EOS-1D X Mark II เป็นกล้อง DSLR รุ่นเรือธงล่าสุดของ Canon ใน ตอนที่ 1 เราได้ทดสอบฟังก์ชั่นการติดตาม AF และการถ่ายภาพต่อเนื่องของกล้องกันไปแล้ว ในตอนที่ 2 นี้ เราจะทดสอบคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้จากกล้องโดยการจับคู่กับเลนส์ซีรีส์ L สี่รุ่นเพื่อถ่ายภาพตัวแบบต่างๆ (รายงานโดย: Koichi Isomura)

 

การจับคู่กับเลนส์ Canon

เลนส์ซีรีส์ L เป็นเลนส์ที่นิยมใช้กันในหมู่นักถ่ายภาพมืออาชีพสำหรับการถ่ายภาพในสถานการณ์จริง ในบทความนี้ ผมได้ทดสอบความสามารถที่แท้จริงของกล้อง EOS-1D X Mark II โดยจับคู่กล้องกับเลนส์ซูมซีรีส์ L รุ่นต่างๆ หลากหลายประเภทตั้งแต่เลนส์มุมกว้างไปจนถึงทางยาวโฟกัสระดับเทเลโฟโต้ รวมทั้ง EF70-200mm f/2.8L IS II USM ซึ่งเป็นหนึ่งในเลนส์ที่นักถ่ายภาพมืออาชีพนิยมใช้กันมากที่สุด

EF11-24mm f/4L USM

 

EF70-200mm f/2.8L IS II USM

 

EF100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM

 

เมื่อใช้เลนส์ Canon ดังกล่าวร่วมกับกล้อง EOS-1D X Mark II จะสามารถเปิดใช้การแก้ไขแสงสว่างที่ขอบภาพ การแก้ไขความคลาดสี และความบิดเบี้ยวและการกระจายแสงได้ นอกจากนี้ยังสามารถปิดใช้งานระบบดังกล่าวได้อีกด้วย

เมนูนี้เป็นเมนูที่ใช้สำหรับแก้ไขผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจากลักษณะเฉพาะด้านออพติคอลของเลนส์ ค่าเริ่มต้นสำหรับการแก้ไขแสงสว่างที่ขอบภาพ การแก้ไขความคลาดสี และการแก้ไขการกระจายแสงจะตั้งค่าไว้ที่ [ใช้งาน] ในขณะที่ค่าเริ่มต้นสำหรับการแก้ไขความบิดเบี้ยวจะตั้งค่าไว้ที่ [ไม่ใช้งาน] 

ภาพที่มีการแก้ไขความบิดเบี้ยวจะถูกตัดขอบออกไปเล็กน้อย และความละเอียดคมชัดอาจลดลงบ้างในบางกรณี ดังนั้น จึงควรเปิดใช้งานระบบดังกล่าวเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น

 

คุณภาพของภาพถ่ายและระยะเวลาการตอบสนองของ AF

ในบทความนี้ ผมใช้กล้อง EOS-1D X Mark II ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับการถ่ายภาพจริง และผมรู้สึกได้ทันทีถึงศักยภาพที่แท้จริงของกล้อง หากพิจารณาผลงานภาพถ่ายซึ่งผมได้คัดเลือกมาเหล่านี้อย่างละเอียด คุณจะรับรู้ได้ถึงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของกล้องเช่นเดียวกัน

ในภาพตัวอย่างด้านล่าง ผมลั่นชัตเตอร์หลังจากที่จัดวางองค์ประกอบภาพถ่ายสำหรับกลุ่มนักปั่นที่ปรากฏขึ้นทันทีจากทางเลี้ยวโค้งหักศอกในการแข่งขันขี่จักรยาน เมื่อตั้งค่าเครื่องมือการกำหนดค่า AF ไปที่ "[Case 3] (โฟกัสทันทีที่ตัวแบบเข้ามาในจุดโฟกัสอัตโนมัติ)" AF จะสามารถตอบสนองได้ด้วยความไวสูง

EOS-1D X Mark II/ EF70-200mm f/2.8L IS II USM/ FL: 200 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/1,000 วินาที, EV±0)/ AI Servo AF/ Large Zone AF (แนวตั้ง, ด้่านบน)/ ISO 400/ WB: อัตโนมัติ

 

ผมเตรียมกล้องไว้พร้อมโดยวางกล้องในตำแหน่งห่างจากเส้นชัยไม่กี่สิบเมตร จากนั้นรอให้นักปั่นเร่งสปีดเพื่อเข้าเส้นชัย ผมเริ่มลั่นชัตเตอร์เมื่อนักปั่นอยู่ห่างจากเส้นชัยในระยะสองสามเมตร และถ่ายภาพในจังหวะที่เขากำลังจะเข้าเส้นชัยด้วยการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง ผมตั้งค่าเครื่องมือการกำหนดค่า AF ไปที่ "Case 1 (การตั้งค่าอเนกประสงค์)" ซึ่งช่วยให้ผมสามารถถ่ายภาพช่วงวินาทีสำคัญโดยการให้น้ำหนักไปที่องค์ประกอบของภาพถ่าย พร้อมๆ กับการใช้จุด AF ที่ไม่ใช้งานใน Large Zone AF เพื่อช่วยให้กำหนดโฟกัสได้ง่ายขึ้น

EOS-1D X Mark II/ EF70-200mm f/2.8L IS II USM/ FL: 200 มม./ Shutter-priority AE (f/2.8, 1/1000 วินาที, EV+1)/ AI Servo AF/ Large Zone AF (ตรงกลาง)/ ISO 400/ WB: อัตโนมัติ

 

ผมใช้การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงเพื่อติดตามรถจักรยานที่เร่งความเร็วผ่านหน้าผมไป โดยทั่วไป AF ต่อเนื่องจะทำงานได้ดีเยี่ยมในการถ่ายภาพตัวแบบที่กำลังเคลื่อนที่เข้าหากล้อง แต่จะไม่มีประสิทธิภาพมากนักหากใช้ถ่ายภาพตัวแบบที่กำลังเคลื่อนที่ออกไป หากเปรียบเทียบกัน AI Servo AF ในกล้อง EOS-1D X Mark II จะสามารถรักษาโฟกัสไว้ที่ตัวแบบขณะกำลังเคลื่อนที่ออกห่างจากกล้องได้

EOS-1D X Mark II/ EF100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM/ FL: 400 มม./ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/160 วินาที, EV+0.3)/ AI Servo AF/ Large Zone AF (ตรงกลาง)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ

 

ภาพนักแข่งที่กำลังปั่นจักรยานเข้าเส้นชัยซึ่งเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวนี้ถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้าง 11 มม. เพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์เปอร์สเป็คทีฟที่โดดเด่น ผมเลือกใช้ AF ครั้งเดียว และตั้งโฟกัสไปที่ส่วนบนของประตู จากนั้นลดความเร็วชัตเตอร์ลงเหลือ 1/400 วินาที เพื่อให้ภาพจักรยานในส่วนที่เคลื่อนไหวเบลอ ผมจัดองค์ประกอบภาพไว้ล่วงหน้าโดยใช้ฟังก์ชั่น Live View จากนั้นปิดฟังก์ชั่นและกดปุ่มชัตเตอร์โดยไม่มองผ่านช่องมองภาพ

EOS-1D X Mark II/ EF11-24mm f/4L USM/ FL: 11 มม./ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/400 วินาที, EV+1.3)/ AF ครั้งเดียว/ Zone AF (ตรงกลาง, ด้านบน)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ

 

ตัวอย่างถัดไปเป็นภาพถ่ายการแสดงสดในคลับเพลงแจ๊สเก่าแก่แห่งหนึ่ง ผมถ่ายภาพนักดนตรีที่กำลังเล่นสดบนเวทีท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลายโดยใช้ความไวแสง ISO สูงถึง 12800 จากนั้นตั้งค่าสมดุลแสงขาวไปที่ "อัตโนมัติ (เน้นบรรยากาศ) เพื่อช่วยรักษาบรรยากาศของโทนสีของหลอดไฟทังสเตน และตั้งค่าโหมดขับเคลื่อนไปที่ "ถ่ายภาพเดี่ยวแบบเงียบ"

EOS-1D X Mark II/ EF70-200mm f/2.8L IS II USM/ FL: 123 มม./ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/800 วินาที, EV-0.3)/ AF ครั้งเดียว/ AF จุดเล็ก/ ISO 12800/ WB: อัตโนมัติ
(เทเนอร์แซกโซโฟน: Shigeru Ukon, นักร้อง: Kanoko Kimura) 

 

เนื่องจากผมถ่ายภาพในคลับเพลงแจ๊สโดยยืนอยู่ใกล้กับผู้ชมที่กำลังเพลิดเพลินกับการแสดง ผมจึงตั้งค่าโหมดขับเคลื่อนไปที่ "ถ่ายภาพเดี่ยวแบบเงียบ" เพื่อลดเสียงชัตเตอร์ให้เบาที่สุด ซึ่งเสียงชัตเตอร์ของกล้อง EOS-1D X Mark II นับว่าค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับกล้อง DSLR ฟูลเฟรมรุ่นอื่นๆ

EOS-1D X Mark II/ EF70-200mm f/2.8L IS II USM/ FL: 200 มม./ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/800 วินาที, EV-0.3)/ AF ครั้งเดียว/ AF จุดเล็ก/ ISO 12800/ WB: อัตโนมัติ
(เบส: Jumbo Ono)

 

สรุป: กล้องนี้เป็นรุ่นที่รอคอยมานานสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการกล้องประสิทธิภาพสูงอันยอดเยี่ยม

ในบทความนี้ ผมใช้กล้อง EOS-1D X Mark II เพื่อถ่ายภาพตัวแบบในฉากต่างๆ ผลภาพที่ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงมากของกล้อง และยังพิสูจน์ให้เห็นว่ากล้องรุ่นนี้เป็นหนึ่งในกล้องที่แข่งขันได้มากที่สุดในปัจจุบัน ผมมั่นใจว่าจะได้เห็นเลนส์เทเลโฟโต้สีขาวมากมายที่การแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกปีนี้อย่างแน่นอน

แม้ว่ากล้อง DSLR นี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพนักกีฬาชั้นนำของโลกได้ตามที่เห็นในภาพด้านบน แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับช่างภาพมืออาชีพเท่านั้น สำหรับผู้รักการถ่ายภาพที่กำลังมองหากล้องประสิทธิภาพสูง กล้องรุ่นนี้ยังเป็นรุ่นที่คุ้มค่าแก่การรอคอยอีกด้วย อันที่จริงใครที่ได้สัมผัสกับกล้อง EOS-1D X Mark II จะตกหลุมรักในความสามารถที่ครบครันของกล้องรุ่นนี้ในทันที 

ภาพถ่ายการแข่งขันขี่จักรยานด้วยความเอื้อเฟื้อจากการแข่งขัน JCBF Gunma CSC Road Race ครั้งที่ 8

 

รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ ได้โดย ลงทะเบียนกับเรา!