LOGIN/REGISTER is disabled on SNAPSHOT till December 11th, 2025 due to a scheduled maintenance activity. We apologize for any inconvenience caused.

ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น >> All Happenings

6 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกล้อง EOS R5 ที่ Canon ส่งขึ้นไปยังอวกาศ

2025-07-21
7
807

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 (ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น) Canon ได้ส่งดาวเทียมแบบไมโครที่มีชื่อว่า CE-SAT-IE ออกสู่อวกาศ

เกร็ดน่ารู้ข้อที่ 1: Canon Electronics และฝ่ายพัฒนากล้องของ Canon เป็นผู้พัฒนาดาวเทียมออพติคอลขึ้นมาเองเพื่อใช้ในการถ่ายภาพพื้นผิวโลก

เกร็ดน่ารู้ข้อที่ 2: กล้องที่ใช้คือ EOS R5 ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ

คุณอ่านไม่ผิด ขณะนี้มีกล้อง EOS R5 อยู่ในห้วงอวกาศ และกำลังโคจรรอบโลกพร้อมกับบันทึกภาพพื้นผิวโลกด้วยความละเอียดสูงที่เห็นรายละเอียดได้ชัดเป็นพิเศษ

กล้อง EOS R5 มีความสามารถในการถ่ายภาพระดับเหนือโลก ซึ่งหมายถึงเหนือโลกทั้งใบจริงๆ และเหนือกว่ากล้องทั่วไปบนโลก!

ในบทความนี้:

 

1. กล้องรุ่นนี้ได้รับเลือกเพราะความสามารถในการถ่ายภาพความละเอียดสูง

CE-SAT-1E ดาวเทียมจาก Canon Electronics เป็นดาวเทียมออพติคอลที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพพื้นผิวโลกจากอวกาศ

ทีมงานจำเป็นต้องใช้กล้องความละเอียดสูงที่สามารถสร้างภาพถ่ายและวิดีโอที่มีรายละเอียดชัดเจนสำหรับการทำแผนที่และป้องกันภัยพิบัติ ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบความเสียหายหลังเกิดภัยธรรมชาติด้วย เซนเซอร์ CMOS 45 ล้านพิกเซลและความสามารถในการถ่ายวิดีโอ 8K แบบ 30p ของกล้อง EOS R5 ตอบโจทย์ที่ว่านี้ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังมีสมดุลระหว่างประสิทธิภาพกับความละเอียดในระดับสูงสุด

วิดีโอด้านล่างแสดงภาพนิ่งและฟุตเทจเพิ่มเติมที่ถ่ายด้วยกล้อง EOS R5 บนดาวเทียม ภาพเหล่านี้น่าทึ่งจริงๆ คุณว่าไหม


ความเร็วในการประมวลผลไฟล์ JPEG ก็สำคัญเช่นกัน

ยิ่งสามารถถ่ายโอนภาพจากดาวเทียมออพติคอลมายังโลกได้เร็วเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น และขนาดของไฟล์ภาพแต่ละไฟล์จะส่งผลต่อความเร็วในการถ่ายโอน

กล้อง EOS R5 สามารถสร้างไฟล์ JPEG และ CRAW ที่มีขนาดเล็กกว่าไฟล์ RAW แบบไม่บีบอัดได้ในทันที ซึ่งต่างจากกล้องทั่วไปบนดาวเทียมออพติคอลอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะบันทึกและถ่ายโอนไฟล์ในรูปแบบ RAW ซึ่งต้องสร้างขึ้นทีละไฟล์ ด้วยระบบประมวลผลภาพอันทรงพลังอย่าง DIGIC X ขั้นตอนนี้จึงสามารถทำได้แม้ในขณะที่กล้องกำลังถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 fps คุณสมบัตินี้ทำให้กล้อง EOS R5 มีข้อได้เปรียบที่โดดเด่นในฐานะกล้องดาวเทียมออพติคอล

ข้อมูลเกี่ยวกับดาวเทียมแบบไมโคร CT-SAT-1E

พัฒนาและสร้างโดย: Canon Electronics
ขนาด: 50 x 50 x 80 ซม. น้ำหนักประมาณ 70 กก.
วงโคจร: รอบโลกตามดวงอาทิตย์
ระดับความสูงของวงโคจร: 670 กม.

 

2. กล้องแข็งแกร่งพอสำหรับการปล่อยจรวด

ดาวเทียม CE-SAT-1E ที่ติดตั้งกล้อง EOS R5 ถูกปล่อยออกสู่อวกาศจากศูนย์อวกาศทาเนงาชิมะของ JAXA โดยใช้จรวด H3 ลำที่สอง (H3TF2) เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567

แต่ก่อนที่โครงการจะมาได้ไกลถึงขั้นนี้ มีปัญหาบางอย่างที่วิศวกรของ Canon ต้องแก้ไขให้ได้


1. กล้อง EOS R5 จะสามารถทนต่อสภาวะขณะปล่อยจรวดจริงได้หรือไม่

ดาวเทียมและส่วนประกอบทุกอย่างจะได้รับแรงจากความเร่งและแรงสั่นสะเทือนอย่างมหาศาลระหว่างที่จรวดถูกปล่อย แล้วกล้อง EOS R5 จะทนได้หรือไม่

สรุปให้สั้นๆ เลยก็คือ ทนได้โดยไม่ต้องมีการดัดแปลงใดๆ!

ความจริงแล้วกล้อง EOS R5 ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบันยิ่งกว่าการปล่อยจรวดด้วยซ้ำ แต่เพื่อความแน่ใจ นักพัฒนาจาก Canon จึงตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้งนี้โดยใช้การทดสอบที่จำลองสภาวะในการปล่อยจรวดจริง และพบว่ากล้อง EOS R5 แข็งแกร่งพออยู่แล้วโดยไม่ต้องมีการปรับปรุงใดๆ เป็นพิเศษ!


2. กล้องจะเกิดการเผาไหม้เมื่ออยู่ในอวกาศที่เป็นสุญญากาศหรือไม่

ในอวกาศมีสภาวะแบบสุญญากาศ และไม่มีอากาศที่ทำหน้าที่กระจายความร้อน นักพัฒนาจาก Canon จึงต้องดัดแปลงกล้อง EOS R5 เล็กน้อย

อันดับแรก นักพัฒนาได้เปลี่ยนชิ้นส่วนที่อาจระเบิดออกเมื่ออยู่ในสภาวะสุญญากาศโดยใช้วัสดุทางเลือกอื่นแทน

นอกจากนี้ยังปรับปรุงโครงสร้างกล้อง EOS R5 ให้สามารถส่งความร้อนออกไปยังบอดี้กล้อง EOS R5 ได้เพื่อปล่อยออกสู่ด้านนอก ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยการดัดแปลงชุดเซนเซอร์และยึดให้อยู่กับที่ ซึ่งสามารถทำได้เนื่องจากเมื่ออยู่ในอวกาศ จะไม่ต้องใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ชุดเซนเซอร์สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งแผ่นโลหะเข้าไปที่ด้านหลังของกล้อง EOS R5 เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น


3. รังสีคอสมิก

ทีมนักพัฒนาได้ออกแบบเกราะห่อหุ้มกล้องขึ้นมา โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการทดสอบความทนทานต่อรังสีซ้ำหลายครั้งกับกล้อง EOS R5 เกราะป้องกันนี้ซึ่งมีความหนาเพียงไม่กี่มิลลิเมตรถูกติดตั้งเข้ากับดาวเทียม

ผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้ว กล้อง EOS R5 ที่อยู่ในอวกาศยังคงทำงานได้ตามปกติ

 

3. เลนส์: กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงที่มีรูรับแสงกว้าง 40 ซม.

ดาวเทียมแบบไมโคร CE-SAT-IE โคจรที่ระดับความสูงประมาณ 670 กม. ซึ่งไกลกว่ามากเมื่อเทียบช่วงระยะของเลนส์กล้องทั่วไปที่ยาวที่สุด! เลนส์ที่ใช้กับกล้อง EOS R5 ในอวกาศต้องสามารถ:

- ถ่ายภาพได้ที่ทางยาวโฟกัสซูเปอร์เทเลโฟโต้
- ครอบคลุมเซนเซอร์ฟูลเฟรมของกล้อง EOS R5
- ติดตั้งได้บนดาวเทียมแบบไมโครขนาด 50 x 50 x 80 ซม. ซึ่งใกล้เคียงกับขนาดของถังบาร์เรลหนึ่งถัง

วิศวกรที่ Canon Electronics เลือกใช้ดีไซน์แบบกัสแกร็งเพื่อให้ตอบโจทย์วัตถุประสงค์เหล่านี้ แม้รูปร่างภายนอกจะดูค่อนข้างสั้น แต่เลนส์มีทางยาวโฟกัสที่ยาวมาก ซึ่งยาวพอที่จะสามารถซูมเครื่องบินบนรันเวย์ได้จากระยะ 670 กม. ในอวกาศ!

และเพื่อให้มีประสิทธิภาพทางออพติคอลสูงพร้อมรองรับความละเอียดสูงของกล้อง EOS R5 กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงแบบใหม่นี้จึงมีคุณสมบัติในการแก้ไขทางออพติคอลด้วย นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการผลิตเลนส์ ซึ่งไม่ได้มีเพียงขั้นตอนการเจียรชิ้นเลนส์เท่านั้น แต่ยังใช้การขัดพื้นผิวโค้งของกระจก รวมถึงกระจกเลนส์ชิ้นหลักที่จะเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพของเลนส์


การทำให้โฟกัสอัตโนมัติสามารถใช้งานได้กับกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก…

หากเป็นเลนส์กล้องทั่วไป แสงจะผ่านเข้ามาทางรูรับแสงของเลนส์จนเข้าไปถึงเซนเซอร์

แต่กับกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสง แสงจะถูกสะท้อนสองครั้งก่อนไปถึงเซนเซอร์
การสะท้อนครั้งแรก: จากกระจกเลนส์ชิ้นหลักทรงโดนัทที่มีรูตรงกลาง
การสะท้อนครั้งที่สอง: จากกระจกเลนส์ชิ้นรองไปถึงเซนเซอร์

ระบบโฟกัสอัตโนมัติต้องใช้แสงจึงจะทำงานได้ รูที่อยู่กลางกระจกเลนส์หลักทำให้การโฟกัสมีความซับซ้อนเนื่องจากไม่มีแสงผ่านเข้ามา

และสิ่งที่ทำให้ยากขึ้นไปอีกคือ ไม่มีแสงสำหรับการโฟกัสมากนักตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เนื่องจากกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงมักจะมีค่ารูรับแสงสูง (มืด)

 

4. เทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF II ในกล้อง EOS R5 ทำให้ก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น

Dual Pixel CMOS AF จะใช้พิกเซลทุกพิกเซลที่มีจากจำนวนทั้งหมดราว 45 ล้านพิกเซล (45,000,000 พิกเซล) บนเซนเซอร์ภาพในการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต่อการคำนวณโฟกัสอัตโนมัติ (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของ Dual Pixel CMOS AF)

ข้อมูลการตัดส่วนภาพอย่างแม่นยำที่ได้จากโครงสร้างพิกเซลอันหนาแน่นจะมีประโยชน์ในขั้นตอน Phase Detection (ตรวจจับและคำนวณระยะของวัตถุจากกล้อง) ในสถานการณ์ปกติ คุณสมบัตินี้จะช่วยให้โฟกัสอัตโนมัติได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำแม้ในสภาวะที่ยากลำบาก

แต่ในอวกาศที่ใช้กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสง การทำงานจะซับซ้อนกว่านั้นเล็กน้อย แต่การที่สามารถใช้เทคโนโลยีโฟกัสอัตโนมัติได้บ้างก็ยังเป็นประโยชน์อยู่ดี ทีมวิศวกรจากฝ่ายพัฒนากล้องของ Canon สรุปว่าการปรับแต่ง Dual Pixel CMOS AF ให้เหมาะกับกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงนั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทางเทคนิค

 

5. การโฟกัสยังต้องอาศัยการควบคุมจากภาคพื้นดิน แต่อย่างน้อยก็มีข้อมูล DPAF!

ในขณะที่กล้อง EOS R5 ในอวกาศมีแอคทูเอเตอร์ที่สามารถทำงานและจับโฟกัสได้อย่างแม่นยำแม้ในสภาวะสุญญากาศ แต่กลไกการโฟกัสของกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงยังไม่มีระบบอัตโนมัติ จึงต้องส่งคำสั่งมาจากภาคพื้นดินแทน

หากย้อนกลับไปดูดาวเทียมรุ่นแรกจาก Canon ซึ่งถูกส่งออกสู่อวกาศไปเมื่อปี 2560 โดยติดตั้งกล้อง EOS 5D Mark III เอาไว้ คำสั่งเหล่านี้จะมาจากภาพอ้างอิงที่ถ่ายได้จากอวกาศและส่งลงมายังภาคพื้นดิน

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF II ช่วยให้กล้อง EOS R5 บนดาวเทียมสามารถตรวจจับและคำนวณระยะโฟกัสที่แน่นอนรวมถึงปริมาณการเปลี่ยนตำแหน่งโฟกัสที่ต้องใช้ได้ ทำให้ทราบข้อมูลตำแหน่งโฟกัสอันมีค่าซึ่งสามารถนำมาใช้ร่วมกับภาพอ้างอิงได้เป็นอย่างดี และช่วยให้ขั้นตอนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น!

ในอนาคต วิศวกรของ Canon มีเป้าหมายที่จะพัฒนาการควบคุมโฟกัสอัตโนมัติทั้งหมดให้สามารถทำได้จากภายในดาวเทียม

 

6. การใช้งานในอนาคต

การนำกล้อง EOS R5 ไปใช้งานในอวกาศได้เป็นผลสำเร็จคือการปลดล็อคความเป็นไปได้ใหม่ๆ เมื่อเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคได้รับการดัดแปลงให้เหมาะกับธุรกิจอวกาศและการบิน และการที่สามารถใช้เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์สำหรับดาวเทียมได้ยังแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีระดับสูงนั้นสามารถนำมาดัดแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ดาวเทียมสามารถใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติใหม่ล่าสุดของกล้อง EOS ได้อย่างเต็มที่

ความร่วมมือระหว่าง Canon Electronics กับฝ่ายการสร้างภาพของ Canon ซึ่งเกิดขึ้นจากวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายใน Canon และความสามารถที่หลากหลายทำให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ Canon จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเองและเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง

คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม (PDF) (ฉบับภาษาอังกฤษ)

ดูเรื่องราวเบื้องหลังเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ที่:
5 องค์ประกอบหลักในการพัฒนาเลนส์ RF10-20mm f/4L IS STM
7 เรื่องราวที่ไม่เคยเล่าเกี่ยวกับ RF100-300mm f/2.8L IS USM
การสัมภาษณ์นักพัฒนา: การแนะนำกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมรุ่นแรกของแคนนอน, EOS R

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา