ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

[ตอนที่ 1] กล้องรุ่นที่สามในตระกูล “5D” ได้รับคำชื่นชมจากช่างภาพระดับมือโปรในเรื่องคุณภาพของภาพถ่าย

2013-10-11
2
1.79 k
ในบทความนี้:

หลังจากกระบวนการพัฒนาอันยาวนานถึงสี่ปี EOS 5D Mark III ได้ปรากฏตัวพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ นอกเหนือจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานขั้นพื้นฐานแล้ว พลังในการถ่ายทอดความรู้สึกของ EOS 5D Mark III ยังได้รับการพัฒนาอย่างมากเช่นกัน และอาจมีคนจำนวนมากที่อยากทราบว่ากล้องรุ่นใหม่นี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร บทสัมภาษณ์ต่อไปนี้เป็นการสัมภาษณ์ทีมนักพัฒนาคนสำคัญถึงความหลงใหลของพวกเขาที่มีต่อกล้องรุ่นนี้ ใน [ตอนที่ 1] นี้ เราจะมาเจาะลึกถึงเรื่องของคุณภาพภาพถ่ายระดับสูงที่กล้อง EOS 5D Mark III ทำได้ รวมถึงการออกแบบบอดี้กล้องให้มี “สไตล์ที่ลื่นไหล” (ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ในเดือนพฤษภาคม 2012) (ผู้สัมภำษณ์: Ryosuke Takahashi / ภาพโดย: Takehiro Kato)

 

 

(แถวบน จากซ้ายมือ)
Noriaki Tsunai, กลุ่มผลิตภัณฑ์ภาพถ่าย/ Makoto Kameyama, ศูนย์พัฒนำกล้อง/ Kentaro Midorikawa, ศูนย์พัฒนำกล้อง/ Shingo Nakano, ศูนย์พัฒนำกล้อง
(แถวหลัง จากซ้ายมือ)
Mie Ishii, ศูนย์พัฒนำกล้อง/ Masami Sugimori, ศูนย์พัฒนำกล้อง/ Keita Sato, ศูนย์กำรออกแบบ/ Hiromichi Sakamoto, ศูนย์พัฒนำกล้อง

ISO 25600 มาตรฐาน ช่วยให้รู้ซึ้งถึงความหมายแท้จริงของคำว่า “คุณภาพภาพถ่ายระดับสูง”

― คุณช่วยเริ่มด้วยการเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับไอเดียโดยรวมของ EOS 5D Mark III

Tsunai ในขั้นแรก เราได้พัฒนา EOS 5D Mark III หลังรุ่น EOS 5D Mark II นอกจากการปรับปรุงเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณภาพระดับสูงของภาพโดยรวมที่ทำให้รุ่น 5D มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับแล้ว เรายังได้ตั้งเป้าหมายที่จะผลิตกล้องที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูงที่สุด แน่นอนว่ายังให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกและความรู้สึกในเรื่องคุณภาพของกล้อง เพื่อมอบความสุขให้กับผู้ใช้จากการได้ครอบครองกล้องรุ่นนี้

EOS 5D Mark III

4 ปีให้หลัง นับจากกล้องรุ่นพี่อย่าง EOS 5D Mark II กล้อง EOS 5D Mark III ก็คลอดตามมา EOS 5D Mark III น้องใหม่ได้กลายมาเป็นกล้องซึ่งเป็นที่นิยมของผู้หลงใหลการถ่ายภาพทุกประเภท
Weight:Approx. 950g / 33.5oz. (CIPA Guidelines), Approx. 860g / 30.3oz. (Body only)

คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดสเปคกล้อง

 

― จากความคิดเห็นของผู้ใช้ EOS 5D Mark II ส่วนใดของกล้องที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนามากที่สุด?

Tsunai โดยทั่วไปแล้ว คุณภาพของภาพเป็นที่น่าพอใจทั้งใน EOS 5D และ EOS 5D Mark II แต่เราได้รับความเห็นจำนวนมากเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานและการตอบสนองของระบบโฟกัสอัตโนมัติ ในบรรดาความเห็นเกี่ยวกับการตอบสนองได้มีการร้องขอให้ปรับปรุงประสิทธิภาพในการถ่ายภาพต่อเนื่องและลดการหน่วงเวลาการลั่นชัตเตอร์ และยังมีความเห็นอื่นๆ เกี่ยวกับช่องมองภาพและภาพมัวระหว่างการถ่ายวิดีโอ

กล้อง EOS 5D (ขวา) ทำให้กล้อง DSLR ฟูลเฟรมกลายเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของช่างภาพทุกระดับ กล้อง EOS 5D Mark II (ซ้าย) ใช้เซนเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม ความละเอียด 21.1 ล้านพิกเซล นับเป็นการเปิดยุคใหม่แห่งการถ่ายภาพยนตร์ กล้อง EOS 5D Mark III เป็นกล้องรุ่นที่ 3 ของซีรีย์กล้องชั้นเยี่ยมนี้

 

― ความเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับช่องมองภาพเกี่ยวข้องกับเรื่องมุมมองที่ครอบคลุมของช่องมองภาพหรือเปล่า?

Tsunai ใช่ครับ ผู้ใช้จำนวนมากให้ความสนใจกับวิธีการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านการถ่ายภาพอย่างมาก เราจึงเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะทำให้ช่องมองภาพมีมุมมองที่ครอบคลุมใกล้เคียง 100% มากที่สุด

กล้อง EOS 5D Mark III ใช้เพนทาปริซึมที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่น Mark II ถึง 1.3 เท่าเพื่อให้ได้ช่องมองภาพที่ครอบคลุมทั้ง 100%

 

― คุณช่วยบอกได้ไหมว่าทำไมถึงเลือกจำนวนพิกเซลเท่านี้สำหรับ EOS 5D Mark III

Tsunai ปัจจุบันนิยามของ “คุณภาพของภาพที่สูง” ไม่ได้จำกัดอยู่ที่จำนวนพิกเซลสูงๆ เท่านั้น นอกจากการถ่ายภาพในที่สว่างแล้ว ยังมีแนวโน้มว่ามีหลายครั้งที่คุณจะต้องถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย เช่นในเวลากลางคืนหรือก่อนฟ้าสาง ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า “คุณภาพของภาพที่สูง” หมายถึงคุณภาพที่น่าพึงพอใจในทุกแง่มุม รวมถึงเรื่องเวลาและสถานที่ถ่ายภาพ ในที่สุดแล้ว เราสามารถค้นหาความสมดุลที่เหมาะที่สุดได้โดยเพิ่มค่าความไวแสง ISO ขึ้นสองสต็อปซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นประจำใน EOS 5D Mark III ได้ โดยมีความละเอียดประมาณ 22.3 ล้านพิกเซล

จำนวนพิกเซลที่สูงถึง 22.3 ล้านพิกเซล ได้ตอบข้อสงสัยถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “คุณภาพของภาพถ่ายระดับสูง” Canon ทำให้ความไวแสง ISO มาตรฐานที่ระดับ ISO 25600 ใช้งานได้จริงบนกล้อง EOS 5D Mark III รุ่นนี้

 

― ครับ หมายความว่าคุณไม่ได้กำหนดจำนวนพิกเซลเป้าหมายที่ต้องการไว้ตั้งแต่เริ่มแรกใช่ไหมครับ

Tsunai เรามุ่งที่จะพัฒนาคุณภาพของภาพโดยรวมโดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มความไวแสง ISO ที่สามารถใช้เป็นประจำได้

Sugimori ตามที่หลายท่านทราบ เราเกือบไปถึงขีดสุดที่เราสามารถเพิ่มจำนวนพิกเซลหากดูตามกำลังในการแยกรายละเอียดภาพของเลนส์ เพราะเราทราบดีเกี่ยวกับประเด็นนี้ จึงเป็นสาเหตุให้เราตัดสินใจว่าการเพิ่มจำนวนพิกเซลอาจไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุดในขณะนี้ก็เป็นได้ แม้ว่าเราจะยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้ แต่จากการพยายามเพิ่มคุณภาพของภาพ เราได้นำคุณสมบัติ “Digital Lens Optimizer” เข้ามาใช้บนซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional ซึ่งมาจากความเชื่อของเราว่านอกจากจำนวนพิกเซลแล้ว ยังมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงคุณภาพของภาพโดยรวมด้วยวิธีการอื่นๆ

Digital Lens Optimizer ใหม่ช่วยปลดปล่อยประสิทธิภาพของความละเอียดสูง 22.3 ล้านพิกเซลได้อย่างเต็มที่ Digital Lens Optimizer เป็นฟังก์ชั่นใหม่ที่นำมาใช้ใน Digital Photo Professional ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับกล้อง

 

― ขอบคุณที่ได้อธิบายให้เราฟังอย่างละเอียด อยากจะขอให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดและคุณสมบัติต่างๆ ของการออกแบบของ EOS 5D Mark III ได้ไหมครับ?

Sato ระหว่างการพัฒนา EOS 7D เราได้สร้าง “สไตล์ที่ลื่นไหล” ให้เป็นแนวคิดสำหรับการออกแบบกล้องซีรีย์ EOS ทั้งหมด ด้สร้าง “สไตล์ที่ลื่นไหล” ให้เป็นแนวคิดสำหรับการออกแบบกล้องซีรีย์ EOS ทั้งหมด นี่เป็นสไตล์ที่มีทั้งรูปทรงตามหลักการยศาสตร์ที่กระชับพอดีกับมือ เช่นเดียวกับ “พื้นผิวโค้ง” อันงดงาม EOS 5D Mark III ใหม่ได้ยึดมั่นตามแนวคิดนี้โดยพื้นฐาน และขณะเดียวกัน ก็มีลักษณะภายนอกที่ดูแข็งแกร่งระดับกลางซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของตระกูล “5D”

― ผมบอกได้เลยว่ามีความใส่ใจในรายละเอียดอย่างมากด้วย เช่น ปุ่มต่างๆ และส่วนมือจับ

Sato ใช่ครับ เราได้คำนึงถึงทุกรายละเอียดปลีกย่อย เนื่องจากเราคาดหวังว่าช่างภาพมืออาชีพจะใช้กล้องนี้ด้วย ดังนั้นอาจมีรายละเอียดที่คุณไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำไป (หัวเราะ) นอกจากมุมของปุ่มแต่ละอันและความรู้สึกเมื่อกดปุ่มเหล่านี้ เรายังได้พยายามอย่างมากที่จะพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของส่วนควบคุมต่างๆ เช่น การนำยางมาติดด้านข้างของวงแหวนปรับโหมด ในลักษณะเดียวกัน ฝาปิดช่องใส่การ์ดก็ติดยางไว้เช่นกันเพื่อให้จับได้กระชับมือยิ่งขึ้น

― ส่วนใดที่คุณพิถีพิถันเป็นพิเศษเมื่อออกแบบ EOS 5D Mark III?

Sato ความจริงแล้ว ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ เราพยายามที่จะหลีกเลี่ยงรูปลักษณ์ที่ประณีตบรรจงเกินไป เราไม่ต้องการที่จะสื่อถึงความงดงามเลิศหรู แต่ให้สื่อถึงความทันสมัยที่ให้ความสำคัญกับหน้าที่ของมันในฐานะเป็น “เครื่องมือ” อย่างหนึ่ง ส่วนเดียวที่มีการแต่งเติมลักษณะพิเศษเข้าไปคือส่วนของเพนทาปริซึม เพนทาปริซึมซึ่งเทียบตำแหน่งได้กับส่วนหัวของกล้องจะแตกต่างจากพื้นผิวโค้งของตัวกล้องโดยออกแบบมาให้ดูค่อนข้างแข็งแกร่งเพื่อให้รู้สึกถึงความสง่างาม ได้มีการลองผิดลองถูกมากมายหลายครั้งเพื่อกำหนดตำแหน่งของเส้นสายและวิธีที่ส่วนหัวจะดีไซน์ให้สอดรับกับตัวกล้อง เช่นเดียวกับมุมโค้งของระนาบ นอกจากนี้ยังมีกลวิธีทางเทคนิคระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้องในการทำให้ฝาปิดที่ถูกเคลือบไว้สามารถเข้ากันกับตัวกล้องได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลจากการสนับสนุนจากทางโรงงานผลิต

เราได้ทุ่มเทมากเป็นพิเศษกับการออกแบบส่วนบนของบอดี้กล้อง EOS 5D Mark III เพื่อสร้างความสง่างามชวนหลงใหล นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดการออกแบบที่มุ่งเน้น “สไตล์ที่ลื่นไหล” ซึ่งช่วยให้ถือกล้องได้สบายมือยิ่งขึ้นด้วยรูปทรงโค้งมนที่งดงาม

― ในเรื่องของเซนเซอร์ภาพ ช่วยขยายให้ฟังถึงมุมมองทางเทคนิคที่ทำให้สามารถเพิ่มความไวแสง ISO ที่นำมาใช้งานเป็นประจำได้ รวมทั้งการลดปริมาณจุดสีรบกวนและช่วงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างในเวลาเดียวกันได้?

Ishii ส่วนหนึ่งถือว่ามาจากความพยายามอย่างไม่ย่อท้อของพวกเรา แต่ยังมาจากความก้าวหน้าในกระบวนการย่อขนาดให้สอดคล้องกับระดับพิกเซลที่เล็กลงซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนพิกเซลที่สูงขึ้น กระบวนการย่อขนาดทำให้เราสามารถมีพื้นที่โฟโตไดโอดที่กว้างขึ้นได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือดีไซน์แบบใหม่จะใช้พื้นที่ที่กว้างขึ้นเพื่อรับแสง

การพัฒนาอีกระดับที่นำมาใช้ในการลดขนาดเซนเซอร์ CMOS ของกล้อง EOS 5D Mark III ทำให้ระดับจุดรบกวนลดลงและมีช่วงไดนามิกเรนจ์ที่พอเหมาะ แม้จะมีความละเอียดสูงถึง 22.3 ล้านพิกเซลก็ตาม

 

― EOS 5D Mark III มีระดับพิกเซลประมาณ 6.25 ไมครอน จริงหรือไม่ที่การพัฒนาที่กล่าวถึงนี้ช่วยชดเชยการลดระดับพิกเซลลง?

Ishii ใช่ค่ะ คุณจะคิดแบบนั้นก็ได้ เกี่ยวกับลักษณะพิเศษที่ได้รับการปรับปรุง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องความไวแสง ISO สูง มีแนวโน้มที่จะเห็นจุดสีรบกวนได้ชัดเจนขึ้นจากการเพิ่มปริมาณแสงเล็กน้อย แม้แต่ข้อมูลจากเซนเซอร์ภาพก็อาจเป็นที่มาของการเกิดจุดสีรบกวนได้ เนื่องจากเราไม่แนะนำให้ขยายข้อมูลเมื่อมีจุดสีรบกวนอยู่แล้ว เราจึงได้ดำเนินการปรับปรุงมาตั้งแต่รุ่น EOS 5D Mark II เพื่อให้ดำเนินการขยายให้ใกล้กับโฟโตไดโอดมากที่สุด เราได้นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับ EOS 5D Mark III เช่นกัน

― มีการปรับเปลี่ยนรูปทรงหรือเลนส์ขนาดเล็กสำหรับเซนเซอร์ฟูลเฟรมหรือไม่?

Ishii สำหรับ EOS 5D Mark II เราได้พยายามที่จะลดช่องว่างระหว่างเลนส์ขนาดเล็กให้ได้มากที่สุด แต่สำหรับ EOS 5D Mark III เราได้นำดีไซน์แบบไร้ช่องว่างมาใช้ ซึ่งเป็นครั้งแรกสำหรับซีรีย์ 5D

การออกแบบที่แทบจะไร้ช่องว่างได้ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อช่วยให้สามารถรับแสงบนโฟโตไดโอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่เทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนสูงเป็นสิ่งจำเป็นในโครงสร้างที่ไร้ช่องว่างสำหรับเซนเซอร์ฟูลเฟรม แต่ EOS 5D Mark III ก็ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการรับแสงที่บริเวณขอบของเซนเซอร์ภาพจนเป็นผลสำเร็จ

 

― การรับแสงที่บริเวณขอบเซนเซอร์ฟูลเฟรมอย่างมีประสิทธิภาพน่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก คุณได้ดำเนินการพัฒนาสิ่งใดหรือไม่ เช่น ปรับมุมหรือรูปทรงของเลนส์ขนาดเล็ก?

Ishii ดิฉันคงต้องพูดว่าเราเน้นไปที่ “ระยะ” มากกว่ารูปทรง เราพยายามที่จะปรับปรุงตำแหน่งที่สัมพันธ์กันของเลนส์ขนาดเล็กและโฟโตไดโอด หรืออีกนัยหนึ่ง เนื่องจากแสงจะตกลงมายังบริเวณขอบของเซนเซอร์ภาพจากมุมหนึ่ง เราจึงเปลี่ยนตำแหน่งของเลนส์ขนาดเล็กไปทางด้านข้างเพื่อให้แสงเข้าไปในโฟโตไดโอดได้ง่ายขึ้น

― อืมม์ เข้าใจ คำถามต่อไปขอถามเกี่ยวกับระบบประมวลผลภาพ ระบบประมวลผลภาพ DIGIC 5+ ต่างจาก DIGIC 5 อย่างไร?

Sugimori เครื่องหมาย “+” ที่ต่อท้าย DIGIC 5 เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงการกำหนดค่าที่มีความเร็วการประมวลผลสูงขึ้น หากจะกล่าวให้เจาะจงยิ่งขึ้น DIGIC 5+ จะทำให้สามารถประมวลผลภาพด้วยความเร็วสูงได้โดยเชื่อมต่อกับหน่วยความจำที่มีความเร็วสูง

กล้อง EOS 5D Mark III ใช้ระบบประมวลผลภาพ DIGIC 5+ ซึ่งสามารถประมวลผลด้วยความไวที่สูงขึ้น รวดเร็วกว่า DIGIC 5 ประมาณ 3 เท่า

 

― ผมเชื่อว่าจะเกิดความร้อนในปริมาณมากจากกระบวนการที่มีความเร็วสูง คุณใช้มาตรการอะไรในการแก้ไขปัญหานี้หรือไม่?

Nakano เราคงไม่สามารถสร้างพัดลมเข้าไปในกล้องเหมือนกับเครื่องพีซีได้ (หัวเราะ) วิธีการขั้นพื้นฐานที่เราทำคือทำให้แน่ใจว่าความร้อนจะกระจายไปในทิศทางต่างๆ ถ้าความร้อนมาสะสมกันที่จุดหนึ่ง จะทำให้เกิด “การเบิร์น” ที่ส่วนประกอบอื่นๆ และอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง เรานำประเด็นนี้มาพิจารณาในการกำหนดว่าควรวางระบบประมวลผลภาพไว้ที่ใด

― สำหรับผม ความละเอียดคมชัดของภาพไม่ได้สูญเสียไปในรุ่น EOS 5D Mark III แม้ในขณะที่ถ่ายภาพด้วยค่า ISO สูงขึ้นก็ตาม ได้มีการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในเรื่องนี้บ้างหรือไม่?

Sugimori มีครับ ผมไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ แต่เราได้นำเทคนิคการลดจุดสีรบกวนแบบใหม่มาใช้ แม้ว่าเทคนิคนี้จะมีประสิทธิภาพดีมาก แต่การใช้มากจนเกินพอดีจะทำให้สูญเสียรายละเอียดไปได้ เราต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะปรับมันให้อยู่ในระดับที่สมดุลพอดีกับความละเอียดคมชัดของภาพ

― ระบบนี้ได้นำมาใช้กับกล้อง EOS-1D X หรือเปล่า?

Sugimori ใช้ครับ ทั้งสองรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน และยังติดตั้งด้วยระบบที่ใช้อัลกอริธึมเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงความไวแสง ISO ที่สูงใน EOS-1D X โดยใช้ระบบเดียวกันนี้

― คุณได้นำเซนเซอร์ AF แบบ 61 จุดมาใช้ภายในพื้นที่ที่จำกัด คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้หรือไม่เกี่ยวกับข้อมูลทางเทคนิคที่ทำให้สามารถทำเช่นนี้ได้?

Nakano ผมไม่สามารถพูดเจาะจงเกี่ยวกับองค์ความรู้และทักษะในการผลิตได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ประสิทธิภาพการทำงานของระบบออพติคอล AF และเลย์เอาต์ของกลไกส่วนประกอบต่างๆ แม้ว่าการใช้จุด AF เป็นแบบบวก f/4 ทั้งหมดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ แต่การทำเช่นนั้นจะต้องเพิ่มขนาดของตัวกล้องซึ่งทำให้กล้องมีขนาดเทอะทะกว่าเดิม ดังนั้น จากการใช้ร่วมกับเซนเซอร์ f/5.6 เราจึงสามารถทำให้กล้องมีขนาดเล็กพร้อมๆ กับยังรักษาความแม่นยำในการโฟกัสได้ด้วย

ชุด AF ใหม่ของกล้อง EOS 5D Mark III ด้วยการผสมผสานเซนเซอร์ต่างๆ ที่มีขนาด f/5.6 เข้าด้วยกัน รวมทั้งการปรับเปลี่ยนเลย์เอาต์ชิ้นส่วนเชิงกลไก เซนเซอร์ AF ใหม่ชุดนี้จึงยังคงขนาดอันกะทัดรัด พร้อมๆ กับรักษาความแม่นยำในการโฟกัสไว้ได้

 

― มีการนำรูปแบบซิกแซกมาใช้สำหรับจุด AF ทั้งหมด ดังนั้น ใช่หรือไม่ที่จะต้องประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล?

Midorikawa ถูกต้องแล้วครับ ระบบ AF มาพร้อมกับไมโครคอมพิวเตอร์เฉพาะ ซึ่งจะมีการประมวลผลข้อมูลทั้งหมด โดยพื้นฐานแล้ว แนวคิดของระบบนี้จะเหมือนกับของ EOS-1D X

ระบบโฟกัสอัตโนมัติความหนาแน่นสูง 61 จุดบนกล้อง EOS 5D Mark III นั้นเหมือนกันกับที่มีในกล้อง EOS-1D X โดยที่จุด AF ทั้งหมดเรียงตัวกันในรูปแบบซิกแซก ขณะที่ระบบที่มี 41 จุดจะทำงานเหมือนกับเซนเซอร์แบบกากบาท นอกจากนี้ ความไวต่อสภาพแสงน้อยของเซนเซอร์ AF ปัจจุบันอยู่ที่ -2 EV

 

― ความไวต่อสภาพแสงน้อยของเซนเซอร์ AF ได้เพิ่มขึ้นถึง -2 EV ในกล้อง EOS 5D Mark III มีการใช้เทคโนโลยีอะไรเพื่อให้สามารถทำเช่นนี้ได้?

Sakamoto เราได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพิกเซลของเซนเซอร์ AF วัตถุประสงค์หลักก็คือการตัดจุดสีรบกวนออกไป เนื่องจากการลดจุดสีรบกวนจะช่วยเพิ่มความไวมากขึ้นได้ การผสมผสานเทคนิคเหล่านี้นี่เองที่ทำให้สามารถเพิ่มความไวต่อสภาพแสงน้อยของเซนเซอร์ AF ได้

― มีการใช้เซนเซอร์ AF สามชนิดคือ f/2.8, f/4 และ f/5.6 เซนเซอร์เหล่านี้ทำงานระหว่างการโฟกัสอย่างไร?

Midorikawa ทั้งหมดนั้นเริ่มต้นจากการกำหนดว่าเซนเซอร์ตัวใดให้ผลที่น่าเชื่อถือมากที่สุด เมื่อนำผลลัพธ์ข้อมูลจากเซนเซอร์แต่ละตัวไปใช้ ข้อมูลจะถูกจัดเรียงตามอัลกอริธึมลับ จากนั้น ก็จะมีการเพิ่มข้อมูลจากเซนเซอร์ที่มีรูปแบบซิกแซกเพื่อกำหนดจุดสุดท้ายที่จะโฟกัส

― มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของคุณสมบัติ AI Servo AF อย่างไร หากเทียบกับอัลกอริธึมของรุ่นที่มีอยู่แล้วรุ่นอื่นๆ

Midorikawa EOS 5D Mark III จะดำเนินการภายในเพื่อปรับค่าตัวแปรทั้งหมดสำหรับ AI Servo AF เนื่องจากการใช้อัลกอริธึมเดียวกันในการแข่งรถและการแสดงสเก็ตลีลานั้นไม่สามารถเป็นไปได้ เราจึงได้พัฒนาอัลกอริธึมแยกกันโดยศึกษาลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละแบบ สิ่งสำคัญที่ทำให้กล้องรุ่นนี้โดดเด่นจากรุ่นก่อนๆ คือ ความสามารถในการปรับแต่งค่าด้วยตนเองได้

― หน้าจอเมนูของ “เครื่องมือการกำหนดค่า AF” เหมือนกับ EOS-1D X แล้วมีฟังก์ชั่นเหมือนกันด้วยหรือไม่?

Midorikawa ใช่ครับ ฟังก์ชั่นต่างๆ เหมือนกันแต่เนื่องจาก EOS 5D Mark III ไม่ได้ติดตั้งเซนเซอร์การวัดแสง RGB 100,000 พิกเซล ฟังก์ชั่น AF สำหรับตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของวัตถุจึงถูกควบคุมโดยขึ้นอยู่กับข้อมูลผลลัพธ์ที่ได้จากเซนเซอร์ AF ระบบโฟกัสอัตโนมัติถูกควบคุมโดยการคาดคะเนทางสถิติ ซึ่งเป็นตรรกะพื้นฐานของ AI Servo AF

“เครื่องมือกำหนดค่าการโฟกัสอัตโนมัติ” ที่ใช้งานสะดวกมาก สำหรับการกำหนดค่าระบบโฟกัสอัตโนมัติของ EOS 5D Mark III ด้วยตนเอง ไอคอนและคำอธิบายจะช่วยให้เข้าใจลักษณะการตั้งค่าแต่ละแบบ

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา