การซื้อกล้องถ่ายภาพยนตร์ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นหากคุณต้องการยกระดับฝีมือในการถ่ายทำภาพยนตร์ขึ้นไปอีกขั้น การเลือกกล้องที่ผ่านการรับรองจาก Netflix ย่อมทำให้มั่นใจได้ว่ากล้องของคุณมีความน่าเชื่อถือและรองรับการใช้งานได้หลากหลายเพื่อถ่ายทอดผลงานของคุณออกมาอย่างสร้างสรรค์ มาเรียนรู้เกี่ยวกับกล้อง Cinema EOS รุ่นต่างๆ ที่ผ่านการรับรองจาก Netflix ได้ในบทความนี้
อันดับแรก ต้องถามก่อนว่า “กล้องที่ผ่านการรับรองจาก Netflix” หมายถึงอะไร
กล้องที่ “ผ่านการรับรองจาก Netflix” (Netflix-approved) คือกล้องที่ Netflix อนุญาตให้ใช้เป็นกล้องหลักสำหรับการถ่ายทำคอนเทนต์ที่อำนวยการสร้างโดย Netflix หรือที่เรียกว่า Netflix Originals ซึ่งต้องบันทึกภาพ 90% ของความยาวรายการหรือภาพยนตร์นั้นๆ ด้วยกล้องดังกล่าว
กล้องที่ว่านี้ต้องผ่านการประเมินอย่างเข้มงวดจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ Netflix ก่อนที่ได้รับการขึ้นบัญชีรายชื่อกล้องที่ “ผ่านการรับรอง” คุณจึงคาดหวังได้ถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือในระดับสูงที่พร้อมตอบสนองความต้องการผลิตผลงานอย่างสร้างสรรค์ ดังนั้น แม้ว่าคุณไม่คิดจะถ่ายทำ Netflix Original เร็วๆ นี้ แต่การเลือกกล้องที่ผ่านการรับรองจาก Netflix ก็ยังคงมีข้อดี เพราะคุณจะพร้อมเสมอหากและเมื่อใดก็ตามที่มีโอกาสถ่ายทำคอนเทนต์สำหรับ Netflix Original!
สเปคขั้นต่ำเพื่อการรับรองจาก Netflix
แม้ว่าการมีสเปคขั้นต่ำตามที่กำหนดไม่ได้รับประกันว่ากล้องจะผ่านการรับรองจาก Netflix เสมอไป แต่อย่างน้อยกล้องทุกรุ่นที่ผ่านการรับรองจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- เซนเซอร์ภาพแบบ True 4K UHD (ในระหว่างการถ่ายทำแบบ Non-Anamorphic) ซึ่งมี Photosite อย่างน้อย 3,840 จุดตลอดความกว้าง
- ความลึกสีอย่างน้อย 10 บิต
- การบันทึกวิดีโอ RAW แบบไม่บีบอัด/บีบอัดเล็กน้อย หรือตัวแปลงสัญญาณที่บีบอัดแบบ Intraframe ด้วยการบีบอัดข้อมูล Subsampling 4:2:2 ขึ้นไป
- อัตราข้อมูลต่ำสุด 240Mbps ที่ 24 fps
- ปริภูมิสีแบบ Scene-referred
- ฟังก์ชั่นการถ่ายโอนแบบ Scene-referred (การบันทึก Log)
- เอาต์พุตไทม์โค้ดโดยเฉพาะ
กล้องที่มีสเปคเช่นนี้สามารถบันทึกภาพในฟอร์แมตที่รักษารายละเอียดสีปริมาณมหาศาลโดยสูญเสียคุณภาพน้อยที่สุด แม้จะผ่านกระบวนการขั้นหลังการผลิต (Post-Production) อย่างเข้มข้น นอกจากนี้ ยังทำให้กระบวนการทำงานแบบมีการจัดการสี (Colour-managed workflow) เป็นไปได้โดยที่สีสันดูถูกต้องสมจริงบนจอแสดงผลและฟอร์แมตต่างๆ ตลอดขั้นตอนหลังการผลิต
ช่องต่อสำหรับไทม์โค้ดโดยเฉพาะช่วยให้ซิงค์ข้อมูลกับกล้องและตัวบันทึกเสียงทุกตัวได้อย่างง่ายดายเมื่อถ่ายทำด้วยกล้องหลายตัวพร้อมกัน
นอกจากนี้ Netflix ยังประเมินกล้องตามคุณสมบัติต่างๆ เช่น
- ช่วงไดนามิกเรนจ์
- รูปลักษณ์
- ความเข้ากันได้ของกระบวนการทำงาน
- ความเสถียร
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Netflix ใช้ประเมินกล้องได้ใน
กล้องที่ผ่านการรับรอง – เบื้องหลัง
ควรเลือกใช้กล้อง Cinema EOS ที่ผ่านการรับรองจาก Netflix รุ่นไหนดี
ในปัจจุบันมีกล้อง Canon Cinema EOS 8 รุ่นที่ผ่านการรับรองจาก Netflix ได้แก่
- EOS R5 C (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C70 (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C300 Mark II (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C300 Mark III (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C500
- EOS C500 Mark II (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C700 (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C700 FF (ฉบับภาษาอังกฤษ)
กล้องดังกล่าวนี้มีความแตกต่างกันในแง่ของรูปลักษณ์ ฟังก์ชั่นการทำงาน ความสามารถด้านเอาต์พุต และราคา คุณน่าจะหากล้องที่เหมาะกับตนเองได้ไม่ว่าจะต้องการกล้องแบบ DSLR ขนาดเล็กสำหรับการถ่ายที่ต้องอาศัยความรวดเร็ว (Run-and-gun shoots) หรือระบบกล้องแบบถอดประกอบได้ (Modular) ซึ่งสามารถขยายเพิ่มเติมสำหรับโปรดักชั่นขนาดใหญ่
เปรียบเทียบคุณสมบัติหลัก
R5 C | C70 | C300 Mark III | C500 Mark II | |
ความละเอียดสูงสุด | 8K 60p 4K 120P |
4K DCI 60p 4K UHD 120p |
4K DCI 4K 120p |
5.9K 60p |
ชนิดเซนเซอร์ | ฟูลเฟรม | DGO ขนาด Super 35 มม. | DGO ขนาด Super 35 มม. | ฟูลเฟรม |
ช่วงไดนามิกเรนจ์ | 14 สต็อปขึ้นไป | 16 สต็อปขึ้นไป | 16 สต็อปขึ้นไป | 15 สต็อปขึ้นไป |
ระบบประมวลผลภาพ | DIGIC X | DIGIC X | DIGIC DG 7 | DIGIC DG 7 |
รูปแบบการบันทึกภายใน | Cinema RAW Light XF-AVC MP4 |
Cinema RAW Light XF-AVC MP4 |
Cinema RAW Light XF-AVC |
Cinema RAW Light XF-AVC |
เมาท์ของเลนส์ | RF | RF | EF/PL | EF/PL |
โหมด Canon Log | Canon Log 3 | Canon Log 2 และ 3 | Canon Log 2 และ 3 | Canon Log 2 และ 3 |
HDR | PQ, HLG | PQ, HLG | PQ, HLG | PQ, HLG |
อัตราเฟรมสูง | 120p (4K) | 120p (4K) 180p (2K) | 120p (4K) 180p (2K) | 120p (2K เมื่อครอป) |
อัตราเฟรมต่ำ | 1p | 12p | 12p | 1p (2K เมื่อครอป) |
การรองรับเลนส์ Anamorphic | 2 เท่า / 1.8 เท่า / 1.3 เท่า | 2 เท่า / 1.3 เท่า | 2 เท่า / 1.8 เท่า / 1.3 เท่า | 2 เท่า / 1.8 เท่า / 1.3 เท่า |
รูปลักษณ์ | คล้ายกับกล้อง DSLR | คล้ายกับกล้อง DSLR | แบบ Modular | แบบ Modular |
ฟิลเตอร์ ND |
|
10 สต็อป | 10 สต็อป | 10 สต็อป |
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว | 5 แกน (อิเล็กทรอนิกส์) | 5 แกน (อิเล็กทรอนิกส์) | 5 แกน (อิเล็กทรอนิกส์) | 5 แกน (อิเล็กทรอนิกส์) |
EVF ในตัว | มี |
|
|
|
EVF ในตัว | มี |
|
|
|
หน้าจอสัมผัส | มี | มี | มี | มี |
ช่องใส่การ์ด | CFexpress Type B 1 ช่อง SD 1 ช่อง |
SD 2 ช่อง | CFexpress Type B 2 ช่อง SD 1 ช่อง |
CFexpress Type B 2 ช่อง SD 1 ช่อง |
เสียง | 4 ช่อง | 4 ช่อง | 4 ช่อง | 4 ช่อง |
ข้อมูลต่อไปนี้เป็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องใหม่ล่าสุด 4 รุ่น
1. กล้องประสิทธิภาพสูงแบบไฮบริด: EOS R5 C
คุณสมบัติที่โดดเด่น
- เซนเซอร์ภาพ CMOS แบบฟูลเฟรม ความละเอียด 45 ล้านพิกเซล
- เมาท์ RF
- การบันทึกภายในแบบ RAW 8K 60p
- EVF
- AF และการบันทึกเสียง (ไฟล์ .wav) ที่อัตราเฟรมสูง
- Eye Detection AF และการติดตาม EOS iTR AF X
- เมาท์ฐานเสียบแฟลชมัลติฟังก์ชั่น
EOS R5 C ถือว่าเป็นกล้องไฮบริดแท้ๆ รุ่นแรกของ Canon มีขนาดกะทัดรัดที่สุดและน้ำหนักเบาที่สุดในกลุ่มกล้อง Cinema EOS และยังเป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดที่มีเซนเซอร์ฟูลเฟรม กล้องรุ่นนี้บันทึกภาพแบบ RAW ในตัวได้สูงสุดถึง 8K 60p จึงสามารถรองรับการใช้งานในอนาคต รวมทั้งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในขั้นตอนหลังการผลิต ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นกล้องถ่ายภาพนิ่ง ความละเอียด 45 ล้านพิกเซลอันทรงพลัง ซึ่งมีประสิทธิภาพระดับเดียวกับ EOS R5
ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นทำหน้าที่รองรับอุปกรณ์เสริมสำหรับระบบเสียงภายนอก เช่น ไมโครโฟน XLR
ขณะที่ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ช่วยในการมองเห็นเมื่อถ่ายทำกลางแดด ซึ่งมีแสงจ้า (Glare) ที่อาจทำให้ยากที่จะมองเห็นหน้าจอ LCD ด้านหลังหรือจอภายนอก
2. กล้องกะทัดรัดสารพัดประโยชน์: EOS C70
คุณสมบัติที่โดดเด่น
- รูปลักษณ์คล้ายกล้อง DSLR ขนาดกะทัดรัด
- เซนเซอร์ Dual Gain Output (DGO)
- เมาท์ RF
- Eye Detection AF และการติดตาม EOS iTR AF X
- AF และการบันทึกเสียงที่อัตราเฟรมสูง
- ช่องต่ออินพุต mini XLR 2 ช่อง
EOS C70 มีความคล้ายคลึงกับ EOS R5 C หลายประการ ซึ่งรวมถึงรูปลักษณ์ที่คล้ายกล้อง DSLR เมาท์เลนส์ RF แบบใหม่ ตลอดจน Eye Detection AF และการติดตามตัวแบบ EOS iTR AF X อย่างไรก็ตาม EOS C70 มีช่วงไดนามิกเรนจ์ 16 สต็อปขึ้นไปซึ่งถือว่ากว้างกว่า เนื่องจากเทคโนโลยี Dual Gain Output (DGO) ที่ใช้ในเซนเซอร์ภาพแบบ 4K Super 35 มม. ทำให้สร้างเอาต์พุต HDR ได้คมชัดยิ่งขึ้น และยังมีตัวเลือกมากมายสำหรับการบันทึกลงในการ์ด SD สองใบพร้อมกัน สามารถบันทึกเสียงที่อัตราเฟรมปกติได้ในระหว่างการบันทึกอัตราเฟรมสูงแบบ 4K 120p
EOS C70 มีตัวเลือกหลากหลายในตัว เช่น ฟิลเตอร์ ND 10 สต็อป ซึ่งพบได้ในกล้อง Cinema EOS ในระดับไฮเอนด์เช่นกัน รวมถึงช่องต่อ mini XLR สองช่องที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมได้มากขึ้น
สามารถติดตั้งเลนส์ EF ด้วยเมาท์อะแดปเตอร์ EF-EOS R 0.71x ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ทางยาวโฟกัสเดิมของเลนส์ได้ และยังช่วยให้การส่งผ่านแสงเพิ่มขึ้น 1 สต็อปด้วย
3. ยกระดับการถ่ายภาพยนตร์ขึ้นไปอีกขั้น: EOS C300 Mark III
คุณสมบัติที่โดดเด่น
- เซนเซอร์ Dual Gain Output (DGO) แบบ 4K Super 35 มม.
- ดีไซน์อเนกประสงค์และกะทัดรัดแบบถอดประกอบได้ (Modular)
- เมาท์ EF
- เมาท์ Cinema Lock แบบ PL/EF เสริม (ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเองได้)
- ช่องต่อ 12G-SDI Out
- ช่องต่อ XLR แบบ Full-size
กล้องถ่ายภาพยนตร์ที่มีระบบตัวกล้องแบบถอดประกอบได้อย่าง EOS C300 Mark III ช่วยให้ปรับใช้กล้องตามต้องการได้อย่างยืดหยุ่นยิ่งขึ้น โดยสามารถเพิ่มหรือลดขนาดกล้องได้ตามความจำเป็น หากประกอบเฉพาะชิ้นส่วนพื้นฐานที่สุด กล้อง EOS C300 Mark III จะมีขนาดกะทัดรัดพอที่จะถือได้ด้วยมือ และสามารถยึดกับกิมบอลหรือโดรนอย่างง่ายดาย สามารถซื้อส่วนต่อเสริมเพื่อตอบสนองความต้องการในการผลิตแบบต่างๆ เช่น รายการสดและการออกอากาศแบบใช้กล้องหลายตัว
สำหรับทั้ง EOS C300 Mark III และ EOS C500 Mark II คุณสามารถเปลี่ยนเมาท์ EF เป็นเมาท์ PL หรือเมาท์ Cinema Lock แบบ EF (มีจำหน่ายแยกต่างหาก) ได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องนำกล้องไปศูนย์บริการ
หากประกอบเฉพาะชิ้นส่วนพื้นฐาน กล้อง EOS C300 Mark III จะสามารถนำไปยึดกับโดรนได้อย่างง่ายดาย
4. ฟูลเฟรมพร้อมความอเนกประสงค์แบบจัดเต็ม: EOS C500 Mark II
คุณสมบัติที่โดดเด่น
- เซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรม 5.9K
- เมาท์ EF
- เมาท์ Cinema Lock แบบ PL/EF เสริม (ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเองได้)
- ผ่านการรับรองจาก Netflix สำหรับการถ่ายทำแบบ Anamorphic
- การเคลื่อนไหวแบบสโลโมชั่น/ฟาสต์โมชั่นตั้งแต่ 1p ถึง 120p ในโหมด 2K (ครอป)
- ช่องต่อ 12G-SDI Out
- ช่องต่อ XLR แบบ Full-size
เซนเซอร์แบบฟูลเฟรม 5.9K ของ EOS C500 Mark II คือข้อแตกต่างสำคัญที่ทำให้กล้องรุ่นนี้ไม่เหมือน EOS C300 Mark III สามารถบันทึกภาพ RAW ที่มีความละเอียดสูง รวมถึงฟุตเทจ 4K แบบ Oversampled คุณภาพสูงได้! เซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่ายังช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากเลนส์ Anamorphic ได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้นด้วย Squeeze factor ที่สูงขึ้น ความสามารถในการบันทึกภาพแบบฟาสต์โมชั่นลดลงถึง 1p ในโหมด 2K (ครอป)
ทั้ง EOS C500 Mark II และ EOS C300 Mark III มีอินเทอร์เฟซ 12G-SDI ล้ำสมัย ซึ่งทำให้สามารถส่งเอาต์พุตแบบ 4K 50p/60p ผ่านสายต่อเพียงเส้นเดียว และยังมีอินเทอร์เฟซ HDMI ซึ่งสามารถส่งเอาต์พุตเดียวกันนั้นได้เช่นกัน
สามารถควบคุมโฟกัสได้สะดวกด้วยจอ LCD แบบ LM-V2 ขนาด 4.3 นิ้ว ซึ่งสามารถใช้งานแบบหน้าจอสัมผัสได้
ติดต่อเราได้เลยหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องเหล่านี้!