ฉลองครบรอบ 30 ปี ผลิตภัณฑ์ระบบ EOS (3): Digital EOS กับการพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
แม้หลังการเปลี่ยนถ่ายจากยุคกล้องฟิล์มสู่ยุคกล้องดิจิตอล ซีรีย์ EOS ยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง Canon พัฒนาเซนเซอร์ที่มีจำนวนพิกเซลเพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพการถ่ายภาพความละเอียดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน กล้อง EOS สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวในระดับ Full HD และแม้แต่ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน ซึ่งพกพาความสามารถอันยอดเยี่ยมในฐานะเครื่องมือสื่อสารทางภาพ
ภาพคุณภาพสูงในกล้อง EOS เป็นจริงได้ด้วยการก้าวข้ามขีดจำกัดอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ช่างภาพจึงสามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงได้เพียงกดปุ่มชัตเตอร์บนกล้อง
ยกระดับความละเอียดภาพอย่างเหนือกว่า
การเดินหน้าสู่ความท้าทายเพื่อให้ได้ความละเอียดภาพสูงเริ่มต้นขึ้นที่กล้องรุ่นเรือธงในซีรีย์นี้ EOS-1Ds (เปิดตัวในปี 2002) วางจำหน่ายต่อจาก EOS-1D (เปิดตัวในปี 2001) และความละเอียดภาพที่สูงขึ้น EOS-1Ds มาพร้อมเซนเซอร์ฟูลเฟรมที่มีความละเอียด 11.1 ล้านพิกเซลในช่วงเวลาที่กล้อง DSLR มีความละเอียดเพียง 3 ล้านพิกเซลเท่านั้น ดังนั้น กล้องรุ่นนี้จึงสามารถใช้เลนส์ EF รุ่นใดก็ได้ในการถ่ายภาพด้วยมุมรับภาพใกล้เคียงกับกล้อง DSLR 35 มม. รุ่นดั้งเดิม นอกจากนี้ ระบบประมวลผลภาพ (ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ DIGIC) ในกล้อง EOS-1Ds ยังรองรับการประมวลผลภาพความละเอียดสูง จึงตอบสนองความต้องการของช่างภาพมืออาชีพได้เป็นอย่างดี
EOS-1D (เปิดตัวในปี 2001)
กล้องรุ่นนี้เหมาะสำหรับช่างภาพมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายภาพข่าวและกีฬาโดยเฉพาะ เนื่องจากมาพร้อมเซนเซอร์ CCD ความละเอียดสูง (ขนาดเซนเซอร์ที่ใช้งานจริง: 28.7×19.1 มม., จำนวนพิกเซลที่ใช้งานได้จริง: 4.15 ล้านพิกเซล) จึงให้ภาพคุณภาพสูงและการตอบสนองความเร็วสูงผ่านระบบประมวลผลภาพที่ประมวลผลภาพความละเอียดสูงได้อย่างรวดเร็ว
EOS-1Ds (เปิดตัวในปี 2002)
กล้องรุ่นนี้เหมาะสำหรับช่างภาพมืออาชีพ และพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงการถ่ายภาพในสตูดิโอเป็นหลัก กล้องมาพร้อมเซนเซอร์ CMOS 35 มม. แบบฟูลเฟรมที่มีความละเอียด 11.1 ล้านพิกเซล ซึ่งหมายความว่าช่างภาพสามารถใช้เลนส์ EF รุ่นใดก็ได้ และสามารถจัดองค์ประกอบภาพโดยไม่ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติการครอป อีกทั้งยังมีระบบประมวลผลภาพที่สามารถประมวลผลภาพความละเอียดสูงได้
การใช้เซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรมใหม่ที่ให้ภาพความละเอียดสูงยังนำไปสู่การเปิดตัวกล้องรุ่นต่างๆ ที่ผลิตขึ้นสำหรับผู้สนใจถ่ายภาพที่มีประสบการณ์โดยเฉพาะ เริ่มต้นจากกล้องในซีรีย์ 5D รุ่นแรกคือ EOS 5D (เปิดตัวในปี 2005) ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ตามมาด้วย EOS 5D Mark II (เปิดตัวในปี 2008), EOS 5D Mark III (เปิดตัวในปี 2012) และ EOS 5DS/EOS 5DS R ในปี 2015 โดยในส่วนของกล้อง EOS 5DS และ EOS 5DS R มีจำนวนพิกเซลที่ใช้งานจริงถึง 50.6 ล้านพิกเซล จึงให้ความละเอียดของภาพที่สูงล้ำเหนือคู่แข่ง แม้กระทั่งในปี 2017 นี้ Canon ยังคงมีจำนวนพิกเซลในกล้อง DSLR ที่ใช้เซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรมที่สูงที่สุดในโลก
ประสิทธิภาพความละเอียดสูงนี้เกิดขึ้นได้ด้วยเซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรมที่มีจำนวนพิกเซลใช้งานจริงถึง 50.6 ล้านพิกเซล และ Canon ยังคงเปิดตัวกล้องรุ่นต่างๆ ที่มีจำนวนพิกเซลเกิน 20 ล้านพิกเซล ซึ่งรวมถึงรุ่นที่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานเริ่มต้น อาทิ EOS 800D และ EOS M100
ภาพเคลื่อนไหว EOS: การปรากฏตัวของการบันทึกภาพระดับ Full HD ในกล้อง DSLR
EOS 5D Mark II (เปิดตัวในปี 2008) คือกล้อง DSLR ตัวแรกของโลกที่มาพร้อมคุณสมบัติการถ่ายภาพเคลื่อนไหวระดับ Full HD เซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรมที่ให้ระยะชัดลึกที่ตื้นและเลนส์ซีรีย์ EF ที่รองรับความสามารถในการถ่ายทอดรายละเอียดของกล้องได้รับความสนใจอย่างมาก และผู้ผลิตภาพยนตร์ระดับมืออาชีพต่างเริ่มหันมาใช้กล้องซีรีย์ EOS เช่นเดียวกัน คุณสมบัติการถ่ายภาพเคลื่อนไหวระดับ Full HD ในกล้อง EOS ที่เรียกว่า “ภาพเคลื่อนไหว EOS” มีให้ใช้งานในกล้องทุกรุ่นในปัจจุบัน (ณ ปี 2017)
อุปกรณ์ถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่ใช้ระบบ EOS มีขนาดกะทัดรัดขึ้นอย่างมาก และยังมีราคาถูกกว่ากล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่มีอยู่ในท้องตลาด คุณสมบัติเหล่านี้จึงรองรับความต้องการได้อย่างที่ทีมพัฒนาคาดไม่ถึงมาก่อน
เทคโนโลยีการถ่ายภาพเคลื่อนไหว EOS มีบทบาทสำคัญต่อความก้าวหน้าของ Canon ในวงการฮอลลีวู้ด ในปี 2011 Canon เปิดตัวระบบ Cinema EOS ซึ่งประกอบด้วยกล้องดิจิตอล Full HD สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์และอุปกรณ์เสริม เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์ ซึ่งนับเป็นการเข้าสู่วงการผลิตภาพยนตร์ระดับมืออาชีพอย่างเต็มตัว
ระบบ Cinema EOS (เปิดตัวในปี 2012)
ระบบ Cinema EOS ซึ่งได้รับการออกแบบบนสมมติฐานว่าจะนำมาใช้กับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวความละเอียดสูงระดับ 4K ซึ่งให้ความละเอียดสูงเทียบเท่า 4 เท่าของระดับ Full HD คือผลิตภัณฑ์สุดล้ำที่มาพร้อมข้อดีคือสามารถใช้ได้กับเลนส์ซีรีย์ EF ที่มีอยู่
คุณสมบัติการบันทึกภาพเคลื่อนไหวในกล้อง EOS เริ่มต้นจากแนวคิดในการบันทึกเอาต์พุตวิดีโอของ Live View นับตั้งแต่นั้นมา ความเร็วของ AF ในการถ่ายภาพ Live View ได้รับการปรับปรุงให้เร็วขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ อาทิ Hybrid CMOS AF และ Dual Pixel CMOS AF พร้อมกับสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นโดยการนำเทคโนโลยีเลนส์ เช่น STM (Stepping Motor) และ Nano USM (มอเตอร์อัลตราโซนิค) มาใช้
ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลา - การพัฒนากล้องให้ใช้กับสมาร์ทโฟนได้อย่างลงตัว
เมื่อมีการใช้สมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย การถ่ายภาพด้วยการแตะที่หน้าจอจึงกลายเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ดี เราได้นำจอ LCD แบบสัมผัสมาใช้ในกล้องซีรีย์ EOS แต่เนิ่นๆ แล้ว เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน เริ่มต้นด้วย EOS 650D และ EOS M ที่เปิดตัวในปี 2012 กล้องทุกรุ่นตั้งแต่กล้องระดับเริ่มต้นจนถึงรุ่นโปรขณะนี้มาพร้อมกับจอ LCD แบบสัมผัส ซึ่งใช้งานได้อย่างง่ายดาย เช่น การตั้งค่าการถ่ายภาพและจุด AF หลากหลายรูปแบบ และการซูมเข้า/ออกในระหว่างดูภาพ
EOS 650D (เปิดตัวในปี 2012)
มาพร้อมจอ LCD แบบปรับหมุนได้ที่รองรับการสั่งการระบบสัมผัส นอกเหนือจากการจับโฟกัสความเร็วสูงโดยใช้ Hybrid CMOS AF แล้ว EOS 650D ยังสามารถโฟกัสบนตัวแบบที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องโดยใช้ Movie Servo AF
EOS M (เปิดตัวในปี 2012)
กล้องมิเรอร์เลสตัวแรกในซีรีย์ EOS ที่ผสานคุณภาพของภาพสูงเข้ากับตัวกล้องที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา จอ LCD ด้านหลังรองรับการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส EOS M สามารถจับโฟกัสความเร็วสูงได้โดยใช้ Hybrid CMOS AF
นอกเหนือจากการควบคุมการทำงานแล้ว Canon ยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน กล้องทุกรุ่นนับตั้งแต่ EOS 70D (เปิดตัวในปี 2013) สามารถรองรับการใช้งาน Wi-Fi อีกทั้งยังมีการเปิดตัวแอป Camera Connect โดยคำนึงถึงความสะดวกของผู้ใช้งาน ซึ่งแอปไม่เพียงช่วยให้คุณสามารถถ่ายโอนภาพถ่ายไปยังสมาร์ทโฟน ได้เท่านั้น แต่ยังถ่ายภาพจากระยะไกลได้อีกด้วย ดังนั้น ซีรีย์ EOS จึงสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ Canon ในการทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากความสามารถในการสื่อสารของสมาร์ทโฟนเพื่อก้าวล้ำเหนือคู่แข่ง
ระบบ EOS - ระบบที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก
จนถึงปี 2017 เราได้ผลิตกล้องซีรีย์ EOS ไปแล้วกว่า 90 ล้านตัว และเลนส์ EF ไปแล้วกว่า 130 ล้านชิ้น ปริมาณดังกล่าวบ่งบอกถึงความไว้วางใจของผู้ใช้ที่มีต่อกล้อง EOS และเลนส์ EF เทคโนโลยีมากมายถูกนำมาใช้ในกล้อง EOS รุ่นต่อๆ มา และเลนส์ EF รองรับความต้องการของผู้ใช้งานและฉากการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี
ระบบกล้อง EOS เริ่มออกวางจำหน่ายในปี 1987 โดยได้รับการวางตัวให้เป็นกล้อง DSLR รุ่นบุกเบิก และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้น เริ่มจากกระบวนการดิจิไทซ์เต็มรูปแบบของเมาท์ EF นอกเหนือจากเทคโนโลยีกล้อง เช่น AI Servo AF ที่ใช้ในการติดตามตัวแบบที่เคลื่อนไหว, เซนเซอร์ CMOS ที่สามารถจับแสงให้เป็นสัญญาณดิจิตอลได้ละเอียดยิ่งขึ้น และ DIGIC ที่ใช้ในการประมวลผลภาพดิจิตอล Canon ได้นำเทคโนโลยีเลนส์มาใช้อย่างต่อเนื่อง เช่น USM เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนเลนส์ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ระบบป้องกันภาพสั่นไหวเพื่อลดปัญหากล้องสั่น ตลอดจนเลนส์และการเคลือบแบบพิเศษที่ลดความคลาดต่างๆ Canon ไม่ยึดติดกับความรู้สึกแบบเดิมๆ แต่เลือกที่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของ AF ให้แม่นยำขึ้น การใช้งานที่ดีขึ้น และคุณภาพของภาพที่ดียิ่งขึ้น แนวคิดการออกแบบระบบกล้อง EOS นี้เองคือเหตุผลว่าทำไมระบบนี้จึงเป็นตัวเลือกของผู้คนทั่วโลก
แรงสนับสนุนมากมายจากผู้ใช้งานยังเห็นได้ชัดจากปริมาณการผลิตกล้องซีรีย์ EOS รวมที่มากถึง 90 ล้านตัว และเลนส์ EF มากถึง 130 ตัว ณ ปี 2017 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เลนส์ EF ได้สร้างสถิติโลกใหม่ในการมียอดรวมการผลิตเลนส์สูงที่สุด จึงอาจกล่าวได้ว่า EOS คือระบบกล้องที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!