ใช้เลนส์ซูม f/2.8 อย่างมืออาชีพ (2): การสร้างความลึกและความมีมิติ
ในซีรีย์บทความที่มี 4 ตอนนี้ เราจะมาแบ่งปันไอเดียในการนำความสามารถของเลนส์ซูม f/2.8 มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงเคล็ดลับในการตั้งค่าอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ภาพที่ดียิ่งขึ้น เพราะเราจะทำสิ่งที่เลนส์ซูมแบบปรับรูรับแสงได้ทั่วไปทำได้ไปทำไม หากเลนส์ซูม f/2.8 สามารถทำได้มากกว่า
ในตอนที่ 1 เราได้พูดถึงประโยชน์ที่สำคัญข้อหนึ่งของเลนส์ซูม f/2.8 ไปแล้ว นั่นคือโบเก้สวยนวลตาที่ทำให้ตัวแบบของคุณโดดเด่นขึ้น ในตอนที่ 2 นี้ เราจะมาศึกษาแนวคิดอันน่าทึ่งที่อาจทำให้คุณต้องเปลี่ยนวิธีจัดองค์ประกอบภาพกัน (เรื่องโดย: Chikako Yagi, Digital Camera Magazine)
บทความนี้คือตอนที่ 2 จากซีรีย์ที่มีทั้งหมด 4 ตอน คลิกที่ลิงก์เพื่ออ่านตอนอื่นๆ!
(โปรดรอก่อนหากลิงก์ยังไม่สามารถใช้งานได้ บทความจะพร้อมให้คุณอ่านในเร็วๆ นี้!)
- ตอนที่ 1: การทำให้ตัวแบบของคุณโดดเด่น
- ตอนที่ 3: ลองถ่ายภาพดวงดาว
- ตอนที่ 4: ถ่ายภาพแบบไม่ใช้ขาตั้งกล้องให้คมชัดยิ่งขึ้น
โบเก้จะทำให้รับรู้ความลึกได้มากขึ้น
ในตอนที่ 1 เราได้เรียนรู้ไปแล้วว่าเลนส์ซูม f/2.8 สามารถเบลอแบ็คกราวด์ที่ดูรกตาออกไป (“สร้างโบเก้ในแบ็คกราวด์”) ซึ่งทำให้องค์ประกอบภาพของคุณดูเรียบง่ายขึ้นจนตัวแบบโดดเด่นออกมา นอกจากนี้ โบเก้ยังช่วยสร้างเอฟเฟ็กต์ที่ดูเหมือนเลเยอร์ จึงทำให้ฉากดูมีความเป็นสามมิติมากขึ้นราวกับมีที่ว่างระหว่างแบ็คกราวด์กับโฟร์กราวด์มากขึ้น
เปรียบเทียบสองภาพด้านล่าง ภาพที่ถ่ายด้วย f/11 ดูแบนราบกว่าภาพที่ถ่ายด้วย f/2.8 นั่นเป็นเพราะการใช้ f/2.8 เพื่อเบลอดอกไม้สีเหลืองจะทำให้เกิดภาพลวงตาว่ามีที่ว่างระหว่างดอกไม้กับต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้รู้สึกถึงความลึกมากขึ้น
f/2.8
EOS R5/ RF24-70mm f/2.8L IS USM/ FL: 35 มม./ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/2500 วินาที)/ ISO 1250/ WB: อัตโนมัติ
f/11
เคล็ดลับระดับมือโปร: ใช้หลายเทคนิคร่วมกันเพื่อให้รู้สึกถึงความลึกที่มากยิ่งขึ้น
ในการสร้างความลึกลวงตานั้นยังมีเทคนิคการจัดองค์ประกอบภาพแบบอื่นๆ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ทางยาวโฟกัสสั้น (เลนส์มุมกว้าง) ในการถ่ายภาพจากมุมต่ำ วิธีนี้จะทำให้เปอร์สเปคทีฟเด่นชัดขึ้น โดยวัตถุใกล้เคียงจะดูใหญ่ขึ้นและอยู่ใกล้ขึ้น ในขณะที่วัตถุที่อยู่ไกลออกไปจะดูเล็กลงและเหมือนอยู่ไกลขึ้น ทำให้รู้สึกถึงความลึกได้ดีที่สุด
แนวคิดสำคัญ: พิจารณาความสัมพันธ์ของตัวแบบกับโฟร์กราวด์และแบ็คกราวด์
เมื่อได้ค้นพบความมหัศจรรย์ของโบเก้เป็นครั้งแรก เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะตื่นเต้นอยากลองและต้องการใช้รูรับแสงที่กว้างที่สุดเพื่อให้ได้โบเก้ที่นุ่มนวลสวยงาม แต่ดังภาพที่เราแสดงไว้ด้านบน โบเก้ไม่เพียงแต่ส่งผลถึงตัวแบบเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อโฟร์กราวด์และแบ็คกราวด์ รวมถึงลักษณะของตัวแบบหลักที่เปลี่ยนไปตามโฟร์กราวด์และแบ็คกราวด์ด้วย
ลองพิจารณาความสัมพันธ์เหล่านี้และปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบ เช่น วัตถุแต่ละอย่างอยู่ที่จุดใดในเฟรมภาพ ระยะห่างระหว่างวัตถุ และระยะห่างของคุณจากวัตถุ การปรับรูรับแสงให้แคบลงเล็กน้อยอาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่ภาพที่คุณจินตนาการไว้
เทคนิคระดับมือโปร 1: ใช้โบเก้เพื่อแยกเลเยอร์ในภาพให้ชัดเจน
EOS R6 Mark II/ RF24-70mm f/2.8L IS USM/ FL: 24 มม./ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/640 วินาที, EV-0.3)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ
การมีเลเยอร์ที่ชัดเจนในภาพของคุณ (โฟร์กราวด์ มิดเดิลกราวด์ และแบ็คกราวด์) จะช่วยให้ภาพของคุณมีความลึกและดูมีมิติมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการถ่ายภาพทิวทัศน์ที่คุณสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมในการถ่ายภาพได้น้อยกว่า คุณสามารถสร้างเลเยอร์ที่ชัดเจนได้โดยการวางตัวแบบไว้ในมิดเดิลกราวด์ และใช้ระยะชัดตื้นที่ได้จาก f/2.8 ในการเบลอโฟร์กราวด์และแบ็คกราวด์ออกไปโดยที่มิดเดิลกราวด์ยังคงความคมชัดอยู่
วิธีนี้ใช้ได้ผลดีกับเลนส์ทุกประเภท ลองใช้ดูและดูว่าผลที่ได้เป็นอย่างไร! ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้วิธีนี้ในการลดผลกระทบจากเอฟเฟ็กต์การบีบอัดเปอร์สเปคทีฟขณะใช้เลนส์เทเลโฟโต้ถ่ายภาพเพื่อให้ภาพดูแบนราบน้อยลง
เทคนิคระดับมือโปร 2: ใช้ประโยชน์จากเส้นนำสายตาเพื่อดึงดูดสายตาของผู้ชม
EOS R5/ RF24-70mm f/2.8L IS USM/ FL: 30 มม./ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/6400 วินาที)/ ISO 160/ WB: อัตโนมัติ
มองหาสิ่งที่เป็นเส้นนำสายตาจากด้านหน้าไปยังด้านหลังของฉาก เช่น รอยเท้าในภาพด้านบน เส้นนำสายตาเหล่านี้จะทำหน้าที่ดึงดูดสายตาของผู้ชม โดยทำให้สายตาของผู้ชมย้ายจากด้านหน้าฉากไปยังด้านหลังและช่วยเพิ่มความลึกในภาพให้มากขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ให้เข้าใกล้เส้นนำสายตานี้ให้ได้มากที่สุด ใช้ทางยาวโฟกัสที่กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตั้งค่ารูรับแสงไว้ที่ f/2.8 และวางจุดโฟกัสให้อยู่ในตำแหน่งที่ทำให้แบ็คกราวด์ด้านหลังตัวแบบของคุณถูกเบลอออกไป
ซูมเข้าหากคุณจำเป็นต้องขจัดสิ่งที่รกสายตาออกไปจากเฟรมภาพ และซูมออกเพื่อจับภาพวัตถุที่ทำให้เกิดเส้นนำสายตาได้มากขึ้นเพื่อให้เส้นนั้นดูยาวขึ้น นี่คือความงดงามของเลนส์ซูม!
สรุป: วิธีทำให้ภาพดูมีความลึกมากขึ้น
- จัดองค์ประกอบภาพให้ภาพของคุณมีเลเยอร์ที่ชัดเจน (โฟร์กราวด์ มิดเดิลกราวด์ และแบ็คกราวด์)
- ใช้โบเก้ f/2.8 เพื่อให้เลเยอร์เหล่านี้แยกออกจากกัน
- โฟร์กราวด์และ/หรือแบ็คกราวด์ที่เบลอมากกว่าเมื่อเทียบกับตัวแบบหลักจะดูเหมือนอยู่ไกลกว่า
- ใช้เทคนิคการจัดองค์ประกอบภาพและเทคนิคการใช้เลนส์อื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เอฟเฟ็กต์เปอร์สเปคทีฟเกินจริงของเลนส์มุมกว้างและเส้นนำสายตา
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดองค์ประกอบภาพแบบมีเลเยอร์/การสร้างความลึก:
เลนส์ซูม f/2.8 ที่แนะนำ
เลนส์ซูม f/2.8 มุมกว้าง
แม้เทคนิคที่พูดถึงข้างต้นจะช่วยให้ภาพมีความลึกมากขึ้นได้ไม่ว่าคุณจะใช้เลนส์แบบใด แต่เลนส์มุมกว้างจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเนื่องจากมีเอฟเฟ็กต์เปอร์สเปคทีฟเกินจริง คุณสมบัตินี้ทำให้เส้นนำสายตาดูยาวขึ้นและฉากดูลึกยิ่งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้เทคนิคการจัดองค์ประกอบภาพได้อย่างเหมาะสม!
ซ้าย: RF15-35mm f/2.8L IS USM
ขวา: RF16-28mm f/2.8 IS STM
RF15-35mm f/2.8L IS USM เป็นเลนส์ระดับมืออาชีพที่ออกแบบมาเพื่อให้ถ่ายภาพได้สวยงามที่สุดภายใต้สภาวะสมบุกสมบัน นอกจากโครงสร้างป้องกันฝุ่นละอองและหยดน้ำที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพกลางแจ้งแล้ว ยังออกแบบมาพร้อมกับชิ้นเลนส์พิเศษและการเคลือบชนิดพิเศษเพื่อให้คุณถ่ายภาพได้คมชัดแม้ในขณะถ่ายย้อนแสง
RF16-28mm f/2.8 IS STM เป็นเลนส์ซูมมุมกว้าง f/2.8 ที่มีขนาดเล็กกว่าและเบากว่าสำหรับช่างภาพและครีเอเตอร์ที่ต้องการความคล่องตัวเป็นพิเศษ นอกจากจะมีคุณสมบัติทางออพติคอลที่ยอดเยี่ยม เลนส์รุ่นนี้ยังมีซีลป้องกันสภาพอากาศด้วย แม้จะเป็นคนละระดับกับเลนส์เวอร์ชันเดียวกันในซีรีย์ L ก็ตาม
เรียนรู้เทคนิคการจัดองค์ประกอบภาพที่ใช้เลนส์มุมกว้างของคุณให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ที่:
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
เทคนิคการจัดองค์ประกอบภาพอย่างมืออาชีพ (3): ดึงความสามารถสูงสุดของเลนส์มาใช้
เกี่ยวกับผู้เขียน
นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation
Chikako Yagi มีอายุเพียง 20 ปีตอนที่เธอเริ่มเรียนรู้การถ่ายภาพด้วยตัวเองโดยใช้กล้องฟิล์ม SLR เธอออกจากงานประจำมาเป็นช่างภาพทิวทัศน์เต็มตัวในปี 2016 เธอเคยฝึกงานกับช่างภาพชื่อดังหลายราย เช่น Kiyoshi Tatsuno และ Tomotaro Ema และยังเป็นสมาชิกของชมรม Shizensou Club ซึ่งก่อตั้งโดย Kiyoshi Tatsuno และเป็นหนึ่งในชมรมช่างถ่ายภาพทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ในปี 2013 เธอได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 10 อันดับช่างภาพฝีมือดีของชมรม Tokyo Camera Club
www.chikakoyagi.com
Instagram: @chikako_yagi