น บริเวณขอบของ EOS M10 ที่แหลมคมกว่าจะดูโค้งมนมากขึ้นใน EOS M100 สื่อถึงความรู้สึกนุ่มนวลและเป็นมิตรมากขึ้น ในส่วนของการตกแต่งตัวกล้องด้านหน้ามีการใช้ผิวเคลือบแบบใหม่ ช่วยให้จับไม่ลื่นมือ การปรับปรุงใหม่ทั้งสองประการนี้ไม่เพียงทำให้เกิดการผสมผสานที่สวยงามลงตัว แต่ยังสามารถใช้งานได้จริงและอาจทำให้ผู้ใช้ที่มือเล็กพึงพอใจอีกด้วย
กล้องมีสีสันให้เลือกถึงสี่สี (ขึ้นอยู่กับความพร้อมให้บริการ) ได้แก่ สีชมพู สีขาว สีดำ และสีเทา แม้ว่า EOS M10 จะมีสีให้เลือกหลายสีเช่นกัน (สีที่มีให้เลือกแตกต่างกันไปตามภูมิภาค) แต่ดีไซน์ของ EOS M100 ให้ความรู้สึกที่ทันสมัยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นสีขาวและสีเทาซึ่งมีโทนสีบนผิวเคลือบและส่วนบนและล่างของตัวกล้องที่แตกต่างกัน
ดำ
เทา
ชมพู
ระบบควบคุมและการใช้งาน
ผิวด้านบนซึ่งมีดีไซน์โค้งมนจากด้านหลังถึงด้านหน้าช่วยให้ผู้ใช้วางนิ้วบนสวิตช์โหมด (วงแหวนเลือกโหมด) และวงแหวนด้านหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่า EOS M10
สิ่งที่ผมชอบมากเป็นพิเศษคือวงแหวนด้านหน้าที่ใช้งานบ่อย ในขณะนี้สามารถวางนิ้วชี้จากด้านหน้าหรือวางนิ้วโป้งจากด้านหลังได้แล้ว ด้วยดีไซน์ตัวกล้องที่กะทัดรัดมากขึ้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าปุ่มต่างๆ จะมีขนาดเล็กลงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เราได้พัฒนาการใช้งานด้วยนิ้วสัมผัสให้ง่ายดายขึ้น และปรับสัมผัสของเสียงกลไกให้โดดเด่นขึ้นตามขนาดของปุ่มด้วย
จากกล้อง EOS รุ่นก่อนๆ EOS M100 สืบทอดดีไซน์แกะสลักรอบๆ ปุ่มชัตเตอร์ ซึ่งช่วยให้นิ้วของคุณวางบนปุ่มได้อย่างเป็นธรรมชาติขณะถือกล้องด้วยมือ นี่จึงเป็นคุณสมบัติที่บ่งบอกว่า EOS M100 คือหนึ่งในสมาชิกของกล้องตระกูล EOS
เช่นเดียวกับ EOS M10 กล้อง EOS M100 มาพร้อมแผงสัมผัสที่ช่วยให้สามารถควบคุมการตั้งค่ากล้องได้แทบทั้งหมดผ่านการใช้หน้าจอสัมผัส อันได้แก่ Touch AF ชัตเตอร์แบบแตะ โหมดการถ่ายภาพ และการตั้งค่าสมดุลแสงขาว
สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้กล้อง "จริง" ผมเชื่อว่า EOS M100 ใช้งานง่ายหากคุณทราบวิธีใช้สมาร์ทโฟน
เซนเซอร์ภาพและการประมวลผลภาพ
EOS M100 ใช้เซนเซอร์ CMOS ขนาด APS-C ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ซึ่งรองรับ Dual Pixel CMOS AF และระบบประมวลผลภาพ DIGIC 7 ใหม่ล่าสุด
ไม่เพียงสเปคเหล่านี้ทัดเทียมกับใน EOS M5 และ EOS M6 ซึ่งเป็นกล้องระดับสูงในตระกูล EOS M เท่านั้น แต่ยังเทียบเท่ากับกล้อง DSLR อาทิ EOS 800D, EOS 77D และ EOS 80D อีกด้วย
แม้ตัวกล้องจะมีขนาดเล็ก แต่กล้องให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยมและสามารถสร้างแบ็คกราวด์นอกโฟกัสที่นุ่มนวลและการเกลี่ยสีที่ละเอียดเช่นเดียวกับกล้องดิจิตอลขนาด APS-C อื่นๆ จาก Canon
กล้องมีความไวแสง ISO ปกติสูงสุดถึง 25600 คุณจึงถ่ายภาพแบบถือกล้องด้วยมือได้อย่างคมชัดและเกิดจุดรบกวนน้อยมาก แม้ว่าจะถ่ายภาพในยามค่ำคืน ในที่ร่ม หรือในสภาพแสงน้อยอื่นๆ ก็ตาม ซึ่งความไวแสงอันยอดเยี่ยมของ EOS M100 นี้เกิดขึ้นได้ด้วยเซนเซอร์ภาพที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงระบบประมวลผลภาพ DIGIC 7 ใหม่ล่าสุด
ระบบโฟกัสอัตโนมัติ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญคือ ระบบ Dual Pixel CMOS AF เทคโนโลยีซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Canon โดยเฉพาะนี้ทำให้แต่ละพิกเซลบนเซนเซอร์ภาพทำงานได้เหมือนกับเซนเซอร์ AF แบบตรวจจับระยะ
เมื่อเปรียบเทียบกับการผสมผสานของเทคโนโลยี Hybrid CMOS AF II และ Contrast AF ที่ใช้ใน EOS M10 แล้ว Dual Pixel CMOS AF ให้ความเร็ว AF ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับความเร็ว AF ในกล้องมิเรอร์เลสระดับสูงๆ ของ Canon
กรอบ AF ซึ่งย้ายไปที่บริเวณขอบภาพ
เนื่องจากแต่ละพิกเซลของความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซลนี้ทำหน้าที่เสมือนเซนเซอร์ตรวจจับระยะในเวลาเดียวกัน AF ตรวจจับระยะที่รวดเร็วและแม่นยำสูงจึงตรวจจับได้ครอบคลุมพื้นที่สูง 80% x กว้าง 80% ของเซนเซอร์ภาพ คุณจึงสามารถย้ายพื้นที่ AF ได้อย่างอิสระเพียงแค่แตะตำแหน่งที่ต้องการบนจอ LCD
การถ่ายภาพต่อเนื่อง
ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 4 fps ระหว่างการติดตาม AF (Servo AF) และ 6.1 fps พร้อม AF lock (AF ครั้งเดียว)
เราสามารถพูดได้ว่า EOS M100 มอบประสิทธิภาพในการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ดีกว่า EOS M10 ซึ่งให้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 4.6 fps พร้อม AF lock
หากเราดูที่จำนวนสูงสุดของภาพต่อเนื่องความเร็วสูง จะเห็นได้ว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากใน EOS M100 โดยสามารถถ่ายได้สูงสุดประมาณ 21 และ 19 ภาพในรูปแบบ RAW และ RAW+JPEG (ใหญ่/ละเอียด) ตามลำดับ เมื่อเทียบกับ EOS M10 ซึ่งสามารถถ่ายได้ที่ประมาณ 7 ภาพ และ 4 ภาพตามลำดับ
Creative Assist
นอกเหนือจากการเลื่อนแถบเลื่อนเพื่อควบคุมเอฟเฟ็กต์ เช่น [เบลอ←→คมชัด] หรือ [อ่อน←→สดใส] ขณะมองหน้าจอ Live View แล้ว ขณะนี้คุณสมบัติ Creative Assist ยังมาพร้อมกับแถบเลื่อน "โทนสี 2" ใหม่ สำหรับปรับโทนสีเขียวและม่วงแดงอีกด้วย
การปรับโทนสีโดยใช้แถบเลื่อน "โทนสี 2"
ปกติ
การเพิ่มโทนสีม่วงแดง
การเพิ่มโทนสีเขียว
Creative Assist ซึ่งมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับเมื่อครั้งเปิดตัวในกล้อง EOS M10 คือคุณสมบัติที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้กล้องมือใหม่ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบผลลัพธ์บนหน้าจอ Live View ก่อนถ่ายภาพได้โดยใช้คุณสมบัติต่างๆ ของกล้องมิเรอร์เลส
จอ LCD
EOS M100 ใช้จอ LCD ด้านหลัง กว้าง 3.0 นิ้ว พร้อมความละเอียดประมาณ 1.04 ล้านจุด และกลไกทิลต์ จึงสามารถพลิกจอ LCD ขึ้นได้ถึงมุมประมาณ 180°
สเปคของจอ LCD ที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายภาพตัวเองเป็นหลักมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับสเปคของ EOS M10 แต่แตกต่างจากจอ LCD แบบปรับหมุนได้ของ EOS M5 และ EOS M6 ซึ่งสามารถปรับเอียงขึ้นหรือลงได้ เพราะจอ LCD ของ EOS M100 เหมาะสำหรับการถ่ายภาพมุมต่ำมากกว่าภาพมุมสูง
แฟลชติดกล้อง
แฟลชติดกล้องของ EOS M100 เป็นแฟลชป๊อปอัพที่ใช้ระบบแมนนวล พร้อมกับมีค่าไกด์นัมเบอร์ประมาณ 5 (ISO 100, เมตร) ซึ่งครอบคลุมมุมกว้าง 24 มม. ของเลนส์ซูมมาตรฐาน EF-M15-45mm f/3.5-6.3 IS STM ในฟอร์แมตฟิล์ม 35 มม.
การถ่ายภาพเคลื่อนไหว
คุณสมบัติการถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นมากเช่นเดียวกัน และรองรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวในคุณภาพสูงระดับ Full HD/60p เอฟเฟ็กต์โบเก้ที่สวยงามซึ่งสร้างขึ้นจากเซนเซอร์ขนาด APS-C คือคุณลักษณะพิเศษของภาพเคลื่อนไหว EOS ของ Canon ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการบันทึกภาพเคลื่อนไหว ขณะที่ Dual Pixel CMOS AF ช่วยให้ AF ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพการติดตามที่ดีเยี่ยม
EOS M100 ยังมาพร้อมคุณสมบัติ Combination IS ที่มีคุณสมบัติการแก้ไขที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ด้วยการผสานรวมกลไกระบบป้องกันภาพสั่นไหวภายในกล้อง (ดิจิตอล) ที่ทำงานในระหว่างการถ่ายภาพเคลื่อนไหวเข้ากับเลนส์ที่มาพร้อมกลไกระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล
การเชื่อมต่อไร้สาย
นอกเหนือจากการเชื่อมต่อ Wi-Fi ซึ่งมีให้ใช้งานในกล้อง EOS M10 ด้วยเช่นกัน EOS M100 ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ (เทคโนโลยีบลูทูธพลังงานต่ำ) อีกด้วย
การใช้บลูทูธซึ่งกินพลังไฟน้อยกว่า Wi-Fi ช่วยให้อุปกรณ์อัจฉริยะเชื่อมต่อกับกล้องได้ตลอดเวลา และสามารถส่งภาพที่คุณถ่ายด้วย EOS M100 ไปยังอุปกรณ์อัจฉริยะได้ง่ายดายครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่จำเป็นต้องใช้การทำงานเป็นพิเศษแต่อย่างใด
ไม่เพียงเท่านั้น การใช้แอพฟรี Camera Connect ของ Canon และฟังก์ชัน GPS ในอุปกรณ์อัจฉริยะยังช่วยให้คุณสามารถบันทึกข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์ไว้ในภาพถ่ายได้อีกด้วย
สื่อที่สามารถบันทึกได้
ช่องใส่การ์ด SD จะอยู่ที่ด้านซ้ายของกล้อง (เมื่อเลนส์หันออกจากคุณ) และสามารถใช้งานได้กับการ์ด SD, SDHC และ SDXC (ตามมาตรฐาน UHS-I) ได้
เนื่องจาก Canon ให้ความสำคัญกับการสร้างดีไซน์ที่กะทัดรัด จึงอาจเปิดฝาปิดช่องใส่การ์ด SD ได้ยากในตอนแรก แต่ก็สามารถเปิดได้ง่ายเมื่อพลิกจอ LCD ขึ้น
แหล่งจ่ายไฟ
ช่องใส่แบตเตอรี่แยกออกไปต่างหากที่ด้านล่างตัวกล้อง
EOS M100 ใช้ชุดแบตเตอรี่ LP-E12 ซึ่งสามารถชาร์จโดยใช้ที่ชาร์ตแบตเตอรี่ LC-E12 ที่มาพร้อมกัน
จำนวนภาพนิ่งสูงสุดที่สามารถถ่ายได้ (อายุแบตเตอรี่) อยู่ที่ประมาณ 295 ภาพ (ตามมาตรฐาน CIPA) ขณะที่เวลาในการบันทึกภาพเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
สรุป:
ดังที่กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า EOS M100 โดดเด่นด้วยดีไซน์เก๋ไก๋สวยงามและมาพร้อมสเปคที่เทียบเท่ากล้องระดับสูงๆ ในขณะเดียวกัน เห็นได้ชัดว่ากล้องมีการพัฒนาที่เด่นชัดเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้านี้คือ EOS M10 ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น ดีไซน์ที่หรูหราสง่างามมากขึ้น ตลอดจนเซนเซอร์ภาพและระบบประมวลผลภาพที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
ผมรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษกับความสามารถของ Canon ที่สามารถออกแบบระบบควบคุมให้ใช้งานได้อย่างราบรื่นโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องมีความรู้หรือประสบการณ์ขั้นสูง ดีไซน์ปุ่มที่เรียบง่ายจนสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเหมือนกับในสมาร์ทโฟน อาจช่วยให้ผู้ใช้ที่เป็นคนรุ่นใหม่รู้สึกใช้งานได้อย่างสะดวกมาก
ผมยังให้คะแนนกล้อง EOS M100 เป็นพิเศษในเรื่องของความสามารถในการเชื่อมต่อบลูทูธที่สะดวกสำหรับสมาร์ทโฟน ทำให้อัพโหลดภาพถ่ายสวยๆ คุณภาพระดับ EOS บนอินเตอร์เน็ตได้ง่าย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากเมื่อคำนึงถึงความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ของ Instagram
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!เกี่ยวกับผู้เขียน
ส่งข่าวสารรายวันเกี่ยวกับเรื่องราวของกล้องดิจิตอลและอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมถึงซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพ นอกจากนี้ยังเผยแพร่บทความต่างๆ เช่น รีวิวการใช้กล้องดิจิตอลจริงพร้อมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องรุ่นใหม่ๆ
หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Shinshu เขาเข้าทำงานในบริษัทผลิตวิดีโอ จากนั้นได้ผันตัวมาเป็นช่างภาพอิสระ เขาย้ายไปที่คันโตในปี 2010 และเน้นรับงานถ่ายภาพให้กับนิตยสารต่างๆ นอกจากนี้ยังเขียนบทความให้กับนิตยสารกล้อง และอื่นๆ อีกด้วย