ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

เคล็ดลับและบทเรียน >> เคล็ดลับและบทเรียนทั้งหมด

ถ้าคุณเพิ่งซื้อกล้องใหม่ ต่อไปนี้เป็น 9 การตั้งค่าดีๆ ที่คุณควรเปลี่ยนก่อนถ่ายภาพ

2024-05-21
2
289

เคยมีบ้างไหมที่คุณใช้กล้องใหม่ถ่ายภาพจนเพลิน แต่สุดท้ายนึกขึ้นได้ว่าลืมตั้งค่าให้กล้องบันทึกไฟล์ RAW ทราบหรือไม่ว่าคุณสามารถปรับค่าการเปิดรับแสงได้โดยตรงอย่างรวดเร็วด้วยวงแหวนควบคุมของเลนส์ RF/RF-S หรือรู้จักฟังก์ชั่นที่จะช่วยให้คุณโฟกัสได้แม่นยำขึ้นอีกหรือไม่ ต่อไปนี้คือลิสต์การตั้งค่าที่คุณควรเปลี่ยนหรือปรับแต่งก่อนนำกล้องตัวใหม่ออกไปถ่ายภาพครั้งแรก

ในบทความนี้:

 

1. ตั้งค่ากล้องให้บันทึกในรูปแบบ RAW

ที่: เมนูสีแดง → “คุณภาพของภาพ”

ไฟล์ JPEG ที่ได้จากกล้อง

ไฟล์ RAW ที่ปรับแต่งแล้ว

ไฟล์ RAW มีข้อมูลมากกว่า จึงง่ายกว่าที่จะฟื้นฟูรายละเอียดจากฉากที่มีความเปรียบต่างสูงซึ่งคุณต้องเลือกระหว่างลดการเปิดรับแสงให้องค์ประกอบหนึ่งและเพิ่มการเปิดรับแสงให้อีกองค์ประกอบหนึ่ง

เรื่องนี้อาจดูเหมือนสิ่งที่ช่างภาพมากประสบการณ์รู้กันอยู่แล้ว แต่ก็อาจละเลยได้ง่ายถ้าเปลี่ยนกล้องที่ใช้!

หากคุณเพิ่งมีกล้องตัวแรกและไม่ค่อยได้ปรับแต่งไฟล์หลังถ่ายภาพ คุณจะบันทึกเป็น JPEG ต่อไปก็ได้ แต่อย่าลืมว่าการถ่ายภาพแบบ RAW จะบันทึกข้อมูลได้มากกว่าและช่วยให้คุณจัดการกับภาพที่ถ่ายไว้ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น แม้ว่าคุณจะต้องปรับแต่งไฟล์เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่


ตัวเลือกในการบันทึก

คุณสามารถเลือกบันทึกแบบ RAW เท่านั้น, JPEG/HEIF เท่านั้น หรือ RAW + JPEG/HEIF แต่ก็ยังมีตัวเลือกมากมายสำหรับคุณภาพการบันทึก ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ตามต้องการ


ใช้ RAW หรือ CRAW ดีกว่ากัน

กล้อง Canon มีตัวเลือกในการบันทึกแบบ RAW สองแบบ ได้แก่

- RAW แบบไม่บีบอัด
- CRAW (RAW แบบบีบอัด)

ไฟล์ CRAW มีขนาดเล็กกว่าไฟล์ RAW แบบไม่บีบอัดประมาณ 40% แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีความแตกต่างที่เด่นชัด ไฟล์ทั้งสองแบบมีนามสกุล .cr3 เหมือนกัน ควรเลือก CRAW เพื่อให้บันทึกภาพลงในการ์ดหน่วยความจำได้มากขึ้น


JPEG/HEIF

แทนที่จะบันทึกไฟล์ JPEG/HEIF ด้วยความละเอียดสูงสุด คุณสามารถเลือกความละเอียดที่ต่ำกว่าเพื่อประหยัดพื้นที่ในการ์ด ยกตัวอย่างเช่น ในภาพหน้าจอนี้ ตัวเลือก “S1” ลำดับแรกบันทึกไฟล์ JPEG ขนาด 2976 x 1984 พิกเซลดังที่แสดงในแถบสีเทาด้านบนสุด

ข้อควรรู้: ความแตกต่างระหว่าง HEIF กับ JPEG
ไฟล์ HEIF บันทึกข้อมูลได้มากกว่าไฟล์ JPEG (ข้อมูล 10 บิต เทียบกับข้อมูล 8 บิต) โดยที่ขนาดไฟล์ไม่แตกต่างกันมาก ไฟล์ประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับการบันทึกรายละเอียดส่วนที่สว่างแม้แต่ในไฟล์ที่ได้จากกล้องโดยตรง แต่คุณอาจต้องใช้ตัวแปลงสัญญาณแบบพิเศษจึงจะเปิดไฟล์ในคอมพิวเตอร์ได้

อ่านเพิ่มเติมได้ที่
HDR PQ HEIF: ก้าวข้ามขีดจำกัดของภาพแบบ JPEG
ภาพถ่ายแบบ RAW จะคงคุณภาพไว้เช่นเดิมหลังจากรีทัชหรือไม่

 

2. เปลี่ยนโหมดการโฟกัสอัตโนมัติ

ที่: เมนูสีชมพู → “การโฟกัสอัตโนมัติ”

- One Shot: เมื่อกดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง กล้องจะคำนวณและจับโฟกัสที่ตัวแบบเพียงครั้งเดียว
- Servo: เมื่อกดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง กล้องจะคำนวณซ้ำๆ และปรับโฟกัสอย่างต่อเนื่อง
- AI Focus: กล้องจะใช้ฟังก์ชั่นการตรวจจับฉากอัจฉริยะเพื่อสลับไปมาระหว่างโหมด One Shot กับ Servo

การตั้งค่า “One Shot” ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นเหมาะสำหรับตัวแบบที่อยู่นิ่ง แต่ยังหมายความว่าหากตัวแบบเคลื่อนที่ โฟกัสจะไม่เปลี่ยนตำแหน่งตามไปด้วย ควรเปลี่ยนเป็นโหมด “Servo” เพื่อคงโฟกัสไว้บนตัวแบบที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น จักรยาน ในภาพด้านล่าง หรือใช้ “AI Focus” เพื่อให้กล้องตัดสินใจเลือกเองว่าควรใช้โหมดใดตามฉากที่ตรวจจับได้

โฟกัสต้องได้รับการปรับเทียบซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตามทันตัวแบบที่เคลื่อนที่ เช่น จักรยานคันนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่สำหรับโหมด Servo AF

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Servo AF ได้ใน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตั้งค่ากล้อง: Servo AF

 

3. ตั้งค่าวงแหวนควบคุม

ที่: เมนูสีส้ม → “ปรับแต่งแหวนควบคุม”

วงแหวนควบคุมคือวงแหวนแบบมีสันที่อยู่บนเลนส์ RF/ RF-S ทำหน้าที่เหมือนแป้นหมุนเพิ่มเติมสำหรับปรับเปลี่ยนการตั้งค่าที่กำหนดไว้

นี่เป็นลักษณะเฉพาะของเลนส์ RF/RF-S เท่านั้น เลนส์ EF ไม่มีวงแหวนนี้!

คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้วงแหวนควบคุมทำหน้าที่ควบคุมฟังก์ชั่นใดในเมนู “ปรับแต่งแหวนควบคุม” ช่างภาพมากมายใช้วงแหวนควบคุมเป็นวิธีในการเปลี่ยนค่าการเปิดรับแสงที่ใช้บ่อยที่สุดได้อย่างรวดเร็ว


แก้ไขปัญหา: ปรับแต่งวงแหวนควบคุมแล้ว แต่ใช้งานไม่ได้

ตรวจสอบ: เลนส์ของคุณมีวงแหวนปรับโฟกัส/วงแหวนควบคุมรวมกันหรือไม่
หากเลนส์มีวงแหวนปรับโฟกัส/วงแหวนควบคุมรวมกัน ฟังก์ชั่นของวงแหวนอาจถูกตั้งไว้ที่ “Focus” หากมีปุ่มสวิตช์ ให้ตั้งค่าเป็น “Control” แต่หากไม่มีปุ่มสวิตช์ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

4. เมนูสีชมพู → “แหวนปรับโฟกัส/แหวนควบคุม”

5. เลือก “ใช้เป็นแหวนควบคุม” 
อย่าลืมเปลี่ยนกลับไปเป็น “Focus” หากคุณตัดสินใจที่จะใช้โหมดโฟกัสแบบแมนนวล!

 

4. ผู้ถ่ายภาพผ่านช่องมองภาพ: เปิดใช้งาน AF แบบแตะและลาก

ที่: เมนูสีชมพู → “การตั้งค่า AF แบบแตะและลาก”

AF แบบแตะและลากช่วยให้คุณสามารถใช้หน้าจอด้านหลังเป็นแผงสัมผัสในการควบคุมจุด/กรอบ AF ขณะถ่ายภาพผ่านช่องมองภาพได้ เป็นวิธีง่ายๆ ในการสลับหรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งโฟกัส ไม่ต่างจากการแตะเพื่อโฟกัส!

นอกจากนี้ คุณยังอาจอยากเปลี่ยนวิธีการวางตำแหน่งและบริเวณที่สัมผัสได้ด้วย

วิธีการวางตำแหน่ง

“สัมบูรณ์” แตะที่จุดใดจุดหนึ่งบนหน้าจอเพื่อย้ายกรอบ AF ไปตำแหน่งนั้น

“สัมพัทธ์” หน้าจอด้านหลังจะทำหน้าที่เหมือนแผงสัมผัสของแล็ปท็อป วิธีนี้จะใช้ได้ง่ายกว่าเมื่อคุณมองผ่านช่องมองภาพ

บริเวณที่สัมผัสได้

เมนูนี้ใช้กำหนดพื้นที่บนหน้าจอด้านหลังที่มีความไวต่อรูปแบบต่างๆ ในการแตะและลากนิ้ว ขอแนะนำให้กำหนดบริเวณที่สัมผัสได้ให้อยู่ฝั่งเดียวกับดวงตาข้างที่คุณใช้มองช่องมองภาพ เพื่อไม่ให้จมูกบังการมองเห็น!


ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AF แบบแตะและลาก รวมถึงคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการกำหนดค่าในสถานการณ์การถ่ายภาพที่แตกต่างกันได้ใน
การปรับแต่ง AF แบบแตะและลากเพื่อการถ่ายภาพผ่าน EVF ที่ดียิ่งขึ้น

 

5. ผู้ถ่ายวิดีโอ: เปิด Movie ดิจิตอล IS

ที่: เมนูสีแดง → โหมด IS (ระบบป้องกันภาพสั่นไหว) → ดิจิตอล IS

Movie ดิจิตอล IS ใช้วิธีทางดิจิตอลทำให้ฟุตเทจที่ถ่ายโดยไม่ใช้ขาตั้งมีความมั่นคง ฟุตเทจจึงดูลื่นไหลขึ้นและสั่นกระตุกน้อยลง ทั้งนี้ กล้องบางรุ่นจะมีการตั้งค่า “เสริมประสิทธิภาพ” หากคุณเข้าไปที่เมนูเดียวกันในโหมดวิดีโอ

หมายเหตุ: วิดีโออาจถูกครอปเล็กน้อยในระหว่างใช้งานโหมดนี้ ดังนั้น ควรจัดเฟรมภาพให้เผื่อพื้นที่บริเวณขอบไว้

 

6. ปิดใช้งาน “ลั่นชัตเตอร์ขณะไม่มีการ์ด”

ที่: เมนูสีแดง → “ลั่นชัตเตอร์ขณะไม่มีการ์ด”

ฝันร้ายของช่างภาพทุกคนคือการไปถึงสถานที่ถ่ายภาพแล้วพบว่าตัวเองลืมพกการ์ดหน่วยความจำไปด้วย แต่จะยิ่งแย่กว่านั้นหากมานึกได้หลังเริ่มถ่ายภาพไปแล้ว!

กล้องบางรุ่นจะแสดงคำเตือนว่า “ไม่มีการ์ดในกล้อง” เวลาเปิดกล้อง แต่คุณสามารถเตรียมการเผื่ออีกขั้นได้โดยการหยุดกล้องไม่ให้ถ่ายภาพเลย วิธีการ: ไปที่เมนูสีแดงและปิดใช้งานคุณสมบัติ “ลั่นชัตเตอร์ขณะไม่มีการ์ด” ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้น

จากนี้ไป ขอแค่มีคนคิดค้นสัญญาณเตือนที่หยุดคุณไม่ให้ออกจากบ้านถ้าไม่มีสื่อหน่วยความจำติดตัว ก็คงจะดีไม่น้อย…

 

7. ใส่ข้อมูลลิขสิทธิ์ของคุณลงในข้อมูล EXIF

ที่: เมนูสีเหลือง → “ข้อมูลลิขสิทธิ์”

เมื่อใส่ชื่อของคุณในเมนู “ข้อมูลลิขสิทธิ์” ข้อมูลจะถูกฝังลงไปในข้อมูล EXIF (เมทาดาตา) ของภาพ วิธีนี้จะช่วยระบุตัวคุณว่าเป็นผู้ถ่ายภาพ หากนำภาพไปแบ่งปันหรือใช้ที่อื่น

หากคุณเพิ่มรายละเอียดการติดต่อหรือข้อมูลเว็บไซต์ ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าหรือผู้ร่วมงานในอนาคตก็จะทราบวิธีการติดต่อคุณด้วย:

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่วิธีปกป้องลิขสิทธิ์ของคุณโดยสมบูรณ์ และยังมีวิธีอื่นๆ อีกที่สามารถลบข้อมูลนี้ออกจากไฟล์ได้ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียบางแห่งยังอาจลบข้อมูล EXIF ออกเมื่อคุณอัปโหลดภาพ แต่การใส่ชื่อและข้อมูลของคุณไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย อย่างน้อยก็จะเป็นประโยชน์ถ้าคุณเกิดทำกล้องหายขึ้นมา!

 

8. ฟอร์แมตการ์ดของคุณ

ที่: เมนูสีเหลือง → “ฟอร์แมตการ์ด”

คุณควรฟอร์แมตการ์ดหน่วยความจำ:

- เมื่อนำการ์ดเก่ามาใช้กับกล้องใหม่
- เมื่อใช้การ์ดเป็นครั้งแรก

ขั้นตอนนี้ช่วยให้แน่ใจว่าโครงสร้างไฟล์ของการ์ดมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับกล้อง เป็นการลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาจากการ์ด

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกการ์ด SD ได้ใน
ควรเลือกการ์ด SD อย่างไร

 

9. ตรวจดูภาพที่เห็นในช่องมองภาพและปรับไดออปเตอร์

ปลดฝาครอบเลนส์ออก มองผ่านช่องมองภาพแล้วตรวจเช็กภาพที่เห็น หากภาพดูเบลอ ให้ปรับไดออปเตอร์จนกว่ามีความคมชัดอย่างเหมาะสม สำหรับกล้องบางรุ่น เช่น EOS R50 (ในภาพด้านบน) และ EOS R10 ไดออปเตอร์จะเป็นสวิตช์แบบเลื่อนที่อยู่ด้านล่างของช่องมองภาพ สำหรับกล้องรุ่นอื่นๆ ไดออปเตอร์จะเป็นปุ่มเล็กๆ ใกล้ช่องมองภาพ

เคล็ดลับระดับมือโปร: ใช้วิธีนี้ถ้าคุณสวมแว่นตา
หากมุมภาพใน EVF มีขอบมืด ให้เปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของช่องมองภาพ (เมนูสีแดง) เป็น Display 2 รูปแบบนี้จะเพิ่มขอบให้กับภาพที่ปรากฏในช่องมองภาพ เพื่อให้รายละเอียดตรงขอบภาพไม่เกิดการเบลอหรือถูกตัดออกไป อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตั้งค่ากล้อง: ความสูงของจุดมองภาพในช่องมองภาพสำคัญหรือไม่


---
การตั้งค่าอะไรบ้างที่คุณต้องเปลี่ยนเวลามีกล้องใหม่ มีฟังก์ชั่นหรือคุณสมบัติใดหรือไม่ที่คุณคิดว่าคงจะดีถ้าได้รู้แต่เนิ่นๆ บอกเล่ากันได้ในช่องความคิดเห็น!

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา