ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

เคล็ดลับและบทเรียน >> เคล็ดลับและบทเรียนทั้งหมด In Focus: EOS R- Part10

3 เคล็ดลับเพื่อยกระดับการถ่ายทอดเรื่องราวในงานแต่งงาน (และเหตุผลที่ EOS R ช่วยคุณได้)

2019-01-28
4
2.85 k
ในบทความนี้:

การถ่ายภาพงานแต่งงานเป็นสิ่งท้าทาย เพราะมีตัวแปรที่คาดเดาไม่ได้หลายอย่าง ตั้งแต่สภาพอากาศและสถานที่ไปจนถึงการเคลื่อนไหวของคน แม้แต่ช่างภาพที่เตรียมตัวมาอย่างดีที่สุดยังต้องตัดสินใจหลายเรื่องเฉพาะหน้า ซึ่งอาจทำให้ภาพออกมาดูดีหรือแย่ก็ได้ แม้คุณควบคุมทุกสิ่งไม่ได้ดังใจนึก แต่การเข้าใจเทคนิคอย่างถูกต้องสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการถ่ายภาพที่ถ่ายทอดเรื่องราวน่าสนใจได้ Roberto Valenzuela ช่างภาพงานแต่งงานมือรางวัลระดับนานาชาติและ Canon Explorer of Light จะมาให้คำแนะนำแก่เรา (ภาพโดย: Roberto Valenzuela)

ภาพแบนเนอร์การถ่ายภาพงานแต่งงานด้วย EOS R ของ Roberto Valenzuela

 

1. คิดอย่างนักถ่ายทำภาพยนตร์

เมื่อคุณถ่ายภาพหนึ่งภาพ ภาพนั้นจะเก็บบันทึกช่วงเวลาหนึ่งเอาไว้ อย่างไรก็ดี ช่วงเวลานั้นๆ ไม่จำเป็นต้องแสดงบริบทหรือเบื้องหลังความเป็นมาอย่างเพียงพอเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว

Roberto เล่าว่า เทคนิคหนึ่งที่ใช้ได้ผลดีสำหรับตัวเขาเองและช่วยให้เขากลายเป็นนักเล่าเรื่องด้วยภาพที่ยอดเยี่ยมคือ การคิดอย่างช่างภาพวิดีโอหรือนักถ่ายทำภาพยนตร์ และการจัดการฉากแต่ละฉากเหมือนเป็นลำดับเนื้อเรื่อง

เราจะเห็นเทคนิคดังกล่าวได้ตามลำดับต่อไปนี้

1)

เจ้าบ่าวกำลังยืนรอเจ้าสาว

2)

เจ้าสาวเดินลงบันได
 

3)

เจ้าสาวเดินเข้าไปหาเจ้าบ่าว (โฟกัสที่เจ้าสาว)

4)

เจ้าสาวเดินเข้าไปหาเจ้าบ่าว (โฟกัสที่เจ้าบ่าว)
 

5)

เจ้าสาวเริ่มสวมกอดเจ้าบ่าว

6)

เจ้าสาวกอดเจ้าบ่าว
 

7)

เจ้าบ่าวกอดเจ้าสาว

8)

เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวจับมือและมองตากัน
 

ภาพทุกภาพ: EOS R/ RF28-70mm f/2L USM/ Manual exposure (f/3.2, 1/250 วินาที, EV±0)

1) เจ้าบ่าวมองออกไปนอกระเบียงพลางครุ่นคิดบางอย่าง กำลังรออยู่ใช่ไหม
2) เจ้าสาวเดินลงบันไดมาพร้อมกับเพื่อนเจ้าสาว ในฐานะผู้ชม เราคาดว่า เราทราบว่าเขาทั้งสองอยู่ในสถานที่เดียวกันและต่างรอคอยที่จะได้พบกัน
3) ภาพระยะใกล้ที่จับโฟกัสไปที่เจ้าสาว เราสามารถจินตนาการได้ว่าเจ้าสาวหยุดรอเล็กน้อยก่อนที่จะไปพบกับเจ้าบ่าว
4) ภาพระยะใกล้ซึ่งครั้งนี้จับโฟกัสไปที่เจ้าบ่าว
5) เจ้าสาวดึงเจ้าบ่าวจากด้านหลัง…
6) …เพื่อสวมกอด ทั้งสองยิ้มเขินๆ อย่างมีความสุข
7) เจ้าบ่าวหันมาและสวมกอดเช่นกัน
8) ทั้งคู่ผละออกจากกันและมองตากันด้วยความรัก หากนี่เป็นภาพยนตร์ก็จะทำให้คุณนึกถึงเทคนิคการเลื่อนภาพออกนั่นเอง

ฉากที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้พบกัน (gif)

 

เคล็ดลับพิเศษ 1: ใช้เลนส์ซูมที่สามารถใช้งานได้ครอบคลุมและมีรูรับแสงกว้างสุดขนาดใหญ่

ในการเก็บภาพเป็นลำดับต่อเนื่องกันไปนั้น เลนส์ซูมที่ครอบคลุมช่วงทางยาวโฟกัสที่หลากหลายช่วยคุณได้มาก เพราะสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ถ่ายภาพระยะใกล้ไปจนถึงมุมกว้างโดยไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์ นอกจากนี้ การมีรูรับแสงกว้างสุดขนาดใหญ่ยังมีข้อดีที่สำคัญคือ เหมาะกับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตและยังสามารถใช้สร้างเอฟเฟกต์ระยะชัดลึกที่ตื้น (โบเก้) เพื่อดึงความสนใจของผู้ชมไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งของฉากได้ ซึ่งจริงๆ แล้วก็คล้ายกับการสร้างเอฟเฟ็กต์แบบ Racking Focus ในการถ่ายทำภาพยนตร์นั่นเอง

Roberto ถ่ายฉากทั้งหมดด้วยกล้อง EOS R ที่มาพร้อมเลนส์ RF28-70mm f/2L USM ซึ่งให้รูรับแสงกว้างที่สุดรุ่นหนึ่งในเลนส์ซูมมาตรฐาน เพียงเปิดใช้งานคุณสมบัติการครอป 1.6 เท่าของกล้อง คุณก็สามารถใช้ช่วงทางยาวโฟกัสได้ถึง 112 มม. นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าโปรแกรมวงแหวนควบคุมที่กำหนดเองได้เพื่อควบคุมการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ความไวแสง ISO หรือการชดเชยแสง

ด้วยความอเนกประสงค์ระดับนี้ จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไม Roberto จึงยกให้เลนส์รุ่นนี้เป็นเลนส์ที่เหมาะกับการถ่ายภาพงานแต่งงานอย่างยิ่ง

 

2. สิ่งหนึ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญคือ การโพสท่า

“คุณอาจไม่ได้เป็นช่างภาพหรือศิลปิน และอาจบอกข้อแตกต่างระหว่างแสงสวยๆ แสงธรรมดา หรือแสงแย่ๆ ไม่ได้ แต่ถ้าคุณดูแย่ในภาพถ่ายแล้วล่ะก็ คุณจะรู้ทันที” Roberto ให้ข้อสังเกต ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเชื่อว่าการโพสท่าเป็นทักษะทางเทคนิคที่สำคัญที่สุดในการถ่ายภาพงานแต่งงาน “คุณอาจถ่ายภาพตัวแบบในแสงที่สวยที่สุด แต่ถ้าคนพวกนั้นยืนหลังค่อม พวกเขาจะไม่ชอบ (ภาพนั้น) แน่”

 

ศิลปะแห่ง "การโพสเหมือนไม่ได้โพส"

Roberto รู้สึกว่าความคิดเรื่อง “การโพสท่า” มักจะมีนัยเชิงลบ เนื่องจากคนเรามักนึกถึงอิริยาบถของร่างกายที่ดูเก้งก้าง แข็งทื่อ และไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งช่างภาพเป็นคนจัดท่าทาง อย่างไรก็ดี หากใช้เวลาฝึกฝนเทคนิคการโพสท่า ช่างภาพจะสามารถสั่งสมทักษะ “การโพสท่าที่ดูเหมือนไม่ได้โพส” จนสามารถจัดท่าทางการโพสที่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติได้โดยไม่ต้องพยายามและดูเหมือนพฤติกรรมของคนตามปกติ

Roberto มีระบบการโพสท่าที่ประกอบด้วยเทคนิคห้าประการ ซึ่งไม่สามารถนำมากล่าวในบทความนี้ได้ทั้งหมด เพราะเขาเขียนหนังสือขึ้นมาหนึ่งเล่มเกี่ยวกับเทคนิคเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ในสองตัวอย่างดังต่อไปนี้ คุณจะเห็นว่าการโพสท่าและการกำกับตัวแบบช่วยให้เขาถ่ายภาพพอร์ตเทรตงานแต่งงานออกมาดูเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องพยายามได้อย่างไร

 

1) การโพสท่าแบบไม่มองกล้องอย่างมีสไตล์

ภาพพอร์ตเทรตงานแต่งงานขณะเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนอยู่บนบันได

EOS R/ EF70-200mm f/2.8L IS II USM/ FL: 90 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/60 วินาที, EV±0)/ ISO 200/ WB: อัตโนมัติ
เมาท์อะแดปเตอร์: เมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R กับฟิลเตอร์ ND แบบปรับได้

 

แสดงภาพตำแหน่งของจมูก (ทฤษฎีเส้นตัว X)

เมื่อถ่ายภาพคู่บ่าวสาว เทคนิคหนึ่งที่จะทำให้ตำแหน่งของใบหน้าดูน่ามองคือ การวาดเส้นสมมติจากปลายจมูกของตัวแบบและจัดมุมใบหน้าของตัวแบบให้เส้นเหล่านี้ตัดกันเป็นรูปตัว ‘X’ สำหรับภาพลักษณะนี้ Roberto มักบอกให้คู่บ่าวสาวมองไปยังตำแหน่งที่กำหนดและตรึงสายตาไว้ ณ จุดนั้น ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรหรือทั้งสองจะมีปฏิกิริยาใดก็ตาม ซึ่งวิธีนี้ยังช่วยให้ได้มุมใบหน้าที่ถูกต้องด้วย จากนั้น Roberto จะใช้การกระตุ้นด้วยคำพูด ซึ่งหากพูดด้วยความกระตือรือร้นในระดับที่พอเหมาะ จะเรียกปฏิกิริยาจากคู่บ่าวสาว ซึ่งเมื่อรวมกับสายตาที่ตรึงไว้กับที่แล้ว จะทำให้ได้ภาพที่ดูเหมือนภาพทีเผลอและไม่ได้โพสท่า

 

2) การโพสท่าแบบมองกันอย่างมีสไตล์

เจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าสาวในชุดเสื้อคลุมลายดอกไม้

EOS R/ RF28-70mm f/2L USM/ FL: 58 มม./ Manual exposure (f/4.5, 1/160 วินาที, EV±0)/ ISO 800/ WB: อัตโนมัติ

เส้นนำสายตา

ในการสร้างความรู้สึกสนุกสนานแบบไม่ตั้งใจเช่นในภาพนี้ Roberto จัดตำแหน่งตัวแบบอย่างหลวมๆ โดยให้ภาพมีความหลากหลายเพียงพอ เพื่อไม่ให้ตัวแบบแต่ละคนโพสท่าเดียวกันหรือเลียนแบบกัน “ถ้าสมบูรณ์แบบเกินไป ภาพก็ดูเหมือนโพสท่ามากไป ความไม่สมบูรณ์แบบในระดับที่พอเหมาะคือหัวใจสำคัญ” ดังเช่นในภาพนี้ Roberto ขอให้เจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวมองรูจมูกของกันและกัน โดยแทบไม่ได้ให้สัญญาณเตือนก่อนถ่ายภาพ ซึ่งยิ่งพวกเขามองรูจมูกมากเท่าไหร่ ภาพถ่ายก็ยิ่งสวยเท่านั้น คำขอแปลกๆ กับความใกล้กันส่งผลให้ตัวแบบต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและมีสีหน้าท่าทางที่เป็นธรรมชาติอย่างมาก ดังที่คุณเห็นในภาพ นอกจากนี้ วิธีนี้ยังนำสายตาของตัวแบบได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทุกคนจึงอยู่ในสายตาของตัวแบบอีกอย่างน้อยหนึ่งคน (ดูลูกศร) ซึ่งสื่อถึงมิตรภาพอันดี

เคล็ดลับระดับมือโปร: แม้ว่าเป็นเรื่องน่าพอใจที่ตัวแบบของคุณมีปฏิกิริยาที่ดีต่อเส้นนำสายตาที่คุณใช้ในการสร้างเสียงหัวเราะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณควรใช้วิธีนี้ซ้ำๆ กับลูกค้าทุกคน Roberto ให้ข้อสังเกตว่า “ลูกค้าจะรู้สึกได้เมื่อช่างภาพนำเทคนิคเดิมมาใช้ซ้ำๆ ซึ่งจะทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายภาพแบบสำเร็จรูป ซึ่งไม่ไช่เรื่องดีเลย” Roberto จึงพยายามอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงวิธีการเดิมๆ “ลูกค้าอยากรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่น”

 

เคล็ดลับพิเศษ 2: ปฏิสัมพันธ์แบบต่อหน้ากับตัวแบบ

เมื่อคุณจัดและกำกับท่าทางของตัวแบบ การพูดคุยกับตัวแบบจะช่วยให้ได้ภาพถ่ายที่ดีขึ้น ซึ่งคงเป็นเรื่องยากหากคุณเอาแต่มองกล้องขณะจับโฟกัสและปรับองค์ประกอบภาพ Roberto ชื่นชอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมของ AF ในกล้อง EOS R เพราะเขาไม่จำเป็นต้องมองกล้องตลอดเวลา และแม้จะใช้ค่า f/2.0 เขายังสามารถไว้ใจในคุณสมบัติการติดตามใบหน้าและตรวจจับดวงตาของกล้องที่ช่วยจับและรักษาโฟกัสไว้ที่ตัวแบบได้เป็นอย่างดี แม้ขณะที่เขากำลังสื่อสารกับตัวแบบก็ตาม

 

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับการโพสท่าที่อาจช่วยได้:
เทคนิคการโพสท่าและจัดท่าทางให้ตัวแบบในการถ่ายภาพพอร์ตเทรต
3 เทคนิคน่ารู้จากนางแบบมืออาชีพ

 

3. ฟิลเตอร์ Neutral Density สร้างความมหัศจรรย์ให้ภาพถ่ายของคุณได้

ในการเป็นช่างภาพที่ประสบความสำเร็จนั้น คุณจำเป็นต้องมีผลงานที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร Roberto เล่าว่า เคล็ดลับหนึ่งที่ช่วยให้เขาได้ภาพที่แตกต่างจากช่างภาพคนอื่นๆ คือการใช้ฟิลเตอร์ Neutral Density (ND)

สิ่งที่เขาทำเป็นประจำคือ การใช้ฟิลเตอร์ ND ที่ช่วยให้เขาสามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ช้ากว่าปกติประมาณ 3 สต็อป ซึ่งวิธีนี้ช่วย “ขจัด” แสงและสร้างบรรยากาศที่ขุ่นมัว จากนั้นจึงชดเชยแสงที่หายไปบนตัวแบบโดยใช้แฟลช เช่น Speedlite 600EX RT-II เพื่อทำให้ตัวแบบสว่างขึ้น ผลที่ได้คือ การจัดแสงที่สร้างเอฟเฟ็กต์เป็นธรรมชาติแต่เหมือนฉากในภาพยนตร์พร้อมสีสันที่สดใสยิ่งขึ้น ซึ่งอาศัยความเร็วชัตเตอร์ที่ช้าลง

ภาพเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวในไร่องุ่น ถ่ายโดยใช้เมาท์อะแดปเตอร์ที่มีฟิลเตอร์ ND แบบ Drop-in

EOS R/ EF70-200mm f/2.8L IS II USM/ FL: 120 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/1250 วินาที, EV±0)/ ISO 400/ WB: อัตโนมัติ
เมาท์อะแดปเตอร์: เมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R กับฟิลเตอร์ ND แบบปรับได้

การใช้ฟิลเตอร์ ND แบบปรับได้พร้อมกับแฟลชเสริมช่วยให้ Roberto สามารถจับภาพโทนสีทองสว่างสดใสของใบไม้ในภาพพอร์ตเทรตในไร่องุ่นภาพนี้ พร้อมกับสร้างความรู้สึกมหัศจรรย์ราวกับต้องมนต์ โดยปกติ เขามักใช้ฟิลเตอร์ 20-30 ND ในกระเป๋าติดเข้ากับเลนส์ทุกชนิดที่มี แต่เมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R กับฟิลเตอร์ ND แบบปรับได้ ช่วยให้เขาสามารถหมุนวงแหวนเพื่อลดปริมาณแสงลงมาที่ความเร็วชัตเตอร์ระหว่าง 1.5 ถึง 9 สต็อป ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว เช่น ภาพงานแต่งงานนี้ซึ่งคู่บ่าวสาวอายกล้องมากๆ

 

คุณทราบหรือไม่ว่าฟิลเตอร์ ND มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมปริมาณแสงในการถ่ายภาพวิดีโอระดับมืออาชีพ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความนี้:
4 สิ่งที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับวิดีโอ 4K ในกล้อง EOS R

 

เคล็ดลับพิเศษ 3: สร้างประกายในดวงตาของตัวแบบ

การสร้างประกายในบริเวณดวงตานั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถ่ายภาพในแสงธรรมชาติ เนื่องจากดวงตาอยู่ในเบ้าตา ดังนั้นแสงที่ส่องมาในแนวตั้ง เช่น แสงแดด อาจถูกโหนกคิ้วบดบังและเกิดเงา หากต้องการทำให้เบ้าตาดูสว่างขึ้น Roberto แนะนำให้ใช้แฟลชเพื่อให้แสงในแนวนอน พร้อมกับใช้ตัวกระจายแสงเพื่อให้ภาพดูนุ่มนวลขึ้น

การทำให้แสงเข้าสู่ดวงตาในแนวนอน

สำหรับการเตรียมถ่ายภาพในลักษณะนี้อย่างง่ายๆ ให้ใช้กล่องแปดเหลี่ยมขนาดกลางหรือ Beauty dish ติดเข้ากับก้านบูมที่มีแฟลชหนึ่งหรือสองตัวอยู่ด้านใน อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้สร้างสรรค์ภาพได้ยืดหยุ่นมากขึ้นคือ การใช้แฟลชตัวเดียวและตัวกระจายแสงขนาดใหญ่แบบยุบตัวได้ที่มีด้ามจับ ซึ่งการขยับแฟลชเข้าไปใกล้หรือออกห่างจากตัวกระจายแสงนั้นจะช่วยสร้างลุคที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม วิธีนี้จัดการได้ยากด้วยตัวเองคนเดียว เนื่องจากคุณจะต้องใช้มือข้างหนึ่งถือแฟลชและมืออีกข้างถือตัวกระจายแสง

 


รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT

ลงทะเบียนตอนนี้!

เกี่ยวกับผู้เขียน

Roberto Valenzuela

นอกจากจะได้รับการสนับสนุนจาก Canon USA และเป็นสมาชิกในโปรแกรม Canon Explorer of Light แล้ว Roberto ยังได้รับรางวัลในระดับนานาชาติมากว่า 100 รางวัลจากการถ่ายภาพงานแต่งงานและภาพพอร์ตเทรต เขาเป็นที่ยอมรับในวงการว่าเป็นหนึ่งในสิบช่างภาพและนักสอนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเขียนที่มียอดขายอันดับหนึ่ง และหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพและการถ่ายภาพงานแต่งงานของเขา เช่น Picture Perfect Practice และ Wedding Storyteller Volume 1 นั้นมีจำหน่ายทั่วโลกและได้รับการแปลเป็นหลายภาษา

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา