ซีรีส์นี้เป็นเครื่องยืนยันประสิทธิภาพในการถ่ายภาพเคลื่อนไหวของกล้อง EOS 7D Mark II ในตอนที่ 2 นี้ เราทดสอบความละเอียดคมชัดและความสามารถในการถ่ายภาพขณะที่มีแสงน้อย มาดูกันว่ากล้องรุ่นนี้ทำได้ดีแค่ไหนเมื่อเทียบกับกล้องฟูลเฟรม EOS 5D Mark III (บรรณาธิการโดย: Yasushi Sugawara)
กล้องที่มีความแม่นยำราวกับพลแม่นปืนในการถ่ายภาพเทเลโฟโต้
กล้อง EOS 7D Mark II นั้นมีความสามารถมากกว่ากล้องประเภทเดียวกันในฐานะที่เป็นกล้อง APS-C กล้องรุ่นนี้สามารถจับโฟกัสของวัตถุที่อยู่ไกลได้อย่างรวดเร็วราวกับว่ามีตัวขยายช่องมองภาพ 1.6x ในตัว เหมือนกับพลแม่นปืนที่ไม่เคยพลาดเป้า
นี่อาจเป็นการขอที่มากเกินไป แต่จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหากใช้ทั้งกล้องฟูลเฟรมและกล้อง EOS 7D Mark II เพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เนื่องจากกล้องฟูลเฟรมนั้นเหมาะสำหรับการถ่ายภาพในมุมกว้างมากกว่า ในขณะที่ EOS 7D Mark II สามารถนำมาใช้ในแบบเดียวกันกับตัวขยายช่องมองภาพเทเลโฟโต้ ความจริงแล้ว ผมใช้กล้องรุ่นก่อนหน้า ซึ่งก็คือ EOS 7D เป็นกล้องตัวหลักในการถ่ายภาพนก ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องเพิ่มขึ้นจาก 8 เฟรมต่อวินาทีเป็น 10 เฟรมต่อวินาที และประสิทธิภาพของระบบโฟกัสอัตโนมัติก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก อันที่จริงมีหลายครั้งที่ผมได้ยินว่ามีช่างภาพเปลี่ยนจากกล้อง 7D มาเป็น 7D Mark II
ภาพเคลื่อนไหวไม่เหมือนภาพนิ่งตรงที่ต้องมีการตัดต่อ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าภาพเคลื่อนไหวที่ถ่ายด้วยกล้องคนละตัวนั้นให้ภาพที่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน ยกตัวอย่างเช่น บางครั้งผมต้องรวมและตัดต่อภาพเคลื่อนไหวที่ถ่ายโดยใช้ EOS 5D Mark III กับภาพที่ถ่ายโดยใช้กล้องวิดีโอมืออาชีพ ผมจึงดาวน์โหลด Video Camera X Series Look Picture Style เพื่อให้สามารถถ่ายภาพโดยปรับลดค่าความเปรียบต่างลงได้ เช่นเดียวกัน เนื่องจากกล้อง EOS 7D Mark II ที่ใช้ในบทความนี้เป็นกล้องสำหรับทดสอบ ผมจึงเลือก Picture Style ที่มีระดับความคมชัดและค่าความเปรียบต่างในระดับต่ำ ผลที่ออกมาคือภาพเคลื่อนไหวที่ถ่ายด้วย EOS 7D Mark II สามารถให้คุณภาพเทียบเท่ากับกล้อง EOS 5D Mark III หากผมต้องการตัดต่อโดยให้มีวิดีโอที่ถ่ายด้วยกล้องทั้งสองตัว ก็จะมองไม่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน
ความละเอียดคมชัดเทียบเท่ากล้อง EOS 5D Mark III
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในหน้าก่อนว่า ภาพที่ได้จาก EOS 7D Mark II นั้นมีคุณภาพสูงพอที่จะให้ผลงานที่ดูเป็นธรรมชาติเมื่อนำวิดีโอจากกล้องนี้มารวมกับวิดีโอที่ถ่ายจากกล้อง EOS 5D Mark III แน่นอนว่าถ้าคุณตรวจสอบคุณภาพของภาพอย่างละเอียด จะพบว่ากล้อง EOS 5D Mark III ให้ภาพที่มีความคมชัดมากกว่า อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างนั้นไม่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนขณะที่เปิดเล่นตามปกติ
EOS 7D Mark II
EOS 5D Mark III
แม้ว่ากล้องจะใช้เซนเซอร์ที่ไม่เหมือนกัน แต่ภาพที่ได้จะคล้ายกันมาก หากคุณกำลังใช้กล้อง EOS 5D Mark III เป็นหลักอยู่แล้วคุณสามารถใช้กล้อง EOS 7D Mark II ได้อีกตัวโดยไม่มีปัญหา ถึงกล้อง EOS 5D Mark III จะมีความละเอียดคมชัดที่สูงกว่า (ดังที่เห็นในภาพต้นไม้ด้านหลังอาคารและหลังคา) แต่ความแตกต่างในข้อนี้แทบจะสังเกตไม่เห็นเลยขณะเล่นภาพเคลื่อนไหว
หากเทียบกับกล้อง EOS 5D Mark III ฟังก์ชั่นสมดุลแสงขาวอัตโนมัติของ EOS 7D Mark II ดูจะให้โทนสีโดยรวมของภาพที่เป็นธรรมชาติมากกว่า จะไม่มีปัญหาเลยหากคุณใช้ภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกโดย EOS 7D Mark II อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณต้องการภาพเคลื่อนไหวที่มีโทนสีเข้ากับภาพจากกล้อง EOS 5D Mark III ควรเลือกการตั้งค่าสมดุลแสงขาวจากค่าที่ตั้งไว้และปรับแบบละเอียดด้วยฟังก์ชั่นการแก้ไขสมดุลแสงขาว
EOS 7D Mark II
EOS 5D Mark III
หลอดแสงจันทร์ (Mercury Lamp) คือแหล่งกำเนิดแสงที่ผมมักหลีกเลี่ยงเพราะมันทำให้ภาพดูเป็นสีเขียวๆ อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชั่นสมดุลแสงขาวของกล้อง EOS 7D Mark II สามารถปรับโทนสีเขียวให้อ่อนลงและทำให้ภาพปรากฏใกล้ขึ้นจากที่เราเห็น ไม่เพียงเท่านั้น ภาพที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเนื่องจากฟังก์ชั่นปรับสมดุลแสงขาวอัตโนมัตินั้นช่วยปรับให้ทีละน้อยและไม่มากเกินไป
เมื่อใดก็ตามที่มีการออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ความสามารถในการทำงานภายใต้สภาวะแสงน้อยมักเป็นสิ่งที่ใครๆ กังวลเสมอ กล้อง EOS 7D Mark II มีความเร็ว ISO ปกติ (ดัชนีการเปิดรับแสงที่แนะนำ) ถึง ISO 16000 ซึ่งถือเป็นความเร็วที่ใกล้เคียงกับขีดจำกัดของกล้อง APS-C เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว ควรใช้ ISO 16000 เฉพาะกรณีที่ต้องการถ่ายภาพให้ได้ไม่ว่าโดยวิธีใดเท่านั้น ไม่อย่างนั้น ISO 12800 ควรเป็น ISO สูงสุดที่ใช้
ที่สำคัญกว่านั้นคือ กล้อง EOS 7D Mark II มีความสามารถอย่างแท้จริงในการทำงานภายใต้สภาวะแสงน้อย โดยบันทึกภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยประสิทธิภาพ AF ที่ดีเยี่ยม การถ่ายภาพเคลื่อนไหวของนกตามธรรมชาติภายใต้สภาวะแสงน้อยถือเป็นเรื่องปกติ และการถ่ายภาพกีฬาในร่มก็มักมีแสงไม่พอเช่นกัน นอกจากนี้ วัตถุยังมีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ บางครั้งจึงจำเป็นต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงกว่า 1/60 วินาที อย่างไรก็ตาม เราสามารถตั้งค่า ISO ของกล้อง EOS 7D Mark II ตามความต้องการได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถลดขนาดรูรับแสงลงได้แม้อยู่ในสภาวะแสงน้อย ทำให้การโฟกัสง่ายขึ้นและมีระยะชัดลึก
ประสิทธิภาพ AF ในที่มืดที่ไม่เคยมีมาก่อน
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพการถ่ายในที่มืดของ EOS 7D Mark II คือความสามารถของระบบโฟกัสอัตโนมัติในการบันทึกภาพดวงดาว ระบบโฟกัสอัตโนมัติไม่สามารถทำงานได้ดีหากมีแหล่งกำเนิดแสงเป็นเพียงจุดเล็กๆ เช่น ดวงดาว และนี่ทำให้ช่างบันทึกภาพวิดีโอต้องปวดหัวในการพยายามจับโฟกัสบนวัตถุทางดาราศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ระบบโฟกัสอัตโนมัติของกล้อง EOS 7D Mark II สามารถโฟกัสได้แม้แต่กับดาวเคราะห์ที่มีความสว่างเพียง -2 แมกนิจูด นับเป็นประสิทธิภาพการโฟกัสอัตโนมัติที่ไม่เคยมีมาก่อนในการถ่ายภาพดาราศาสตร์
กล้องรุ่นแรกในซีรีส์ EOS ที่มีฟังก์ชั่นการตั้งเวลาถ่ายภาพเป็นระยะ
การถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบ Time-lapse ซึ่งสามารถบันทึกภาพก้อนเมฆที่กำลังลอย และดอกไม้ที่กำลังบาน กำลังได้รับความนิยมอย่างเงียบๆ กล้อง EOS 7D Mark II ให้คุณถ่ายภาพแบบตั้งเวลาเป็นระยะได้โดยไม่ต้องใช้รีโมทคอนโทรล ภาพนี้ถูกถ่ายโดยมีเพียงหลอดไฟ LED ขนาดเล็กเป็นแหล่งกำเนิดแสง โดยถ่ายไปทั้งหมด 350 ช็อต ที่ f/4 และ ISO 5000 ตั้งเวลาเป็นระยะที่ 20 วินาที
การตั้งค่าที่ต้องการนั้นง่ายดายมาก คุณเพียงแค่ต้องเลือกระยะเวลาที่ต้องการและจำนวนช็อตที่จะถ่าย โปรดทราบว่าฟังก์ชั่นนี้ไม่สามารถใช้ได้ในโหมด Live View
ฟังก์ชั่นต่างๆ มากมายสำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว
1. บันทึกได้หลากหลายรูปแบบ
นอกจาก MOV แล้ว ฟอร์แมต MP4 ยังถูกเพิ่มเข้าไปในรายการรูปแบบการบันทึกด้วย กล้อง EOS 7D Mark II ยังเป็นกล้อง EOS ตัวแรกที่มีโหมด Full HD 59.94 เฟรมต่อวินาที ทำให้ได้เปรียบในการจับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว
2. การถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบเงียบ
เช่นเดียวกับกล้อง EOS 5D Mark III กล้อง EOS 7D Mark II ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติการถ่ายภาพแบบเงียบ (Silent Shooting) สำหรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหว เพียงสัมผัสวงแหวน Quick Control ด้านในเพื่อปรับการตั้งค่า การทำให้เสียงกลไกการทำงานเงียบลงเป็นฟังก์ชั่นที่ให้ความสะดวกขณะที่คุณกำลังถ่ายภาพเคลื่อนไหว
3. มีตัวป้องกันสายเคเบิลให้
กล้อง EOS 7D Mark II มาพร้อมกับตัวป้องกันสาย USB หรือสาย HDMI เพื่อการเสียบสายที่แน่นหนา ช่องต่อ HDMI ทำให้คุณสามารถแสดงภาพที่ถ่ายได้ทั้งบนจอ LCD ของกล้องและจอภายนอกได้ในเวลาเดียวกัน ดัวยอัตราความเร็ว 24 เฟรมต่อวินาที การส่งข้อมูลเอาต์พุตแบบไม่บีบอัดที่ระดับ 4:2:2 จึงสามารถเป็นไปได้
EOS 7D Mark II
ถ่ายภาพสิ่งมีชีวิตทุกชนิด รวมทั้งนก แมลง และพืช โดยใช้เทคนิคพิเศษ เช่น การตั้งเวลาเป็นระยะ การถ่ายภาพความเร็วสูง และภาพสามมิติ ถ่ายฟุตเทจวิดีโอสำหรับรายการโทรทัศน์ ผลิตวิดีโอสำหรับนิทรรศการ เขียนคอลัมน์ลงในนิตยสารหลายเล่ม และยังทำงานอื่นๆ อีกหลายอย่าง และยังเป็นสมาชิกของ Society of Scientific Photography ได้รับรางวัล EARTH VISION จากงาน Global Environmental Film Festival (ปี 2000) และรางวัล Japan Wildlife Film Festival (ปี 2001)
Video Salon เริ่มตีพิมพ์ในปี 1980 และเป็นนิตยสารเฉพาะทางเกี่ยวกับอุปกรณ์การบันทึกภาพวิดีโอเพียงหนึ่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น เหมาะสำหรับผู้อ่านที่เป็นทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ Video Salon ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในด้านข้อมูลเกี่ยวกับกล้องถ่ายวิดีโอและซอฟต์แวร์ตัดต่อ แต่ยังเป็นที่รู้จักในการทำรีวิวการบันทึกภาพวิดีโอด้วยกล้อง DSLR ใหม่ล่าสุดและเคล็ดลับต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญและบทเรียนให้ความรู้
พิมพ์โดย GENKOSHA Co., Ltd