ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

EOS C400: นิยามใหม่ของความสามารถที่หลากหลายในการผลิตวิดีโอ

2024-07-05
2
125

กล้อง EOS C400 เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ในฐานะกล้อง Cinema EOS แบบฟูลเฟรมระดับสูงรุ่นแรกของ Canon ที่มีเมาท์ RF และยังเป็นศูนย์รวม “คุณสมบัติใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว” อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความไวแสง ISO แบบ Triple Base ที่ไม่เหมือนใครและเซนเซอร์ CMOS ฟูลเฟรมแบบรับแสงด้านหลังซ้อนกันรุ่นใหม่ล่าสุดที่ให้ความละเอียด 6K ด้วยคุณสมบัติอันทรงประสิทธิภาพมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายในรูปลักษณ์ “ทรงกล่อง” ขนาดกะทัดรัดที่สามารถติดตั้งกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย จึงมั่นใจได้ว่ากล้องรุ่นนี้จะช่วยให้คุณแสดงวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์ได้อย่างมีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นการผลิตภาพยนตร์ การถ่ายทำรายการถ่ายทอดสด หรือการผลิตวิดีโอแบบเสมือนจริง

ในบทความนี้:

1. คุณสมบัติเด่นของกล้อง

เซนเซอร์ CMOS BSI ฟูลเฟรมแบบ 6K ที่พัฒนาขึ้นใหม่

ไวต่อแสงมากขึ้นพร้อมประสิทธิภาพที่น่าทึ่งในสภาวะแสงน้อย

EOS C400 เป็นกล้องในระบบ Cinema EOS รุ่นแรกของ Canon ที่มีเซนเซอร์ฟูลเฟรมแบบรับแสงด้านหลัง (BSI) ซ้อนกันรุ่นใหม่ที่ Canon เป็นผู้พัฒนาขึ้นเอง

ตัวเซนเซอร์มีขนาด 38.4 x 20.2 มม. และมีจำนวนพิกเซลที่ใช้จริง 19 ล้านพิกเซล  เซนเซอร์รุ่นนี้ต่างจากเซนเซอร์ภาพทั่วไปตรงที่วงจรจะ “ซ้อนกัน” อยู่ใต้ระนาบเซนเซอร์ จึงมีประสิทธิภาพในการรับแสงสูงสุดเนื่องจากพื้นที่รวมแสงในแต่ละพิกเซลจะมีขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากนี้เซนเซอร์ยังสามารถอ่านสัญญาณได้เร็วขึ้นด้วย จึงส่งข้อมูลภาพไปยังระบบประมวลผลภาพ DIGIC DV7 อันทรงพลังได้เร็วขึ้น

คุณสมบัติเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อ:

- ประสิทธิภาพการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย
- ช่วงไดนามิกเรนจ์
- Rolling shutter
- ประสิทธิภาพในการโฟกัสอัตโนมัติ (AF)


ประสิทธิภาพการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย
สถานการณ์ที่มีแสงตามธรรมชาติน้อยจะใช้การขยายกำลังของสัญญาณแสงน้อยกว่า ทำให้เกิดจุดรบกวนน้อยกว่าในฟุตเทจที่ใช้ความไวแสง ISO สูง จึงสามารถใช้งานกล้องได้ในฉากและสภาพแวดล้อมหลากหลายแบบ

ช่วงไดนามิกเรนจ์
เมื่อถ่ายใน Canon Log 2 ด้วยความไวแสง ISO พื้นฐานที่ 800 กล้อง EOS C400 จะมีช่วงไดนามิกเรนจ์สูงสุดถึง 16 สต็อป ซึ่งช่วยให้เก็บรายละเอียดในส่วนเงาได้มากขึ้น

Rolling Shutter
การอ่านสัญญาณที่เร็วขึ้นของเซนเซอร์จะช่วยลดการเกิด Rolling Shutter ทำให้ฟุตเทจจากกล้องที่ถ่ายตัวแบบที่เคลื่อนที่เร็วและลำดับภาพในการแพนกล้องดูลื่นไหลไม่มีสะดุด

ประสิทธิภาพในการโฟกัสอัตโนมัติ (AF)
เทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF II บนเซนเซอร์ใช้ข้อมูลแสงจากโฟโต้ไดโอดที่อยู่บนพิกเซลของเซนเซอร์ภาพ เซนเซอร์ BSI แบบซ้อนกันรุ่นใหม่ทำให้สามารถตอบสนองต่อการตรวจจับตัวแบบได้อย่างแม่นยำด้วยความเร็วสูง และยังสามารถโฟกัสได้ครอบคลุม 100% ของพื้นที่ภาพ

 

ค่าความไวแสง ISO แบบ Triple Base

EOS C400 เป็นกล้องถ่ายทำภาพยนตร์รุ่นแรกที่มีค่าความไวแสง ISO แบบ Triple Base ซึ่งนับเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่พลิกโฉมวงการภาพยนตร์ที่เคยใช้ ISO แบบ Dual Base กันอย่างแพร่หลายในกล้องระดับพรีเมียม

ค่าความไวแสง ISO พื้นฐาน ได้แก่:
- ISO 800, 3200 และ 12800 (Canon Log 2/ Log 3/ RAW)
- ISO 400, 1600 และ 6400 (Canon 709/ BT.709/ Wide DR/ PQ/ HLG)

“ความไวแสง ISO พื้นฐาน” คือค่าความไวแสง ISO ต่ำสุดที่สามารถใช้ได้โดยที่กล้องไม่จำเป็นต้องขยายกำลังสัญญาณแสงเพื่อรับข้อมูลจากสัญญาณแสง ในการตั้งค่าที่ระดับนี้ กล้องจะมีอัตราส่วนระหว่างสัญญาณกับจุดรบกวนที่สมดุลที่สุด (จุดรบกวนในภาพน้อยที่สุด) และมีช่วงไดนามิกเรนจ์ที่ดีที่สุด

เมื่อมีค่าความไวแสง ISO พื้นฐาน 3 ระดับ ผู้ใช้กล้อง EOS C400 จึงสามารถเลือกการตั้งค่าที่เหมาะกับสภาพแสงตามธรรมชาติในแต่ละสถานการณ์ได้ ฟุตเทจที่ได้จึงมีสีสันและโทนสีที่สวยสมจริงและคมชัดไม่ว่าคุณจะถ่ายทำในฉากกลางแจ้งที่สว่างจ้า ภายในอาคารที่มืดสลัว หรือในเวลากลางคืน

ค่าความไวแสง ISO พื้นฐานทั้ง 3 ระดับในกล้อง EOS C400 จะมีค่าความไวแสง ISO พื้นฐานระดับสูงที่ 12800 (ในโหมด Log/RAW) ภาพจึงมีคุณภาพและรายละเอียดที่น่าทึ่งแม้จะเป็นการบันทึกภาพเหตุการณ์ที่ใช้อัตราเฟรมสูงในสภาวะแสงน้อย

 

วิดีโอ RAW แบบ 6K เพื่อความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์

กล้อง EOS C400 สามารถถ่ายวิดีโอ RAW แบบ 6K (6000 x 3164 พิกเซล) ได้สูงสุดที่ 60P จึงช่วยปลดล็อกความเป็นไปได้ที่มากยิ่งขึ้นในขั้นตอนการปรับแต่ง และเมื่อเปลี่ยนโหมดเซนเซอร์ จะสามารถบันทึกวิดีโอ RAW แบบ 4K ได้สูงสุดที่ 120P และวิดีโอ RAW แบบ 2K ได้สูงสุด 180P ผู้สร้างภาพยนตร์ ผู้ตัดต่อ และผู้ปรับแต่งสีจะมีอิสระมากขึ้นในการปรับแต่งฟุตเทจตามความต้องการในกระบวนการปรับแต่งโดยที่คุณภาพของภาพไม่ลดลง

ไฟล์ RAW จะถูกบันทึกลงในช่องใส่การ์ด CFexpress Type B ของกล้องในรูปแบบ Cinema RAW Light 12 บิตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กลงราวสามในห้าส่วนเมื่อเทียบกับไฟล์ Cinema RAW แบบมาตรฐาน คุณจะมีโหมดการบันทึกสามแบบให้เลือก (แบบ Light, มาตรฐาน และคุณภาพสูง) ขึ้นอยู่กับขนาดไฟล์และข้อกำหนดในขั้นตอนการทำงานของคุณ

สามารถบันทึกไฟล์ Proxy และไฟล์ในรูปแบบ XF-AVC (.mxf), XF-HEVC S (.mp4) หรือ XF-AVC S (.mp4) ลงในช่องใส่การ์ด SD ได้พร้อมกัน


วิดีโอ 4K แบบ Oversampled ที่น่าประทับใจ

สำหรับโปรเจกต์ที่ต้องอาศัยไฟล์ขนาดเล็กหรือขั้นตอนการทำงานที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น คุณสามารถใช้การอ่านสัญญาณ 6K ของกล้อง EOS C400 ในการสร้างไฟล์ 4K 10 บิต 4:2:2 ความละเอียดสูง แบบ Oversampled เพื่อให้ได้วิดีโอ DCI หรือ UHD แบบ 4K ที่คมชัดจากกล้องโดยตรง

* เมื่อใช้การบันทึกแบบ XF-AVC, XF-HEVC S, XF-AVC S ในโหมดเซนเซอร์ฟูลเฟรมที่อัตราเฟรม 60P/50P หรือต่ำกว่า

ข้อควรรู้: โครงสร้างที่สม่ำเสมอของข้อมูลและไฟล์ในการบันทึกทุกรูปแบบ

กล้อง EOS C400 สามารถบันทึกไฟล์โดยใช้สัญญาณการบันทึก 4 แบบ ได้แก่
- Cinema RAW Light (.crm)
- XF-AVC (.mxf)
- XF-HEVC S (H.265/ HEVC; .mp4)
- XF-AVC S (H.264/ AVC; .mp4)

XF-HEVC S และ XF-AVC S เป็นสัญญาณที่ได้รับการปรับปรุงให้สามารถบันทึกโดยใช้อัตราบิตต่ำกว่าและได้ไฟล์ขนาดเล็กลง สัญญาณเหล่านี้ใช้การบรรจุไฟล์ในรูปแบบ .mp4

ไฟล์ทั้ง 4 รูปแบบจะมีเมตาดาต้า ชื่อไฟล์ และโครงสร้างโฟลเดอร์แบบเดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงวันและเวลาที่ถ่ายวิดีโอ รวมถึงหมายเลขม้วนฟิล์มบนชื่อไฟล์ได้ ขั้นตอนการทำงานจึงง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการถ่ายทำที่ใช้กล้องหลายตัว

 

Dual Pixel CMOS AF II ที่มี EOS iTR AF X


โฟกัสอัตโนมัติที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้นด้วยการตรวจจับตัวแบบที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึก

นอกจากจะมีประสิทธิภาพ AF ที่ดียิ่งขึ้นจากเซนเซอร์ BSI แบบซ้อนกันรุ่นใหม่แล้ว EOS C400 ยังเป็นกล้องในระบบ Cinema EOS รุ่นแรกที่มีเทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF II (DPAF II) รุ่นใหม่ของ Canon ด้วย เทคโนโลยีนี้จะเป็นตัวช่วยโฟกัสที่มีความสามารถเมื่อคุณไม่มีผู้ช่วยหมุนโฟกัส

DPAF II จะทำงานร่วมกับระบบติดตามและจดจำตัวแบบอัจฉริยะ EOS iTR AF X ที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งทำให้ความสามารถในการตรวจจับตัวแบบของกล้องเพิ่มขึ้น โดยจะตรวจจับสัตว์ (สุนัขและแมว) รวมถึงลำตัวของมนุษย์ได้ด้วย การตรวจจับลำตัวมนุษย์จะช่วยให้โฟกัสอยู่บนตัวแบบที่เป็นมนุษย์เสมอแม้จะมองไม่เห็นดวงตา ใบหน้า หรือศีรษะ!

2. เมาท์ RF และเลนส์ที่มีให้เลือก

เมาท์ RF อเนกประสงค์

สมรรถนะทางออพติคอลที่โดดเด่น ตอบสนองได้เร็วขึ้น และเปี่ยมความสามารถในการใช้งาน

เส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่และระยะแบ็คโฟกัสสั้นของเมาท์ RF ทำให้มีความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการออกแบบทางออพติคอล จึงช่วยให้ผลิตเลนส์รุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นและปรับปรุงการออกแบบของเลนส์รุ่นเก่าได้มากมาย อินเทอร์เฟซแบบ 12 ขาของเมาท์ทำให้กล้องและเลนส์สื่อสารกันได้ดียิ่งขึ้น จึงช่วยให้การประสานงานระหว่างกล้องและเลนส์ การแก้ไขความคลาดและความบิดเบี้ยวของเลนส์ รวมถึงการควบคุมของผู้ใช้ในภาพรวมมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

เลนส์ RF แบบเนทีฟบางรุ่นที่สามารถใช้ร่วมกับกล้อง EOS C400 ได้แก่:

- RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye: เลนส์ VR รุ่นแรกจาก Canon ใช้ได้กับกล้องฟูลเฟรมบางรุ่น
- RF10-20mm f/4L IS USM: เลนส์ซูมมุมกว้างอัลตร้าไวด์ที่กว้างที่สุดในโลกสำหรับกล้องฟูลเฟรม และยังมีขนาดกะทัดรัดและเบาอย่างน่าทึ่ง
- RF24-105mm f/2.8L IS USM Z: เลนส์ไฮบริดที่แท้จริงรุ่นแรกจาก Canon ที่มีคุณสมบัติเพื่อการถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ
- เลนส์เดี่ยวจากระบบ Cinema EOS ในเวอร์ชันเมาท์ RF (CN-R) (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- CN7×17 KAS T/R1: เลนส์ CINE-SERVO เวอร์ชันเมาท์ RF รุ่นแรก

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ 
เลนส์ RF กับเลนส์ EF: แตกต่างกันอย่างไรและควรตัดสินใจเลือกอย่างไร

 

เลนส์รุ่นหนึ่งที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและสามารถใช้กับกล้อง EOS C400 ได้คือ RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye โดยเลนส์นี้จะช่วยให้ขั้นตอนการทำงานของคุณในการผลิต VR180 ง่ายดายยิ่งขึ้นด้วยซอฟต์แวร์ EOS VR Utility หรือปลั๊กอิน Adobe Premiere Pro*

*ต้องชำระค่าสมัครหากต้องการใช้งานฟังก์ชั่นอย่างเต็มรูปแบบ


ปรับใช้กับอุปกรณ์อื่นได้ง่าย: ตัวเลือกในการสร้างสรรค์มากมายเมื่อใช้กับเลนส์ PL และ EF

ระยะแบ็คโฟกัสที่สั้นของเมาท์ RF ช่วยให้นำไปใช้กับเลนส์รุ่นอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย อะแดปเตอร์เลนส์ที่สามารถใช้ได้ (ขายแยกต่างหาก) ได้แก่:

- เมาท์อะแดปเตอร์ PL-RF (ฉบับภาษาอังกฤษ)*: สำหรับการใช้เลนส์เมาท์ PL ระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น เลนส์เดี่ยวรุ่น Sumire เข้ากันได้กับเทคโนโลยี Cooke /i
- เมาท์อะแดปเตอร์ EF-EOS R: ช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากกลุ่มเลนส์เมาท์ EF ที่มีอยู่ได้

นอกจากนี้ยังรองรับเลนส์ Anamorphic ด้วยความสามารถในการยืดขยายที่ใช้ได้กับเอาต์พุตภาพที่ส่งไปยังหน้าจอ LCD หรือหน้าจอผ่าน SDI หรือ HDMI

พูดอีกอย่างหนึ่งคือ คุณสามารถใช้เลนส์รุ่นใดก็ได้ที่คุณต้องการ

* กำหนดการเปิดตัวในช่วงต้นเดือนกันยายน 2567 ไม่สามารถใช้ร่วมกับกล้อง EOS C70 หรือ EOS R5 C ได้

3. ขนาดและน้ำหนัก

กะทัดรัดและน้ำหนักเบาพร้อมรองรับการเชื่อมต่อมากมาย

ด้วยระยะแบ็คโฟกัสที่สั้นของเมาท์ RF กล้อง EOS C400 จึงมีน้ำหนักเพียงประมาณ 1,540 กรัม (เฉพาะตัวกล้อง) และมีขนาดประมาณ 142 มม. x 135 มม. x 135 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ซึ่งเล็กกว่ากล้อง EOS C500 Mark II ประมาณ 10% และเบากว่าถึง 210 กรัม ในการติดตั้งชุดอุปกรณ์แบบพื้นฐาน ตัวกล้องที่กะทัดรัดจะช่วยให้ติดตั้งบนกิมบอลหรือแม้แต่โดรนได้อย่างสบายๆ

และในขณะเดียวกัน กล้องก็มีอินเทอร์เฟซสำหรับเอาต์พุตและอินพุตอีกมากมาย ทำให้สามารถติดตั้งกับอุปกรณ์อื่นๆ ในโปรเจกต์และการผลิตหลากหลายขนาดได้อย่างง่ายดาย กล้องรุ่นนี้สามารถใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ได้อย่างสะดวกสบายไม่ต่างจากการถ่ายทำสารคดีสั้นๆ โดยมีผู้ใช้กล้องเพียงคนเดียว หรือจะติดตั้งเข้ากับอุปกรณ์อื่นสำหรับการแพร่ภาพหรือถ่ายทอดสดก็ได้

4. รายละเอียดสั้นๆ พร้อมรูปภาพ

รายละเอียดสั้นๆ เกี่ยวกับอินเทอร์เฟซของกล้อง EOS C400


ด้านหน้า

ช่องต่อ LENS แบบ 12 ขาโดยเฉพาะที่ด้านหน้ากล้อง (ในวงกลมสีแดง) ทำให้สามารถจ่ายไฟสำหรับการแพร่ภาพและส่งไปยังเลนส์ซูม CINE-SERVO ได้โดยตรง

และกล้องยังมีอินเทอร์เฟซต่อไปนี้ที่รองรับการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อแพร่ภาพ/ถ่ายทอดสดโดยไม่ต้องใช้ชุดอุปกรณ์เพิ่มเติม:
- Genlock
- Mini-XLR x 2
- อีเทอร์เน็ต


ด้านบน

ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นแบบใหม่มีอินเทอร์เฟซดิจิทัลความเร็วสูงรุ่นใหม่ที่สามารถจ่ายไฟจากกล้องให้อุปกรณ์เสริมที่เข้ากันได้ เช่น อะแดปเตอร์ไมโครโฟน XLR

และฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นอีกจุดหนึ่งบนที่จับแบบถอดได้ที่อยู่ด้านบนจะช่วยคงฟังก์ชั่นการใช้งานของฐานเสียบเอาไว้แม้ถอดที่จับออกไปแล้ว


ด้านซ้าย

ปุ่มควบคุมเสียงขณะนี้จะอยู่ฝั่งเดียวกับผู้ใช้งาน ซึ่งต่างจากกล้อง EOS C300 Mark III และ C500 Mark II

มีปุ่มแบบเรืองแสงเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในที่มืด


ด้านหลัง

พอร์ตและอินเทอร์เฟซส่วนใหญ่จะอยู่ที่ด้านหลังกล้อง ซึ่งได้แก่:
- 12G-SDI
- 3G-SDI
- 2 x mini XLR
- Genlock/Sync/Return
- ช่องจ่ายไฟผ่าน USB-C
- HDMI ขนาดใหญ่
- ไทม์โค้ด

ช่องต่อ 4 ช่องที่อยู่ด้านหลังทำให้สามารถใช้แบตเตอรี่แบบ V-lock กับกล้องได้

 

ต้องใช้แบตเตอรี่ใหม่รุ่นใดรุ่นหนึ่งเป็นจำนวนสองชุดจึงจะสามารถใช้งานคุณสมบัติทั้งหมดได้ รวมถึงฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นและช่องต่อ LENS:

- ชุดแบตเตอรี่ BPA30-N
- ชุดแบตเตอรี่ BPA60-N

และกล้อง EOS C400 ยังรองรับแบตเตอรี่ BPA รุ่นเดิมของ Canon ด้วย แต่จะใช้งานฟังก์ชั่นได้อย่างจำกัด


ด้านขวา

อินเทอร์เฟซอีเทอร์เน็ตช่วยให้เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดายทั้งในการแพร่ภาพ ถ่ายทอดสด และการติดตั้งอุปกรณ์แบบใช้กล้องหลายตัว

5. ฟังก์ชั่นเด่นอื่นๆ

ฟังก์ชั่นเด่นอื่นๆ

IS แบบผสานรวม

เมื่อใช้กับเลนส์ที่มี IS แบบออพติคอลในตัว ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบดิจิทัล (IS แบบดิจิทัล) ของกล้อง EOS C400 จะประสานการทำงานกับ IS ในเลนส์เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันภาพสั่นไหว 5 แกนที่ดียิ่งขึ้น คุณสมบัตินี้เป็นไปได้เพราะเมาท์ RF ช่วยให้กล้องและเลนส์สื่อสารกันได้ด้วยความเร็วสูง


ฟิลเตอร์ ND ในตัว

กล้อง EOS C400 มีฟิลเตอร์ ND ในตัว (โหมดปกติ: ไม่ใช้, 2,4,6 สต็อป และโหมดขยายเพิ่ม: 8, 10 สต็อป) สามารถกำหนดหน่วยการแสดงค่า ND ให้อยู่ในรูปแบบสต็อป การส่งผ่าน หรือความหนาแน่นทางออพติคอล


รองรับการผลิตวิดีโอแบบเสมือนจริง

กล้อง EOS C400 สามารถนำไปใช้งานในการผลิตวิดีโอแบบเสมือนจริงได้ทันที และสามารถส่งเอาต์พุตเมตาดาต้าที่ต้องใช้ในการผลิตวิดีโอแบบเสมือนจริงได้แบบเรียลไทม์ด้วยความสามารถในการสื่อสารความเร็วสูงของเมาท์ RF มีปลั๊กอินสำหรับ Unreal Engine และ Adobe After Effects

6. ลองรับชม: วิดีโอที่ถ่ายด้วยกล้อง EOS C400 + เบื้องหลังการถ่ายทำ

ลองรับชม: “Scary Good” ถ่ายด้วยกล้อง EOS C400 โดย Christine Ng, Explorer of Light จาก Canon


เบื้องหลังการถ่ายทำ “Scary Good” ถ่ายด้วยกล้อง EOS C400 และ Christine Ng

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา