ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

เคล็ดลับและบทเรียน >> เคล็ดลับและบทเรียนทั้งหมด

5 เคล็ดลับเพื่อการตรวจจับและติดตามตัวแบบที่ดียิ่งขึ้น

2023-06-19
2
249

กล้องรุ่นใหม่ในระบบ EOS R เช่น EOS R7 และ EOS R6 Mark II มีจุดเด่นคืออินเทอร์เฟซการใช้งาน AF แบบใหม่และประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นในการตรวจจับและติดตามตัวแบบ ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทราบเพื่อใช้คุณสมบัติเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (เรื่องโดย: Yuta Murakami, Digital Camera Magazine)

ในบทความนี้:

1. ใช้โหมดพื้นที่ AF ให้เหมาะกับสถานการณ์

1. ใช้โหมดพื้นที่ AF ให้เหมาะกับสถานการณ์

ขั้นตอนแรกที่จะทำให้การติดตามตัวแบบของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุดคือต้องแน่ใจว่ากล้องสามารถระบุและล็อคตัวแบบ (หรือส่วนหนึ่งของตัวแบบ) ที่คุณต้องการติดตามได้ กล้องนั้นมีความชาญฉลาด แต่จะสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นหากคุณกำหนดแนวทางไว้เป็นอย่างดี! โหมดพื้นที่ AF จะบอกให้กล้องรู้ว่าต้องมองหาตัวแบบที่จุดใด

โดยโหมดพื้นที่ AF ในกล้องของคุณสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  1: เลือกอัตโนมัติ 2: ผู้ใช้กำหนดเอง
การจับโฟกัสที่ตัวแบบ จับโฟกัสและติดตามตัวแบบที่สามารถตรวจจับได้โดยอัตโนมัติภายในพื้นที่ AF ที่กำหนด มีจุด AF เริ่มต้นที่คุณสามารถใช้ในการเลือกวัตถุหรือส่วนที่คุณต้องการให้กล้องจับโฟกัสและติดตาม
โหมดพื้นที่ AF AF ทั่วพื้นที่
Zone AF แบบยืดหยุ่น
AF จุดเล็ก
AF จุดเดียว
ขยายพื้นที่ AF

ต่อไปนี้คือวิธีการใช้ AF แบบต่างๆ

 

ตัวอย่างที่ 1: โฟกัสอย่างแม่นยำด้วยพื้นที่ AF ที่ผู้ใช้กำหนดเอง

รถไฟขบวนนี้มีขนาดเล็กมากในเฟรมภาพ ผมจึงใช้ AF จุดเล็กเพื่อให้จับโฟกัสที่รถไฟได้อย่างแม่นยำ จุด AF เริ่มต้นคือกรอบสี่เหลี่ยมสีขาวขนาดเล็กที่คอยตรวจจับตัวแบบที่ตัดผ่านเข้ามา

โฟกัสจับอยู่ที่หัวขบวนรถไฟอย่างแม่นยำแม้ในขณะที่กำลังแล่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และกินพื้นที่ในเฟรมภาพมากขึ้น

และคุณยังสามารถใช้ AF จุดเดียว, Zone AF แบบยืดหยุ่น หรือโหมดขยายพื้นที่ AF โหมดหนึ่งได้เช่นกันโดยขึ้นอยู่กับขนาดของตัวแบบและลักษณะการเคลื่อนที่ ซึ่ง AF แบบสุดท้ายนี้จะใช้จุดที่อยู่รอบๆ จุด AF ที่กำหนดในการตรวจจับและโฟกัสบนตัวแบบที่กำลังเคลื่อนที่

 

ตัวอย่างที่ 2: ถ่ายภาพตัวแบบที่เคลื่อนที่เร็วและคาดเดาไม่ได้

หากเป็นตัวแบบเคลื่อนที่เร็วที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในเฟรมภาพ เช่น รถไฟความเร็วสูง การเริ่มจับโฟกัสและติดตามตัวแบบในขณะที่ยังอยู่ไกลจะเป็นวิธีที่ได้ผลดีน้อยกว่า แม้ประสิทธิภาพการติดตามตัวแบบจะพัฒนาขึ้นอย่างมากในกล้องรุ่นใหม่ๆ แต่ผมกลับพบว่าวิธีที่ได้ผลดีกว่าคือการเริ่มติดตามตัวแบบด้วย Zone AF หรือ Zone AF แบบยืดหยุ่น (ขึ้นอยู่กับรุ่นของกล้อง) ก่อนที่คุณจะถ่ายภาพ วิธีนี้จะช่วยให้เกิดการคลาดเคลื่อนน้อยลง

ในโหมด Zone AF/ Zone AF แบบยืดหยุ่น หากฟังก์ชั่นการติดตามตัวแบบถูกปิดใช้งาน กล้องจะจับโฟกัสที่ตัวแบบในพื้นที่ AF ที่กำหนดเท่านั้น (กรอบสีขาว) เมื่อคุณเริ่มโฟกัสอัตโนมัติหรือกดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง

หมายเหตุ: สำหรับ EOS R6 Mark II และกล้องรุ่นใหม่กว่า เมื่อ “Servo AF แบบติดตามทั่วพื้นที่” ถูกตั้งค่าไว้ที่ “เปิด” โฟกัสอาจเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่บนตัวแบบที่ตรวจพบนอกพื้นที่ Zone AF แบบยืดหยุ่น ดูข้อ 3)


เคล็ดลับระดับมือโปรข้อที่ 1: การตรวจจับตัวแบบจะทำได้ง่ายที่สุดเมื่อตัวแบบมีความเปรียบต่างตัดกับแบ็คกราวด์

ตัวแบบที่สามารถตรวจจับได้ง่ายจะเป็นตัวแบบที่ติดตามได้ง่ายเช่นกัน หากตัวแบบของคุณโดดเด่นออกมาจากแบ็คกราวด์เนื่องจากสีสันของตัวแบบหรือความเปรียบต่าง คุณมั่นใจได้เลยว่าจะสามารถติดตามตัวแบบได้แม่นยำกว่าหากเทียบกับสภาวะที่มีความเปรียบต่างน้อย

หาคำตอบว่า Zone AF แบบยืดหยุ่นมีประโยชน์อย่างไรต่อช่างภาพใต้น้ำ William Tan ได้ที่บทความ:
การถ่ายภาพชีวิตใต้ท้องทะเลลึกด้วย EOS R3: รีวิวตามภาพ

2. ตรวจสอบการตั้งค่าในการตรวจจับตัวแบบ

2. ตรวจสอบการตั้งค่าในการตรวจจับตัวแบบ

เมื่อไม่ใช้การตรวจจับตัวแบบ กล้องจะกำหนดตัวแบบที่ต้องการจับโฟกัสและติดตามโดยอาศัยข้อมูลจากบริบท เช่น องค์ประกอบภาพ สีสัน ความเปรียบต่าง และระยะห่างจากตัวกล้อง การตรวจจับตัวแบบ (การจดจำ) จะช่วยให้กล้องตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นว่าควรให้ความสำคัญกับวัตถุใด นอกจากนี้ ยังช่วยให้ติดตามตัวแบบที่มีการเคลื่อนไหวแบบคาดเดาไม่ได้หรือไม่แน่นอนได้แม่นยำขึ้น เช่น เด็กๆ หรือสัตว์ต่างๆ


ควรทราบว่ากล้องของคุณสามารถตรวจจับตัวแบบใดได้บ้างแล้วตั้งค่าให้เหมาะสม

กล้องรุ่นใหม่ๆ เช่น EOS R6 Mark II จะมีเมนู “เป้าหมายที่ตรวจจับ: อัตโนมัติ” ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นที่ดี เมื่อใช้การตั้งค่านี้ หากตรวจพบตัวแบบหลายตัวในเฟรม (เช่น ในฉากที่มีรถยนต์ คน และสุนัข) กล้องจะวิเคราะห์ข้อมูลจากบริบทและตัดสินใจว่าจะจับโฟกัสและติดตามตัวแบบใด

ในกล้องที่ไม่มีการตั้งค่า “อัตโนมัติ” คุณจะต้องเลือกชนิดของตัวแบบที่ต้องการตรวจจับ


อย่าลืมว่า:
- “คน” จะให้ความสำคัญกับคนก่อน
- “สัตว์” จะให้ความสำคัญกับสัตว์ก่อนแต่ก็ตรวจจับคนได้ด้วยเช่นกัน 
- “ยานพาหนะ” ให้ความสำคัญกับยานพาหนะในกีฬาแข่งรถ แต่ก็สามารถตรวจจับคนได้ด้วยเช่นกัน

ภาพโดย: Asuka Yano
นางแบบ: Aki Takada

People Priority

ในโหมด People Priority กล้องไม่ได้ตรวจจับและติดตามเฉพาะใบหน้าของมนุษย์เท่านั้น แต่รวมถึงศีรษะและลำตัวด้วย หากคุณเปิดใช้งานการตรวจจับดวงตา กล้องจะตรวจจับและติดตามดวงตาด้วยเช่นกัน
ในกล้องบางรุ่น เช่น EOS R7 กล้องจะมองหาใบหน้าและดวงตาก่อน หากไม่สามารถตรวจจับได้ กล้องจะมองหาลำตัวและศีรษะของตัวแบบแทน การตรวจจับศีรษะจะเกิดขึ้นที่ด้านหลังของศีรษะ รวมถึงใบหน้าที่ถูกปิดบังไปบางส่วน เช่น ในขณะที่ตัวแบบกำลังสวมหน้ากากครอบดวงตาหรือหน้ากากอนามัย กล้องรุ่นใหม่ที่ทันสมัยกว่าจะสามารถตรวจจับคนได้โดยการ “จับ” และระบุส่วนต่างๆ ของร่างกาย 

คุณสมบัตินี้ทำให้กล้องมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการถ่ายภาพเด็กๆ ที่กำลังวิ่งไปมา หรือแม้แต่นักกีฬาที่กำลังแข่งขัน!

 

ภาพโดย: Masayuki Oki

Animal Priority
ชนิดของสัตว์ที่สามารถตรวจจับได้จะขึ้นอยู่กับรุ่นของกล้อง กล้องส่วนใหญ่จะสามารถตรวจจับแมว สุนัข และนกได้เป็นอย่างน้อย ในขณะที่กล้องรุ่นอื่นๆ เช่น EOS R6 Mark II สามารถตรวจจับม้าได้ด้วย

เช่นเดียวกับการตรวจจับแบบ People Priority กล้องจะตรวจจับและติดตามดวงตา ใบหน้า และลำตัวของสัตว์ต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับใบหน้าด้านข้างได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเช่นกัน แม้ว่าสัตว์จะมีขนาดเล็กในเฟรมภาพ

ภาพโดย: Hirohiko Okugawa

Vehicle Priority
โหมดนี้จะใช้งานได้กับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในการแข่งขันเป็นส่วนใหญ่ แต่กล้องบางรุ่นก็สามารถตรวจจับรถไฟและเครื่องบินได้ด้วย

หากเปิดใช้งานการตรวจจับแบบจุดเล็ก กล้องจะสามารถตรวจจับพื้นที่ขนาดเล็กได้ เช่น หมวกกันน็อคของผู้ขี่มอเตอร์ไซค์


เคล็ดลับระดับมือโปร: กำหนดทางลัดในการเปลี่ยนตัวแบบที่ให้ความสำคัญ

การปรับแต่งนี้เป็นประโยชน์สำหรับฉากที่มีตัวแบบหลายตัว เช่น ในขณะที่คุณกำลังถ่ายภาพพอร์ตเทรตของคนพร้อมกับสัตว์เลี้ยง ใช้การปรับแต่งนี้กับฟังก์ชั่น “จำกัดเป้าหมายที่ตรวจจับ” ในเมนูสีชมพูเพื่อให้คุณมีตัวเลือกที่ต้องสลับไปมาน้อยลง

อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
ภาพพอร์ตเทรตสุนัข 3 ประเภทที่ถ่ายได้ด้วย Animal Detection AF
เทคนิคการถ่ายภาพกีฬาแข่งรถ (1): เทคนิคการแพนกล้อง

3. ปิดการติดตามตัวแบบทั่วพื้นที่หากจำเป็น

3. คำนึงถึงการติดตามตัวแบบทั่วพื้นที่

คุณสมบัตินี้จะมีความสำคัญยิ่งขึ้นหากคุณใช้โหมดพื้นที่ AF แทนโหมด AF ทั่วพื้นที่
หลังจากที่คุณพบตัวแบบที่ต้องการโฟกัสในขั้นแรกและเริ่มใช้ AF จนกระทั่งจุด AF สีฟ้าปรากฏขึ้นบนตัวแบบแล้ว คุณต้องการให้ฟังก์ชั่นตรวจจับตัวแบบทำงานอย่างไรหากตัวแบบเคลื่อนที่ออกไปนอกพื้นที่ AF ที่กำหนดไว้

การติดตามตัวแบบทั่วพื้นที่: เปิด

โดยการตั้งค่าเริ่มต้น กล้องจะติดตามตัวแบบไปทั่วทั้งพื้นที่ไม่ว่าการตั้งค่าพื้นที่ AF ของคุณจะเป็นแบบใดหากคุณยังกดปุ่มชัตเตอร์ (หรือปุ่มใดก็ตามที่คุณกำหนดให้เริ่มการทำงานของ AF) ค้างไว้

อย่างไรก็ตาม หากตัวแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้อีก แต่คุณยังคงกดปุ่มชัตเตอร์/AF ค้างไว้ กล้องจะมองหาตัวแบบจากทั่วทั้งเฟรมภาพ ซึ่งอาจไปโฟกัสบนตัวแบบอื่นๆ ที่อยู่นอกพื้นที่ AF ที่กำหนดไว้

การติดตามตัวแบบทั่วพื้นที่: ปิด

หากคุณปิดใช้งานการติดตามตัวแบบ/ การติดตามตัวแบบทั่วพื้นที่ กล้องจะไม่ติดตามตัวแบบหากเคลื่อนที่ไกลออกจากพื้นที่ AF มากเกินไป แต่จะค้นหาและล็อคตัวแบบอื่นที่อยู่ภายในหรือใกล้กับพื้นที่ AF แทน

ในบางสถานการณ์ การปิดใช้งานการติดตามตัวแบบอาจช่วยให้คุณถ่ายภาพได้ดีกว่า เช่น เมื่อคุณต้องการควบคุมพื้นที่ส่วนที่ AF ทำงานได้มากขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การถ่ายภาพและความชื่นชอบของคุณ รวมถึงความสามารถในการปรับแต่งของกล้องด้วย คุณอาจลอง:
- กำหนดปุ่มเพื่อเปิดและปิดการติดตามตัวแบบทั่วพื้นที่สลับกัน
- กำหนดปุ่มในการเปลี่ยนตำแหน่งโฟกัสไปยังตัวแบบที่ตรวจจับได้แม้จะอยู่นอกพื้นที่ AF ที่คุณกำหนดไว้

4. กำหนดค่า Eye Detection AF

4. เปิดใช้งาน Eye Detection AF ในการถ่ายภาพพอร์ตเทรต

กล้องบางรุ่นที่มี EOS iTR AF X (การติดตามวัตถุอัจฉริยะของ EOS และ AF ที่มีระบบจดจำ) ซึ่งรองรับ AF แบบใช้การเรียนรู้เชิงลึกจะสามารถตรวจจับดวงตาได้แม่นยำยิ่งขึ้นแม้ใบหน้าของตัวแบบจะอยู่ในเงามืดหรือกำลังหันข้าง คุณสมบัตินี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่มีระยะชัดตื้นมาก!

ภาพต้นฉบับถ่ายด้วย EOS R7 + RF85mm f/2 Macro IS STM ที่ f/2, 1/200 วินาที, ISO 100

ภาพครอปแบบโคลสอัพของภาพนี้ในขณะที่นางแบบกำลังหันข้างแสดงให้เห็นว่าดวงตาอยู่ในโฟกัสอย่างคมชัด


เคล็ดลับระดับมือโปร: คุณสามารถเลือกได้ว่าจะให้ความสำคัญกับดวงตาข้างใดในกล้องบางรุ่น

ในกล้องระดับสูง เช่น EOS R7 หรือ EOS R6 Mark II คุณสามารถตั้งค่าให้กล้องเลือกดวงตาข้างซ้ายหรือขวาก่อนได้

ในโหมด “ออโต้” กล้องจะวางกรอบการติดตามไว้บนดวงตาข้างที่อยู่ใกล้กับกล้องมากกว่า ถ้ามีการตรวจจับดวงตาอีกข้างด้วย คุณจะเห็นลูกศรถัดจากกรอบการติดตาม ใช้ปุ่ม 4 ทิศทางหรือ Multi-controller ในการเปลี่ยนดวงตาที่เลือก


ข้อควรรู้: การตรวจจับดวงตาจะทำงานได้เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นตรวจจับตัวแบบเท่านั้น

หากคุณเลือก “ไม่มี” ในเมนู “เป้าหมายที่ตรวจจับ” การตรวจจับดวงตาจะไม่ทำงานแม้จะเปิดใช้งานแล้วในเมนู AF

5. ปรับแต่งลักษณะเฉพาะของ Servo AF

5. ใช้ลักษณะเฉพาะของ Servo AF (เมนู AF2) เพื่อการควบคุมที่ละเอียดยิ่งขึ้น

ลักษณะเฉพาะของ Servo AF (การตั้งค่า Case ของ Servo AF) ช่วยให้คุณกำหนดค่าได้ว่าต้องการให้การติดตามทำงานอย่างไรเมื่ออีกวัตถุหนึ่งผ่านเข้ามาในจุด AF (“ความไวในการติดตาม”) หรือหากตัวแบบที่กำลังติดตามเปลี่ยนความเร็วอย่างกะทันหัน (“เพิ่ม/ลดความไวในการติดตาม”)


กล้องรุ่นใหม่จะมี Case ของ Servo AF 5 แบบ

- Case 1: การตั้งค่าแบบอเนกประสงค์ที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายและสามารถใช้กับตัวแบบที่กำลังเคลื่อนที่ได้เกือบทุกประเภท
- Case 2: สำหรับสถานการณ์ที่มักจะมีสิ่งกีดขวางปรากฏขึ้น หรือเมื่อตัวแบบมักจะเคลื่อนที่ห่างออกไปจากจุด AF (เช่น การเล่นเทนนิสหรือการเล่นสกีแบบฟรีสไตล์)
- Case 3: เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คุณต้องการจับโฟกัสบนตัวแบบที่ปรากฏเข้ามาในเฟรมภาพอย่างกะทันหันให้ได้ในทันที (เช่น เมื่อเริ่มต้นการแข่งขันจักรยานหรือการเล่นสกีบนเขา)
- Case 4: สำหรับตัวแบบที่มักจะเพิ่มหรือลดความเร็วอย่างคาดเดาไม่ได้ (เช่น กีฬาฟุตบอล การแข่งรถ บาสเกตบอล ยิมนาสติกลีลา)
- อัตโนมัติ: กล้องจะปรับการติดตามให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับการเคลื่อนไหวของตัวแบบโดยอัตโนมัติ

การเปลี่ยน Case ของ Servo AF จะทำให้พฤติกรรมการติดตามเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ส่วนใหญ่แล้ว Case 1 หรือแบบอัตโนมัติน่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน แต่สำหรับในบางฉาก หรือหากคุณต้องการควบคุมพฤติกรรมการติดตามได้มากขึ้น คุณอาจลองใช้ Case ต่างๆ กันหรือปรับค่าพารามิเตอร์ได้ 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
นกโผบิน: การตั้งค่ากล้องเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการถ่ายภาพ

 

เคล็ดลับพิเศษ: ใช้ประโยชน์จากปุ่มที่คุณสามารถกำหนดได้ให้เต็มที่

หากคุณเป็นคนที่มักจะใช้โหมดหรือการตั้งค่า AF หลายแบบสลับกันไปมา โปรดดูคู่มือการใช้กล้องของคุณหรือลองศึกษารายการ “ปรับแต่งปุ่ม” ในเมนูสีส้มดู คุณอาจพบข้อมูลบางอย่างที่ช่วยให้คุณสลับโหมด AF ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว ซึ่งเราได้แสดงตัวอย่างไปบ้างแล้วในบทความนี้

คุณได้กำหนดทางลัดให้กับปุ่มต่างๆ บนกล้องของคุณแล้วหรือยัง เล่าให้เราฟังได้ในช่องความคิดเห็นด้านล่าง!

 

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติและการตั้งค่าต่างๆ ของกล้องได้ที่:
ช่างภาพ 7 คนจะมาเล่าถึง: การตั้งค่าโฟกัสอัตโนมัติและโหมดขับเคลื่อนที่สลับใช้ตามฉากนั้นๆ
เผยโฉมคุณสมบัติ AF ของกล้อง EOS R3
การตั้งค่ากล้อง 7 แบบที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้ราบรื่นขึ้นแต่มักถูกมองข้าม
5 การตั้งค่าพื้นฐานของกล้อง EOS R5/ EOS R6 ที่ปรับแต่งได้ตามต้องการตั้งแต่ต้น

เกี่ยวกับผู้เขียน

Digital Camera Magazine

นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation

Yuta Murakami

Murakami เกิดที่ชิมบาชิ โตเกียว ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของระบบรถไฟในประเทศญี่ปุ่น เขาเกิดในปี 1987 จึงมีอายุเท่ากันกับการรถไฟของญี่ปุ่นและระบบกล้อง EOS เขาเป็นช่างภาพมาตั้งแต่สมัยยังเรียนมัธยมปลายและมักจะเข้าร่วมการประกวดถ่ายภาพในระดับนักเรียนอยู่เสมอ Murakami จบการศึกษาในสาขาการถ่ายภาพจากมหาวิทยาลัย Nihon University College of Art เขาชื่นชอบการนั่งรถไฟไม่ต่างไปจากการถ่ายภาพรถaiVietnameseTraditional Chinese ไฟ และมักจะถ่ายภาพรถไฟในขณะที่เดินทางด้วยรถไฟ

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา