ด้วยความสามารถรอบด้านและครอบคลุมช่วงโฟกัสหลากหลาย เลนส์ซูมมาตรฐานและเลนส์ซูเปอร์ซูมจึงเป็นเลนส์ที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับช่างภาพมือใหม่ มาดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติพิเศษของเลนส์เหล่านี้กัน

EOS R8 + RF28-70mm f/2.8 IS STM ที่ 70 มม., f/5.6, 1/800 วินาที, ISO 100

 

คุณลักษณะของเลนส์ซูมมาตรฐานและเลนส์ซูเปอร์ซูม

1. ครอบคลุมระยะ 50 มม. (เทียบเท่าฟูลเฟรม) ที่จุดใดจุดหนึ่งภายในช่วงโฟกัสของเลนส์
2. เลนส์ซูเปอร์ซูมคือเลนส์ซูมมาตรฐานที่มี “กำลังการซูม” มากกว่า
3. ความสามารถรอบด้านทำให้ถ่ายภาพได้หลากหลายประเภทในฉากเกือบทุกแบบ

 

เลนส์ซูมมาตรฐานคืออะไร เลนส์ซูเปอร์ซูมคืออะไร

ก่อนหน้านี้เราได้ทำความรู้จักกับเลนส์ซูมกันไปแล้ว รวมถึงได้ทราบว่าเลนส์ซูมแตกต่างจากเลนส์เดี่ยวอย่างไร เลนส์ซูมมาตรฐานและเลนส์ซูเปอร์ซูมคือเลนส์ซูมสองประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุด

เลนส์ซูมมาตรฐานคือเลนส์ซูมที่มีระยะครอบคลุม 50 มม. (ทางยาวโฟกัส “มาตรฐาน”) กว้างกว่านี้เล็กน้อย (มุมกว้าง) และแคบกว่านี้เล็กน้อย (เทเลโฟโต้ระยะกลาง/เทเลโฟโต้) ช่วงโฟกัสของเลนส์ซูมมาตรฐานคลาสสิกบางรุ่นจะอยู่ที่ 24-70 มม., 28-70 มม. และ 24-105 มม. สำหรับกล้องฟูลเฟรม และ 18-45 มม. สำหรับกล้อง APS-C

เลนส์ซูเปอร์ซูมก็เหมือนกับเลนส์ซูมมาตรฐาน แต่มีระยะที่ไกลกว่า เลนส์ประเภทนี้เหมาะสำหรับการถ่ายฉากที่อยู่ไกลแบบโคลสอัพ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเอฟเฟ็กต์การบีบอัดเปอร์สเปคทีฟแบบเทเลโฟโต้

ประโยชน์ข้อที่ 1: ความยืดหยุ่นในการจัดเฟรมภาพ

ทุกภาพด้านบนถ่ายด้วย: EOS R50 + RF-S18-150mm f/3.5-6.3 IS STM

เมื่อหมุนวงแหวนซูม คุณจะสามารถเปลี่ยนจากการแสดงภาพทิวทัศน์กว้างไกลที่สวยงามตระการตาไปเป็นการจัดเฟรมที่ดูแน่นขึ้นและทำให้ตัวแบบดูโดดเด่นได้ หรือจะเป็นภาพโคลสอัพที่ดึงความสนใจไปยังรายละเอียดที่คุณมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ประโยชน์ข้อที่ 2: ความสามารถหลากหลาย

เนื่องจากเลนส์ซูมมาตรฐานและเลนส์ซูเปอร์ซูมมีประโยชน์จากช่วงโฟกัสที่แตกต่างกัน (กว้าง มาตรฐาน และเทเลโฟโต้) คุณจึงพร้อมรับมือกับถ่ายภาพตัวแบบและฉากหลากหลายประเภทได้เป็นอย่างดี

แม้ดูเหมือนจะเป็นเลนส์ที่สมบูรณ์แบบ แต่เลนส์ซูมมาตรฐานและเลนส์ซูเปอร์ซูมก็มีข้อด้อยเช่นกัน นั่นคือความท้าทายทางด้านเทคนิคในการสร้างสมดุลระหว่างช่วงการซูมที่กว้างกับความคล่องตัว รูรับแสงกว้างสุดขนาดใหญ่ คุณภาพทางออพติคอล และราคา ดังนั้น เลนส์ซูเปอร์ซูมและเลนส์ซูมมาตรฐานที่มีความคล่องตัวและราคาเป็นมิตรมากที่สุดจึงมักจะเป็นเลนส์ที่มีรูรับแสงแบบปรับได้ ในขณะที่เลนส์ซูมมาตรฐานที่มีรูรับแสงคงที่และมี “ความไวแสงสูง” ซึ่งเป็นเลนส์ที่ช่างภาพมืออาชีพหลายคนเลือกใช้มักจะมีขนาดใหญ่กว่าและหนักกว่า

 

ประเภทหลักๆ ของเลนส์ซูมมาตรฐาน

เลนส์ซูมมาตรฐานของ Canon แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่
1) เลนส์ซูมมาตรฐานแบบปรับรูรับแสงได้
2) เลนส์ซูมมาตรฐานรูรับแสงคงที่

1) เลนส์ซูมมาตรฐานแบบปรับรูรับแสงได้

1. RF24-105mm f/4-7.1 IS STM
2. RF24-50mm f/4.5-6.3 IS STM
3. RF-S18-45mm f/4.5-6.3 IS STM (สำหรับกล้อง APS-C, ทางยาวโฟกัสเทียบเท่าฟูลเฟรมที่ใช้จริง: 29-72 มม.)

เลนส์คิทยอดนิยมเหล่านี้มีขนาดเล็กกว่า เบากว่า และมีราคาถูกกว่าเลนส์ซูมมาตรฐานรูรับแสงคงที่ที่มีช่วงโฟกัสใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม รูรับแสงกว้างสุดจะแคบลง (“มืดลง”) เมื่อคุณซูมเข้า

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เลนส์ RF-S กับ RF แตกต่างกันอย่างไร

2) เลนส์ซูมมาตรฐานรูรับแสงคงที่

1. RF28-70mm f/2L USM
2. RF24-105mm f/2.8L IS USM Z
3. RF24-70mm f/2.8L IS USM
4. RF24-105mm f/4L IS USM
5. RF28-70mm f/2.8 IS STM

ช่างภาพมืออาชีพมักจะมีเลนส์เหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งตัวไว้เป็นเลนส์คู่ใจที่เชื่อถือได้ เลนส์เหล่านี้มักมีรูรับแสงกว้างสุดที่ค่อนข้างใหญ่และไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้คุณจะซูมเข้า จึงให้ความยืดหยุ่นที่มากกว่าสำหรับการถ่ายภาพโบเก้และการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย

เลนส์วงแหวนสีแดง (เลนส์ซีรีย์ L) จะมีคุณภาพทางออพติคอลที่สูงกว่าและมีโครงสร้างแข็งแรงกว่าเพื่อตอบสนองความต้องการระดับสูงของช่างภาพมืออาชีพ

 

เลนส์ซูเปอร์ซูม

เลนส์ซูเปอร์ซูมสามารถแบ่งประเภทได้ตามระดับกำลังขยายในการซูม ซึ่งคำนวณโดยการนำทางยาวโฟกัสสูงสุดมาหารด้วยทางยาวโฟกัสใกล้สุด ปัจจุบันมีเลนส์ซูเปอร์ซูม 2 รุ่นในกลุ่มเลนส์ RF จาก Canon รุ่นหนึ่งออกแบบมาสำหรับกล้องฟูลเฟรมซีรีย์ EOS R และอีกรุ่นหนึ่งออกแบบมาสำหรับกล้อง APS-C ซีรีย์ EOS R

1. RF24-240mm f/4-6.3 IS USM (ซูม 10 เท่า)
2. RF-S18-150mm f/3.5-6.3 IS STM (ซูมประมาณ 8 เท่า, สำหรับกล้อง APS-C, ทางยาวโฟกัสเทียบเท่าฟูลเฟรมที่ใช้จริง: 29-240 มม.)

 

ลองถ่ายภาพด้วยเลนส์ซูมมาตรฐาน/ซูเปอร์ซูมของคุณ

2 เคล็ดลับในการถ่ายภาพให้มีเอฟเฟ็กต์โบเก้เบลอที่สวยงามยิ่งขึ้น

เมื่อเทียบกับเลนส์เดี่ยว เลนส์ซูมมาตรฐานและเลนส์ซูเปอร์ซูมมักจะมีรูรับแสงกว้างสุดที่เล็กกว่า หากต้องการเอฟเฟ็กต์โบเก้เบลอที่เด่นชัดเกินกว่าที่ค่า f ต่ำสุดบนเลนส์ระบุไว้ ให้ลองใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรือทั้งสองวิธีดังต่อไปนี้ 1. เข้าใกล้ตัวแบบให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ด้วยระยะการถ่ายภาพต่ำสุด (ระยะโฟกัสใกล้สุด) 2. เลือกแบ็คกราวด์ที่อยู่ไกลออกไปจากตัวแบบ

ทั้งสองภาพด้านบนถ่ายด้วย: EOS R6 Mark II + RF24-105mm f/4-7.1 IS STM

 

เลนส์ซูมมาตรฐานและเลนส์ซูเปอร์ซูมเหมาะสำหรับ...

…การสำรวจมุมถ่ายภาพและการจัดเฟรมหลายๆ แบบขณะเดินทางโดยไม่มีสัมภาระมากนัก!

ทุกภาพด้านบนถ่ายด้วย: EOS R50 + RF-S18-150mm f/3.5-6.3 IS STM

ร้านค้าเก่าแก่ที่สวยงามในสิงคโปร์ถ่ายจากถนนแคบๆ นี่คือภาพที่เราถ่ายได้ด้วยเลนส์ซูเปอร์ซูมเพียงชิ้นเดียวแต่เปลี่ยนระยะการถ่ายภาพ:
(1) ภาพมุมต่ำที่เหมือนกับสายตาของเราขณะมองขึ้นไปที่ตัวอาคารด้วยความประทับใจ
(2) ภาพถ่ายจากถนนฝั่งตรงข้ามที่แสดงให้เห็นร้านค้าทั้งหลังและอาคารที่อยู่ติดกัน
(3) ภาพที่ดูแน่นขึ้นและมีความบิดเบี้ยวของเปอร์สเปคทีฟเพียงเล็กน้อย และสามารถแสดงรูปร่างของหน้าต่างและรายละเอียดอันประณีตที่อยู่รอบๆ ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน และ
(4) ภาพโคลสอัพที่เห็นรายละเอียดของชายคาประดับเคลือบสีเขียวที่สวยงามของอาคารชั้นแรก

นี่คือเหตุผลที่ทำให้เลนส์ซูมมาตรฐานและเลนส์ซูเปอร์ซูมเหมาะสำหรับการเดินทาง ออกสำรวจสถานที่ใหม่ๆ และสรรหาสถานที่ถ่ายภาพ!

EOS RP/ RF24-240mm f/4-6.3 IS STM/ FL: 178 มม./ Aperture-priority AE (f/6.3, 1/4000 วินาที, EV -1)/ ISO 1250/ WB: อัตโนมัติ (Ambience-priority)

…หากต้องการถ่ายภาพในช่วงวินาทีสั้นๆ อย่างรวดเร็ว
เพียงหมุนวงแหวนซูมเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับการจัดเฟรมภาพที่สวยงาม

หากคุณสงสัยว่าจะใช้เลนส์ซูมมาตรฐานหรือเลนส์ซูเปอร์ซูมอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด หรือกำลังคิดจะอัปเกรดเลนส์แต่ไม่แน่ใจว่าจะซื้อรุ่นไหนดี บทความต่อไปนี้จะช่วยคุณได้!
10 แนวคิดที่คุณควรทราบก่อนซื้อเลนส์ตัวที่สอง
กลุ่มสามเลนส์ซูม f/4L ทรงพลังตระกูล RF: “ชุดเลนส์เริ่มต้น” ระดับมืออาชีพ
เลนส์เดี่ยวหรือเลนส์ซูม: ควรซื้อแบบไหนดี
4 แนวคิดเกี่ยวกับเลนส์ที่จะพลิกโฉมภาพถ่ายของคุณ