PowerShot G5 X Mark II ใหม่ เปิดตัวหลังกล้องรุ่นก่อนหน้านี้สี่ปี พร้อมด้วยการพัฒนาในหลายด้าน รวมทั้งเซนเซอร์ภาพแบบซ้อนกันรุ่นใหม่เอี่ยม ในส่วนความสามารถของกล้องนั้น ช่างภาพมืออาชีพท่านหนึ่งได้นำกล้องไปลองใช้และมาบอกเล่าความประทับใจของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง EVF แบบป็อปอัพและคุณภาพของภาพอันน่าทึ่ง  (เรื่องโดย Masatsugu Korikawa, Digital Camera Magazine) 

 

มาพร้อมการปรับปรุงใหม่มากมาย เรียกได้ว่าแทบไม่เหลือเค้าเดิม

ประโยคด้านบนแทนความรู้สึกของผมที่มีต่อกล้อง PowerShot G5 X Mark II ซึ่งเปิดตัวถัดจากกล้องรุ่นก่อนหน้าอย่าง PowerShot G5 X ถึง 4 ปี

อันดับแรกคือ เลนส์มีระยะเทเลโฟโต้ที่ยาวขึ้น คือ 120 มม. ในเงื่อนไขที่เทียบเท่ากับฟูลเฟรม ซึ่งต่างกับรุ่นก่อนหน้าที่ยาว 100 มม. ระยะที่ยาวขึ้น 20 มม. อาจดูไม่มากนัก แต่ก็ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากในเอฟเฟ็กต์การบีบมุมมองภาพ

อีกทั้งมีการอัปเกรดระบบประมวลผลภาพเป็น DIGIC 8 ซึ่งให้คุณภาพของภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำงานร่วมกับเซนเซอร์ภาพแบบซ้อนกันขนาด 1.0 นิ้ว (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)

นอกจากนี้ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือ ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์แบบป็อปอัพ (EVF) ซึ่งทำให้กล้องดูโฉบเฉี่ยวยิ่งกว่าที่เคย กล้องรุ่นก่อนหน้าเปรียบเหมือนกล้อง DSLR ย่อส่วน แต่ PowerShot G5 X Mark II มีสไตล์เรียบหรู ซึ่งบางคนอาจกล่าวว่าเป็น “กล้องคอมแพคระดับพรีเมียมในฝัน” เมื่อไม่ใช้งาน สามารถพับเก็บ EVF ลงไปในตัวกล้องได้ จึงไม่มีชิ้นส่วนใดยื่นออกมา และใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงได้อย่างง่ายดาย

คุณภาพของภาพ: พูดได้คำเดียวคือ “โดดเด่น”

คุณภาพของภาพนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อกล้อง และพูดได้คำเดียวว่า คุณภาพของภาพจาก PowerShot G5 X Mark II นั้น “โดดเด่น”

ภาพที่ถ่ายด้วยรูรับแสงกว้างสุดที่ระยะมุมกว้าง (f/1.8 ที่ 24 มม. เทียบเท่าฟูลเฟรม) นั้นคมชัดมาก และไม่พบเงาแปลกปลอมหรือปัญหาคุณภาพของภาพด้อยลงที่บริเวณขอบภาพ

ส่วนภาพที่ถ่ายด้วยระยะเทเลโฟโต้ (120 มม. เทียบเท่าฟูลเฟรม) ก็ยังมีความคมชัดที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน ซึ่งนับว่าดีกว่าที่คุณจะได้จากเลนส์ซูมสำหรับกล้องคอมแพคโดยทั่วไปอยู่มาก เมื่อใช้รูรับแสงกว้างสุดที่ทางยาวโฟกัสดังกล่าว (f/2.8) จะทำให้ได้โบเก้ที่นุ่มนวลและสวยงาม 

ที่ระยะมุมกว้างจะมีความบิดเบี้ยวแบบโป่งออกเล็กน้อย แต่อยู่ในระดับที่น้อยมากจบแทบไม่สังเกตเห็น และยังแทบไม่มีปัญหาแสงน้อยลงบริเวณขอบภาพ (ขอบมืด) 

คุณภาพอันยอดเยี่ยมเช่นนี้อาจเป็นผลมาจากเทคโนโลยีการประมวลผลภาพที่ใช้ในตัวกล้อง ผู้ใช้อย่างเราจึงได้ประโยชน์อย่างเต็มที่

เรียนรู้เกี่ยวกับความคลาดแบบต่างๆ และวิธีการแก้ไขได้ในบทความต่อไปนี้ เคล็ดลับ: มีคุณสมบัติ Digital Lens Optimizer ที่ใช้ได้กับซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional

EOS 5D Mark IV: การแก้ไขความคลาดของเลนส์ - วิเคราะห์เจาะลึก (ตอนที่ 1, ตอนที่ 2)

…แต่คุณอาจจะอยากพกแบตเตอรี่สำรองติดตัวไว้บ้าง

ปัญหาข้อหนึ่งที่ผมพบคือ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ เนื่องจากแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงหลังจากใช้ถ่ายภาพไปได้ครึ่งวัน แต่หากมีแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่านี้ ตัวกล้องก็จะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ผู้ที่ต้องการถ่ายภาพเป็นจำนวนมากตลอดวันจึงควรพกแบตเตอรี่สำรองติดตัวไว้

 

โดยสรุป:  กล้องจิ๋วแต่แจ๋วรุ่นนี้ที่มีความสามารถเกินตัว

อย่าหลงกลว่ากล้องตัวนี้มีดีแค่ขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา เพราะแม้ว่าจะใช้เป็นกล้องสำรองเพื่อถ่ายภาพสแนปช็อตง่ายๆ ได้ดี แต่่กล้องรุ่นนี้ยังให้คุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยมแทบจะเทียบเท่ากับกล้องฟูลเฟรมเลยทีเดียว ที่จริงแล้ว ผมอยากจะเรียกมันว่า กล้องจิ๋วแต่แจ๋วที่มีความสามารถเกินตัว

 

คุณสมบัติที่โดดเด่นสามข้อ

1. EVF แบบป๊อปอัพ

EVF จะถูกพับเก็บลงในตัวกล้อง หากต้องการใช้งาน คุณจะต้องเลื่อนสวิตช์เพื่อให้ EVF โผล่ออกมา จากนั้นจึงดึงเข้าหาตัว ภาพที่เห็นจะมีความสว่างและคมชัด และจะมีประโยชน์เป็นพิเศษสำหรับการถ่ายภาพในวันที่มีแสงแดดจ้า ซึ่งมองเห็น Live View จากหน้าจอด้านหลังได้ยาก 

2. ถ่ายภาพโคลสอัพที่มีโบเก้ได้สวยงาม

ระยะโฟกัสใกล้สุดเมื่อคำนวณจากปลายเลนส์คือ 5 ซม. จากระยะมุมกว้างและ 20 ซม. จากระยะเทเลโฟโต้ ซึ่งทำให้คุณเข้าใกล้ตัวแบบได้มาก

เคล็ดลับ:  หากต้องการเบลอแบ็คกราวด์ในภาพโคลสอัพของดอกไม้หรือตัวแบบขนาดเล็กอื่นๆ ได้อย่างสวยงาม ให้ถ่ายจากระยะ 20 ซม. ด้วยระยะเทเลโฟโต้

3. ภาพคมชัดแม้ใช้เลนส์ซูม 5 เท่า

คุณภาพของภาพบริเวณขอบยังคงมีความคมชัดตลอดจนถึงรูรับแสงกว้างสุดที่ (f/1.8) และแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้คุณจะใช้รูรับแสงที่แคบลง

 

ภาพตัวอย่าง

PowerShot G5 X Mark II/ FL: 8.8 มม. (เทียบเท่า 24 มม.)/ Aperture-priority AE (f/3.2, 1/500 วินาที, EV±0)/ ISO 125

ท่าเรือยอชต์ที่เนงิชิ เมืองโยโกฮาม่าในวันที่มีอากาศดีในฤดูร้อน ภาพนี้ถ่ายที่ 24 มม. ของระยะมุมกว้าง และมีความคมชัดบริเวณขอบภาพที่น่าทึ่ง ลายเส้นขององค์ประกอบต่างๆ ที่อยู่ตรงขอบภาพยังคงมีความสมบูรณ์ และไม่มีขอบมืดปรากฏอยู่

 

PowerShot G5 X Mark II/ FL: 44 มม. (เทียบเท่า 120 มม.)/ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/800 วินาที, EV±0)/ ISO 125

ช่อดอกอะกาแพนทัส ชื่อ “อะกาแพนทัส” (Agapanthus) แปลได้คร่าวๆ ว่า “ดอกไม้แห่งความรัก” แต่ภาพนี้ถูกถ่ายหลังจากผ่านเวลาดอกไม้บานในช่วงต้นฤดูร้อนมาแล้ว จึงดูเหมือนกับว่าความรักเริ่มแห้งเหี่ยวลง! จะเห็นว่าภาพนี้ ซึ่งถ่ายที่ระยะเทเลโฟโต้ก็มีความคมชัดเช่นกัน แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ บนเกสรก็ยังถูกบันทึกไว้ได้อย่างชัดเจน

 

PowerShot G5 X Mark II/ FL: 11 มม. (เทียบเท่า 30 มม.)/ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/60 วินาที, EV-1.0)/ ISO 12800

ภาพนี้ถ่ายที่ความไวแสง ISO 12,800 เมื่อถ่ายภาพตอนกลางคืนในสถานที่ที่ค่อนข้างมืด การเพิ่มความไวแสง ISO ถึงระดับนี้จะช่วยให้คุณใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดภาพเบลอจากกรณีที่กล้องสั่นไหว อาจมีจุดรบกวนอยู่บ้าง แต่ภาพก็ยังมีคุณภาพที่ใช้งานได้ ส่วนเม็ดเกรนก็เข้ากันได้ดีกับฉากนี้ เนื่องจากสื่ออารมณ์ภาพที่ดูหยาบและเป็นธรรมชาติ

 

PowerShot G5 X Mark II/ FL: 44 มม. (เทียบเท่า 120 มม.)/ Aperture-priority AE (f/4, 1/500 วินาที, EV-0.3)/ ISO 125

ภาพนี้เป็นภาพเรือพิพิธภัณฑ์ “นิปปอน มารุ” จอดเทียบท่าเรือโอซันบาชิ ซึ่งถ่ายจากดาดฟ้าของสำนักงานจังหวัดคานางะวะ ระยะเทเลโฟโต้ 120 มม. ช่วยบีบมุมมองภาพจนเกิดเป็นองค์ประกอบภาพที่มีความสมดุลพอดี

 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้อง PowerShot ซีรีย์ G ได้ที่:
PowerShot G Series: ถ่ายภาพสวยคมชัดได้ง่ายดาย

หากการเดินทางในสายการถ่ายภาพของคุณเพิ่งเริ่มต้นขึ้น หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้กล้องขั้นพื้นฐาน เช่น รูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ รูปแบบภาพ และสมดุลแสงขาวได้ที่:
จุดโฟกัส: พื้นฐานเกี่ยวกับกล้อง 

หรืออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดองค์ประกอบภาพที่:
พื้นฐานการจัดองค์ประกอบภาพ: การจัดเฟรมภาพ ระดับแนวนอน และระดับแนวตั้ง

 

---

---