3 คุณสมบัติของกล้อง EOS R ที่จะเปลี่ยนวิธีการถ่ายภาพของคุณ
ทำไมกล้อง EOS R จึงมีแถบมัลติฟังก์ชั่น คุณสามารถใช้วงแหวนควบคุมบนเลนส์ RF ทำอะไรได้บ้าง และความพิเศษของเมาท์ RF รุ่นใหม่คืออะไร เราจะมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับ 3 คุณสมบัติใหม่ในการควบคุมกล้อง EOS R ที่สามารถปฏิวัติสไตล์การถ่ายภาพของคุณได้
1. แถบมัลติฟังก์ชั่นระบบสัมผัส เพราะการปัดและแตะเป็นวิธีใหม่ในการใช้งาน
แม้ว่าวงแหวนและปุ่มต่างๆ มีความสำคัญเสมอต่อการควบคุมกล้อง แต่ในยุคที่มีการใช้สมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย การสั่งงานด้วยนิ้วบนหน้าจอสัมผัส เช่น การปัดและการแตะ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่เราขาดไม่ได้ ซึ่งคุณเองก็อาจทำเป็นร้อยๆ ครั้งในแต่ละวัน! ดังนั้น กล้องในอนาคตจะต้องพัฒนาเพื่อตอบสนองบรรทัดฐานใหม่ๆ เช่นนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับกล้อง EOS R การพัฒนาที่ว่านี้สะท้อนให้เห็นในรูปของนวัตกรรมแถบมัลติฟังก์ชั่นแบบใหม่ แถบนี้ช่วยให้คุณสามารถกำหนดให้ฟังก์ชั่นต่างๆ ทำงานเมื่อคุณแตะทางซ้าย ทางขวา หรือใช้นิ้วปัด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่เคยมีมาก่อนในกล้องใดก็ตาม และคาดว่าจะเปลี่ยนแปลงวิธีการควบคุมกล้องของเราในอนาคต
และยังออกแบบตามหลักการยศาสตร์อีกด้วย
นวัตกรรมระบบควบคุมนี้ไม่เพียงมีความทันสมัยด้วยการสั่งงานเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่ายอีกด้วย Canon ดำเนินการศึกษาวิจัยหลักการยศาสตร์ของมนุษย์มาเป็นเวลานาน และพยายามค้นหาวิธีที่ทำให้กล้องกระชับเข้ามือของผู้ใช้ตลอดมา แถบมัลติฟังก์ชั่นก็เช่นเดียวกัน แถบนี้ตั้งอยู่ที่ด้านขวาของช่องมองภาพ ซึ่งคุณสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยหัวแม่มือแม้ในขณะที่ถือกล้องอยู่
แถบมัลติฟังก์ชั่นใช้งานได้ง่าย เพียงแค่ปัดนิ้วที่แถบนั้น แล้วแตะทางซ้ายหรือขวา
เคล็ดลับ: ใช้แถบมัลติฟังก์ชั่นเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงที่เกิดจากการทำงานของกล้องในขณะบันทึกวิดีโอ
คุณอาจชอบเสียงที่เกิดขึ้นจากคุณหมุน แต่เสียงเช่นนี้จะถูกบันทึกไปด้วยเมื่อคุณถ่ายวิดีโอ คุณจึงควรใช้แถบมัลติฟังก์ชั่นแทนเพื่อเปลี่ยนการตั้งค่า คุณเพียงต้องแตะเบาๆ เท่านั้น จึงเหมาะสำหรับการบันทึกฉากสำคัญๆ โดยปราศจากเสียงรบกวนที่เกิดจากการทำงานของกล้อง
แถบมัลติฟังก์ชั่นช่วยให้คุณปรับการตั้งค่าต่างๆ ได้โดยปราศจากเสียงรบกวนจากการทำงานของกล้อง ซึ่งนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการถ่ายวิดีโอ
2. วงแหวนควบคุม ซึ่งควบคุมได้อย่างรวดเร็วทันใจ
เลนส์ RF ปกติของกล้อง EOS R จะมาพร้อมกับวงแหวนควบคุมที่อยู่ด้านหน้าท่อเลนส์ และนี่คือเหตุผลสองข้อว่าทำไมคุณจะต้องหลงรักวงแหวนนี้
1) ช่วยให้คุณเปลี่ยนการตั้งค่าการเปิดรับแสงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
คุณสามารถใช้วงแหวนควบคุมนี้ในการเปลี่ยนค่า f ความเร็วชัตเตอร์ ความไวแสง ISO และการชดเชยแสงได้
เลนส์ RF มาพร้อมกับวงแหวนควบคุมที่อยู่ส่วนหน้าของท่อเลนส์
คุณอาจเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนคือ คุณเห็นตัวแบบที่ถูกใจมาก ซึ่งอาจจะเป็นนกป่าที่กำลังเกาะอยู่บนต้นไม้ แต่ก่อนที่คุณจะปรับค่าการเปิดรับแสงเสร็จเพื่อถ่ายภาพอันสมบูรณ์แบบนี้ นกก็บินหนีไปแล้ว
วงแหวนควบคุมจะช่วยป้องกันการเสียโอกาสในการถ่ายภาพเช่นนี้ได้ เพียงกำหนดให้วงแหวนควบคุมทำหน้าที่ควบคุมหนึ่งในค่าการเปิดรับแสง คุณก็จะลั่นชัตเตอร์ได้แม้ในขณะที่ปรับการตั้งค่าต่างๆ แล้วคุณจะได้ภาพที่ต้องการด้วยการเปิดรับแสงอย่างเหมาะสม
หากต้องการใช้เลนส์ EF กับกล้อง EOS R ก็ไม่มีปัญหา เพราะเมาท์อะแดปเตอร์วงแหวนควบคุม EF-EOS R จะเพิ่มความสามารถในการควบคุมวงแหวนแบบเดียวกันนี้ให้กับเลนส์ EF
หาคำตอบว่าวงแหวนควบคุมและแถบมัลติฟังก์ชั่นมีประโยชน์อย่างไรสำหรับช่างภาพสเกตลีลา Annice Lyn ได้ในบทความ:
EOS R: เหินตัวผ่านม่านหมอก หยาดเหงื่อ รอยยิ้ม และหยดน้ำตา
2) การควบคุมการตั้งค่าต่างๆ ได้โดยตรงที่คุณสัมผัสได้
นี่อาจเป็นข้อดีที่เห็นได้ชัดข้อหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณชอบความรู้สึกเวลาใช้กล้องรุ่นเก่าๆ ที่มีการควบคุมแบบอนาล็อก คุณสามารถกำหนดให้วงแหวนควบคุมทำหน้าที่ควบคุมรูรับแสง ซึ่งจะทำงานได้เช่นเดียวกับวงแหวนควบคุมรูรับแสงบนเลนส์รุ่นเก่าที่จับโฟกัสแบบแมนนวล คุณเพียงต้องหมุนวงแหวนเพื่อปรับการตั้งค่า
คุณสามารถกำหนดให้วงแหวนควบคุมทำหน้าที่ปรับรูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ ความไวแสง ISO หรือการชดเชยแสงได้
รู้หรือไม่ว่า การใช้วงแหวนโฟกัสทำให้คุณถือกล้องได้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ
เมื่อใช้วงแหวนโฟกัส คุณจะต้องประคองส่วนหน้าของเลนส์ไว้ด้วยมือซ้าย ซึ่งวิธีนี้ทำให้คุณอยู่ในท่าที่มีความมั่นคงมากขึ้น พร้อมกับรองรับเลนส์ได้ดียิ่งขึ้นด้วย จึงพูดได้ว่า การใช้วงแหวนโฟกัสทำให้คุณถือกล้องได้มั่นคงมากขึ้น ทีมนักพัฒนาของ Canon นั้นทุ่มเทอย่างมากในการออกแบบกล้อง EOS R ถึงขั้นที่คิดแม้กระทั่งว่าผู้ใช้จะถือกล้องอย่างไร
เมาท์อะแดปเตอร์วงแหวนควบคุม EF-EOS R ช่วยให้คุณสามารถใช้เลนส์ EF กับกล้อง EOS R ได้ และยังช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของวงแหวนควบคุมด้วย
EOS R/ RF 50mm f/1.2L USM/ FL: 50mm/ Manual exposure (f/1.2, 1/125 วินาที)/ ISO 100/ WB: 5200K
3. ระบบเมาท์แบบใหม่ที่นับเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของเลนส์
กล้องดิจิตอลนั้นมีจำนวนพิกเซลมากขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่าแนวโน้มเช่นนี้จะดำเนินต่อไปในอนาคต นั่นหมายความว่า เลนส์ต่างๆ ก็ต้องมีการพัฒนาเพื่อรองรับความละเอียดของภาพที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
Canon นั้นมีความตั้งใจในการผลิตเลนส์ที่ให้คุณภาพของภาพที่ดีที่สุดมาอย่างต่อเนื่องดังเช่นเลนส์ในกลุ่ม EF และเพื่อให้ผลิตเลนส์คุณภาพเช่นนี้อย่างต่อเนื่องแม้ “การแข่งขันด้านจำนวนพิกเซล” จะดุเดือดยิ่งขึ้น Canon จึงตัดสินใจออกแบบระบบเลนส์ใหม่โดยสิ้นเชิง และผลลัพธ์ที่ได้คือ เมาท์ RF แบบใหม่
เป้าหมายสองข้อของนักออกแบบเลนส์ RF
ในบทสัมภาษณ์(ฉบับภาษาอังกฤษ)ฉบับหนึ่ง ทีมนักพัฒนาเลนส์ของ Canon ได้เปิดเผยว่าพวกเขามีเป้าหมายสองข้อเมื่อออกแบบเลนส์รุ่นใหม่
1. ทำให้แสงที่ผ่านเข้ามาในเลนส์เดินทางเป็นเส้นตรงก่อนจะไปถึงเซนเซอร์ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้ภาพที่เกิดบนเซนเซอร์มีความบิดเบี้ยว
2. ทำให้แสงนี้เดินทางไปถึงทุกส่วนของเซนเซอร์ เพื่อให้ขอบภาพมีคุณภาพของภาพที่ดีด้วย
ในการทำเป้าหมายแรกให้สำเร็จ หัวใจสำคัญคือการลดระยะห่างจากท้ายเลนส์มายังเซนเซอร์ภาพ (Flange focal distance) ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นักออกแบบจึงตัดสินใจตัดพื้นที่ที่โดยปกติแล้วจะเป็นกระจกออกไป ดังนั้น กล้อง EOS R จึงมีลักษณะเช่นเดียวกับกล้องมิเรอร์เลส
สำหรับเป้าหมายข้อที่สอง นักออกแบบเลนส์มีความคิดว่าจะเพิ่มขนาดชิ้นเลนส์ด้านหลัง ซึ่งจะช่วยนำแสงเข้าไปสู่เซนเซอร์ได้มากขึ้น เส้นผ่านศูนย์กลางภายในของเมาท์จึงต้องมีขนาดเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และในที่สุด นักออกแบบก็ได้เส้นผ่านศูนย์กลางภายในของเมาท์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 54 มม. ซึ่งมีขนาดเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของเมาท์ EF
ความพยายามเหล่านี้ทำให้เกิดระบบเลนส์แบบใหม่ที่มีคุณสมบัติพร้อมตอบสนองความต้องการของยุคใหม่แห่งความละเอียดสูงยิ่งยวด (Ultra High Definition)
เพื่อให้ได้คุณภาพของภาพที่ดียิ่งขึ้น นักออกแบบเลนส์ได้ออกแบบเมาท์ RF ให้มีระยะห่างจากท้ายเลนส์ถึงเซนเซอร์สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
การสื่อสารระหว่างเลนส์กับกล้องที่ดียิ่งขึ้น
ออพติคไม่ได้เป็นนวัตกรรมเดียวในเลนส์ RF เลนส์ RF ทุกชิ้นจะเก็บข้อมูลการแก้ไขความคลาดของเลนส์ไว้ที่เมาท์ของเลนส์ ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งไปยังกล้องเมื่อติดเลนส์ลงไป ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลของเลนส์ลงในกล้องเพื่อให้การแก้ไขความคลาดของเลนส์มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับเลนส์ใหม่แต่ละตัว
ด้วยคุณสมบัตินี้ รวมทั้งการปรับปรุงและคุณสมบัติอื่นๆ ของกล้อง EOS R การสื่อสารระหว่างเลนส์กับกล้องจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย เมาท์ RF ใช้ระบบส่งข้อมูล 12 ขาแบบใหม่ที่สามารถส่งข้อมูลปริมาณมากได้ด้วยความเร็วสูง ซึ่งนับเป็นคุณสมบัติการออกแบบอีกข้อหนึ่งที่มองการณ์ไกลถึงอนาคต
ดังนั้น กล้อง EOS R จึงไม่เพียงแต่ให้คุณภาพของภาพที่สมบูรณ์แบบเช่นที่ Canon มุ่งมั่นพัฒนาเสมอมา แต่ยังเป็นทางออกที่คิดค้นมาอย่างดีสำหรับเลนส์และระบบเมาท์ในอนาคตอีกด้วย
ประสิทธิภาพของระบบส่งข้อมูลรุ่นใหม่ของเมาท์ RF ดังเห็นได้จากจุดสัมผัส 12 ขาที่อยู่ด้านล่างของตัวเมาท์
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติอื่นๆ ของกล้อง EOS R ได้จากบทความต่อไปนี้
คุณสมบัติ 8 ข้อในการโฟกัสของกล้อง EOS R ที่ใครๆ ก็อยากสัมผัส
มอบความเป็นเลิศด้านการถ่ายภาพด้วยกล้อง EOS R
สัมภาษณ์ทีมนักพัฒนา: ขอแนะนำ EOS R กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรมรุ่นแรกของ Canon (ฉบับภาษาอังกฤษ)
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!