ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

เคล็ดลับและบทเรียน >> เคล็ดลับและบทเรียนทั้งหมด

การวัดแสงแฟลช E-TTL II คืออะไร

2018-05-10
1
8.5 k
ในบทความนี้:

แฟลชภายนอก (หรือที่รู้จักกันในชื่อแฟลชเสริม /แฟลช Hot-shoe) เป็นอุปกรณ์เสริมยอดนิยมสำหรับผู้ใช้กล้องที่ต้องการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านภาพถ่ายได้หลากหลายยิ่งขึ้น การทำความเข้าใจแฟลช Speedlite มากขึ้นจะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากแฟลชได้อย่างเต็มที่ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญของแฟลช Speedlite นั่นคือ E-TTL II หรือที่เรียกกันว่าแฟลชอัตโนมัติ E-TTL (Evaluative Through-The-Lens) (เรื่องโดย Yasuhiko Kani)

 

การวัดแสงแฟลช E-TTL: ฟังก์ชั่นที่ทำหน้าที่วัดกำลังแสงแฟลช ซึ่งจำเป็นสำหรับการเปิดรับแสงที่เหมาะสม

ในบทความ เริ่มถ่ายภาพโดยใช้แฟลชได้ใน 9 ขั้นตอน เราได้เรียนรู้ว่ามีแฟลชสองโหมดที่คุณสามารถใช้งานได้นั่นคือ โหมด E-TTL (Evaluative Through-The-Lens) หรือโหมดแฟลชกำหนดเอง

โหมด E-TTL หรือที่เรียกกันว่าแฟลชอัตโนมัติ E-TTL เป็นโหมดที่กล้องใช้ข้อมูลที่ได้รับผ่านเลนส์ ("TTL") ในการคำนวณหาปริมาณแสงที่แฟลชต้องปล่อยออกมา เพื่อให้ได้ความสว่างที่เหมาะสม จากนั้น กล้องจะตั้งค่ากำลังแสงแฟลชให้สอดคล้องกันโดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้เรียกว่าระบบการวัดแสงแฟลช

ผู้ผลิตกล้องต่างใช้ระบบการวัดแสงแฟลช TTL ในรุ่นที่แตกต่างกันไป E-TTL ใช้กับกล้อง EOS ของ Canon โดยเฉพาะ กล้อง EOS ของ Canon รุ่นใหม่ๆ ทุกรุ่นจะใช้ E-TTL II 

 

การทำงานของระบบการวัดแสงแฟลช E-TTL II

คำอธิบายพื้นฐานเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อถ่ายภาพในโหมด E-TTL:

1. เมื่อลั่นชัตเตอร์ พรีแฟลชจะยิงออกไปก่อนถ่ายภาพจริง
2. แสงจากพรีแฟลชนี้สะท้อนจากตัวแบบผ่านเข้าไปในเลนส์ (TTL: Through The Lens) และไปถึงตัววัดแสงในตัวกล้อง
3. ตัววัดแสงในตัวกล้องประเมินปริมาณแสง และใช้ปริมาณแสงกำหนดกำลังแสงแฟลช
4. กล้องยิงแฟลชโดยใช้กำลังแสงแฟลชเท่ากับที่กำหนดไว้ในข้อ 3

แม้ขั้นตอนพื้นฐานจะเป็นไปตามที่อธิบายข้างต้น แต่ในความเป็นจริง E-TTL II ยังใช้ข้อมูลอื่นๆ เช่น ระยะห่างระหว่างเลนส์กับตัวแบบ เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำขึ้น วิธีนี้มีอัตราความสำเร็จที่สูงมาก เราจึงอยากแนะนำให้ผู้เริ่มต้นถ่ายภาพโดยใช้แฟลชเริ่มต้นด้วยโหมด E-TTL

 

ผลการทำงานของ E-TTL

เพื่อให้เข้าใจผลการทำงานของระบบการวัดแสงแฟลช E-TTL II เราลองมาดูตัวอย่างการถ่ายภาพในโหมด E-TTL ทั้งสามตัวอย่างนี้กัน

ภาพตัวอย่างนี้ถ่ายโดยใช้การตั้งค่าแบบเดียวกัน (f/4, 1/60 วินาที, ISO 800) แต่ได้รับแสงจากทิศทางของแสงที่แตกต่างกัน เรากำหนดแบ็คกราวด์ให้เป็นสีเทา 18% เพื่อลดความเสี่ยงที่กล้องจะ "ถูกหลอก" โดยแบ็คกราวด์ที่มืดมากหรือสว่างมาก (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุได้ใน พื้นฐานเกี่ยวกับกล้อง #4: การชดเชยแสง)

 

ตัวอย่างที่ 1

แฟลชโดยตรงในตัวกล้อง, แฟลชในตัวกล้อง

แฟลชโดยตรงในตัวกล้อง
เงามืดที่เด่นชัดจะทอดไปทางด้านหลังตัวแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพบเห็นบ่อยในภาพที่ถ่ายโดยใช้แฟลชโดยตรงในตัวกล้อง

 

ตัวอย่างที่ 2

แฟลชสะท้อนจากเพดาน, หันขึ้นไปที่เพดาน

แฟลชโดยอ้อมจากการยิงแฟลชสะท้อนเพดาน
การยิงแฟลชสะท้อนช่วยกระจายแสงและทำให้แสงนุ่มนวลขึ้น อีกทั้งเงาจะอ่อนลงและมีความเปรียบต่างน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตัวอย่างที่ 1 ภาพทั้งภาพจึงได้รับแสงอย่างทั่วถึงและดูเป็นธรรมชาติ

 

ตัวอย่างที่ 3

แฟลชนอกตัวกล้อง (แสงด้านข้าง)

แฟลชโดยตรงนอกตัวกล้อง (แสงด้านข้าง)
เงาจะมีลักษณะคล้ายกับตัวอย่างที่ 1 คือ มืด เด่นชัด และมีความเปรียบต่างสูง แสงด้านข้างทำให้เกิดเงาในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งจะทำให้เงาดูชัดเจนยิ่งขึ้น

ข้อมูลการถ่ายภาพ (ทั้ง 3 ภาพ): EOS 7D/ EF24-105mm f/4L IS USM/ FL: 65 มม. (เทียบเท่า 104 มม.)/ Program AE (f/4, 1/60 วินาที)/ ISO 800/ WB: อัตโนมัติ

 

สังเกตว่า แม้มุมการให้แสงต่างๆ ทำให้ได้เงาที่มีรูปแบบแตกต่างกันในภาพทั้งสามภาพ แต่ก็ยังคงรักษาความสว่างให้อยู่ในระดับเดียวกันได้ทั้งหมด ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเช่นกันเมื่อคุณนำฮิสโตแกรมของภาพทั้งหมดมาเปรียบเทียบกัน 

ที่เป็นเช่นนี้เพราะระบบการวัดแสงแฟลชอัตโนมัติ E-TTL II สามารถกำหนดกำลังแสงแฟลชที่เหมาะสมสำหรับฉากแต่ละฉากได้ แม้ว่าจะมีการปรับทิศทางแฟลชในมุมต่างๆ กัน

 

เคล็ดลับการใช้งาน

1. การเปลี่ยนจุด AF ที่ใช้งานอยู่และโหมดวัดแสงจะเปลี่ยนความสว่างของภาพถ่าย

 E-TTL II ใช้ข้อมูลระยะห่างระหว่างเลนส์กับตัวแบบเพื่อประเมินกำลังแสงแฟลชที่เหมาะสม โดย E-TTL II จะระบุตัวแบบด้วยการใช้จุด AF 
ในขณะเดียวกัน ดังที่เราเรียนรู้ในบทความ พื้นฐานเกี่ยวกับกล้อง #7: การวัดแสง โหมดวัดแสงยังส่งผลต่อวิธีที่กล้องวัดความสว่างของฉาก (จึงส่งผลต่อการปรับกำลังแสงแฟลชให้เหมาะกับฉากเช่นกัน) 

ดังนั้น ในการถ่ายฉากเดียวกันโดยใช้จุด AF ที่แตกต่างกัน วิธีโฟกัสอัตโนมัติหรือโหมดวัดแสงจะทำให้ความสว่างของภาพถ่ายแตกต่างกัน 

เมนูโหมดวัดแสงในกล้อง EOS

 

2. ใช้ล็อค FE เพื่อรักษากำลังแสงแฟลชเดิมไว้ 

เมื่อคุณเปลี่ยนองค์ประกอบของภาพถ่าย เช่น เปลี่ยนการวางแนวกล้อง จะทำให้กล้องประเมินความสว่างของฉากแตกต่างกันไป ระดับแสงแฟลชจึงเปลี่ยนไปเช่นกัน
หากคุณต้องการใช้ระดับแสงแฟลชเท่าเดิม แต่เปลี่ยนองค์ประกอบภาพ ขอแนะนำให้ใช้ล็อคระดับแสงแฟลช (FE)

ล็อค FE ทำงานโดยจดจำระดับแสงที่พรีแฟลชของ E-TTL II วัดค่าไว้ จากนั้นจึง "ล็อค" ค่าการวัดแสงนั้นในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้คุณสามารถถ่ายภาพโดยใช้กำลังแสงแฟลชเท่าเดิมได้ แม้จะเปลี่ยนองค์ประกอบภาพไปก็ตาม
การล็อคค่าที่วัดได้นี้ยังเหมาะสำหรับพื้นที่เล็กๆ ด้วยเช่นกัน

หมายเหตุ: 
1หลังจากวัดแสงแฟลชแล้ว พยายามอย่าขยับกล้องให้ห่างจากตำแหน่งเดิมมากจนเกินไป เพราะหากระยะห่างระหว่างกล้องกับตัวแบบเปลี่ยนไป กำลังแสงแฟลชที่ล็อคไว้อาจไม่เหมาะอีกต่อไป 
2. คุณสามารถกำหนดให้ปุ่มอื่นๆ ทำการล็อค FE ได้

 

หลังจากจับโฟกัสที่ตัวแบบและกดปุ่มล็อค FE แล้ว กล้องจะยิงพรีแฟลช และกำลังแสงแฟลชจะถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ

 

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟลช Speedlite คุณอาจต้องการอ่านบทความต่อไปนี้
การเลือกแฟลชเสริม (1): กำลังแสงแฟลช
การเลือกแฟลชเสริม (2): แฟลชสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง
เลือกแฟลช Canon Speedlite อย่างไร

 


รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT

ลงทะเบียนตอนนี้!

 

เกี่ยวกับผู้เขียน

Digital Camera Magazine

นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation

Yasuhiko Kani

เกิดเมื่อปี 1970 และจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนิฮอนที่ซึ่ง Kani ได้เรียนกับช่างภาพ Shin Yamagishi ก่อนเริ่มต้นทำงานอิสระ ปัจจุบันเขาถ่ายภาพพอร์ตเทรตเป็นหลัก และยังมีส่วนร่วมในงานอื่นๆ อีกมากมายในนิตยสาร อัลบั้มภาพถ่าย ปกซีดี โฆษณา และภาพยนตร์

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา